ขอแชร์ประสบการณ์ของตัวเองค่ะ ใครจะว่าเราโง่ก็ได้ ก็เราโง่จริงๆๆ 555
คือเรื่องนี้ผ่านมาเป็นระยะเวลา 6 เดือน แล้ว แต่มันยังคาใจเราอยู่หลายอย่างค่ะ
อยากให้ผู้รู้หรือผู้มีประสบการณ์มาแชร์ หรือมาให้ความรู้กับเราเป็นวิทยาทานด้วยค่ะ
เมื่อ 6 เดือนที่แล้วเราได้รับหมายศาลให้ไปขึ้นศาลคดีบัตรเครดิตของ KTC ซึ่งไม่ได้ส่งมาเกือบ 2ปีแล้ว จากบิลสุดท้ายเงินต้น+ดอกเบี้ย=43,000 บาท
ศาลนัดบ่ายโมง เราไปถึงช่วง 10 โมงเช้า เราก็ไปจรวจสอบรายชื่อ ชั้น เลขห้อง แล้วก็ขึ้นมารอ
จากนั้นจะมีเจ้าหน้าที่เรียกคนที่มารอเข้าไปในห้องไกล่เกลี่ย ซึ่งตอนนั้นมีเพื่อนๆรออยู่ประมาณ 10คน
ทางทนาย KTC ก็เข้ามาถามชื่อเราแล้วก็แนะนำตัว และบอกเงื่อนไขที่เขามี คือ
ให้ผ่อนขึ้นต่ำเดือนละ 1,500 บาท จำนวน 36 งวด=54,000 บาท
ซึ่งเราเห็นว่ายอดนี้มันเยอะเกินไป เราเลยแจ้งทางทนายของ KTC ว่าจะยังไม่ขอยอมความ จะขอขึ้นศาลเพื่อขอลดดอกเบี้ยตรงที่เกินนี้ก่อน
คือเราแจ้งไปแล้วว่าจะยอมจ่ายตามยอดในบิลสุดท้าย และจะขอลดยอดดอกเบี้ยที่เพิ่มมาอีกเท่านั้น
ซึ่งทางทนายก็ไม่ได้ว่าอะไร จากนั้นก็มีเจ้าหน้าที่ของศาล 2 คนมาพูดจาโน้มน้าวให้เราเซ็นยอมความ 3รอบ
รอบสุดท้ายเจ้าหน้าที่พูดว่าจะทำแบบนี้ไปเพื่ออะไร คนทำธุรกิจเขาก็หวังอยากจะได้กำไร ถ้าคุณไปอยู่หน้าบัลลังค์ เชื่อได้เลยว่าศาลท่านจะให้คุณจ่ายเยอะกว่านี้อีก ทั้งค่าฤชาธรรมเนียมศาล ค่าดอกเบี้ยที่จะเพิ่มขึ้นมาอีก ค่าบลาๆๆๆ พูดจาหว่านล้อมอยู่นานมาก และทำท่าโมโหใส่เรา จนเราเซ็นเพราะเห็นท่าไม่ดี (ตอนนั้นคนที่รอด้วยกัน เซ็นยอมความและออกจากห้องไปหมดแล้ว) พอเราเซ็นเสร็จทั้งเจ้าหน้าที่ ทั้ง รปภ ก็ไล่ให้เรากลับบ้านเลยทันที (ยัดของเราใส่มือ แล้วผลักไหล่เราให้ลงบันไดไป) ซึ่งระหว่างที่ยังไม่เซ็นยอมความ เราก็เพียรถามว่าเราไม่ต้องไปหน้าบัลลังค์หรอ เขาก็บอกกันว่าไม่ต้องๆ ยังไม่ถึงคิวคุณ แล้วสุดท้ายตอนเราเดินกลับมาเจ้าหน้าที่มีการพูดตลบหลังเราว่า ถ้าเซ็นแล้วไม่จ่ายหนี้ เขาก็จะมาจับติดคุก (อาจจะพูดแหย่ แต่เราไม่ได้ตลก)
คือตอนนั้นอารมณ์เราอยากร้องไห้มากค่ะ เราอยู่ตรงนั้น 3 ชม. แล้วเจ้าหน้าที่เขาไม่ยอมให้เราไปไหน(ขึ้นศาล) บอกว่าให้รอก่อนๆ ยังไม่ถึงคิวคุณ
แล้วก็มาพูดจาหว่านล้อมให้เราเซ็นยอมความ ยอมรับว่าเราไม่ค่อยมีความมั่นใจค่ะ หลังจากที่เขามาพูด และขู่หนักๆ เข้า เพราะมาคนเดียว ความรู้ก็ไม่มี คนอื่นๆที่มาด้วยคดีเดียวกันก็เซ็นยอมความแล้วออกไปจนหมด เราแค่อยากรู้ว่า
1. "รอบสุดท้ายเจ้าหน้าที่พูดว่าจะทำแบบนี้ไปเพื่ออะไร คนทำธุรกิจเขาก็หวังอยากจะได้กำไร ถ้าคุณไปอยู่หน้าบัลลังค์ เชื่อได้เลยว่าศาลท่านจะให้คุณจ่ายเยอะกว่านี้อีก ทั้งค่าฤชาธรรมเนียมศาล ค่าดอกเบี้ยที่จะเพิ่มขึ้นมาอีก" <<< มีกรณีแบบนี้ด้วยหรอคะ? ทำไมใจร้ายจัง
2. เราไม่ได้ไปรายงานตัวที่หน้าบัลลังค์ เราจะเสียประโยชน์อะไรบ้าง?
3. เราไม่อยากใช้อารมณ์เป็นตัวตัดสินว่าเจ้าหน้าที่ศาลเป็นพวกเดียวกับทนาย เลยอยากทราบว่า เจ้าหน้าที่สามารถมาพูดจาหว่านล้อมจำเลยได้ด้วยหรือ?
4. ยอดดอกเบี้ยที่ถูกคิดเกินจาก 43,000 บาท มีวิธีอื่นที่จะขอลดได้หรือไม่?
ขอขอบคุณล่วงหน้าค่ะ
คดีบัตรเครดิต ไปศาลแต่ไม่ได้ขึ้นศาลนี่ปกติไหมคะ?
คือเรื่องนี้ผ่านมาเป็นระยะเวลา 6 เดือน แล้ว แต่มันยังคาใจเราอยู่หลายอย่างค่ะ
อยากให้ผู้รู้หรือผู้มีประสบการณ์มาแชร์ หรือมาให้ความรู้กับเราเป็นวิทยาทานด้วยค่ะ
เมื่อ 6 เดือนที่แล้วเราได้รับหมายศาลให้ไปขึ้นศาลคดีบัตรเครดิตของ KTC ซึ่งไม่ได้ส่งมาเกือบ 2ปีแล้ว จากบิลสุดท้ายเงินต้น+ดอกเบี้ย=43,000 บาท
ศาลนัดบ่ายโมง เราไปถึงช่วง 10 โมงเช้า เราก็ไปจรวจสอบรายชื่อ ชั้น เลขห้อง แล้วก็ขึ้นมารอ
จากนั้นจะมีเจ้าหน้าที่เรียกคนที่มารอเข้าไปในห้องไกล่เกลี่ย ซึ่งตอนนั้นมีเพื่อนๆรออยู่ประมาณ 10คน
ทางทนาย KTC ก็เข้ามาถามชื่อเราแล้วก็แนะนำตัว และบอกเงื่อนไขที่เขามี คือ
ให้ผ่อนขึ้นต่ำเดือนละ 1,500 บาท จำนวน 36 งวด=54,000 บาท
ซึ่งเราเห็นว่ายอดนี้มันเยอะเกินไป เราเลยแจ้งทางทนายของ KTC ว่าจะยังไม่ขอยอมความ จะขอขึ้นศาลเพื่อขอลดดอกเบี้ยตรงที่เกินนี้ก่อน
คือเราแจ้งไปแล้วว่าจะยอมจ่ายตามยอดในบิลสุดท้าย และจะขอลดยอดดอกเบี้ยที่เพิ่มมาอีกเท่านั้น
ซึ่งทางทนายก็ไม่ได้ว่าอะไร จากนั้นก็มีเจ้าหน้าที่ของศาล 2 คนมาพูดจาโน้มน้าวให้เราเซ็นยอมความ 3รอบ
รอบสุดท้ายเจ้าหน้าที่พูดว่าจะทำแบบนี้ไปเพื่ออะไร คนทำธุรกิจเขาก็หวังอยากจะได้กำไร ถ้าคุณไปอยู่หน้าบัลลังค์ เชื่อได้เลยว่าศาลท่านจะให้คุณจ่ายเยอะกว่านี้อีก ทั้งค่าฤชาธรรมเนียมศาล ค่าดอกเบี้ยที่จะเพิ่มขึ้นมาอีก ค่าบลาๆๆๆ พูดจาหว่านล้อมอยู่นานมาก และทำท่าโมโหใส่เรา จนเราเซ็นเพราะเห็นท่าไม่ดี (ตอนนั้นคนที่รอด้วยกัน เซ็นยอมความและออกจากห้องไปหมดแล้ว) พอเราเซ็นเสร็จทั้งเจ้าหน้าที่ ทั้ง รปภ ก็ไล่ให้เรากลับบ้านเลยทันที (ยัดของเราใส่มือ แล้วผลักไหล่เราให้ลงบันไดไป) ซึ่งระหว่างที่ยังไม่เซ็นยอมความ เราก็เพียรถามว่าเราไม่ต้องไปหน้าบัลลังค์หรอ เขาก็บอกกันว่าไม่ต้องๆ ยังไม่ถึงคิวคุณ แล้วสุดท้ายตอนเราเดินกลับมาเจ้าหน้าที่มีการพูดตลบหลังเราว่า ถ้าเซ็นแล้วไม่จ่ายหนี้ เขาก็จะมาจับติดคุก (อาจจะพูดแหย่ แต่เราไม่ได้ตลก)
คือตอนนั้นอารมณ์เราอยากร้องไห้มากค่ะ เราอยู่ตรงนั้น 3 ชม. แล้วเจ้าหน้าที่เขาไม่ยอมให้เราไปไหน(ขึ้นศาล) บอกว่าให้รอก่อนๆ ยังไม่ถึงคิวคุณ
แล้วก็มาพูดจาหว่านล้อมให้เราเซ็นยอมความ ยอมรับว่าเราไม่ค่อยมีความมั่นใจค่ะ หลังจากที่เขามาพูด และขู่หนักๆ เข้า เพราะมาคนเดียว ความรู้ก็ไม่มี คนอื่นๆที่มาด้วยคดีเดียวกันก็เซ็นยอมความแล้วออกไปจนหมด เราแค่อยากรู้ว่า
1. "รอบสุดท้ายเจ้าหน้าที่พูดว่าจะทำแบบนี้ไปเพื่ออะไร คนทำธุรกิจเขาก็หวังอยากจะได้กำไร ถ้าคุณไปอยู่หน้าบัลลังค์ เชื่อได้เลยว่าศาลท่านจะให้คุณจ่ายเยอะกว่านี้อีก ทั้งค่าฤชาธรรมเนียมศาล ค่าดอกเบี้ยที่จะเพิ่มขึ้นมาอีก" <<< มีกรณีแบบนี้ด้วยหรอคะ? ทำไมใจร้ายจัง
2. เราไม่ได้ไปรายงานตัวที่หน้าบัลลังค์ เราจะเสียประโยชน์อะไรบ้าง?
3. เราไม่อยากใช้อารมณ์เป็นตัวตัดสินว่าเจ้าหน้าที่ศาลเป็นพวกเดียวกับทนาย เลยอยากทราบว่า เจ้าหน้าที่สามารถมาพูดจาหว่านล้อมจำเลยได้ด้วยหรือ?
4. ยอดดอกเบี้ยที่ถูกคิดเกินจาก 43,000 บาท มีวิธีอื่นที่จะขอลดได้หรือไม่?
ขอขอบคุณล่วงหน้าค่ะ