*หลายกระทู้ผมแปะคลิปไปแล้วร้างมาก เอาเป็นว่ากระทู้นี้ผมพิมพ์โซโล่เองแล้วกัน*
คุณทรัมป์ ประธานธิปดีที่ได้รับการรับเลือกแห่งสหรัฐจะเป็นฉนวนไปสู่สงครามโลกครั้งที่ 3 ไหม ?
- ไม่อย่างแน่นอนครับ สงครามนั้นปรบมือข้างเดียวไม่ดังหรอกครับ จีนไม่ได้โง่ ฐิถิ อคติ ขนาดว่าหน้ามืดตามัวเอาหัวพุ่งชนกำแพง บ้านเมืองกำลังโตวันโตคืนอยู่ อย่างดีก็รบกันด้วยเศรฐกิจ
แล้วสงครามโลกครั้งที่ 3 กับรัสเซียละ ?
- พึ่งลดโอกาสเกิดแบบฮวบฮาบมานี่แหละครับ ช่วงก่อนวันเลือกตั้งสหรัฐนี่รัสเซียขนเครื่องยิงจรวดประชิดชายแดนฝั่งยุโรปกันแล้ว นาโต้เองก็ถึงกับเกณฑ์คนเตรียมพร้อมแล้วเช่นกัน พอคุณทรัมป์ได้ปุบนี่เหมือนไพ่วงแตก ที่หึ้มๆ กันอยู่เงียบไปเลย
ทีนี้เรามาดูกันครับว่าเกิดอะไรขึ้น และทิศทางทางการเมืองระหว่างประเทศของสหรัฐจะเป็นอย่างไร
- อันดับแรกขอให้ลืมข้อมูลที่เคยดูจากโทรทัศน์ สื่อกระแสหลักทั้งหลายให้หมดก่อน แล้วค่อยๆ คิดแล้วกูเกิลหาดูข้อมูลแห่งอื่นๆ จะพบว่าผู้นำสหรัฐคนใหม่นี้ไม่ใช่เล่นๆ แน่นอน ส่วนเรื่องเฟคนิวส์ข่าวปลอมนั้น บอกเลยว่าสื่อกระแสหลักนี่แหละครับตัวแม่ตัวพ่อในเรื่องนี้
- ทิศทางทางการเมืองระหว่างประเทศนั้นผมจะจัดออกเป็น 3 กลุ่ม
1. สหรัฐ รัสเซีย ยุโรป : สภาพกลุ่มนี้คือสหรัฐลด ละ เลิก วุ่นวายกับรัสเซียปล่อยให้ถล่มไอซิสตามสะดวก ลอยแพอียูซึ่งกำลังจะโดน Brexit ฟรีเวอร์กระจายไปจากประเด็นเรื่องเศรฐกิจและผู้อพยพ กลุ่มอียูเองนั้นเดิมทีก็แสดงท่าทีเป็นปรปักษ์กับคุณทรัมป์มาตั้งแต่ช่วงหาเสียงแล้วไม่ว่าจะเป็นสำนักข่าวต่างๆ หรือแม้แต่มีการเสนอแบนคุณทรัมป์ไม่ให้เข้าประเทศเพราะ hate speech เป็นต้น จึงไม่แปลกที่อียูจะร้อนๆ หนาวๆ จนประธานธิปดีโอบาม่าต้องบินไปปลอบขวัญ
2. สหรัฐ จีน เอเชีย : สหรัฐจะเริ่มกดดันจีนในประเด็นทางเศรฐกิจซึ่งไม่เคยทำมาก่อนในรอบ 8 ปีที่ผ่านมา ความสัมพันธ์จากเดิมที่สหรัฐจะไม่ยุ่งยามกับจีนมากนักนั้นก็จะเป็นคอยจี้เรื่องเศรฐกิจ การตอบรับโทรศัพย์จากผู้นำใต้หวันนั้นเป็นสัญญาที่ถูกส่งออกไปให้กับประเทศในภูมิภาคเอเชียที่มีความกังวลจากนโยบายเก็บส่วยค่าคุ้มครองของสหรัฐที่กล่าวว่าถ้าคุณไม่จ่ายเพิ่มผมถอนทหารกลับบ้านนะ เรื่องนี้นั้นประเด็นสำคัญสำหรับประเทศที่มีข้อพิพาษกับจีนในเรื่องหมู่เกาะต่างๆ อยู่ เป็นการส่งสัญญาณว่าสหรัฐจะไม่เข้าข้างจีนซึ่งทำให้ฐานที่ตั้งทหารของสหรัฐในประเทศต่างๆ นั้นมีความสำคัญสำหรับคุณทรัมป์นะตรงนี้น่าจะเป็นการปูทางเอาไว้ให้เจรจาค่าส่วยที่จะได้คุยกันง่ายยิ่งขึ้น
3. สหรัฐกับชาติอารับ : กลุ่มนี้ผมไม่ค่อยมีข้อมูลมากนักแต่แถบคงยังไม่สงบต่อไปละครับ ประเด็นอิสราเอล ปาเลสไตน์ ซาอุ คงครุกรุ่นไปอีกนานส่วนเรื่องนิวเคลียร์นั้นคุณทรัมป์เองดูจะไม่ค่อยให้ความสำคัญมากนักคงไม่มีอะไรมากไปกว่าเดิมเพียงแต่ขู่แล้วอาจจะไม่ได้เงินมากเหมือนเมื่อก่อน
แล้วทิศทางนโยบายเศรษฐกิจใหม่ของสหรัฐจะส่งผลกระทบอะไรบ้าง
- ที่ซวยก่อนเพื่อนเลยนั้นไม่ใช่แมกซิโกหรอกครับ แคนาดาต่างหาก นโยบายการลดภาษีบริษัทของสหรัฐนั้นเริ่มทำให้ฝั่งแคนาดาเริ่มกลัวว่าบริษัทที่ตั้งในประเทศของตนเองนั้นจะย้ายออกไปยังสหรัฐกันเนื่องจากภาษีแคนาดานั้นสูง แถมยังมีข้อกำหนดมากมายและภาษีจุกจิกอีก ยิ่งภาษีคาร์บอน(ภาษีที่คิดจากการปล่อยกาสคาร์บอน)ที่วางแผนว่าจัดเก็บกันนั้นจะกลายเป็นประเด็นสำคัญที่อาจส่งผลให้งานไหลออกประเทศ และการที่สหรัฐให้ความสำคัญกับเรื่องในประเทศของตัวเองก่อนนั้นทำให้แคนาดาตั้งงบประมาณการทหารน้อยนิดนั้นอาจจะต้องทบทวนเรื่องนี้เช่นเดียวกับญี่ปุ่น
- เอาท์ซอร์สทั้งหลายจะเริ่มลดลง นอกจากนโยบายกำแพงภาษีนำเข้าที่จะส่งผลต่อบริษัทอเมริกาด้วยแล้ว ความสัมพันธ์กับจีนนั้นยังเป็นตัวบีบบริษัทเหล่านี้ในทางอ้อมด้วย จีนนั้นมีประเด็นเรื่องชาตินิยมเวลาเกิดความขัดแย้งเช่นกรณีสินค้าจากญี่ปุ่นเป็นต้น ดังนี้แม้จะเอาท์ซอร์สผลิตนอกประเทศได้แต่เอากลับไปขายโดนภาษีอ่วม จะขายจีนก็โดนประเด็นการเมืองทำให้ขายยากแถมยังโดนบริษัทในจีนลอกเลียนแบบสินค้าตัดความต้องการซื้อไปอีก จะขายยุโรปก็เจอมาตรฐานสินค้าของอียูที่สูงลิบลิ่ว จะขายอินเดียก็กำลังการซื้อนั้นน้อยกว่าจีนหรือสหรัฐมาก เหลือแค่ขายในเอเซียซึ่งสุดท้ายแล้วหลายบริษัทอาจปิดบางส่วนขนกลับไปบ้านเกิดกัน
- การค้าระหว่างจีนกับสหรัฐนั้นอาจจะมีกำแพงภาษีที่สูงขึ้นยิ่งกว่าเดิม แต่การค้าระหว่างสหรัฐกับรัสเซียนั้นอาจจะฟื้นฟูกลับมาได้
แล้วผลกระทบที่จะเกิดขึ้นกับไทยละ ?
- ที่จะโดนห่างเร่ก็คงจะเป็นเรื่องเอาท์ซอร์สละครับ แต่ว่าโรงงานบ้านเราก็หายไปเยอะหนีไปเวียดนามหลังจากน้ำท้วมกรุงน่าจะไม่ถึงกับหามส่ง ICU เหมือนชาติเอาท์ซอร์สอื่น ส่วนด้านการเมือง...เราไม่มีอะไรให้เสียอยู่แล้วนี่ครับ ด้านการส่งออกผมไม่คิดว่าจะมีผลกระทบอะไรมากนักเนื่องจากไม่ใช่เป้าหลักในการล้างบางของคุณทรั้มป์ในครั้งนี้
ทิศทางการเมืองระหว่างประเทศ สหรัฐ รัสเซีย จีน
คุณทรัมป์ ประธานธิปดีที่ได้รับการรับเลือกแห่งสหรัฐจะเป็นฉนวนไปสู่สงครามโลกครั้งที่ 3 ไหม ?
- ไม่อย่างแน่นอนครับ สงครามนั้นปรบมือข้างเดียวไม่ดังหรอกครับ จีนไม่ได้โง่ ฐิถิ อคติ ขนาดว่าหน้ามืดตามัวเอาหัวพุ่งชนกำแพง บ้านเมืองกำลังโตวันโตคืนอยู่ อย่างดีก็รบกันด้วยเศรฐกิจ
แล้วสงครามโลกครั้งที่ 3 กับรัสเซียละ ?
- พึ่งลดโอกาสเกิดแบบฮวบฮาบมานี่แหละครับ ช่วงก่อนวันเลือกตั้งสหรัฐนี่รัสเซียขนเครื่องยิงจรวดประชิดชายแดนฝั่งยุโรปกันแล้ว นาโต้เองก็ถึงกับเกณฑ์คนเตรียมพร้อมแล้วเช่นกัน พอคุณทรัมป์ได้ปุบนี่เหมือนไพ่วงแตก ที่หึ้มๆ กันอยู่เงียบไปเลย
ทีนี้เรามาดูกันครับว่าเกิดอะไรขึ้น และทิศทางทางการเมืองระหว่างประเทศของสหรัฐจะเป็นอย่างไร
- อันดับแรกขอให้ลืมข้อมูลที่เคยดูจากโทรทัศน์ สื่อกระแสหลักทั้งหลายให้หมดก่อน แล้วค่อยๆ คิดแล้วกูเกิลหาดูข้อมูลแห่งอื่นๆ จะพบว่าผู้นำสหรัฐคนใหม่นี้ไม่ใช่เล่นๆ แน่นอน ส่วนเรื่องเฟคนิวส์ข่าวปลอมนั้น บอกเลยว่าสื่อกระแสหลักนี่แหละครับตัวแม่ตัวพ่อในเรื่องนี้
- ทิศทางทางการเมืองระหว่างประเทศนั้นผมจะจัดออกเป็น 3 กลุ่ม
1. สหรัฐ รัสเซีย ยุโรป : สภาพกลุ่มนี้คือสหรัฐลด ละ เลิก วุ่นวายกับรัสเซียปล่อยให้ถล่มไอซิสตามสะดวก ลอยแพอียูซึ่งกำลังจะโดน Brexit ฟรีเวอร์กระจายไปจากประเด็นเรื่องเศรฐกิจและผู้อพยพ กลุ่มอียูเองนั้นเดิมทีก็แสดงท่าทีเป็นปรปักษ์กับคุณทรัมป์มาตั้งแต่ช่วงหาเสียงแล้วไม่ว่าจะเป็นสำนักข่าวต่างๆ หรือแม้แต่มีการเสนอแบนคุณทรัมป์ไม่ให้เข้าประเทศเพราะ hate speech เป็นต้น จึงไม่แปลกที่อียูจะร้อนๆ หนาวๆ จนประธานธิปดีโอบาม่าต้องบินไปปลอบขวัญ
2. สหรัฐ จีน เอเชีย : สหรัฐจะเริ่มกดดันจีนในประเด็นทางเศรฐกิจซึ่งไม่เคยทำมาก่อนในรอบ 8 ปีที่ผ่านมา ความสัมพันธ์จากเดิมที่สหรัฐจะไม่ยุ่งยามกับจีนมากนักนั้นก็จะเป็นคอยจี้เรื่องเศรฐกิจ การตอบรับโทรศัพย์จากผู้นำใต้หวันนั้นเป็นสัญญาที่ถูกส่งออกไปให้กับประเทศในภูมิภาคเอเชียที่มีความกังวลจากนโยบายเก็บส่วยค่าคุ้มครองของสหรัฐที่กล่าวว่าถ้าคุณไม่จ่ายเพิ่มผมถอนทหารกลับบ้านนะ เรื่องนี้นั้นประเด็นสำคัญสำหรับประเทศที่มีข้อพิพาษกับจีนในเรื่องหมู่เกาะต่างๆ อยู่ เป็นการส่งสัญญาณว่าสหรัฐจะไม่เข้าข้างจีนซึ่งทำให้ฐานที่ตั้งทหารของสหรัฐในประเทศต่างๆ นั้นมีความสำคัญสำหรับคุณทรัมป์นะตรงนี้น่าจะเป็นการปูทางเอาไว้ให้เจรจาค่าส่วยที่จะได้คุยกันง่ายยิ่งขึ้น
3. สหรัฐกับชาติอารับ : กลุ่มนี้ผมไม่ค่อยมีข้อมูลมากนักแต่แถบคงยังไม่สงบต่อไปละครับ ประเด็นอิสราเอล ปาเลสไตน์ ซาอุ คงครุกรุ่นไปอีกนานส่วนเรื่องนิวเคลียร์นั้นคุณทรัมป์เองดูจะไม่ค่อยให้ความสำคัญมากนักคงไม่มีอะไรมากไปกว่าเดิมเพียงแต่ขู่แล้วอาจจะไม่ได้เงินมากเหมือนเมื่อก่อน
แล้วทิศทางนโยบายเศรษฐกิจใหม่ของสหรัฐจะส่งผลกระทบอะไรบ้าง
- ที่ซวยก่อนเพื่อนเลยนั้นไม่ใช่แมกซิโกหรอกครับ แคนาดาต่างหาก นโยบายการลดภาษีบริษัทของสหรัฐนั้นเริ่มทำให้ฝั่งแคนาดาเริ่มกลัวว่าบริษัทที่ตั้งในประเทศของตนเองนั้นจะย้ายออกไปยังสหรัฐกันเนื่องจากภาษีแคนาดานั้นสูง แถมยังมีข้อกำหนดมากมายและภาษีจุกจิกอีก ยิ่งภาษีคาร์บอน(ภาษีที่คิดจากการปล่อยกาสคาร์บอน)ที่วางแผนว่าจัดเก็บกันนั้นจะกลายเป็นประเด็นสำคัญที่อาจส่งผลให้งานไหลออกประเทศ และการที่สหรัฐให้ความสำคัญกับเรื่องในประเทศของตัวเองก่อนนั้นทำให้แคนาดาตั้งงบประมาณการทหารน้อยนิดนั้นอาจจะต้องทบทวนเรื่องนี้เช่นเดียวกับญี่ปุ่น
- เอาท์ซอร์สทั้งหลายจะเริ่มลดลง นอกจากนโยบายกำแพงภาษีนำเข้าที่จะส่งผลต่อบริษัทอเมริกาด้วยแล้ว ความสัมพันธ์กับจีนนั้นยังเป็นตัวบีบบริษัทเหล่านี้ในทางอ้อมด้วย จีนนั้นมีประเด็นเรื่องชาตินิยมเวลาเกิดความขัดแย้งเช่นกรณีสินค้าจากญี่ปุ่นเป็นต้น ดังนี้แม้จะเอาท์ซอร์สผลิตนอกประเทศได้แต่เอากลับไปขายโดนภาษีอ่วม จะขายจีนก็โดนประเด็นการเมืองทำให้ขายยากแถมยังโดนบริษัทในจีนลอกเลียนแบบสินค้าตัดความต้องการซื้อไปอีก จะขายยุโรปก็เจอมาตรฐานสินค้าของอียูที่สูงลิบลิ่ว จะขายอินเดียก็กำลังการซื้อนั้นน้อยกว่าจีนหรือสหรัฐมาก เหลือแค่ขายในเอเซียซึ่งสุดท้ายแล้วหลายบริษัทอาจปิดบางส่วนขนกลับไปบ้านเกิดกัน
- การค้าระหว่างจีนกับสหรัฐนั้นอาจจะมีกำแพงภาษีที่สูงขึ้นยิ่งกว่าเดิม แต่การค้าระหว่างสหรัฐกับรัสเซียนั้นอาจจะฟื้นฟูกลับมาได้
แล้วผลกระทบที่จะเกิดขึ้นกับไทยละ ?
- ที่จะโดนห่างเร่ก็คงจะเป็นเรื่องเอาท์ซอร์สละครับ แต่ว่าโรงงานบ้านเราก็หายไปเยอะหนีไปเวียดนามหลังจากน้ำท้วมกรุงน่าจะไม่ถึงกับหามส่ง ICU เหมือนชาติเอาท์ซอร์สอื่น ส่วนด้านการเมือง...เราไม่มีอะไรให้เสียอยู่แล้วนี่ครับ ด้านการส่งออกผมไม่คิดว่าจะมีผลกระทบอะไรมากนักเนื่องจากไม่ใช่เป้าหลักในการล้างบางของคุณทรั้มป์ในครั้งนี้