หน้าเราเป็นผื่นคัน ลามไปถึงหูด้วย แต่ไม่รู้ว่าแพ้อะไร เป็นมาหลายเดือนแล้ว

ใบหน้าเรามีการการแพ้มาหลายเดือนแล้ว ตั้งแต่เรามาอยู่ที่กรุงเทพเพื่อทำงาน ตอนแรกเราคิดว่าอาจแพ้พวกไรฝุ่นบนปลอกหมอนหรือที่นอน เพราะผื่นมันขึ้นตรงบริเวณไรผมข้างๆหูทั้งสองข้าง แต่เราก็คิดว่าไม่น่าจะใช่ เพราะก่อนหน้านี้เราพักอยู่หอกับน้องที่ปทุมธานี ห้องของน้องก็รก สกปรก ปลอกหมอนก็ไม่ค่อยซัก แต่เราก็ไม่เห็นจะเป็นอะไร อยู่มาได้ตั้งเกือบปี

ตอนที่เราอยู่ที่บ้านตัวเอง(ในต่างจังหวัด) หน้าเราก็ไม่เคยมีผื่นคัน สิวก็ไม่มี หน้าเนียนใส แต่พอมีสิวมีผื่นขึ้น เราก็ไปรักษาที่คลิกนิกรักษาสิว หมอก็กดสิวให้ ยิงเลเซอร์ ทำทรีทเม้นท์ และให้ยามาทา จากนั้นสิวเราก็หาย เหลือแต่รอยที่โดนกด และเราก็เกิดอาการคันที่หน้า พอเราบอกหมอว่าคันหน้า ทั้งหมอและพนักงานก็บอกว่าเราคันเพราะหน้าเราแห้ง (แห้งเพราะยาทาสิวที่หมอให้) พอเรารู้สึกคัน เราก็เกา พอเกาบ่อยๆ มันก็เป็นแผล พอเป็นแผลก็มีรอยดำๆ เราก็เลิกใช้ยาทาสิว จากนั้นเราก็กลับบ้านที่ต่างจังหวัด แล้วไปซื้อครีมจากตลาดมาใช้ หน้าก็เริ่มจะหายคัน แต่ยังมีรอยสิวและรอยแผลอยู่

เราไปหาหมอรักษาสิวอีก หมอยิงเลเซอร์ลดรอยให้เรา ทำทรีทเท้นท์ให้ และให้ยามาทา เราทายาได้ประมาณ 1-2 วัน ปรากฎว่าหน้าเรามีผื่นขึ้นอีกแล้ว คราวนี้แพ้หนักเลย หน้าเป็นปื้นแดง แต่เป็นเฉพาะที่หน้าซีกขวาด้านเดียว (ด้านซ้ายไปเป็น) และก็มีอาการคันทั่วหน้า เราต้องไปซื้อยาฆ่าเชื้อและยาแก้แพ้จากร้านขายยามากิน และเราก็กลับไปหาหมอรักษาสิวด้วย หมอรักษาสิวก็ไม่ทำเลเซอร์ให้ บอกว่าไปรักษาอาการแพ้ให้หายก่อน หมอก็ให้ยาแก้แพ้มาทา (ตอนนี้มีทั้งยากินและยาทา) พอเรากินยาและทายา ก็ดูเหมือนว่าจะดีขึ้น อาการคันลดลง ผื่นแดงบนหน้าหายไป เหลือแต่รอยแผลและรอยสิว

เราไปหาหมอรักษาสิวอีก หมอก็ยังไม่ยิงเลเซอร์ให้ แต่ทำทรีทเม้นท์ให้ หลังจากทำทรัทเม้นท์ไป 1-2 วัน หน้าเราก็มีผื่นคันขึ้นอีกแล้ว และก็เป็นเฉพาะบนหน้าซีกขวา แต่มันมีอาการคันทั่วทั้งหน้า เราสงสัยว่าเราจะแพ้ครีมทรีทเม้นท์ของหมอ ก็เลยไปถามหมอ หมอบอกว่าเป็นไปไม่ได้ เพราะหมอทำทรีทเม้นท์ให้ทั่วทั้งหน้า แต่หน้าเราเป็นผื่นแพ้เฉพาะด้านเดียว ตอนนี้ยังไม่มีใครบอกเราได้เลยว่าเราแพ้อะไรถึงได้เป็นแบบนี้ เราเองก้ไม่รู้ เพราะเราไม่ได้ใช้ชีวิตเปลี่ยนไปจากเดิม แค่เปลี่ยนมาอาศัยอยู่ที่กรุงเทพ เราทำงานในออฟฟิศ นั่งในห้องแอร์ทั้งวัน แต่ที่หอเราไม่มีแอร์ เภสัชกรที่ร้านขายยาก็บอกว่า เวลารู้สึกคันหน้า อย่าไปเกา ให้เอาผ้าเย็นๆลูบแทน แต่ที่หอเราไม่ตู้เย็น ไม่รู้จะเอาผ้าเย็นๆมาจากไหน

นอกจากอาการแพ้บนหน้าแล้ว เรายังมีอาการแพ้ที่หูด้วย เป็นที่หูขวา (ด้านเดียวกับหน้าที่เป็นผื่น) อาการคือ ที่ติ่งหูเราจะเป็นแผลติดเชื่อ คัน มีน้ำเหลืองไหลและแดงมาก เราเป็นมา 2-3 เดือนแล้ว เราเคยไปหาหมอที่คลินิกเวชกรรม ปรากฎว่าหมอแค่เอาสำลีชุบแอลกอฮอล์กับเบต้าดีนมาทาให้ แล้วก็ให้ยามากิน เราก็เลยไม่ไปหาหมออีก แต่ไปซื้อแอลกอฮอล์กับเบกับเบต้าดีนมาทาเอง และก็ยังกินยาฆ่าเชื้อกับยาแก้แพ้ต่อไป เพราะเภสัชกรบอกว่าต้องกินต่อเนื่อง และก็ต้องเอาพลาสเตอร์มาติดไว้ที่ติ่งหูเพื่อไม่ให้เชื้อโรคเข้า ดูเหมือนแผลจะไม่หายง่ายๆ เพราะพอแผลแห้งแล้ว ผิวหนังส่วนที่แห้งก็หลุดลอกออกมา พอหลุดลอกแล้วก็ยังมีน้ำเหลืองไหลเหมือนเดิม คนที่ทำงานก็ถามว่ายังไม่หายอีกเหรอ นานแล้วนะ จะว่าแพ้เชื้อโรคที่โทรศัพท์ก็ไม่น่าใช่ เพราะเราไม่ค่อยคุยโทรศัพท์

เราควรทำยังไงดี หมดเงินรักษาสิวไปเกือบหมื่นแล้ว แต่ไม่ดีขึ้นเลย เราไม่อยากเสียโฉม อยากได้ใบหน้าที่เนียนใสกลับคืนมา หรือว่าเราควรลาออกจากงานที่กรุงเทพ แล้วกลับไปใช้ชีวิตที่บ้านต่างจังหวัดเหมือนเดิม
แก้ไขข้อความเมื่อ
แสดงความคิดเห็น
โปรดศึกษาและยอมรับนโยบายข้อมูลส่วนบุคคลก่อนเริ่มใช้งาน อ่านเพิ่มเติมได้ที่นี่