ขอนำมาแปลบางส่วน หากผิดพลาดขออภัย
ไทย vs มาเลเซีย
ตอนนี้ประชาชนส่วนใหญ่เริ่มแสดงอาการอิจฉาฟุตบอลไทยมากขึ้นเรื่อยๆ
ด้วยระดับที่เหนือกว่าประเทศอื่นๆ ในอาเซียน แต่ถึงระดับจะต่างกันก็ไม่ได้หมายความว่าไทยจะแพ้ทีมในอาเซียนไม่เป็น
ระดับที่ว่าหมายถึงทักษะ ความเข้าใจ ความเร็ว ที่พวกเขาสามารถนำมาใช้ได้ทันทีที่ต้องการชนะทีมในอาเซียน
ย้อนไปสมัย AFF 2010 มาเลเซียก็ยังไม่ได้ชนะไทย แต่เป็นอินโดนีเซียที่เป็นเจ้าภาพที่ชนะไทย
ปัจจุบันไทยเป็นประเทศเดียวในอาเซียนที่ได้เข้าไปเล่น Asian Cup 2019
จะทำอย่างไรให้ฟุตบอลพัฒนาจนทิ้งห่างเพื่อนบ้านในละแวกนี้ได้สำหรับมาเลเซีย ?
การได้สัมผัสฟุตบอลสโมสรระดับเอเชีย
ชาวมาเลเซียเข้าใจเป็นอย่างดี ว่าผู้เล่นทีมชาติต้องได้ไปสัมผัส League ต่างประเทศ
นั่นหมายความว่า League ในประเทศคุณภาพยังไม่เพียงพอที่จะส่งออกนักกีฬาไปสู่ระดับโลกได้
ทีมจากมาเลเซียนั้นไม่ดีพอสำหรับการแข่งในระดับ Asian เมื่อต้องไปแข่งกับทีมในระดับที่สูงอย่าง AFC Champions' League
ตอนนี้สโมสรของไทยได้ไปเล่นใน ACL ทุกฤดูกาล
ครั้งสุดท้ายที่เจอกันคือ JDT แชมป์ AFC Cup 2015 พบกับ Muangthong United
และ JDT เป็นฝ่ายแพ้ในการดวลจุดโทษ
เจ้าของสโมสร
Muangthong United ทีมที่ชนะ JDT และเป็นแชมป์ Thai League ฤดูกาลนี้....
เจ้าของสโมสรที่ทำธุรกิจเกี่ยวกับสื่อในประเทศไทย "Siam Sport"......
Siam Sport ได้ซื้อสโมสรใน D2 คือ Nongjok และย้ายไปอยู่เมืองทอง เมื่อทาง FAT มีการปรับโครงสร้าง League ใหม่
โดยทาง FAT เชื่อว่ามันจะทำให้ความสัมพันธ์ระหว่างสโมสรและท้องถิ่นเข้มแข็ง
Muangthong United ได้มีการสร้างสโมสรด้วยงบประมาณเริ่มต้น 1.5 ล้านบาท
และเพิ่มเป็น 8 ล้านบาทภายใน 2 ปีแรก และหลังจากได้ผู้สนับสนุนเป็น SGC
Muangthong United SCG (Siam Cement) ก็มีงบประมาณถึงปีละ 100 ล้านบาท
รวมถึงเงินทุนจากแหล่งต่างๆ เช่น Yamaha
นอกจากนี้ยังมีสโมสร Bangkok United ที่มีเจ้าของอย่าง True Corporation
หรือ Bangkok Glass ที่มี Boon Rawd Brewery และ Buriram United ที่บริหารงานโดยอดีตนักการเมือง Newin Chidchob
ในมาเลเซียสโมสรส่วนใหญ่บริหารจัดการโดยรัฐท้องถิ่น และได้รับเงินสนับสนุนจากทางภาครัฐบาล
Selangor เป็นตัวอย่างที่ร่ำรวยเพราะได้รับงบประมาณ 22.6% ของ GDP ในปี 2015
Kuala Lumpur ได้รับ 15.1%, Negeri Sembilan ได้รับ 10%
อย่างไรก็ตาม Selangor ถูกบริหารงานโดยสมาคมฯ FAS และได้รับงบประมาณ 186.26 ล้านบาท ในฤดูกาลนี้
และตอนนี้ได้เริ่มที่จะจัดสรรเพื่อเตรียมการเลิกรับเงินสนับสนุนจากภาครัฐต่อไปในฤดูกาลหน้า
ในขณะเดียวกันสโมสรอื่นๆ ก็ยังคงต้องใช้งบประมาณจากทางภาครัฐต่อไป
สรุป
ประสิทธิภาพการทำสโมสรของไทยดีกว่ามาเลเซีย เมื่อ JDT เสมอ Muangthong United
ก่อนจะแพ้การดวลจุดโทษในรายการ AFC Champions League ฤดูกาลนี้
อย่างไรก็ตามเมื่อเทียบกับงบประมาณในการทำสโมสรแล้ว ค่าใช้จ่ายของมาเลเซียสูงกว่าไทยมาก
ประเทศไทยมีสโมสรและผู้เล่นที่มีประสบการณ์ในระดับเอเชีย
ในขณะที่มาเลเซียเพียงเพิ่งจะเริ่มต้น และตอนนี้สโมสรในไทยก็มี AFC License มากขึ้นเมื่อเทียบกับมาเลเซีย
รวมถึงสโมสรในไทยไม่ได้พึ่งพางบประมาณจากทางภาครัฐเหมือนกับมาเลเซีย
ในมาเลเซียตอนนี้การซื้อขายนักเตะก็ยังคงพึ่งพางบประมาณของทางรัฐอยู่
แล้วเมื่อไรคุณ(มาเลเซีย)จะได้ไป(จากอาเซียน)?
ที่มา RimauXI
บทความจากมาเลเซีย "เมื่อฟุตบอลไทยเทียบกับมาเลเซีย"
ไทย vs มาเลเซีย
ตอนนี้ประชาชนส่วนใหญ่เริ่มแสดงอาการอิจฉาฟุตบอลไทยมากขึ้นเรื่อยๆ
ด้วยระดับที่เหนือกว่าประเทศอื่นๆ ในอาเซียน แต่ถึงระดับจะต่างกันก็ไม่ได้หมายความว่าไทยจะแพ้ทีมในอาเซียนไม่เป็น
ระดับที่ว่าหมายถึงทักษะ ความเข้าใจ ความเร็ว ที่พวกเขาสามารถนำมาใช้ได้ทันทีที่ต้องการชนะทีมในอาเซียน
ย้อนไปสมัย AFF 2010 มาเลเซียก็ยังไม่ได้ชนะไทย แต่เป็นอินโดนีเซียที่เป็นเจ้าภาพที่ชนะไทย
ปัจจุบันไทยเป็นประเทศเดียวในอาเซียนที่ได้เข้าไปเล่น Asian Cup 2019
จะทำอย่างไรให้ฟุตบอลพัฒนาจนทิ้งห่างเพื่อนบ้านในละแวกนี้ได้สำหรับมาเลเซีย ?
การได้สัมผัสฟุตบอลสโมสรระดับเอเชีย
ชาวมาเลเซียเข้าใจเป็นอย่างดี ว่าผู้เล่นทีมชาติต้องได้ไปสัมผัส League ต่างประเทศ
นั่นหมายความว่า League ในประเทศคุณภาพยังไม่เพียงพอที่จะส่งออกนักกีฬาไปสู่ระดับโลกได้
ทีมจากมาเลเซียนั้นไม่ดีพอสำหรับการแข่งในระดับ Asian เมื่อต้องไปแข่งกับทีมในระดับที่สูงอย่าง AFC Champions' League
ตอนนี้สโมสรของไทยได้ไปเล่นใน ACL ทุกฤดูกาล
ครั้งสุดท้ายที่เจอกันคือ JDT แชมป์ AFC Cup 2015 พบกับ Muangthong United
และ JDT เป็นฝ่ายแพ้ในการดวลจุดโทษ
เจ้าของสโมสร
Muangthong United ทีมที่ชนะ JDT และเป็นแชมป์ Thai League ฤดูกาลนี้....
เจ้าของสโมสรที่ทำธุรกิจเกี่ยวกับสื่อในประเทศไทย "Siam Sport"......
Siam Sport ได้ซื้อสโมสรใน D2 คือ Nongjok และย้ายไปอยู่เมืองทอง เมื่อทาง FAT มีการปรับโครงสร้าง League ใหม่
โดยทาง FAT เชื่อว่ามันจะทำให้ความสัมพันธ์ระหว่างสโมสรและท้องถิ่นเข้มแข็ง
Muangthong United ได้มีการสร้างสโมสรด้วยงบประมาณเริ่มต้น 1.5 ล้านบาท
และเพิ่มเป็น 8 ล้านบาทภายใน 2 ปีแรก และหลังจากได้ผู้สนับสนุนเป็น SGC
Muangthong United SCG (Siam Cement) ก็มีงบประมาณถึงปีละ 100 ล้านบาท
รวมถึงเงินทุนจากแหล่งต่างๆ เช่น Yamaha
นอกจากนี้ยังมีสโมสร Bangkok United ที่มีเจ้าของอย่าง True Corporation
หรือ Bangkok Glass ที่มี Boon Rawd Brewery และ Buriram United ที่บริหารงานโดยอดีตนักการเมือง Newin Chidchob
ในมาเลเซียสโมสรส่วนใหญ่บริหารจัดการโดยรัฐท้องถิ่น และได้รับเงินสนับสนุนจากทางภาครัฐบาล
Selangor เป็นตัวอย่างที่ร่ำรวยเพราะได้รับงบประมาณ 22.6% ของ GDP ในปี 2015
Kuala Lumpur ได้รับ 15.1%, Negeri Sembilan ได้รับ 10%
อย่างไรก็ตาม Selangor ถูกบริหารงานโดยสมาคมฯ FAS และได้รับงบประมาณ 186.26 ล้านบาท ในฤดูกาลนี้
และตอนนี้ได้เริ่มที่จะจัดสรรเพื่อเตรียมการเลิกรับเงินสนับสนุนจากภาครัฐต่อไปในฤดูกาลหน้า
ในขณะเดียวกันสโมสรอื่นๆ ก็ยังคงต้องใช้งบประมาณจากทางภาครัฐต่อไป
สรุป
ประสิทธิภาพการทำสโมสรของไทยดีกว่ามาเลเซีย เมื่อ JDT เสมอ Muangthong United
ก่อนจะแพ้การดวลจุดโทษในรายการ AFC Champions League ฤดูกาลนี้
อย่างไรก็ตามเมื่อเทียบกับงบประมาณในการทำสโมสรแล้ว ค่าใช้จ่ายของมาเลเซียสูงกว่าไทยมาก
ประเทศไทยมีสโมสรและผู้เล่นที่มีประสบการณ์ในระดับเอเชีย
ในขณะที่มาเลเซียเพียงเพิ่งจะเริ่มต้น และตอนนี้สโมสรในไทยก็มี AFC License มากขึ้นเมื่อเทียบกับมาเลเซีย
รวมถึงสโมสรในไทยไม่ได้พึ่งพางบประมาณจากทางภาครัฐเหมือนกับมาเลเซีย
ในมาเลเซียตอนนี้การซื้อขายนักเตะก็ยังคงพึ่งพางบประมาณของทางรัฐอยู่
แล้วเมื่อไรคุณ(มาเลเซีย)จะได้ไป(จากอาเซียน)?
ที่มา RimauXI