พรจากฟ้า (2016) 9.5/10
เราว่า GDH ปิดท้ายปีได้ดีมากๆ กับหนังเรื่องนี้ ต้องแอบบอกด้วยว่า GDH ไม่ได้ทำหนังเรื่องนี้โดยเริ่มจากเดือนตุลาน่ะ แต่เขาทำมานานแล้ว แต่จังหวะมันออกมาในเวลาที่มันเหมาะเจาะมากๆ เพราะช่วงนี้น่าจะเป็นช่วงที่เรานึกถึงพ่อหลวงมากที่สุด หนังเรื่องนี้ทำออกมาได้ดีมากๆ ช่วงที่ต้องเขินๆฟินๆ ช่วงเศร้า หรือช่วงสำลักความสุขสไตล์ GDH ยังทำออกมาได้ดีเหมือนเดิม แต่มันค่อนข้างสำเร็จรูปไปหน่อยอ่ะ สำหรับเรา เราหักคะแนนความสำเร็จรูปแค่นั้นจริงๆ คำว่าสำเร็จรูปคือเราเดาทางได้หมดเลยว่าเดี๊ยวต้องเค้นอารมณ์แบบนี้ เดี๊ยวต้องมีฉากแบบนี้ มันสำเร็จรูปมากๆในทางของหนัง ซึ่งปกติ GDH จะไม่ค่อยมีแนวนี้อ่ะนะ แต่ด้วยความสำเร็จรูปไงมันก็เลยออกมาดี เพราะความสำเร็จรูปมันก็มีข้อดีของมันคือ Play safe ว่าคนชอบมากแน่ๆ
คราวนี้มาทีละพาร์ท พาร์ทแรก
เราชอบพาร์ทนี้ที่สุด อาจเพราะเราชอบหนังแนวความสัมพันธ์ 1 วัน (ซึ่งเป็นพล็อตหนังที่ง่ายที่สุดจริงๆเช่น ตอนของมาร์ชใน Home , Before sunrise , Once ฉันรู้จักเธอหนึ่งวันเราอยู่ด้วยกันตลอดไป) เราหลงรักความสัมพันธ์แบบนี้นะ มันง่ายดี ไม่ต้องรู้จักกันมาก งัดมุขมาว่าฉันอยากรู้จักเธอให้หมด เผยแต่ด่านดีๆ แง้มด้านมืดนิดๆของตัวเอง เราว่ามันมีเสน่ห์ เรื่องนี้ก็เช่นกัน หนุ่มเจ้าชู้คนหนึ่ง จะมารับทุน แต่โดนเรียกไปสแตนอินท่านฑูตซะงั้น แล้วคนที่มาเป็นสแตนอิน ภริยาท่านฑูต(ที่เพิ่งอกหักมา) น่ารักดี มีเวลาแค่วันนี้แหละ จีบเลยละกัน ซึ่งนายกะวีทำได้ดีมาก แม้มันจะดูเป็น Cinematic มากๆๆ แต่ก็ยังออกมาดูโอเคอยู่ดี นายเล่นดีมาก และวีร้องเพลงเพราะมาก แม้จะขัดใจตอนจบนิดนึง แต่ก็ยังโอเค
พาร์ทสอง หนังเล่นประเด็นเกี่ยวกับความจำเสื่อมและครอบครัว พาร์ทนี้เราชอบการแสดงของมิว นางได้ปล่อยของอีกแล้ว แต่ที่ปล่อยของกว่าคือคนที่แสดงเป็นพ่อของมิว อันนั้นดีมากจริงๆ แต่หนังเล่าสำเร็จรูปมากๆ รู้เลยว่าต้องมีซีนบิ้วแบบนี้ จบแบบนี้ เราเลยหักตรงนี้ไป มันเค้นน่ำตาเรามากไปหน่อย (ซึ่งแน่นอนร้องไห้กันจนเสื้อกันหนาวเปียก) แต่อยากเห็นเซอร์ไพรส์ที่แตกต่างจากหนังแนวอัลไซเมอร์นี้ไปหน่อย อันนี้เราว่ามันคล้ายๆโฆษณาไทยประกันชีวิตไปสักนิด (ถ้าหนังพูดถึงอัลไซเมอร์เจ๋งๆเราก็ยังรัก Still Alice มากที่สุดอยู่ดี)
พาร์ทสามเป็นพาร์ทที่เราชอบน้อยที่สุด อันนี้คือมันสำเร็จรูปมากๆ ชายหนุ่มนักดนตรีร็อคที่ไม่ดังเลย เปลี่ยนใจมาทำงานบริษัทเกี่ยวกับการเงิน ซึ่งค้นพบว่ามีแต่คนเฉิ่มๆ แต่ทุกเย็นคนเฉิ่มๆเหล่านั้นกลับตกหลุมรักการเล่นดนตรี และอยากให้ชายหนุ่มคนนี้มาช่วยเทรนพวกเขา (แค่เล่าเรื่องย่อก็เดาตอนจบได้แล้วแน่ๆ 55) เราว่าเรื่องนี้เคมีของเต๋อกับหนูนา ลดฮวบเลยจากกวนมึนโฮ อาจเป็นเพราะคาแรคเตอร์ของทั้ง 2 คนในเรื่องมันออกมาให้แบบดูไม่ค่อยเคมีกันสักเท่าไหร่อยู่แล้วด้วยแหละ แต่ถามว่ามันมีความสุขไหม ก็มีนะ มีมากๆ แต่อย่างที่บอกมันสำเร็จรูปเกินไปอ่ะ เลยรู้สึกมีความสุขนะ แต่ไม่เซอร์ไพรส์เท่าไหร่
เราชอบหนังเรื่องนี้ เพราะอีกเหตุผลนึงคือส่วนที่เรารักมากที่สุดของในหลวงคือความเป็นนักดนตรีของท่าน เราว่าท่านเป็นนักดนตรีที่เจ๋งและแต่งเพลงได้เพราะมากๆ และเพลงที่นำมาใช้ GDH เรียบเรียงได้ดีมากๆ ดีจนแบบ เออ มันเป็นหนังดนตรีของไทยที่นานๆทีมันจะโผล่มาได้ดีมากขนาดนี้
ส่วนที่เราอยากติมากจริงๆคือเต๋อกับซันนี่อ่ะ คือเราว่าเต๋อกับซันนี่ไม่เคยหลุดจากคาแรคเตอร์แบบนี้เลยอ่ะ คือเราเริ่มเบื่อกับความ Feel good จังหวะกวนตีนของสองคนนี้มาก คือรู้นะว่ามันเข้ากับ Character แต่มันโคตรเป็น Character ที่ Play safe มากๆ ทั้งสองคนยังเล่นเป็นตัวเองอยู่มากๆ เราว่าลองเปลี่ยนคนอื่นมาแสดงบทแบบนี้ อาจจะต้องฝึกหน่อย แต่เราว่าอาจจะได้ความสดใหม่มากกว่านี้นะ
แต่ในเวลาที่คนไทยเต็มไปด้วยความโศกเศร้าเราว่าหนังเรื่องนี้เข้ามาสร้างความสุขและทำให้เราคิดถึงพ่อในแง่มุมที่ทำให้หัวใจเราพองโตขึ้นได้อย่างดีทีเดียว ขอบคุณ GDH ที่ทำให้มีความสุขในช่วงเวลาแบบนี้ได้
ขอบคุณที่อ่านรีวิวกันจนจบครับ ใครชื่นชอบหนังเหมือนกับผมก็ไปติดตามอ่าน Review หนังทุกแนวได้ที่เพจผมนะครับ
https://www.facebook.com/bearwithmefreepopcorn
ขอบคุณมากเลยครับ
Review : พรจากฟ้า (2016) หนังที่มาสร้างความสุขมากๆให้กับเราส่งท้ายปี แต่สำเร็จรูปไปหน่อย
เราว่า GDH ปิดท้ายปีได้ดีมากๆ กับหนังเรื่องนี้ ต้องแอบบอกด้วยว่า GDH ไม่ได้ทำหนังเรื่องนี้โดยเริ่มจากเดือนตุลาน่ะ แต่เขาทำมานานแล้ว แต่จังหวะมันออกมาในเวลาที่มันเหมาะเจาะมากๆ เพราะช่วงนี้น่าจะเป็นช่วงที่เรานึกถึงพ่อหลวงมากที่สุด หนังเรื่องนี้ทำออกมาได้ดีมากๆ ช่วงที่ต้องเขินๆฟินๆ ช่วงเศร้า หรือช่วงสำลักความสุขสไตล์ GDH ยังทำออกมาได้ดีเหมือนเดิม แต่มันค่อนข้างสำเร็จรูปไปหน่อยอ่ะ สำหรับเรา เราหักคะแนนความสำเร็จรูปแค่นั้นจริงๆ คำว่าสำเร็จรูปคือเราเดาทางได้หมดเลยว่าเดี๊ยวต้องเค้นอารมณ์แบบนี้ เดี๊ยวต้องมีฉากแบบนี้ มันสำเร็จรูปมากๆในทางของหนัง ซึ่งปกติ GDH จะไม่ค่อยมีแนวนี้อ่ะนะ แต่ด้วยความสำเร็จรูปไงมันก็เลยออกมาดี เพราะความสำเร็จรูปมันก็มีข้อดีของมันคือ Play safe ว่าคนชอบมากแน่ๆ
คราวนี้มาทีละพาร์ท พาร์ทแรก
เราชอบพาร์ทนี้ที่สุด อาจเพราะเราชอบหนังแนวความสัมพันธ์ 1 วัน (ซึ่งเป็นพล็อตหนังที่ง่ายที่สุดจริงๆเช่น ตอนของมาร์ชใน Home , Before sunrise , Once ฉันรู้จักเธอหนึ่งวันเราอยู่ด้วยกันตลอดไป) เราหลงรักความสัมพันธ์แบบนี้นะ มันง่ายดี ไม่ต้องรู้จักกันมาก งัดมุขมาว่าฉันอยากรู้จักเธอให้หมด เผยแต่ด่านดีๆ แง้มด้านมืดนิดๆของตัวเอง เราว่ามันมีเสน่ห์ เรื่องนี้ก็เช่นกัน หนุ่มเจ้าชู้คนหนึ่ง จะมารับทุน แต่โดนเรียกไปสแตนอินท่านฑูตซะงั้น แล้วคนที่มาเป็นสแตนอิน ภริยาท่านฑูต(ที่เพิ่งอกหักมา) น่ารักดี มีเวลาแค่วันนี้แหละ จีบเลยละกัน ซึ่งนายกะวีทำได้ดีมาก แม้มันจะดูเป็น Cinematic มากๆๆ แต่ก็ยังออกมาดูโอเคอยู่ดี นายเล่นดีมาก และวีร้องเพลงเพราะมาก แม้จะขัดใจตอนจบนิดนึง แต่ก็ยังโอเค
พาร์ทสอง หนังเล่นประเด็นเกี่ยวกับความจำเสื่อมและครอบครัว พาร์ทนี้เราชอบการแสดงของมิว นางได้ปล่อยของอีกแล้ว แต่ที่ปล่อยของกว่าคือคนที่แสดงเป็นพ่อของมิว อันนั้นดีมากจริงๆ แต่หนังเล่าสำเร็จรูปมากๆ รู้เลยว่าต้องมีซีนบิ้วแบบนี้ จบแบบนี้ เราเลยหักตรงนี้ไป มันเค้นน่ำตาเรามากไปหน่อย (ซึ่งแน่นอนร้องไห้กันจนเสื้อกันหนาวเปียก) แต่อยากเห็นเซอร์ไพรส์ที่แตกต่างจากหนังแนวอัลไซเมอร์นี้ไปหน่อย อันนี้เราว่ามันคล้ายๆโฆษณาไทยประกันชีวิตไปสักนิด (ถ้าหนังพูดถึงอัลไซเมอร์เจ๋งๆเราก็ยังรัก Still Alice มากที่สุดอยู่ดี)
พาร์ทสามเป็นพาร์ทที่เราชอบน้อยที่สุด อันนี้คือมันสำเร็จรูปมากๆ ชายหนุ่มนักดนตรีร็อคที่ไม่ดังเลย เปลี่ยนใจมาทำงานบริษัทเกี่ยวกับการเงิน ซึ่งค้นพบว่ามีแต่คนเฉิ่มๆ แต่ทุกเย็นคนเฉิ่มๆเหล่านั้นกลับตกหลุมรักการเล่นดนตรี และอยากให้ชายหนุ่มคนนี้มาช่วยเทรนพวกเขา (แค่เล่าเรื่องย่อก็เดาตอนจบได้แล้วแน่ๆ 55) เราว่าเรื่องนี้เคมีของเต๋อกับหนูนา ลดฮวบเลยจากกวนมึนโฮ อาจเป็นเพราะคาแรคเตอร์ของทั้ง 2 คนในเรื่องมันออกมาให้แบบดูไม่ค่อยเคมีกันสักเท่าไหร่อยู่แล้วด้วยแหละ แต่ถามว่ามันมีความสุขไหม ก็มีนะ มีมากๆ แต่อย่างที่บอกมันสำเร็จรูปเกินไปอ่ะ เลยรู้สึกมีความสุขนะ แต่ไม่เซอร์ไพรส์เท่าไหร่
เราชอบหนังเรื่องนี้ เพราะอีกเหตุผลนึงคือส่วนที่เรารักมากที่สุดของในหลวงคือความเป็นนักดนตรีของท่าน เราว่าท่านเป็นนักดนตรีที่เจ๋งและแต่งเพลงได้เพราะมากๆ และเพลงที่นำมาใช้ GDH เรียบเรียงได้ดีมากๆ ดีจนแบบ เออ มันเป็นหนังดนตรีของไทยที่นานๆทีมันจะโผล่มาได้ดีมากขนาดนี้
ส่วนที่เราอยากติมากจริงๆคือเต๋อกับซันนี่อ่ะ คือเราว่าเต๋อกับซันนี่ไม่เคยหลุดจากคาแรคเตอร์แบบนี้เลยอ่ะ คือเราเริ่มเบื่อกับความ Feel good จังหวะกวนตีนของสองคนนี้มาก คือรู้นะว่ามันเข้ากับ Character แต่มันโคตรเป็น Character ที่ Play safe มากๆ ทั้งสองคนยังเล่นเป็นตัวเองอยู่มากๆ เราว่าลองเปลี่ยนคนอื่นมาแสดงบทแบบนี้ อาจจะต้องฝึกหน่อย แต่เราว่าอาจจะได้ความสดใหม่มากกว่านี้นะ
แต่ในเวลาที่คนไทยเต็มไปด้วยความโศกเศร้าเราว่าหนังเรื่องนี้เข้ามาสร้างความสุขและทำให้เราคิดถึงพ่อในแง่มุมที่ทำให้หัวใจเราพองโตขึ้นได้อย่างดีทีเดียว ขอบคุณ GDH ที่ทำให้มีความสุขในช่วงเวลาแบบนี้ได้
ขอบคุณที่อ่านรีวิวกันจนจบครับ ใครชื่นชอบหนังเหมือนกับผมก็ไปติดตามอ่าน Review หนังทุกแนวได้ที่เพจผมนะครับ
https://www.facebook.com/bearwithmefreepopcorn
ขอบคุณมากเลยครับ