ส่วนแรกที่เราเข้ามาคือ Flower Dome ค่ะ กำลังจัดธีม คริสต์มาสพอดีเลย
ตรงนี้เราเดินไปกลัวไปค่ะ 555 จะหยิบมือถือขึ้นมาถ่ายก็กลัวมือถือร่วง มันสูงมาก 5555
มาจบกับ Highlight ของที่นี่ดีกว่า เรียกได้ว่า ใครไม่อัพรูปมุมนี้ลงไอจีละก็ มาไม่ถึงอีก Supertree Grove ตัวนี้เราไม่ได้เดินขึ้นไปค่ะ เป็นตัวซื้อตั๋วเพิ่มอีก 1 จุด + ปวดขามากไม่ไหวแล้ว เลยถ่ายรูปแต่ข้างล่างเนี่ยแหละ
แฮ่ !
เดินกลับมาที่ MRT Bayfront กันแบบทุลักทุเล และตัดสินใจกันว่า Marina Barrage ไม่ไปละ เดินไม่ไหวแหล่วจา ตัดสินใจเดินเข้า The Shoppes อีกรอบแล้วหาร้านนั่งพักด่วนๆ ลงเอยที่ Beanstro เป็นร้านสไตล์คาเฟ่ในเครือ The coffee bean & tea leaf แล้วนั่งยาวๆไปค่ะ หายเมื่อยแล้วค่อยมูฟ (โถสังขาร)
หายเมื่อยแล้วก็ไป Orchard Rd. (อีกแล้ว) ที่ห้าง ION และฝังตัวอยู่ใน Sephora กันไป ร่วม 2 ชม. (ความผู้หญิงนี้) แพ้ทางตลอด สาขานี้เห็นว่าเปิดใหม่ และใหญ่มากกก ไม่รอช้าค่า เสียเงินเสียทองกันไป
ลักษณะห้างนี้เป็นเหมือนห้างทั่วไปตามสไตล์เอเชียเนี่ยแหละค่ะ คนเยอะพอสมควร ห้างนี้อยู่หัวถนน Orchard เลยค่ะ ถ้านั่ง MRT ก็มาลง Orchard แล้วเชื่อมเข้าห้างได้เลย
ที่นี่มี BAKE Cheese tart ด้วย ที่นี่คนต่อแถวพอประมาณแต่ไม่เยอะมากเท่าสยามเซนค่ะ ต่อแปปเดียวก็ได้กินละ เลยลองซะหน่อย ไม่รู้ที่ไทยเท่าไหร่ ที่นี่ค่าเสียหายชิ้นละประมาณ 89 ค่ะ
หลังจากเดินห้างกันแบบลืมเวลา (อีกแล้ว) เลยตั้งใจจะไปกินหมูสะเต๊ะที่เค้าว่ากันว่าดัง (รีวิวเว็บฝรั่ง) Lau Pa Sat ต้องนั่ง MRT กลับไปที่ Raffles Place ค่ะ ไปถึงข้างหน้า มันจะเป็นเหมือนฟู้ดคอร์ด ที่ไฮโซโก้เกร๋ขึ้นมาหน่อยตามสไตล์แหล่งธุรกิจ แต่ก้าวแรกที่เดินเข้าไป เฮ้ยมันน่ากลัวมาก พนักงานร้านหมูสเต๊ะแต่ละร้านเดินประกบเลยค่ะ แบบเฮ้ย ยูจะปล้นหรอ กลัวแล้ว เราก้บอกเดี๋ยวเราเดินดูเอง เค้าก็เดินตามเลยค่ะ เริ่มรู้สึกไม่โอเคละ แต่ก็เออยังไงก็กินสะเต๊ะอยู่ดี
พี่แกก็พามานั่งที่โต๊ะค่ะ สั่งสะเต๊ะไก่กันไปชุดนึงแล้วก็มาดูราคาว่า เฮ้ยแกรรร 10 ไม้ 1000 บาทไทย แบบเฮ้ยย นี่ไม้ละ 100 เลยหรือ ตอนอ่านรีวิวในเว็บพี่แกก็ไม่บอกราคาด้วย ไม่โอเครแกรร อินี่รวบรวมความกล้า เดินไปบอกคนรับออเดอร์ว่า ไม่เอาแล้วได้มั้ยพี่ ลืมไปว่าเพื่อนเป็นเก๊า เพื่อนป่วย กินไม่ได้ ตอนแรกพี่แกก็ทำท่าจะไม่ยอมอะแหละ นี่ก็ขอโทษขอโพยกันไปจนเค้าก็เออๆๆ แล้วนี่รีบเดินออก คือแกรเข้าใจป้ะว่าตอนสั่งมันไร้สติมาก พี่แกประกบแบบพูดเร็วมากแม่เจ้าแบบ แกแนะนำอะไรก็เอาอ่ะ 5555 ขอโทษจริงๆค่ะพี่ หนูขอกลับไปกินไม้ละ 5 บาทแถวบ้านนะค้าาาา
หมดวันกันไปแบบเมื่อยทรีน และมาจบกับข้าวเย็นที่ Newton food centre เหมือนเดิม กับเมนูเดิมเพิ่มเติมคือลองเปลี่ยนร้าน 5555
RAINY DAY AT CHINA TOWN (LAST DAY)
เปิดเช้าอันสดใสที่พักขามาแล้ว 1 คืนด้วยการไปไชน่าทาวน์เลยค่า ตั้งใจไปกิน Ya Kun Kaya ก่อนเลย หลังจากทำการรีเสิชจากเมืองไทยไปแล้วว่า สาขาอื่นมันจะอยู่ในห้าง (เหมือนฟีล Ya kun Kaya ที่เมอคิวรี่วิว ชิดลมง่ะ) เลยว่าสาขาเนี้ยแหละ ถ่ายรูปสวยสุด ดูออริจินัล ก้จัดไปค่ะ นั่งรถเมลเหมือนเดิม ลงแถววัดสีแดงๆ ใหญ่มาก ชัดมาก ละเดินตามแมพ Google มา ทางเดินมาผ่าน Club Street ด้วยค่ะ แต่เออมาตอนเช้า คงจะร้านเปิดหรอก 5555 แวะถ่ายรูปอะไรกันไป
เดินเข้ามาไม่ไกลก้ถึงร้านค่ะ หาไม่ยาก มีลุงคอยยืนเรียกอยู่หน้าร้าน เหมือนดูทรงว่าแบบมองหาๆลุงแกก็เรียกเลยแบบเฮ้ยู ยาคุนใช่ป้ะ มาๆๆๆ
และเมื่อมานั่งที่โต๊ะ อาเจ้ก็เอาเมนูมาวาง สวัสดีค่า เราก็เฮ้ยไรอ่ะ เจ้แกก็พูดต่อ วันเซต ทูเซต ทรีเซต ชาเย็น ชาร้อน กาแฟร้อน กาแฟเย็น ไมโลร้อน ไมโลเย็น แบบสำเนียงเจ๊กพูดไทย และได้ทำการท่องมาเป็นไดอาล็อก ถือว่าใช้ได้ๆ ชอบๆ 555 แต่ความ อัจฉริยะของเจ้ยังไม่หมด ระหว่างทานอยู่ เจ้เดินไป อันยองฮาเซโยใส่เกาหลี แบบเหยยยยย พราวด์แทนเจ้ 5555

ส่วนใหญ่ก็จะเป็นคนทำงาน พนักงานแถวๆนั้นมาทานกันตอนเช้าแล้วก็เป็นนักท่องเที่ยวอย่างเราๆ
อันนี้เป็นเซตที่เราสั่งมาค่ะ 3 เซต มีไข่ลวก เครื่องดื่ม ขนมปังปิ้งที่ข้างใน เหมือนเป็นเนย+สังขยา แล้วก็ขนมปังชุบไข่ ดูเหมือนไม่อิ่มนะคะ แต่อิ่มจา อิ่มแรง

Ya Kun Kaya เดินเข้ามาตึกสีเหลืองนี้เลยค่ะ (ปักเนว่า Ya Kun Kaya China Street มาในกูเกิ้ลแมพก็ถึงเหมือนกันค่า เราเดินปักเนมาเหมือนกัน)
หลังจากอิ่มท้องกันไปก้เดินเล่นตามไชน่าทาวน์ เดินได้แปปเดียว ฝนเทเลยค่ะ ซู่ซ่ายังไม่ทันทำอะไรเล้ย สุดท้ายไปจบที่นั่งรถไปกลับไปแถวโรงแรม กินราเมงในห้าง เดินเล่นนิดหน่อย แล้วกลับไปเอากระเป๋ามาสนามบินค่ะ

ตัวนี้ชื่อวัดอะไรไม่แน่ใจค่ะ เป็นวัดที่เราลงรถเมล์กันแถวๆนี้พอดี เด่นมาก คนไม่เยอะมาก อาจจะยังเช้าอยู่ อยู่เลียบถนนทางรถวิ่งเลยค่ะ
เก็บตกก่อนขึ้นเครื่อง ที่หลังจากเราทำ Refund กันเสร็จแล้ว จะขอชมว่าทำ Refund ที่นี่เร็วมาก เค้าใช้เป็นเครื่องอัตโนมัติค่ะ แล้วเครื่องเยอะเว่ออ คือดีย์ แบบยืนกดกันตามสบาย กดทำรายการกันไป มีภาษาไทยให้เลือกด้วยแนะ ดีจริมๆ เราก็เลือกว่าจะเอาเป็นเงินสดหรือเข้าบัตรเครดิต แล้วก็เอาใบเสร็จที่เราเอารีฟันมาจากร้านค้า สแกนๆ เสร็จค่ะ สบาย ไม่ถึง 3 นาที ถ้ารับเป็นเงินสด ต้องผ่านตม.เข้าไปก่อนแล้วไปที่เค้าเตอร์ค่ะไม่เสียค่าธรรมเนียมด้วย แต่แอบเห็นแว้บๆว่าถ้าเกิดกี่ร้อยดอลเนี่ยแหละ จะต้องเสีย เพราะฉะนั้นลองอ่านที่จอดีๆนะครัช ของที่นี่เราไม่มั่นใจว่า ถ้ามูลค่ามันมากๆต้องโชว์ของมั้ย แต่ของเราไม่ต้องโชว์เลยค่ะ โหลดกระเป๋าได้เรียบร้อย ระหว่างรอเวลาก็จัด 4fingers กันอีกซักรอบสาขาในสนามบินก่อนกลับ (ติดใจอะไรกันขนาดนั้นอ่ะ5555)
สรุปค่าใช้จ่ายทริปนี้
ค่าเครื่อง : 3,864 THB ไป-กลับ Airasia ไม่มีอาหารและไม่มีน้ำหนักกระเป๋า
น้ำหนักกระเป๋าเพิ่ม (เฉพาะขากลับค่ะ หารกับเพื่อน น่าจะ 40 kg.ค่ะ ถ้าจำไม่ผิด) : 662 THB
Pocket Wifi (ราคาหาร 3 กับเพื่อนแล้วค่ะ) : 294 THB
ค่าบัตร USS : 1,650 THB (ต่อคน)
ค่าบัตร Gardens By The Bay : 550 THB (ต่อคน)
ค่าโรงแรม (ห้องเตียง 3 คนค่ะ ราคาหาร 3 แล้ว รวม 3 คืน) : 2,118 THB
ค่าบัตร EZ-LINK : 37 SGD (ราคารวมเติมเงินเข้าไปแล้ว 20SGD ค่ะ) เหมือนเค้าจะบังคับมีเงินสเปไว้ในบัตรเป็นส่วนที่ใช้ไม่ได้แต่เราสามารถเอาคืนได้วันคืนบัตร แล้วก็มีค่าบัตรส่วนที่เค้าไม่คืนให้ค่ะ ไม่มั่นใจว่ากี่เหรียญแล้วใครสนใจลองหาข้อมูลเพิ่มเติมดูนะคะ
ต้องขอบคุณทุกท่านมากนะครัช ที่อดทนอุส่าห์อ่านกันมาถึงตรงนี้ 555
ต้องบอกว่านี่เป็นบล้อกแรกของเราเลยที่เขียน และคงจะตามมาในอนาคตอีก (มั้ง?)
ฝากแชร์ ติตตามติชมกันได้เต็มที่เลยฮะ
Thank you for your Support !
[Spoil] คลิกเพื่อดูข้อความที่ซ่อนไว้FOLLOW ME on instagram
Personalgram : @prpear
Travelgram : @experienceonearth
Hello SINGAPORE ! My First blog ประเดิมด้วยทริป 4 วัน 3 คืน "นีเที่ยวสิงคโปร์" (แบบไม่มีสาระ555) PART3 Final!
PART2 : http://pantip.com/topic/35861034
PART3 : http://pantip.com/topic/35861114
เดินกลับมาที่ MRT Bayfront กันแบบทุลักทุเล และตัดสินใจกันว่า Marina Barrage ไม่ไปละ เดินไม่ไหวแหล่วจา ตัดสินใจเดินเข้า The Shoppes อีกรอบแล้วหาร้านนั่งพักด่วนๆ ลงเอยที่ Beanstro เป็นร้านสไตล์คาเฟ่ในเครือ The coffee bean & tea leaf แล้วนั่งยาวๆไปค่ะ หายเมื่อยแล้วค่อยมูฟ (โถสังขาร)
ลักษณะห้างนี้เป็นเหมือนห้างทั่วไปตามสไตล์เอเชียเนี่ยแหละค่ะ คนเยอะพอสมควร ห้างนี้อยู่หัวถนน Orchard เลยค่ะ ถ้านั่ง MRT ก็มาลง Orchard แล้วเชื่อมเข้าห้างได้เลย
พี่แกก็พามานั่งที่โต๊ะค่ะ สั่งสะเต๊ะไก่กันไปชุดนึงแล้วก็มาดูราคาว่า เฮ้ยแกรรร 10 ไม้ 1000 บาทไทย แบบเฮ้ยย นี่ไม้ละ 100 เลยหรือ ตอนอ่านรีวิวในเว็บพี่แกก็ไม่บอกราคาด้วย ไม่โอเครแกรร อินี่รวบรวมความกล้า เดินไปบอกคนรับออเดอร์ว่า ไม่เอาแล้วได้มั้ยพี่ ลืมไปว่าเพื่อนเป็นเก๊า เพื่อนป่วย กินไม่ได้ ตอนแรกพี่แกก็ทำท่าจะไม่ยอมอะแหละ นี่ก็ขอโทษขอโพยกันไปจนเค้าก็เออๆๆ แล้วนี่รีบเดินออก คือแกรเข้าใจป้ะว่าตอนสั่งมันไร้สติมาก พี่แกประกบแบบพูดเร็วมากแม่เจ้าแบบ แกแนะนำอะไรก็เอาอ่ะ 5555 ขอโทษจริงๆค่ะพี่ หนูขอกลับไปกินไม้ละ 5 บาทแถวบ้านนะค้าาาา
หมดวันกันไปแบบเมื่อยทรีน และมาจบกับข้าวเย็นที่ Newton food centre เหมือนเดิม กับเมนูเดิมเพิ่มเติมคือลองเปลี่ยนร้าน 5555
RAINY DAY AT CHINA TOWN (LAST DAY)
เปิดเช้าอันสดใสที่พักขามาแล้ว 1 คืนด้วยการไปไชน่าทาวน์เลยค่า ตั้งใจไปกิน Ya Kun Kaya ก่อนเลย หลังจากทำการรีเสิชจากเมืองไทยไปแล้วว่า สาขาอื่นมันจะอยู่ในห้าง (เหมือนฟีล Ya kun Kaya ที่เมอคิวรี่วิว ชิดลมง่ะ) เลยว่าสาขาเนี้ยแหละ ถ่ายรูปสวยสุด ดูออริจินัล ก้จัดไปค่ะ นั่งรถเมลเหมือนเดิม ลงแถววัดสีแดงๆ ใหญ่มาก ชัดมาก ละเดินตามแมพ Google มา ทางเดินมาผ่าน Club Street ด้วยค่ะ แต่เออมาตอนเช้า คงจะร้านเปิดหรอก 5555 แวะถ่ายรูปอะไรกันไป
เดินเข้ามาไม่ไกลก้ถึงร้านค่ะ หาไม่ยาก มีลุงคอยยืนเรียกอยู่หน้าร้าน เหมือนดูทรงว่าแบบมองหาๆลุงแกก็เรียกเลยแบบเฮ้ยู ยาคุนใช่ป้ะ มาๆๆๆ
และเมื่อมานั่งที่โต๊ะ อาเจ้ก็เอาเมนูมาวาง สวัสดีค่า เราก็เฮ้ยไรอ่ะ เจ้แกก็พูดต่อ วันเซต ทูเซต ทรีเซต ชาเย็น ชาร้อน กาแฟร้อน กาแฟเย็น ไมโลร้อน ไมโลเย็น แบบสำเนียงเจ๊กพูดไทย และได้ทำการท่องมาเป็นไดอาล็อก ถือว่าใช้ได้ๆ ชอบๆ 555 แต่ความ อัจฉริยะของเจ้ยังไม่หมด ระหว่างทานอยู่ เจ้เดินไป อันยองฮาเซโยใส่เกาหลี แบบเหยยยยย พราวด์แทนเจ้ 5555
Ya Kun Kaya เดินเข้ามาตึกสีเหลืองนี้เลยค่ะ (ปักเนว่า Ya Kun Kaya China Street มาในกูเกิ้ลแมพก็ถึงเหมือนกันค่า เราเดินปักเนมาเหมือนกัน)
หลังจากอิ่มท้องกันไปก้เดินเล่นตามไชน่าทาวน์ เดินได้แปปเดียว ฝนเทเลยค่ะ ซู่ซ่ายังไม่ทันทำอะไรเล้ย สุดท้ายไปจบที่นั่งรถไปกลับไปแถวโรงแรม กินราเมงในห้าง เดินเล่นนิดหน่อย แล้วกลับไปเอากระเป๋ามาสนามบินค่ะ
ตัวนี้ชื่อวัดอะไรไม่แน่ใจค่ะ เป็นวัดที่เราลงรถเมล์กันแถวๆนี้พอดี เด่นมาก คนไม่เยอะมาก อาจจะยังเช้าอยู่ อยู่เลียบถนนทางรถวิ่งเลยค่ะ
เก็บตกก่อนขึ้นเครื่อง ที่หลังจากเราทำ Refund กันเสร็จแล้ว จะขอชมว่าทำ Refund ที่นี่เร็วมาก เค้าใช้เป็นเครื่องอัตโนมัติค่ะ แล้วเครื่องเยอะเว่ออ คือดีย์ แบบยืนกดกันตามสบาย กดทำรายการกันไป มีภาษาไทยให้เลือกด้วยแนะ ดีจริมๆ เราก็เลือกว่าจะเอาเป็นเงินสดหรือเข้าบัตรเครดิต แล้วก็เอาใบเสร็จที่เราเอารีฟันมาจากร้านค้า สแกนๆ เสร็จค่ะ สบาย ไม่ถึง 3 นาที ถ้ารับเป็นเงินสด ต้องผ่านตม.เข้าไปก่อนแล้วไปที่เค้าเตอร์ค่ะไม่เสียค่าธรรมเนียมด้วย แต่แอบเห็นแว้บๆว่าถ้าเกิดกี่ร้อยดอลเนี่ยแหละ จะต้องเสีย เพราะฉะนั้นลองอ่านที่จอดีๆนะครัช ของที่นี่เราไม่มั่นใจว่า ถ้ามูลค่ามันมากๆต้องโชว์ของมั้ย แต่ของเราไม่ต้องโชว์เลยค่ะ โหลดกระเป๋าได้เรียบร้อย ระหว่างรอเวลาก็จัด 4fingers กันอีกซักรอบสาขาในสนามบินก่อนกลับ (ติดใจอะไรกันขนาดนั้นอ่ะ5555)
สรุปค่าใช้จ่ายทริปนี้
ค่าเครื่อง : 3,864 THB ไป-กลับ Airasia ไม่มีอาหารและไม่มีน้ำหนักกระเป๋า
น้ำหนักกระเป๋าเพิ่ม (เฉพาะขากลับค่ะ หารกับเพื่อน น่าจะ 40 kg.ค่ะ ถ้าจำไม่ผิด) : 662 THB
Pocket Wifi (ราคาหาร 3 กับเพื่อนแล้วค่ะ) : 294 THB
ค่าบัตร USS : 1,650 THB (ต่อคน)
ค่าบัตร Gardens By The Bay : 550 THB (ต่อคน)
ค่าโรงแรม (ห้องเตียง 3 คนค่ะ ราคาหาร 3 แล้ว รวม 3 คืน) : 2,118 THB
ค่าบัตร EZ-LINK : 37 SGD (ราคารวมเติมเงินเข้าไปแล้ว 20SGD ค่ะ) เหมือนเค้าจะบังคับมีเงินสเปไว้ในบัตรเป็นส่วนที่ใช้ไม่ได้แต่เราสามารถเอาคืนได้วันคืนบัตร แล้วก็มีค่าบัตรส่วนที่เค้าไม่คืนให้ค่ะ ไม่มั่นใจว่ากี่เหรียญแล้วใครสนใจลองหาข้อมูลเพิ่มเติมดูนะคะ
ต้องบอกว่านี่เป็นบล้อกแรกของเราเลยที่เขียน และคงจะตามมาในอนาคตอีก (มั้ง?)
ฝากแชร์ ติตตามติชมกันได้เต็มที่เลยฮะ
Thank you for your Support !
[Spoil] คลิกเพื่อดูข้อความที่ซ่อนไว้