สวัสดีค่ะ เพื่อนๆชาว Pantip ---
Romantic Road Trip ของเราเป็นชื่อที่ได้มาจากกระทู้แรงบันดาลใจในห้องบลู ไม่ได้เป็นกระทู้ฮันนีมูนหรือมีความโรแมนติคแต่อย่างใดในเนื้อหา แต่ขอโรแมนซ์ด้วยภาพบ้านเมืองที่เราแวะผ่านตลอดเส้นทางที่ได้ชื่อว่าเป็นถนนสายโรแมนติคในช่วงฤดูใบไม้ร่วงที่เริ่มต้นจากประเทศเยอรมัน ข้ามผ่านไปยังออสเตรีย สู่สาธารณรัฐเช็ค และกลับมาลงท้ายที่เยอรมันอีกครั้ง
ขอออกตัวก่อนว่า นี่เป็นกระทู้แรกของเรานะคะ (เป็นรีวิวขนาดยาว 9 วัน จึงแอบเก็บไว้ข้ามปี จนมีกระทู้แซงหน้าสั้นๆไปหนึ่งอันแล้วค่ะ จะเรียกว่าเป็นกระทู้ที่ 2 ก็ได้ถ้างั้น

) ชีวิตในช่วงปีที่ผ่านมานี้ อาศัยรีวิวจากพันทิปในการหาข้อมูลท่องเที่ยวมาตลอด และหมายมั่นว่า สักวันหนึ่งจะมารีวิวแบ่งปันประสบการณ์ให้คนอื่นบ้างเป็นการแลกเปลี่ยนกัน อาจไม่ใช่รีวิวแบบละเอียดยิบข้อมูลแน่นปึ๊ก หรืออาจไม่ถูกใจใครที่กำลังหาทริปประเภท ‘ถูกที่สุด’ หรือ ‘งบน้อยที่สุด’ แต่อย่างน้อย ขอให้กระทู้น้อยๆกระทู้แรกของเราได้เป็นแรงบันดาลใจให้กับใครสักคนนึงอยากจะออกเดินทาง เหมือนที่เพื่อนๆหลายคนได้ทำให้เราค่ะ
กระทู้นี้ เป็น 3 วันแรก ที่เยอรมัน เมือง Munich, Schwangau, Fussen, Mittenwald และเข้าเขตประเทศออสเตรียที่เมือง Innsbruck ค่ะ
สามารถติดตามกระทู้ที่ 2 ได้จากลิ้งค์นี้เลยค่า >>>
http://pantip.com/topic/35872850
กระทู้ที่ 3 ได้จากลิ้งค์นี้นะคะ >>>
http://pantip.com/topic/35913432
อันนี้เผื่อใครสนใจรีวิวกระทู้แรกอย่างเป็นทางการ
ดอกพญาเสือโคร่ง ณ ภูลมโล จังหวัดเลยค่ะ:
http://pantip.com/topic/34715853
มาเริ่มกันเลยดีกว่า : )
(สำหรับคนที่มีข้อมูลแน่นเรื่องตั๋ว ที่พัก เช่ารถแล้ว ข้ามไปด้านล่างได้เลยนะคะ)
ทำไมถึงเป็นเยอรมัน ออสเตรีย เช็ค: เนื่องจากน้องชายกำลังจะเรียนจบจากอังกฤษ อยากให้พี่สาวบินไปเยี่ยมก่อนกลับ แต่ไอพี่ไม่อยากไปอังกฤษ เลยขอเบี่ยงเบนต่อรองปลายทางเป็นยุโรป โดยที่ไม่มีข้อมูลอะไรเลย แต่พอคิดว่าจะไปแล้ว ก็เสิร์ชหาแรงบันดาลใจจากพันทิป มีคีเวิร์ด ว่า ‘
ยุโรป’ กับ ‘
ใบไม้เปลี่ยนสี’ จนได้ไปเจอกระทู้ของคุณ 9MOT (แต่เป็นช่วงฤดูใบไม้ผลิ) ปังมาก รูปแรกของกระทู้ ทำให้เราเกิดความอยากเดินทาง และ ‘ต้อง’ เดินทางในทันที
วันลาและตั๋วเครื่องบิน
ลำดับต่อมา คือ เปิดหา
วันลา (อันนี้สำคัญสุด

) จัดสรรได้มาทั้งหมด 9 วันรวมเดินทางอีก 1 วันเป็น 10 พอดิบพอดี ช่วงต้นเดือนตุลา ปี 58 ค่ะ เมื่อได้แล้วก็จอง
ตั๋วเครื่องบิน เราเลือกบินของการบินไทย ช่วงนั้นมีโปรยุโรปราคาไปกลับประมาณ 34,000 บินตรงเข้ามิวนิค ซึ่งถ้าเทียบกับสายการบินอื่นๆที่อาจราคาใกล้เคียงกันแต่ต้องเปลี่ยนเครื่อง เราคิดว่า ราคานี้เป็นราคาที่รับได้ (จองล่วงหน้าประมาณ เดือนครึ่ง)
วีซ่า
แน่นอนว่า เข้ายุโรปต้อง
เชงเก้น ปกติไปยุโรปก็เคยไปแต่กับทัวร์ มีคนจัดการเรื่องวีซ่าให้ เราแค่ไปยืนๆตอบคำถามนิดหน่อย หรือบางทีไม่ต้องไปเลย แต่ครั้งนี้ ต้องทำเอง เราทำงานอยู่ที่ภูเก็ตค่ะ การจะลางานไปเพื่อทำวีซ่าที่กรุงเทพฯ ดูจะเป็นเรื่องไม่ง่ายและเจ้านายไม่น่าจะแฮปปี้ เลยจัดการยื่นขอวีซ่าที่
สถานกงสุลกิตติมศักดิ์ ภูเก็ต ซึ่งเป็นของประเทศเยอรมันค่ะ อันนี้ทำการบ้านก่อนจองตั๋วเครื่องบินด้วยเหมือนกัน เพราะรู้สึกเป็นเรื่องที่ท้าทายที่สุดในการเตรียมตัว เอกสารหลักฐานต่างๆเหมือนทางที่เว็บไซต์ที่กรุงเทพฯ กำหนดเลยค่ะ เพียงแต่ที่นี่ไม่ต้องจองคิวล่วงหน้า สามารถเข้าไปยื่นเรื่องหากเอกสารพร้อม เปิดบริการถึงแค่บ่าย 2 และมีค่าบริการที่ 3,450 บาทซึ่งแพงกว่า กทม. แต่ก็คือเค้าส่งเรื่องไปที่สถานทูตเยอรมันในกรุงเทพฯให้เราเรียบร้อย
เรื่องเอกสารหลังไมค์มาได้นะคะ แต่จุดนี้ขอเล่าความตื่นเต้นสั้นๆว่า เราต้องมีการวางแพลนและมีเอกสารจองโรงแรมล่วงหน้าเพื่อประกอบการยื่นร้องขอวีซ่า เราจองผ่าน booking.com ไปค่ะ (สามารถแคนเซิลได้) เราได้นอนทั้งหมด 8 คืน โชคดีที่เยอรมันเราเลือกพักไป 4 คืน ออสเตรีย 2 คืนและเช็ค 2 คืน (อันนี้เป็นความบังเอิญที่ไม่รู้มาก่อน เพราะเราเข้าใจว่า ถ้าเข้าประเทศไหนเป็นประเทศแรกและดูจากตั๋วเครื่องบินก็สามารถให้ขอวีซ่าประเทศนั้นได้โดยที่ยังไม่ต้องรู้ว่าจะอยู่ประเทศไหนกี่วันกี่คืน) และเจ้าหน้าที่บอกว่า ถ้าเกิดเห็นว่า ไปพักที่ออสเตรียเยอะกว่า ก็จะต้องให้ไปยื่นขอที่ออสเตรีย ถือว่าโชคดีไปค่ะ ใช้เวลา 1 อาทิตย์หลังจากวันยื่น เราก็ได้รับแมสเสจว่า หนังสือเดินทางของท่านกลับมาแล้ว ให้ไปรับได้ ตอนนั้นตื่นเต้นมีความสุขไปทั้งวันเลยค่ะ ว่าเอออ เราก็ทำเองได้นี่นา ดีจัง แต่ให้วันเข้าออกยุโรปมาแบบ ตามตั๋วเครื่องบินไม่เผื่อเหลือเผื่อขาดเลยน้ะท่านสถานทูต ชั้นจ่ายตังตั้งแพงน้ะ : D
แพลนการเดินทาง
มีตั๋วเครื่องบิน มีวีซ่าพร้อมแล้ว ต่อไปก็คือแพลนการเดินทาง ซึ่งจริงๆตอนที่ทำแพลนการเดินทางไปขอวีซ่าเราได้ทำคร่าวๆไว้แล้ว ทำให้ง่ายต่อการมาใส่รายละเอียดเพิ่มเติม และเราก๊อปปี้เส้นทางจากกระทู้แรงบันดาลใจเป๊ะเลยค่ะ เปลี่ยนเอาจุดหมายนึงออกและใส่ที่อยากไปมากมาแทน ตามภาพประกอบด้านล่างเลยค่ะ

Day 1:
Munich
Day 2:
Munich>Schwangau>Fussen
Day 3:
Fussen>Mittenwald>Innsbruck
Day 4:
Innsbruck>Salzburg
Day 5:
Salzburg>Hallstatt>Vienna
Day 6:
Vienna>Cesky Krumlov
Day 7:
Cesky Krumlov>Prague
Day 8:
Prague> Rothenburgob der Tauber
Day 9:
Rothenburg ob der Tauber>Munich
จะทำเส้นทางการเดินทางอย่าลืมว่า ต้องกลับมาจบที่เดิมเพราะตั๋วเครื่องบินของเราเป็นแบบไปกลับ และเส้นทางที่เราก๊อปปี้มาจากกกระทู้แรงบันดาลใจนั้น พี่เค้าขับรถ! เพราะฉะนั้นเราก็ต้อง เช่ารถ น่ะสิ?!? ก่อนเข้าเรื่องเช่ารถต้องจองโรงแรมก่อนนะคะ เราหาจาก booking.com ใส่ข้อแม้ไปสองข้อตอน search ว่า มี Breakfast กับ Car Park เพราะที่จอดรถสาธารณะในยุโรป 90% คือเสียค่าจอดนะคะ เพราะฉะนั้นไหนๆก็ต้องจ่ายค่าโรงแรมแล้ว ขอกินทั้งข้าวเช้าและจอดรถฟรีด้วย ดีอออก ;)
เช่ารถ
เมื่อชัวร์แล้วว่าเช่ารถมารถเราจะมีที่จอดแน่ๆ ไม่เป็นภาระ ก็จัดการเรื่องจองรถต่อทันที ไม่เคยเช่ารถด้วยตัวเอง ปกติไปกับเพื่อนๆจัดการให้ เอาล่ะสิ หาข้อมูล มีไม่เยอะนักแถมพูดไม่เหมือนกันสักคน จะแนะนำบริษัทอะไร เชื่อได้ไหม จ่ายเงินก่อนนี่ถูกหลอกรึเปล่า สารพัดความกังวลทำให้ตอนแรกเราถอดใจว่า ไม่ขับก็ได้ แต่นั่นแปลว่า เราต้องปรับแพลนใหม่ทั้งหมดเพราะเส้นทางด้านบนมันคือระยะไกลที่ขับรถจึงจะสะดวกรวดเร็วและไปถึงมากกว่าขนส่งสาธารณะ ไม่ไหว ตัดใจไม่ได้ แถมช่วงนั้นยังมีข่าวผู้อพยพลี้ภัยตามสถานีรถไฟต่างๆในประเทศเหล่านี้ เลยมาลงตัวที่
rentalcars.com ซึ่งเจอรีวิวนึงบอกว่าบริษัทแม่ที่อังกฤษจะโทรมาเลย หากเรามีข้อสงสัยที่จะสอบถาม และก็โทรมาจริงๆ เราได้ถามข้อข้อใจให้หายสงสัย ซึ่งดีมากเลยค่ะเพราะการต้อง prepaid ไปก่อนมันทำให้เราไม่มั่นใจ แต่พอได้รับคำตอบโดยตรงจากเจ้าหน้าที่เราก็สบายใจและพร้อมให้เลขบัตรเครดิตไปทันที : D

รถของเราคือ Volkswagen รุ่น Golf เช่าทั้งหมด 8 วันในราคาประมาณ 12,000 บาท ซึ่งรวมประกันแบบอุบัติเหตุแบบพื้นฐาน สติ๊กเกอร์ติดเรียบร้อยสำหรับขับออกนอกประเทศเยอรมัน รวมถึงฟรีค่าขับขี่สำหรับคนขับคนที่ 2 (Additional Driver) ด้วย รับและคืนที่เดิมแบบน้ำมันเต็มถัง เช่ากับบริษัท CarO ซึ่งบอกว่าเป็นสาขาสนามบินมิวนิค แต่จริงๆไม่ได้อยู่ในสนามบินแต่จะมีรถ Shuttle มารับเราไปที่ศูนย์บริการซึ่งห่างจากสนามบินมิวนิคไปประมาณ 15 นาทีค่ะ หลายคนอาจบอกว่า ไปเที่ยวกันสองคน เช่ารถคุ้มหรอ ปกติต้องหลายๆคนหารกัน แต่สำหรับตัวเอง คิดว่าคุ้มมากนะคะกับความสะดวกสบายและเหมาะสมกับ Road Trip ตามความตั้งใจเป็นที่สุด
ใบขับขี่สากล
เอาล่ะสิ เตรียมมีรถขับซะแล้ว ใบขับขี่สากลมีไหม ก็ต้องไปทำ ทำไม่ยากเลยค่ะเพียงแค่คุณมีใบขับขี่ 5 ปี ของไทย สำเนาพาสปอต รูปถ่าย 2 นิ้วพร้อมเงิน 505 บาท แต่ขอโน๊ตความรู้ไว้อย่างนึงว่า ใบขับขี่สากลที่เราได้มา ไม่มีประเทศเยอรมันอยู่ในลิสต์ประเทศที่ขับขี่ได้นะคะ แต่ทุกคนก็บอกใช้ได้ เค้าไม่เช็คตรงนั้น แต่เราทำไปเพื่อความสบายใจ (เกิดโดนตำรวจเรียกจะได้อุ่นใจว่าอย่างน้อยเรามี International Driving License น้ะ) แถมตอนไปรับรถ เค้าขอดูใบขับขี่ของน้องเราด้วย ซึ่งฮีก็โชว์ใบขับขี่ของประเทศไทยไป เนื่องจากไม่ได้ทำ เค้าก็ไม่ว่าอะไร รอดตัวไปค่ะ
เมื่อเอกสารการเดินทางพร้อมทุกสิ่งแล้ว แลกเงินยูโรไว้เรียบร้อย ก็ออกเดินทางกันเลยค่ะ


[CR] Romantic Road Trip: สองพี่น้องขับรถเที่ยวเยอรมัน ออสเตรีย เชค ช่วงใบไม้เปลี่ยนสี (1)
ขอออกตัวก่อนว่า นี่เป็นกระทู้แรกของเรานะคะ (เป็นรีวิวขนาดยาว 9 วัน จึงแอบเก็บไว้ข้ามปี จนมีกระทู้แซงหน้าสั้นๆไปหนึ่งอันแล้วค่ะ จะเรียกว่าเป็นกระทู้ที่ 2 ก็ได้ถ้างั้น
กระทู้นี้ เป็น 3 วันแรก ที่เยอรมัน เมือง Munich, Schwangau, Fussen, Mittenwald และเข้าเขตประเทศออสเตรียที่เมือง Innsbruck ค่ะ
สามารถติดตามกระทู้ที่ 2 ได้จากลิ้งค์นี้เลยค่า >>> http://pantip.com/topic/35872850
กระทู้ที่ 3 ได้จากลิ้งค์นี้นะคะ >>> http://pantip.com/topic/35913432
มาเริ่มกันเลยดีกว่า : )
(สำหรับคนที่มีข้อมูลแน่นเรื่องตั๋ว ที่พัก เช่ารถแล้ว ข้ามไปด้านล่างได้เลยนะคะ)
ทำไมถึงเป็นเยอรมัน ออสเตรีย เช็ค: เนื่องจากน้องชายกำลังจะเรียนจบจากอังกฤษ อยากให้พี่สาวบินไปเยี่ยมก่อนกลับ แต่ไอพี่ไม่อยากไปอังกฤษ เลยขอเบี่ยงเบนต่อรองปลายทางเป็นยุโรป โดยที่ไม่มีข้อมูลอะไรเลย แต่พอคิดว่าจะไปแล้ว ก็เสิร์ชหาแรงบันดาลใจจากพันทิป มีคีเวิร์ด ว่า ‘ยุโรป’ กับ ‘ใบไม้เปลี่ยนสี’ จนได้ไปเจอกระทู้ของคุณ 9MOT (แต่เป็นช่วงฤดูใบไม้ผลิ) ปังมาก รูปแรกของกระทู้ ทำให้เราเกิดความอยากเดินทาง และ ‘ต้อง’ เดินทางในทันที
วันลาและตั๋วเครื่องบิน
ลำดับต่อมา คือ เปิดหาวันลา (อันนี้สำคัญสุด
วีซ่า
แน่นอนว่า เข้ายุโรปต้องเชงเก้น ปกติไปยุโรปก็เคยไปแต่กับทัวร์ มีคนจัดการเรื่องวีซ่าให้ เราแค่ไปยืนๆตอบคำถามนิดหน่อย หรือบางทีไม่ต้องไปเลย แต่ครั้งนี้ ต้องทำเอง เราทำงานอยู่ที่ภูเก็ตค่ะ การจะลางานไปเพื่อทำวีซ่าที่กรุงเทพฯ ดูจะเป็นเรื่องไม่ง่ายและเจ้านายไม่น่าจะแฮปปี้ เลยจัดการยื่นขอวีซ่าที่สถานกงสุลกิตติมศักดิ์ ภูเก็ต ซึ่งเป็นของประเทศเยอรมันค่ะ อันนี้ทำการบ้านก่อนจองตั๋วเครื่องบินด้วยเหมือนกัน เพราะรู้สึกเป็นเรื่องที่ท้าทายที่สุดในการเตรียมตัว เอกสารหลักฐานต่างๆเหมือนทางที่เว็บไซต์ที่กรุงเทพฯ กำหนดเลยค่ะ เพียงแต่ที่นี่ไม่ต้องจองคิวล่วงหน้า สามารถเข้าไปยื่นเรื่องหากเอกสารพร้อม เปิดบริการถึงแค่บ่าย 2 และมีค่าบริการที่ 3,450 บาทซึ่งแพงกว่า กทม. แต่ก็คือเค้าส่งเรื่องไปที่สถานทูตเยอรมันในกรุงเทพฯให้เราเรียบร้อย
เรื่องเอกสารหลังไมค์มาได้นะคะ แต่จุดนี้ขอเล่าความตื่นเต้นสั้นๆว่า เราต้องมีการวางแพลนและมีเอกสารจองโรงแรมล่วงหน้าเพื่อประกอบการยื่นร้องขอวีซ่า เราจองผ่าน booking.com ไปค่ะ (สามารถแคนเซิลได้) เราได้นอนทั้งหมด 8 คืน โชคดีที่เยอรมันเราเลือกพักไป 4 คืน ออสเตรีย 2 คืนและเช็ค 2 คืน (อันนี้เป็นความบังเอิญที่ไม่รู้มาก่อน เพราะเราเข้าใจว่า ถ้าเข้าประเทศไหนเป็นประเทศแรกและดูจากตั๋วเครื่องบินก็สามารถให้ขอวีซ่าประเทศนั้นได้โดยที่ยังไม่ต้องรู้ว่าจะอยู่ประเทศไหนกี่วันกี่คืน) และเจ้าหน้าที่บอกว่า ถ้าเกิดเห็นว่า ไปพักที่ออสเตรียเยอะกว่า ก็จะต้องให้ไปยื่นขอที่ออสเตรีย ถือว่าโชคดีไปค่ะ ใช้เวลา 1 อาทิตย์หลังจากวันยื่น เราก็ได้รับแมสเสจว่า หนังสือเดินทางของท่านกลับมาแล้ว ให้ไปรับได้ ตอนนั้นตื่นเต้นมีความสุขไปทั้งวันเลยค่ะ ว่าเอออ เราก็ทำเองได้นี่นา ดีจัง แต่ให้วันเข้าออกยุโรปมาแบบ ตามตั๋วเครื่องบินไม่เผื่อเหลือเผื่อขาดเลยน้ะท่านสถานทูต ชั้นจ่ายตังตั้งแพงน้ะ : D
แพลนการเดินทาง
มีตั๋วเครื่องบิน มีวีซ่าพร้อมแล้ว ต่อไปก็คือแพลนการเดินทาง ซึ่งจริงๆตอนที่ทำแพลนการเดินทางไปขอวีซ่าเราได้ทำคร่าวๆไว้แล้ว ทำให้ง่ายต่อการมาใส่รายละเอียดเพิ่มเติม และเราก๊อปปี้เส้นทางจากกระทู้แรงบันดาลใจเป๊ะเลยค่ะ เปลี่ยนเอาจุดหมายนึงออกและใส่ที่อยากไปมากมาแทน ตามภาพประกอบด้านล่างเลยค่ะ
Day 1: Munich
Day 2: Munich>Schwangau>Fussen
Day 3: Fussen>Mittenwald>Innsbruck
Day 4: Innsbruck>Salzburg
Day 5: Salzburg>Hallstatt>Vienna
Day 6: Vienna>Cesky Krumlov
Day 7: Cesky Krumlov>Prague
Day 8: Prague> Rothenburgob der Tauber
Day 9: Rothenburg ob der Tauber>Munich
จะทำเส้นทางการเดินทางอย่าลืมว่า ต้องกลับมาจบที่เดิมเพราะตั๋วเครื่องบินของเราเป็นแบบไปกลับ และเส้นทางที่เราก๊อปปี้มาจากกกระทู้แรงบันดาลใจนั้น พี่เค้าขับรถ! เพราะฉะนั้นเราก็ต้อง เช่ารถ น่ะสิ?!? ก่อนเข้าเรื่องเช่ารถต้องจองโรงแรมก่อนนะคะ เราหาจาก booking.com ใส่ข้อแม้ไปสองข้อตอน search ว่า มี Breakfast กับ Car Park เพราะที่จอดรถสาธารณะในยุโรป 90% คือเสียค่าจอดนะคะ เพราะฉะนั้นไหนๆก็ต้องจ่ายค่าโรงแรมแล้ว ขอกินทั้งข้าวเช้าและจอดรถฟรีด้วย ดีอออก ;)
เช่ารถ
เมื่อชัวร์แล้วว่าเช่ารถมารถเราจะมีที่จอดแน่ๆ ไม่เป็นภาระ ก็จัดการเรื่องจองรถต่อทันที ไม่เคยเช่ารถด้วยตัวเอง ปกติไปกับเพื่อนๆจัดการให้ เอาล่ะสิ หาข้อมูล มีไม่เยอะนักแถมพูดไม่เหมือนกันสักคน จะแนะนำบริษัทอะไร เชื่อได้ไหม จ่ายเงินก่อนนี่ถูกหลอกรึเปล่า สารพัดความกังวลทำให้ตอนแรกเราถอดใจว่า ไม่ขับก็ได้ แต่นั่นแปลว่า เราต้องปรับแพลนใหม่ทั้งหมดเพราะเส้นทางด้านบนมันคือระยะไกลที่ขับรถจึงจะสะดวกรวดเร็วและไปถึงมากกว่าขนส่งสาธารณะ ไม่ไหว ตัดใจไม่ได้ แถมช่วงนั้นยังมีข่าวผู้อพยพลี้ภัยตามสถานีรถไฟต่างๆในประเทศเหล่านี้ เลยมาลงตัวที่ rentalcars.com ซึ่งเจอรีวิวนึงบอกว่าบริษัทแม่ที่อังกฤษจะโทรมาเลย หากเรามีข้อสงสัยที่จะสอบถาม และก็โทรมาจริงๆ เราได้ถามข้อข้อใจให้หายสงสัย ซึ่งดีมากเลยค่ะเพราะการต้อง prepaid ไปก่อนมันทำให้เราไม่มั่นใจ แต่พอได้รับคำตอบโดยตรงจากเจ้าหน้าที่เราก็สบายใจและพร้อมให้เลขบัตรเครดิตไปทันที : D
รถของเราคือ Volkswagen รุ่น Golf เช่าทั้งหมด 8 วันในราคาประมาณ 12,000 บาท ซึ่งรวมประกันแบบอุบัติเหตุแบบพื้นฐาน สติ๊กเกอร์ติดเรียบร้อยสำหรับขับออกนอกประเทศเยอรมัน รวมถึงฟรีค่าขับขี่สำหรับคนขับคนที่ 2 (Additional Driver) ด้วย รับและคืนที่เดิมแบบน้ำมันเต็มถัง เช่ากับบริษัท CarO ซึ่งบอกว่าเป็นสาขาสนามบินมิวนิค แต่จริงๆไม่ได้อยู่ในสนามบินแต่จะมีรถ Shuttle มารับเราไปที่ศูนย์บริการซึ่งห่างจากสนามบินมิวนิคไปประมาณ 15 นาทีค่ะ หลายคนอาจบอกว่า ไปเที่ยวกันสองคน เช่ารถคุ้มหรอ ปกติต้องหลายๆคนหารกัน แต่สำหรับตัวเอง คิดว่าคุ้มมากนะคะกับความสะดวกสบายและเหมาะสมกับ Road Trip ตามความตั้งใจเป็นที่สุด
ใบขับขี่สากล
เอาล่ะสิ เตรียมมีรถขับซะแล้ว ใบขับขี่สากลมีไหม ก็ต้องไปทำ ทำไม่ยากเลยค่ะเพียงแค่คุณมีใบขับขี่ 5 ปี ของไทย สำเนาพาสปอต รูปถ่าย 2 นิ้วพร้อมเงิน 505 บาท แต่ขอโน๊ตความรู้ไว้อย่างนึงว่า ใบขับขี่สากลที่เราได้มา ไม่มีประเทศเยอรมันอยู่ในลิสต์ประเทศที่ขับขี่ได้นะคะ แต่ทุกคนก็บอกใช้ได้ เค้าไม่เช็คตรงนั้น แต่เราทำไปเพื่อความสบายใจ (เกิดโดนตำรวจเรียกจะได้อุ่นใจว่าอย่างน้อยเรามี International Driving License น้ะ) แถมตอนไปรับรถ เค้าขอดูใบขับขี่ของน้องเราด้วย ซึ่งฮีก็โชว์ใบขับขี่ของประเทศไทยไป เนื่องจากไม่ได้ทำ เค้าก็ไม่ว่าอะไร รอดตัวไปค่ะ
เมื่อเอกสารการเดินทางพร้อมทุกสิ่งแล้ว แลกเงินยูโรไว้เรียบร้อย ก็ออกเดินทางกันเลยค่ะ