ที่จริงก็ได้อ่านหนังสือเล่มหนานี้จนจบไปพักใหญ่แล้ว แต่ก็รู้สึกว่าควรจะได้รีวิวสั้นๆอีกสักครั้ง ที่จริงหนังสือเล่มนี้ได้กลายเป็นที่รู้จักและมีชื่อเสียงในระดับสากลมาก เพราะเป็นงานเขียนว่าด้วย "พระราชประวัติของพระบาทสมเด็จพระเจ้าอยู่หัวภูมิพล รัชกาลที่9" ซึ่งเรียบเรียงค้นคว้าและเขียนเผยแพร่เป็นภาษาอังกฤษ โดยเป็นฝีมือของนักเขียนชาวตะวันตก ที่มีทั้งนักประวัติศาสตร์ นักวิชาการ นักเขียน เป็นนักวิชาการตะวันตกด้านไทยศึกษาที่มีชื่อเสียงในระดับสากลหลายท่าน และหลายคนก็มาอาศัยอยู่ในเมืองไทยเป็นเวลานานหลายสิบปี
หนังสือเล่มนี้พิมพ์และวางจำหน่ายตั้งแต่ปี 2556 ชื่อที่ใช้ในฉบับภาษาอังกฤษคือ King Bhumibol Adulyadej: A Life's Work เนื้อหาเป็นภาษาอังกฤษทั้งหมด นำเสนอถึงเรื่องราวพระราชประวัติและพระราชกรณียกิจ พระบาทสมเด็จพระเจ้าอยู่หัวรัชกาลที่ 9 โดยจัดจำหน่ายกับทางเอเชียบุ๊คส์ หลังจากวางแผงได้เพียงไม่กี่เดือน ได้รับความสนใจจากนักอ่านทั่วโลก และอาจจะกลายเป็นผลงานเกี่ยวกับในหลวงรัชกาลที่ 9 ที่ฝรั่งเขียนขึ้นอย่างเป็นกลางและมีข้อมูลรอบด้านที่สุดเท่าที่พึงมีแล้ว
ปัจจุบันก็มีการแปลกลับมาเป็นภาษาไทยให้คนไทยได้อ่านกัน โดยเป็นผลงานอำนวยการของนักเขียนสาวใหญ่ ตรัสวิน จิตติเดชารักษ์ รับผิดชอบดูแลหนังสือประวัติศาสตร์เล่มนี้ ใช้ชื่อแปลภาษาไทยว่า “กลางใจราษฎร์” ซึ่งเพื่อจะให้งานแปลมาเป็นไทยนั้นสนุกและน่าติดตาม จึงเลือกนักแปลมากฝีมือมาระดมพลช่วยกัน
ก่อนจะเริ่มอ่านหนังสือเล่มนี้ มีคำแนะนำว่า เพราะมันเป็นเรื่องราวของพระมหากษัตริย์ไทยที่ถ่ายทอดผ่านมุมมองและความคิดของฝรั่งตะวันตก การนำเสนอจึงอาจจะแตกต่างจากไปพระราชประวัติหรือพระราชกรณียกิจในมุมมองที่คนไทยคุ้นเคยกันเท่าไรนัก หนึ่งในกลุ่มนักเขียนหลักๆของหนังสือเล่มนี้เช่น คริส เบเกอร์ อาจารย์ประวัติศาสตร์เอเชียของมหาวิทยาลัยเคมบริดจ์ ซึ่งค่อนข้างเชี่ยวชาญเรื่องไทยมาก เดวิด สเตร็คฟัสส์ ผู้เขียน Truth on Trial in Thailand หรือ จูเลียน เกียริ่ง อดีตผู้สื่อข่าวประจำกรุงเทพฯของนิตยสารเอเชียวีค ฯลฯ
ส่วนเนื้อหาในหนังสือจะแบ่งเป็น 3 ภาคหลักคือ พระราชประวัติ พระราชกรณียกิจ และเรื่องของสถาบันพระมหากษัตริย์
เรื่องน่าสนใจคือ "อะไรๆที่หลายท่านอาจจะไม่เคยรู้ ไม่เคยได้ยิน ได้ฟัง ได้เห็น จากหน้าทีวี วิทยุ หนังสือพิมพ์ หรือเรื่องราวประเภท...เขาเล่าว่า...แต่หนังสือเล่มนี้จะบอกเล่าเรื่องราวที่ท่านอาจจะไม่เคยรู้และไม่ได้คาดคิดมาก่อนเลยเกี่ยวกับพระบิดาและพระมารดาของพระองค์ การขึ้นครองราชบัลลังก์ อุปสรรคนานัปการ การเริ่มต้นสู่โครงการพระราชดำริต่างๆ และเรื่องราวในมุมอื่นๆอีกมาก" เรียกได้ว่านี่คือหนังสือประวัติศาสตร์ที่ข้นคลั่ก และคนไทยควรจะได้อ่าน ไม่ใช่แค่เพื่อรู้เท่านั้น แต่เพื่อให้ได้เข้าใจว่า ทำไม พระองค์จึงทรงเป็นในหลวงรัชกาลที่ 9 ของคนไทยได้
ในบทสัมภาษณ์ของตรัสวินเล่าว่า
“ดิฉันเลือก “มนันยา” มาแปลในภาคแรก เพราะเป็นนักเขียนที่มีชื่อเสียงในเรื่องของการใช้สำนวนสนุก ทั้งเรื่องแปลและนวนิยายที่เขียนเองด้วย อีกอย่างคือด้วยวัยที่เหมาะสม สามารถเขียนจากมุมมองของตัวเองได้ พอติดต่อไปเธอก็ยินดี เราก็สบายใจ ส่วนภาค 2-3 ให้คุณพรรษพร ชโลธร นักเขียน นักแปลอิสระมาช่วยแปลเพราะเป็นเรื่องของพระราชกรณียกิจตลอดหกทศวรรษของพระองค์ท่าน 2 ภาคหลังนี่หนักมาก เพราะเริ่มเนื้อหาเป็นวิชาการคือฝรั่งเขาเขียนดีแล้ว ข้อมูลชัดเจนแต่พอมาแปลเป็นภาษาไทยก็ต้องระมัดระวังเพราะมีคำราชาศัพท์เข้ามาเกี่ยวข้อง พวกเราต้องละเอียดมากเป็นพิเศษ”
ตลอดเวลาเกือบจะ 1 ปีเต็ม เธอและทีมงานทุ่มเทให้กับหนังสือเล่มนี้อย่างเต็มที่และเต็มใจ เมื่อได้แม้จะกังวลแต่ก็สนุกและศรัทธาในพระบาทสมเด็จพระเจ้าอยู่หัวมากขึ้น
“บางเรื่องนี่เราคนไทยแท้ๆไม่เคยรู้ ก็เพิ่งได้รู้ ไม่ว่าจะเป็นชีวิตรักของพระองค์ท่านเมื่อครั้งพบกัน อ่านแล้วเรารู้สึกน่ารักประทับใจ เหมือนนวนิยายที่ถูกแต่งขึ้น พอมาถึงภาค 2 พระราชกรณียกิจของพระองค์ท่าน จากภาพที่ท่านเสด็จเยี่ยมราษฏร์หลายจังหวัดก็มากมายแล้ว เรียกว่าถ้าเป็นคนกรุงเทพฯคงน้อยใจ(หัวเราะ) ถ้าได้อ่านภาคสองนี่จะรู้ว่าพระองค์ทรงเป็นพระมหากษัตริย์ที่ยิ่งใหญ่จริงๆ มีหลายเรื่องที่เราไม่เคยรู้ แต่ฝรั่งเขาศึกษาค้นคว้าจนรู้ว่าท่านรักประชาชนจริงๆ มีเรื่องหนึ่งที่ดิฉันอ่านแล้วประทับใจมากคือ เมื่อครั้งเสด็จไปให้กำลังใจหมอที่รักษาผู้ป่วยโรคเรื้อนที่ต่างจังหวัด ใครจะเชื่อว่าท่านจะยื่นพระหัตถ์ไปสัมผัสมือผู้ป่วยที่เป็นโรคเรื้อนอย่างไม่รังเกียจ”
เอาเป็นว่านี่เป็นเพียงส่วนหนึ่ง ถ้าผู้ใดสนใจ หนังสือเล่มนี้สามารถหาซื้อได้จากเอเชียบุ๊คส์ทุกสาขาครับ
การอ่านไม่ใช่เพื่อจะเคารพสักการะท่านประดุจเทวดา แต่ในฐานะของมนุษย์ด้วยกันที่กระทำประโยชน์เพื่อผู้คนมายาวนาน
หนังสือ "กลางใจราษฎร์" พระราชประวัติของพระเจ้าอยู่หัวรัชกาลที่ 9 ที่ครบเครื่อง ข้อมูลมหาศาลและรอบด้านที่สุด
ที่จริงก็ได้อ่านหนังสือเล่มหนานี้จนจบไปพักใหญ่แล้ว แต่ก็รู้สึกว่าควรจะได้รีวิวสั้นๆอีกสักครั้ง ที่จริงหนังสือเล่มนี้ได้กลายเป็นที่รู้จักและมีชื่อเสียงในระดับสากลมาก เพราะเป็นงานเขียนว่าด้วย "พระราชประวัติของพระบาทสมเด็จพระเจ้าอยู่หัวภูมิพล รัชกาลที่9" ซึ่งเรียบเรียงค้นคว้าและเขียนเผยแพร่เป็นภาษาอังกฤษ โดยเป็นฝีมือของนักเขียนชาวตะวันตก ที่มีทั้งนักประวัติศาสตร์ นักวิชาการ นักเขียน เป็นนักวิชาการตะวันตกด้านไทยศึกษาที่มีชื่อเสียงในระดับสากลหลายท่าน และหลายคนก็มาอาศัยอยู่ในเมืองไทยเป็นเวลานานหลายสิบปี
หนังสือเล่มนี้พิมพ์และวางจำหน่ายตั้งแต่ปี 2556 ชื่อที่ใช้ในฉบับภาษาอังกฤษคือ King Bhumibol Adulyadej: A Life's Work เนื้อหาเป็นภาษาอังกฤษทั้งหมด นำเสนอถึงเรื่องราวพระราชประวัติและพระราชกรณียกิจ พระบาทสมเด็จพระเจ้าอยู่หัวรัชกาลที่ 9 โดยจัดจำหน่ายกับทางเอเชียบุ๊คส์ หลังจากวางแผงได้เพียงไม่กี่เดือน ได้รับความสนใจจากนักอ่านทั่วโลก และอาจจะกลายเป็นผลงานเกี่ยวกับในหลวงรัชกาลที่ 9 ที่ฝรั่งเขียนขึ้นอย่างเป็นกลางและมีข้อมูลรอบด้านที่สุดเท่าที่พึงมีแล้ว
ปัจจุบันก็มีการแปลกลับมาเป็นภาษาไทยให้คนไทยได้อ่านกัน โดยเป็นผลงานอำนวยการของนักเขียนสาวใหญ่ ตรัสวิน จิตติเดชารักษ์ รับผิดชอบดูแลหนังสือประวัติศาสตร์เล่มนี้ ใช้ชื่อแปลภาษาไทยว่า “กลางใจราษฎร์” ซึ่งเพื่อจะให้งานแปลมาเป็นไทยนั้นสนุกและน่าติดตาม จึงเลือกนักแปลมากฝีมือมาระดมพลช่วยกัน
ก่อนจะเริ่มอ่านหนังสือเล่มนี้ มีคำแนะนำว่า เพราะมันเป็นเรื่องราวของพระมหากษัตริย์ไทยที่ถ่ายทอดผ่านมุมมองและความคิดของฝรั่งตะวันตก การนำเสนอจึงอาจจะแตกต่างจากไปพระราชประวัติหรือพระราชกรณียกิจในมุมมองที่คนไทยคุ้นเคยกันเท่าไรนัก หนึ่งในกลุ่มนักเขียนหลักๆของหนังสือเล่มนี้เช่น คริส เบเกอร์ อาจารย์ประวัติศาสตร์เอเชียของมหาวิทยาลัยเคมบริดจ์ ซึ่งค่อนข้างเชี่ยวชาญเรื่องไทยมาก เดวิด สเตร็คฟัสส์ ผู้เขียน Truth on Trial in Thailand หรือ จูเลียน เกียริ่ง อดีตผู้สื่อข่าวประจำกรุงเทพฯของนิตยสารเอเชียวีค ฯลฯ
ส่วนเนื้อหาในหนังสือจะแบ่งเป็น 3 ภาคหลักคือ พระราชประวัติ พระราชกรณียกิจ และเรื่องของสถาบันพระมหากษัตริย์
เรื่องน่าสนใจคือ "อะไรๆที่หลายท่านอาจจะไม่เคยรู้ ไม่เคยได้ยิน ได้ฟัง ได้เห็น จากหน้าทีวี วิทยุ หนังสือพิมพ์ หรือเรื่องราวประเภท...เขาเล่าว่า...แต่หนังสือเล่มนี้จะบอกเล่าเรื่องราวที่ท่านอาจจะไม่เคยรู้และไม่ได้คาดคิดมาก่อนเลยเกี่ยวกับพระบิดาและพระมารดาของพระองค์ การขึ้นครองราชบัลลังก์ อุปสรรคนานัปการ การเริ่มต้นสู่โครงการพระราชดำริต่างๆ และเรื่องราวในมุมอื่นๆอีกมาก" เรียกได้ว่านี่คือหนังสือประวัติศาสตร์ที่ข้นคลั่ก และคนไทยควรจะได้อ่าน ไม่ใช่แค่เพื่อรู้เท่านั้น แต่เพื่อให้ได้เข้าใจว่า ทำไม พระองค์จึงทรงเป็นในหลวงรัชกาลที่ 9 ของคนไทยได้
ในบทสัมภาษณ์ของตรัสวินเล่าว่า
“ดิฉันเลือก “มนันยา” มาแปลในภาคแรก เพราะเป็นนักเขียนที่มีชื่อเสียงในเรื่องของการใช้สำนวนสนุก ทั้งเรื่องแปลและนวนิยายที่เขียนเองด้วย อีกอย่างคือด้วยวัยที่เหมาะสม สามารถเขียนจากมุมมองของตัวเองได้ พอติดต่อไปเธอก็ยินดี เราก็สบายใจ ส่วนภาค 2-3 ให้คุณพรรษพร ชโลธร นักเขียน นักแปลอิสระมาช่วยแปลเพราะเป็นเรื่องของพระราชกรณียกิจตลอดหกทศวรรษของพระองค์ท่าน 2 ภาคหลังนี่หนักมาก เพราะเริ่มเนื้อหาเป็นวิชาการคือฝรั่งเขาเขียนดีแล้ว ข้อมูลชัดเจนแต่พอมาแปลเป็นภาษาไทยก็ต้องระมัดระวังเพราะมีคำราชาศัพท์เข้ามาเกี่ยวข้อง พวกเราต้องละเอียดมากเป็นพิเศษ”
ตลอดเวลาเกือบจะ 1 ปีเต็ม เธอและทีมงานทุ่มเทให้กับหนังสือเล่มนี้อย่างเต็มที่และเต็มใจ เมื่อได้แม้จะกังวลแต่ก็สนุกและศรัทธาในพระบาทสมเด็จพระเจ้าอยู่หัวมากขึ้น
“บางเรื่องนี่เราคนไทยแท้ๆไม่เคยรู้ ก็เพิ่งได้รู้ ไม่ว่าจะเป็นชีวิตรักของพระองค์ท่านเมื่อครั้งพบกัน อ่านแล้วเรารู้สึกน่ารักประทับใจ เหมือนนวนิยายที่ถูกแต่งขึ้น พอมาถึงภาค 2 พระราชกรณียกิจของพระองค์ท่าน จากภาพที่ท่านเสด็จเยี่ยมราษฏร์หลายจังหวัดก็มากมายแล้ว เรียกว่าถ้าเป็นคนกรุงเทพฯคงน้อยใจ(หัวเราะ) ถ้าได้อ่านภาคสองนี่จะรู้ว่าพระองค์ทรงเป็นพระมหากษัตริย์ที่ยิ่งใหญ่จริงๆ มีหลายเรื่องที่เราไม่เคยรู้ แต่ฝรั่งเขาศึกษาค้นคว้าจนรู้ว่าท่านรักประชาชนจริงๆ มีเรื่องหนึ่งที่ดิฉันอ่านแล้วประทับใจมากคือ เมื่อครั้งเสด็จไปให้กำลังใจหมอที่รักษาผู้ป่วยโรคเรื้อนที่ต่างจังหวัด ใครจะเชื่อว่าท่านจะยื่นพระหัตถ์ไปสัมผัสมือผู้ป่วยที่เป็นโรคเรื้อนอย่างไม่รังเกียจ”
เอาเป็นว่านี่เป็นเพียงส่วนหนึ่ง ถ้าผู้ใดสนใจ หนังสือเล่มนี้สามารถหาซื้อได้จากเอเชียบุ๊คส์ทุกสาขาครับ
การอ่านไม่ใช่เพื่อจะเคารพสักการะท่านประดุจเทวดา แต่ในฐานะของมนุษย์ด้วยกันที่กระทำประโยชน์เพื่อผู้คนมายาวนาน