สร้างห้องโฮมเธียเตอร์ตามฝัน รีวิวงานสร้างโรงหนังเล็กๆในบ้านครับ

สวัสดีครับ จากคราวก่อนได้เขียนกระทู้รีวิวสร้างบ้านตามฝันของผมไป ก็มีเสียงตอบรับมากมาย จนเกินความคาดหมาย หลายๆเวบติดต่อไปลง แชร์ในเฟสกันเพียบไปหมด เข้าไปอ่านย้อนหลังกันได้ที่ http://pantip.com/topic/35648896


เอารูปบ้านมาเตือนความจำ

          
          วันนี้ผมก็จะมารีวิวในส่วนของการสร้างห้องโฮมเธียเตอร์ครับ ต้องบอกเลยว่าห้องโฮมเป็นหนึ่งในปัจจัยหลักๆเลยที่คิดจะสร้างบ้านเอง หรือถ้าพูดแบบไม่เกรงใจภรรยาคือ สร้างบ้านเพื่อห้องโฮมเลยก็ว่าได้ ผมเป็น Home theater Lism ครับ คือพวกบ้าเครื่องเสียงนั่นเอง เล่นเครื่องเสียงมา 5 - 6 ปีแล้วครับ ตั้งแต่อยู่ในหอพักแพทย์เล็กๆ อพาร์ตเมนต์ คอนโด ในห้องที่คอนโดผมนี่มีโปรเจคเตอร์ มีชุดเครื่องเสียง ลำโพงตัวใหญ่ 5 ตัวติดเซอราวด์รอบห้องเลยนะครับ แต่ดูหนังที ต้องเปิดเบาๆ เดี๋ยวโดนด่า 555+ แจ่ก็ไม่ถึงกับ Audiophile หูทิพย์ หูทองนะครับ ยังห่างไกล ปกติจะเล่นอยู่เวบ Thaidvd.net บางท่านอาจรู้จัก(ตอนนี้เวบร้างแล้ว)


รูปจากคอนโดผมเองครับ ห้อง 56 ตร.ม. ยัดชุดใหญ่เลย



รูปตอนติดตั้งจอ PJT ขวางประตูห้องนอน ขัดใจภรรยา



พอปิดไฟฉายแล้วเป็นแบบนี้ครับ พอไปวัดไปวาได้ แต่ไม่สามารถเปิดเสียงดังๆได้เลย


      ทีนี้พอคิดจะมีบ้านเป็นของตัวเอง อย่างแรกที่มีในหัวเลยคือห้องโฮมจะอยู่ตรงไหน คนส่วนใหญ่จะดูว่ากี่ห้องนอน กี่ห้องน้ำ พื้นที่เท่าไหร่ แต่ผมไม่ครับ ผมมองห้องที่จะทำโฮมเธียเตอร์ก่อนเลย ช่วงก่อนสร้างบ้านที่ไปไล่ดูบ้านจัดสรร ก็เล็งๆไว้ว่าจะเอาห้องนอนเล็กมาทำ แต่ก็ไม่ค่อยเหมาะ ด้วยสัดส่วนห้อง และการกันเสียง แต่พอตอนหลังที่คิดจะสร้างเองเลยง่ายหน่อยครับ คือกำหนดสัดส่วนห้องไว้เลย แล้วเอาไปวางในผังบ้าน ตามสบายเลยครับทีนี้

      โดยกระทู้นี้นี้จะเขียนเกี่ยวกับการวางแผน และการก่อสร้างห้องโฮม เฉพาะในส่วนของงานโครงสร้าง งานสถาปัตย์ เท่านั้นนะครับ ไม่เขียนถึงการปรับจูนห้อง การแก้อคูสติก การปรับภาพ เสียงนะครับ เพราะผมไม่ใช่ผู้เชี่ยวชาญ เอาแค่โครงสร้างพอครับ ส่วนงานปรับ อคูสติกห้อง ผมคงต้องจ้างมืออาชีพมาทำทีหลังอีกที และอีกอย่างคือผมจะเขียนส่วนที่เกี่ยวกับบ้านของผมเท่านั้นนะครับ ไม่ได้ลงลึกไปในส่วนของความรู้ในการทำผนัง หรือความรู้เรื่องค่าดูดซับ ค่าสะท้อน การทำฝ้า ทำผนังเบาเฉพาะทาง หรือวัสดุบุต่างๆ เพราะถ้าลงลึกเรื่องพวกนั้น ก็คงต้องเขียนอีกยาว

     เนื้อหาในกระทู้นี้จะแบ่งเป็น 2 part นะครับ คือในส่วนของทฤษฎี และส่วนของบ้านผมเอง เนื้อหาใน Part แรก จะออกแนวหนักๆ เนื้อเยอะ น้ำน้อย มีวิชาการหน่อยๆนะครับ ใครที่ไม่สนใจเรื่องห้องโฮมก็อ่านผ่านๆ หรือไม่ต้องอ่านก็ได้ครับ ไม่ว่ากัน ^^ ใน part ที่สองก็เป็นรูปทั้งหมดของบ้านผมเองครับ ตั้งแต่ฐานราก ยันเสร็จ เหมือนเดิมครับ ผมเตรียมไว้หมดแล้ว(จริงๆก็เขียนลง blog ไปสักสัปดาห์นึงละครับ) เหลือแค่แปะรูป จะทยอยลงยาวๆครับ เขียด ปาดกันตรมสะดวก

คำเตือน รูปเยอะมากกกกกกก

Part 1 หลักเบื้อต้นในการทำห้องโฮมเธียเตอร์



การจะสร้างห้องโฮมสักห้องนึง สิ่งสำคัญที่ต้องนึกถึง และวางแผนไว้ก่อนเลยมีห้าข้อครับ

1.ขนาดของห้อง
2.การกันเสียงรบกวนออกนอกห้อง
3.ระบบไฟฟ้า
4.การวางสายสัญญาณ
5.การปรับอคูสติก

     ทั้งห้าข้อสำคัญหมดเลยนะครับ ถ้ารักจะทำห้องจริงๆ ก็ต้องเตรียมวางแผน 5 ข้อนี้แต่เนิ่นๆ โดยผมจะพูดถึงรายละเอียดของห้องผมแต่ละข้อเลยครับ แต่จะไม่พูดข้อ 5 นะครับ เพราะตรงนั้นผมไม่เชี่ยวชาญนัก เป็นเรื่องของมืออาชีพดีกว่า

1.ขนาดของห้อง

     คนเล่นเครื่องเสียงมือเก๋าๆ จะรู้ว่าสิ่งสำคัญที่สุดของห้องโฮม ก็คือขนาดของห้อง สำหรับคนที่ไม่ได้เล่นเครื่องเสียงคงสงสัยว่าขนาดเกี่ยวอะไรด้วย ขนาดของห้องจะสัมพันธ์กับความยาวคลื่นเสียงครับ ถ้าขนาดของห้องไม่ดี คลื่นเสียงจะสะท้อนกลับไปกลับมา(เรียกว่า Resonance หรือ การกำธร) เหมือนเราโยนหินลงน้ำสองก้อน ช่วงยอดคลื่นมาชนกันก็จะทำให้กลายเป็นคลื่นก้อนใหญ่ขึ้น ทีนี้ถ้าเกิดการกำธรไปเรื่อยๆ เสียงก็จะตีกันมั่วไปหมด ดังนั้นจึงมีผู้รู้ทำการคำนวนและกำหนดขนาดของห้องคร่าวๆที่ช่วยลดการกำธรแบบนั้นลงครับ  เราเรียกว่า   สัดส่วนทองคำ



สัดส่วนทองคำ โดย L.W. sepmeyer เวบ Cinemascope.com

จากรูปนี้ก็จะเห็นว่าสัดส่วนของเรามีให้เลือกสามขนาดเลยนะครับ A B C ก็สามารถไปปรับใช้กับบ้านเราได้ ถ้าเราจะสร้างห้องใหม่เลยก็ไม่ยากครับ เอาความสูงของห้องเป็นหลัก (ก็คือค่า c ในสูตร) จากนั้นเราก็จะได้ความกว้าง และยาวมา

เช่นต้องการห้องสูง 2.7 เมตร จะต้องทำผนังกว้าง-ยาว เท่าไหร่ ก็เอาเข้าสูตร
ห้องขนาด A กว้าง 2.7x1.14 = 3.078 เมตร และความยาว 2.7x1.39 = 3.753 เมตร
ห้องขนาด B กว้าง 2.7x1.28 = 3.456 เมตร และความยาว 2.7x1.54 = 4.158 เมตร
ห้องขนาด C กว้าง 2.7x1.6 = 4.32 เมตร และความยาว 2.7x2.33 = 6.291 เมตร

เราก็เอาเทียบกับบ้านของเราว่าควรจะทำห้องเท่าไหร่ดี ตามงบ และตามพื้นที่ที่เราต้องการ ดังนั้นห้องของผมก็ออกมาที่สูตร C คือ 2.7 x 4.32 x 6.291 เมตรครับ


ขนาดห้องโฮมตามแบบก่อสร้างจริงจะกว้าง 4.7 ยาว 6.2 จะเห็นว่าขนาดตามแบบจะเหลื่อมอยู่นิดๆ เนื่องจากงานโครงสร้างต้องสัมพันธ์กับส่วนอื่นของบ้าน แต่เราแก้ด้วยการก่อ การฉาบได้ครับ


      อ้าว แล้วถ้าผมมีบ้านอยู่แล้ว หรือไม่ได้คิดจะสร้างบ้าน แต่ซื้อบ้านจัดสรรจะทำยังไง ก็ไม่ยากครับ เราก็เลือกห้องที่เหมาะๆ เบิ้ลผนังเบา และตีโครงฝ้าใหม่ ให้ได้ตามขนาดครับ ไม่ยากเลย(ถ้ามีเงิน 55+) แต่ถ้ามันขยับขยายไม่ได้แล้วจริงๆ ก็ไม่ต้องซีเรียสครับ ถ้าเราไม่ใช่พวกหูทิพย์ หูทอง เราแค่ดูหนังเอาสนุก ก็ใช้ห้องเดิมๆได้ครับ แต่ข้อแม้เพียงอย่างเดียวคือ ห้องไม่ควรเป็นสี่เหลี่ยมด้านเท่าครับ นอกนั้นจะกว้าง จะยาวได้หมด หรือสุดท้ายมันแก้ไม่ได้จริงๆ ห้องที่ภรรยาอนุญาตให้เป็นห้องดูหนัง ดันเป็นสี่เหลี่ยมด้านเท่า ก็มีวิธีแก้ด้วยอคูสติกครับ ไม่ต้องห่วง ถึงไม่ 100% ก็ยังดีครับ


2.การกันเสียงรบกวน เข้า/ออกนอกห้อง

     แน่นอนครับ ห้องโฮมเธียเตอร์ ก็ต้องการความสงบเงียบในการดูหนัง ฟังเพลง และด้านนอกห้องก็ต้องการไม่ให้เสียงรบกวนออกไปเช่นกัน โดยเฉพาะอย่างหลัง ตรงนี้เป็นจุดอ่อนที่สุดของห้องที่เอาไว้ดูหนังครับ เพราะคนส่วนใหญ่ ซื้อแต่เครื่องเสียงเข้ามาในห้อง แต่ไม่ได้คำนึงถึงเสียงของเรา ที่จะไปดังรบกวนคนอื่นเขา คนอื่นๆที่หมายถึงนี่ก็รวมถึงเมียของเราด้วยครับ ถ้ายิ่งไปรบกวนโสตประสาทคุณเธอเข้า เราอาจอดเล่นเครื่องเสียงไปอีกนาน 555+

ผมจะแบ่งหัวข้อย่อยๆดังนี้นะครับ
2.1 ผนังห้อง
2.2 ประตูและหน้าต่าง
2.3 ฝ้าเพดาน

2.1 ผนังห้อง

    ก่อนจะไปถึงว่าจะกันเสียงยังไง เรามาดูพื้นฐานความรู้นิดนึงครับ ความดังของเสียงมีหน่วยเป็น เดซิเบล(db) เราคงรู้กันอยู่แล้ว ทีนี้เสียงกี่ db จะดังเท่าไหร่ ก็มีตารางเปรียบเทียบง่ายๆครับ


ตารางเทียบความดังของเสียง

    ห้องโฮมของเรานั้น ความดังอยู่ที่ราวๆ 80-100 db ครับ (ถ้าตามหลัก THX การ Set Default ความดังของลำโพงจะอยู่ที่ 80db ) ดังนั้นเสียงที่ดัง 80db คงไม่โสภาแน่ๆถ้าคนนอกห้องได้ยิน เราจึงต้องมีวิธีการกำจัด หรือลดทอนความดังลง เพื่อให้คนนอกห้องไม่รำคาญ ซึ่งก็ควรจะเหลือสัก 30-40 db ก็กำลังดีครับ และยิ่งถ้าดูหนังช่วงกลางคืน ก็ควรจะลดเหลือแค่ 20-30 db ก็พอ ค่าของการกันเสียงเราจะเรียกว่า ค่า STC (Sound Transission Class) ยิ่งมีแค่า STC มาก ก็แปลว่ายิ่งกันเสียงได้ดี เช่นผนังนี้ ค่า STC = 42 ก็แปลว่า ผนังสามารถกันเสียงได้ 42db จากความดังในห้อง 90db ก็จะเหลือ 48db ครับง่ายๆ

   ดังนั้นเราต้องทำยังไงก็ได้ที่ทำให้ห้องโฮมเรากันเสียงได้ 50db ขึ้นไป และยิ่งมากยิ่งดี ก็มีหลายวิธีด้วยกันครับ (โดยบทความดังต่อไปผมดัดแปลงจากเวบ Thaidvd.net โดยคุณ Spybug นะครับ >> http://forum.thaidvd.net/index.php?&showtopic=164353&mode=show&st=0 <<เวบนี้เป็นเวบที่ทำให้ผมเริ่มเปิดเข้าสู่โลกแห่งเครื่องเสียงเลยครับ)

ก.ผนังก่ออิฐฉาบปูนธรรมดา




ผนังก่ออิฐฉาบปูนธรรมดา ที่พบได้ในบ้านทั่วๆไป  ค่า STC จะอยู่ที่ 42 ซึ่งไม่พอกับการกันเสียงโฮมของเราแน่นอนครับ

ข.ผนังก่ออิฐฉาบปูน 2 ชั้นเบิ้ล


ผนังก่ออิฐเบิ้ลแบบชิดกัน แบบนี้คงไม่มีคนทำเท่าไหร่ครับ ผนังแบบนี้ค่า STC อยู่ที่ 52 ก็โอเคนะครับ แต่ต้องเบิ้ลอิฐสองชั้น ห้องหนาขึ้น คานรับน้ำหนักมากขึ้น

ค.ผนังอิฐมอญก่อสองชั้น เว้นช่องว่างตรงกลาง 10 เซน และใส่ฉนวนกันเสียง


    ผนังก่ออิฐมอญสองชั้น เว้นช่องว่างตรงกลาง ใส่วัสดุกันเสียง ผนังแบบนี้ แน่นอนกันเสียงได้ดีที่สุด อยู่ที่ 72db โอ้ ดีมากๆเลย จะคล้ายๆกับแบบที่สอง แต่เพิ่มระยะห่างและใส่แผ่นกันเสียงเข้าไป จะเห็นว่าค่ากันเสียงดีสุด แต่ข้อเสียคือต้องมีการออกแบบคานรับน้ำหนักผนังไว้แต่แรก ความหนาของกำแพงจะมากขึ้น ทำให้ระยะภายในห้องแคบลง  ห้องผมเลือกวิธีนี้ครับ เพราะห้องโฮมแยกมาจากตัวบ้าน อยู่โดดๆด้านหลัง กลัวเพื่อนบ้านจะได้ยิน แล้วหมู่บ้านผมกลางคืนเงียบมาก ก็เลยใช้การกันเสียงวิธีนี้ไปเลยครับ ก็ให้สถาปนิกออกแบบไว้เลยตั้งแต่แรก

ง.ผนังโครงคร่าวเหล็กกัลวาไนซ์ บุด้วยวัสดุกันเสียง ปิดทับด้วยยิปซั่มบอร์ด


    ผนังก่ออิฐฉาบปูนเดิมๆ เบิ้ลด้วยโครงคร่าว + วัสดุกันเสียง + ยิปซั่มบอร์ด ผนังนี้ค่า STC อยู่ที่ 62 โอ้วว เยอะมาก เบาด้วย และสามารถบิ้วทับผนังเดิมๆได้เลยไม่ต้องทุบแก้ วัสดุกันเสียง กับวัสดุซับเสียง เป็นคนละแบบกันนะครับ ส่วนใหญ่ชอบสับสน วัสดุกันเสียง ก็คือตัวที่เอาไว้กันเสียงออก/เข้า จะบอกค่ากันเสียง STC แต่วัสดุซับเสียง จะลดการสะท้อนของเสียงในห้อง ซึ่งจะเอามาใช้กันเสียงไม่ได้นะครับ ระวังให้ดีเวลาเลือกซื้อ โดยวัสดุกันเสียงนี้ ส่วนใหญ่จะเป็นพวกใยแก้วนะครับ ซึ่งก็มีขายหลายตัว แต่ตัวที่ผมใช้คือ SCG Cylence รุ่น Zound Block ครับ



วัสดุกันเสียง SCG Cylence รุ่น Zound Block

      เป็นใยแก้ว แล้วหุ้มพลาสติกกันใยแก้วฟุ้งอีกที ใยแก้วพวกนี้เราบุด้านในผนังอีกที จริงๆก็ไม่ต้องกลัวเราหายใจเข้าไปนะครับ แต่ถ้ากลัว หากเรามีการตัด หรือฉีกถุง ก็ให้แปะด้วยเทปเหนียวตรงรอยแกะอีกชั้นก็ได้ครับ


รูปการติดตั้งจะเป็นลักษณะนี้ครับ (ขอบคุณภาพจาก Zen Acoustic)


นี้เป็นรูปจริงที่หามาจาก Google

   ซึ่งการกันเสียงแบบที่ 3 นี้ เป็นวิธีที่ดี นิยมใช้ทั่วไปครับ ตามห้องซ้อมหรือห้องโฮมที่ไม่ได้สร้างขึ้นมาใหม่ ใช้แบบนี้ครับ รับรองจบ ถ้าท่านอยากให้กันเสียงได้เพิ่มก็ติดแผ่นยิปซั่มเพิ่มไปเป็นสามชั้นสี่ชั้นก็ได้ แต่หนาไปก็เพิ่มน้ำหนักและห้องแคบลงนะครับ ก็คำนวนดีๆ   สำหรับบ้านทั่วไปที่มีผนังเดิมอยู่แล้วแนะนำให้เลือกการทำผนังกันเสียงแบบนี้ครับ เพราะทำง่าย ติดตั้งทับผนังเดิมได้เลย และสามารถขยับระยะผนังให้เข้ากับสัดส่วนทองคำได้โดยไม่ต้องไปทุบผนังปูนให้เสียของ

...Continue...

แสดงความคิดเห็น
โปรดศึกษาและยอมรับนโยบายข้อมูลส่วนบุคคลก่อนเริ่มใช้งาน อ่านเพิ่มเติมได้ที่นี่