แบงก์กุมขมับ "หนี้เสียรายย่อย" ปูดต่อเนื่องในไตรมาส 4 ทั้ง "สินเชื่อบ้าน-บัตรเครดิต-พีโลน-เอสเอ็มอี" หลอนกลุ่มผู้มีรายได้ 15,000 บาทขึ้นไป "กรุงไทย" คาดไตรมาส 4 หนี้เสียเพิ่มในอัตราชะลอตัวจับตาลูกหนี้ปรับโครงสร้างหนี้ไม่ผ่าน ฟากแบงก์ทหารไทยผวากลุ่มเกษตร
นายเชาว์ เก่งชน กรรมการผู้จัดการ บริษัทศูนย์วิจัยกสิกรไทย ประเมินว่า หนี้ไม่ก่อให้เกิดรายได้ (เอ็นพีแอล) ณ สิ้นไตรมาส 3/2559 ของธนาคารพาณิชย์ทั้งระบบ (แบงก์) อยู่ที่ 2.89% น่าจะยังไม่ใช่จุดต่ำ แต่ก็ใกล้สูงสุด (พีก) แล้ว ดังนั้นในไตรมาส 4 นี้ ยังคงเห็นเอ็นพีแอลทรงตัวหรือขยับขึ้นได้อีกเล็กน้อย ส่วนใหญ่มาจากลูกหนี้รายย่อยที่เป็นลูกค้าเก่าผ่านการปรับโครงสร้างหนี้มาแล้วแต่ไปไม่รอด ส่วนลูกหนี้ใหม่ที่เป็นเอ็นพีแอล เกิดขึ้นน้อยลง ถือเป็นสัญญาณที่ดี
"หากแบงก์สามารถแก้หนี้เก่าได้ หนี้ใหม่ไม่เพิ่ม เอ็นพีแอลก็จะทยอยดีขึ้นในวันข้างหน้า กรณีไม่มีเหตุการณ์รุนแรงมากระทบในช่วง 3-6 เดือนนี้" นายเชาว์กล่าว
นายนริศ สถาผลเดชา ผู้อำนวยการอาวุโส ศูนย์วิเคราะห์เศรษฐกิจทีเอ็มบี เปิดเผยว่า ไตรมาส 3/2559 เอ็นพีแอล เพิ่มขึ้นจากสิ้นปี 2558 ที่อยู่ระดับ 2.5% ของสินเชื่อรวม ซึ่งเพิ่มขึ้นจากสินเชื่อในกลุ่มชนชั้นกลางที่มีรายได้ 15,000-100,000 บาท/เดือน ได้แก่ เอ็นพีแอลบัตรเครดิต และเอ็นพีแอลสินเชื่อส่วนบุคคล (พีโลน)
"เอ็นพีแอลของสินเชื่อรายย่อย จวนจะถึงจุดพีกแล้ว เพราะได้รับผลกระทบจากสถานการณ์ต่าง ๆ ไปมากแล้ว ได้แก่ ปัญหาหนี้ครัวเรือนที่พีกแตะ 84% ของจีดีพีก็น่าจะลดลงในวันข้างหน้า ผลกระทบจากโครงการรถคันแรกน่าจะหมดในปลายปีนี้ อีกทั้งยอดสินเชื่อรถปล่อยใหม่เพิ่มขึ้น จะทำให้เอ็นพีแอลสินเชื่อรถลดลง และช่วงปีที่ผ่านมาแบงก์ระวังการปล่อยสินเชื่อมากขึ้นมีการคัดกรองสินเชื่อเพิ่มขึ้น" นายนริศกล่าว
ทั้งนี้ข้อมูลศูนย์วิเคราะห์เศรษฐกิจทีเอ็มบี ระบุว่า สิ้นไตรมาส 3/2559 เอ็นพีแอลรายย่อยที่เพิ่มขึ้นจากสิ้นปีก่อน ได้แก่ สินเชื่อบ้าน สินเชื่อส่วนบุคคล และสินเชื่อบัตรเครดิต ขณะที่สินเชื่อรถลดลง
อย่างไรก็ตาม การปรับตัวขึ้นของเอ็นพีแอลขึ้นกับขนาดของพอร์ตสินเชื่อแต่ละประเภทด้วย
นายลือชัย ชัยปริญญา ผู้ช่วยกรรมการผู้จัดการใหญ่อาวุโส ผู้บริหารสายงาน กลยุทธ์และผลิตภัณฑ์รายย่อย ธนาคารกรุงไทย กล่าวยอมรับว่า ในภาวะเศรษฐกิจชะลอตัวและราคาสินค้าเกษตรโดยเฉพาะข้าวที่ยังอยู่ระดับต่ำ ได้ส่งผลกระทบโดยตรงต่อรายได้ครัวเรือนลดน้อยลง ซึ่งมีผลต่อการชำระหนี้ของภาคครัวเรือนต่อเนื่อง ธนาคารยังมองว่าแนวโน้มเอ็นพีแอลของแบงก์โดยรวมยังสามารถปรับเพิ่มขึ้นได้อีกในไตรมาส 4 นี้ โดยเฉพาะกลุ่มรายย่อยที่จะเห็นสูงต่อเนื่อง
สำหรับเอ็นพีแอลรายย่อยของธนาคารกรุงไทยอยู่ที่ 2.12% ณ สิ้นไตรมาส 3/2559 ซึ่งถือว่าพีกแล้ว ส่วนไตรมาส 4 มีโอกาสเพิ่มขึ้นได้ แต่น่าจะเห็นอัตราเร่งชะลอตัวลงเมื่อเทียบกับไตรมาสอื่น ๆ ก่อนหน้า หลังจากที่ธนาคารได้เข้าไปช่วยเหลือลูกหนี้อย่างใกล้ชิด เช่น การยืดระยะเวลาผ่อนหนี้ให้ยาวขึ้นต่าง ๆ เพื่อประคองให้ลูกหนี้ยังสามารถดูแลธุรกิจ และบริหารสภาพคล่องได้ ซึ่งเป็นไปตามที่ธนาคารแห่งประเทศไทย (ธปท.) กำชับให้ธนาคารพาณิชย์ดูแลลูกค้าที่มีปัญหาและกำลังมีปัญหาอย่างต่อเนื่อง เพื่อลดการเกิดเอ็นพีแอลในภาวะเศรษฐกิจชะลอตัว
"เอ็นพีแอลที่เกิดใหม่ของเรา ส่วนใหญ่มาจากกลุ่มลูกหนี้ที่เข้าสู่กระบวนการปรับโครงสร้างหนี้ในช่วงที่ผ่านมา ซึ่งธนาคารผ่อนปรนแนวทางช่วยเหลือทุกแนวทางแล้ว แต่ก็ไม่สามารถชำระหนี้ได้ จนต้องหลุดจากกลุ่มลูกหนี้ปรับโครงสร้าง และเป็นเอ็นพีแอลในที่สุด ซึ่งลูกค้ากลุ่มนี้เห็นได้ทุกกลุ่ม เช่น สินเชื่อบ้าน บัตรเครดิต หรือสินเชื่อส่วนบุคคล รวมไปถึงเอสเอ็มอีขนาดเล็กที่มียอดขายไม่เกิน 50 ล้านบาท" นายลือชัยกล่าว
นายไตรรงค์ บุตรากาศ ประธานเจ้าหน้าที่บริหารลูกค้าเอสเอ็มอี ธนาคารทหารไทย (ทีเอ็มบี) กล่าวว่า ในช่วงไตรมาส 4 นี้ เอ็นพีแอลของธนาคารมีโอกาสเพิ่มขึ้นต่อเนื่อง ซึ่งธนาคารยังคงต้องช่วยประคับประคองลูกหนี้ผ่านมาตรการต่าง ๆแต่ขณะเดียวกันก็เพิ่มความระมัดระวังการปล่อยสินเชื่อมากขึ้น โดยเฉพาะกลุ่มที่มีความเสี่ยง เช่น กลุ่มเกษตร ผู้ประกอบการข้าว ยางต่าง ๆ ที่ราคาสินค้าไม่ฟื้นตัว ซึ่งไม่ได้ปล่อยสินเชื่อเพิ่มเติม และเน้นรักษาดูแลลูกค้าเก่าไม่ให้มีปัญหามากขึ้น ทั้งนี้จะพิจารณาลูกค้าเป็นราย ๆ
"แนวโน้มที่เอ็นพีแอลโดยภาพรวมของแบงก์ทั้งระบบคงยังไม่นิ่งแบบนี้ ก็เป็นธรรมชาติ เพราะเศรษฐกิจยังไม่ดีขึ้น ดังนั้นรายย่อยและเอสเอ็มอีต่าง ๆ ก็ยังคงต้องเจอปัญหาอยู่ แบงก์ก็ต้องดูแลตัวเองมากขึ้น คอนโทรลลูกค้าในพอร์ตไม่ให้มีปัญหา" นายไตรรงค์กล่าว
JJNY : เศรษฐกิจดี๊ดี...หนี้เสียรายย่อยหลอนแบงก์ต่อเนื่อง รับศึกหนักลูกค้าเก่าปรับโครงสร้างหนี้ไปไม่รอด
นายเชาว์ เก่งชน กรรมการผู้จัดการ บริษัทศูนย์วิจัยกสิกรไทย ประเมินว่า หนี้ไม่ก่อให้เกิดรายได้ (เอ็นพีแอล) ณ สิ้นไตรมาส 3/2559 ของธนาคารพาณิชย์ทั้งระบบ (แบงก์) อยู่ที่ 2.89% น่าจะยังไม่ใช่จุดต่ำ แต่ก็ใกล้สูงสุด (พีก) แล้ว ดังนั้นในไตรมาส 4 นี้ ยังคงเห็นเอ็นพีแอลทรงตัวหรือขยับขึ้นได้อีกเล็กน้อย ส่วนใหญ่มาจากลูกหนี้รายย่อยที่เป็นลูกค้าเก่าผ่านการปรับโครงสร้างหนี้มาแล้วแต่ไปไม่รอด ส่วนลูกหนี้ใหม่ที่เป็นเอ็นพีแอล เกิดขึ้นน้อยลง ถือเป็นสัญญาณที่ดี
"หากแบงก์สามารถแก้หนี้เก่าได้ หนี้ใหม่ไม่เพิ่ม เอ็นพีแอลก็จะทยอยดีขึ้นในวันข้างหน้า กรณีไม่มีเหตุการณ์รุนแรงมากระทบในช่วง 3-6 เดือนนี้" นายเชาว์กล่าว
นายนริศ สถาผลเดชา ผู้อำนวยการอาวุโส ศูนย์วิเคราะห์เศรษฐกิจทีเอ็มบี เปิดเผยว่า ไตรมาส 3/2559 เอ็นพีแอล เพิ่มขึ้นจากสิ้นปี 2558 ที่อยู่ระดับ 2.5% ของสินเชื่อรวม ซึ่งเพิ่มขึ้นจากสินเชื่อในกลุ่มชนชั้นกลางที่มีรายได้ 15,000-100,000 บาท/เดือน ได้แก่ เอ็นพีแอลบัตรเครดิต และเอ็นพีแอลสินเชื่อส่วนบุคคล (พีโลน)
"เอ็นพีแอลของสินเชื่อรายย่อย จวนจะถึงจุดพีกแล้ว เพราะได้รับผลกระทบจากสถานการณ์ต่าง ๆ ไปมากแล้ว ได้แก่ ปัญหาหนี้ครัวเรือนที่พีกแตะ 84% ของจีดีพีก็น่าจะลดลงในวันข้างหน้า ผลกระทบจากโครงการรถคันแรกน่าจะหมดในปลายปีนี้ อีกทั้งยอดสินเชื่อรถปล่อยใหม่เพิ่มขึ้น จะทำให้เอ็นพีแอลสินเชื่อรถลดลง และช่วงปีที่ผ่านมาแบงก์ระวังการปล่อยสินเชื่อมากขึ้นมีการคัดกรองสินเชื่อเพิ่มขึ้น" นายนริศกล่าว
ทั้งนี้ข้อมูลศูนย์วิเคราะห์เศรษฐกิจทีเอ็มบี ระบุว่า สิ้นไตรมาส 3/2559 เอ็นพีแอลรายย่อยที่เพิ่มขึ้นจากสิ้นปีก่อน ได้แก่ สินเชื่อบ้าน สินเชื่อส่วนบุคคล และสินเชื่อบัตรเครดิต ขณะที่สินเชื่อรถลดลง
อย่างไรก็ตาม การปรับตัวขึ้นของเอ็นพีแอลขึ้นกับขนาดของพอร์ตสินเชื่อแต่ละประเภทด้วย
นายลือชัย ชัยปริญญา ผู้ช่วยกรรมการผู้จัดการใหญ่อาวุโส ผู้บริหารสายงาน กลยุทธ์และผลิตภัณฑ์รายย่อย ธนาคารกรุงไทย กล่าวยอมรับว่า ในภาวะเศรษฐกิจชะลอตัวและราคาสินค้าเกษตรโดยเฉพาะข้าวที่ยังอยู่ระดับต่ำ ได้ส่งผลกระทบโดยตรงต่อรายได้ครัวเรือนลดน้อยลง ซึ่งมีผลต่อการชำระหนี้ของภาคครัวเรือนต่อเนื่อง ธนาคารยังมองว่าแนวโน้มเอ็นพีแอลของแบงก์โดยรวมยังสามารถปรับเพิ่มขึ้นได้อีกในไตรมาส 4 นี้ โดยเฉพาะกลุ่มรายย่อยที่จะเห็นสูงต่อเนื่อง
สำหรับเอ็นพีแอลรายย่อยของธนาคารกรุงไทยอยู่ที่ 2.12% ณ สิ้นไตรมาส 3/2559 ซึ่งถือว่าพีกแล้ว ส่วนไตรมาส 4 มีโอกาสเพิ่มขึ้นได้ แต่น่าจะเห็นอัตราเร่งชะลอตัวลงเมื่อเทียบกับไตรมาสอื่น ๆ ก่อนหน้า หลังจากที่ธนาคารได้เข้าไปช่วยเหลือลูกหนี้อย่างใกล้ชิด เช่น การยืดระยะเวลาผ่อนหนี้ให้ยาวขึ้นต่าง ๆ เพื่อประคองให้ลูกหนี้ยังสามารถดูแลธุรกิจ และบริหารสภาพคล่องได้ ซึ่งเป็นไปตามที่ธนาคารแห่งประเทศไทย (ธปท.) กำชับให้ธนาคารพาณิชย์ดูแลลูกค้าที่มีปัญหาและกำลังมีปัญหาอย่างต่อเนื่อง เพื่อลดการเกิดเอ็นพีแอลในภาวะเศรษฐกิจชะลอตัว
"เอ็นพีแอลที่เกิดใหม่ของเรา ส่วนใหญ่มาจากกลุ่มลูกหนี้ที่เข้าสู่กระบวนการปรับโครงสร้างหนี้ในช่วงที่ผ่านมา ซึ่งธนาคารผ่อนปรนแนวทางช่วยเหลือทุกแนวทางแล้ว แต่ก็ไม่สามารถชำระหนี้ได้ จนต้องหลุดจากกลุ่มลูกหนี้ปรับโครงสร้าง และเป็นเอ็นพีแอลในที่สุด ซึ่งลูกค้ากลุ่มนี้เห็นได้ทุกกลุ่ม เช่น สินเชื่อบ้าน บัตรเครดิต หรือสินเชื่อส่วนบุคคล รวมไปถึงเอสเอ็มอีขนาดเล็กที่มียอดขายไม่เกิน 50 ล้านบาท" นายลือชัยกล่าว
นายไตรรงค์ บุตรากาศ ประธานเจ้าหน้าที่บริหารลูกค้าเอสเอ็มอี ธนาคารทหารไทย (ทีเอ็มบี) กล่าวว่า ในช่วงไตรมาส 4 นี้ เอ็นพีแอลของธนาคารมีโอกาสเพิ่มขึ้นต่อเนื่อง ซึ่งธนาคารยังคงต้องช่วยประคับประคองลูกหนี้ผ่านมาตรการต่าง ๆแต่ขณะเดียวกันก็เพิ่มความระมัดระวังการปล่อยสินเชื่อมากขึ้น โดยเฉพาะกลุ่มที่มีความเสี่ยง เช่น กลุ่มเกษตร ผู้ประกอบการข้าว ยางต่าง ๆ ที่ราคาสินค้าไม่ฟื้นตัว ซึ่งไม่ได้ปล่อยสินเชื่อเพิ่มเติม และเน้นรักษาดูแลลูกค้าเก่าไม่ให้มีปัญหามากขึ้น ทั้งนี้จะพิจารณาลูกค้าเป็นราย ๆ
"แนวโน้มที่เอ็นพีแอลโดยภาพรวมของแบงก์ทั้งระบบคงยังไม่นิ่งแบบนี้ ก็เป็นธรรมชาติ เพราะเศรษฐกิจยังไม่ดีขึ้น ดังนั้นรายย่อยและเอสเอ็มอีต่าง ๆ ก็ยังคงต้องเจอปัญหาอยู่ แบงก์ก็ต้องดูแลตัวเองมากขึ้น คอนโทรลลูกค้าในพอร์ตไม่ให้มีปัญหา" นายไตรรงค์กล่าว