เพิ่งจะกลับจากพาลูกไปหาหมอมา ลูกนอนหายใจหอบ สะดุดเป็นช่วงๆนอนทุรนทุราย พอดีกลางวันเพิ่งจะซื้อป็อกกี้มาให้ลูกกิน ด้วยความที่อ่าน เกี่ยวกับเด็กที่แพ้อาหาร อาการก็น่ากลัว บางคนถึงเสียชีวิตได้ ก็เลยพาลูกไปโรงบาลเกือบตีหนึ่ง โรงบาลรัฐบาลแถวปากเกร็ด ไปถึงก็ยื่นบัตร พอดีใช้สิทธิบัตรทองที่นี่ พี่พยาบาลห้องบัตรก็ถามอาการว่าเด็กเป็นไรมา ก็อธิบายให้ฟัง เขาก็เลยต่อไปห้องฉุกเฉินก็เลยได้เข้าคิวไปก่อน เจ้าหน้าที่ก็วัดชีพจร ตรวจไข้ เสร็จแล้วก็ให้เข้าไปพบหมอหนุ่มๆผู้ชาย หมอก็ถามว่าเป็นไรมา เราบอกลูกหายใจขาดเป็นช่วงๆ นอนไม่สบายตัว หายใจเสียงดังด้วย กลัวว่าจะแพ้แป้งสาลี หมอถามว่าเด็กเพิ่งเคยกินครั้งแรกเหรอ บอกใช่ เพราะปรกติจะให้ลูกกินแต่ข้าวกับผลไม้ หมอก็ย้ำอีกแล้วเด็กตลอดชีวิตไม่เคยกินข้าวเหรอ เราก็บอกว่าก็กินข้าวไงคะกะผลไม้ ขนมไม่ค่อยให้กิน หมอก็บอกว่าอ้าวก็กินข้าวมาตั้งนานทำไมเพิ่งมาแพ้ เราเลยถามว่าเป็นหมอเด็กโดยเฉพาะปล่าวค่ะ เขาบอกไม่ใช่ เป็นหมอทั่วไป เราบอกข้าวกะแป้งสาลี มันแป้งคนละชนิดกัน คือตั้งแต่เข้าไปตรวจครั้งแรกก็พูดจากวนมาก เราก็พยายามอธิบายอย่างใจเย็น จนสุดท้ายไม่ใหวล่ะ ชี้หน้าเลย คือถ้าไม่คิดว่าลูกป่วยอยู่ก็คงได้เรื่องเหมือนกัน คือเห็นเราเป็นคว...ายหรือไม่รู้จริงๆว่าข้าวมันคือข้าวเจ้า แป้งสาลีก็แป้งส่าลีคนละชนิดชนิด เราจะนฝกโทรศัพท์ที่เราอัดเสียงลูกเราตอนนอนให้ฟัง ก็ไม่ฟัง เราก็เลยถามว่า งั้นลูกเราเป็นต่อมอดีนอยด์โตมัย แกก็บอกว่า ให้มาตรวจกับหมดเด็กกลางวัน ก็เลยถามสรุปว่า ลูกเราจะไม่เป็นไรใช่มัย เพราะเดือนที่แล้ว ลูกก็เข้าไปฉุกเฉินธรรมศาสตร์ออกซิเจนเหลือ 85 ต้องพ่นยา เราก็กลัวจะเป็นแบบเดิมอีก หมอบอกไม่เป็นไร ปอดปรกติ แต่คือเราจะจ้องหน้าตลอด จนจากทีแรกที่ใส่อารมณ์กับเราพูดจากวนตลอดจนหมอเสียงอ่อนลง ถ้าไม่เต็มที่จริงๆใครอยากจะปลุกลูกไปหาหมอตอนเกือบจะตี1 ต่อไปคงไปเอกชนแล้วอ่ะ ไม่นึกว่าจะเจอแบบนี้
มีมั๊ยคนที่เป็นหมอหรือคนปรกติ ที่ไม่รู้ว่า ข้าวเจ้ากะข้าวสาลีคนละชนิดกัน