คุยกับเพื่อนว่าอยากไปเที่ยวช่วงฤดูใบไม้เปลี่ยนสี แต่ราคาก็แรงใช่ย่อย
แต่แล้วจู่ๆ เพื่อนก็มาแนะนำว่าลองไปเที่ยวกับโปรไฟไหม้สิราคาถูกมาก
แต่เวลาเดินทางก็ไหม้จริงๆ รู้วันนี้ไปเที่ยวพรุ่งนี้เลย..โปรไฟไหม้จะน่ากลัวมั้ย
เราจะโดนหลอกกันหรือเปล่า? มาพิสูจน์กันค่ะ
เราได้โปรไฟไหม้ 8-12 พ.ย.59 รู้ตัวล่วงหน้า 5 วัน ราคาไม่ค่อยไหม้เท่าไหร่
จากราคาปกติ 16,900 บาทลดเหลือ 12,900 บาท เพราะเราไปกัน 4 คน
จะรอให้ไหม้เกรียมอาจจะไม่มีที่ แถมเพื่อนอีก 2 คนก็ลางานยาก
บางโปรลดเหลือ 10,900 บาท / 9,999 บาท แต่ก็ต้องลางาน 5 วัน ซึ่งเราก็ทำแบบนั้นไม่ได้
ก็เลยตกลงปลงใจที่โปรไหม้เล็กน้อย....คราวนี้เราจะไปเที่ยวกับโปรไฟไหม้กันค่ะ
ช่วงที่ไปอากาศที่เกาหลีค่อนข้างแปรปวน ส่วนใหญ่คนจะบอกว่าใบไม้เปลี่ยนสีช่วงเวลาที่ควรไปที่สุด
ก็ช่วงหยุดยาว 23 ต.ค.ใบไม้สีจะสวยสุดๆ ช่วงที่ไปนี่อาจเจอแต่ใบไม้ร่วงก็ได้
พวกเราก็เลยลุ้นกันใหญ่ว่าจะเป็นยังไง.....

พวกเราเดินทางคืนวันที่ 8 พ.ย. สายการบินจินแอร์ เครื่องลำใหญ่ แถวนึงนั่ง 10 คน ก่อนเดินทางไกด์จะเตรียมเอกสารพวก
ตั๋วไป-กลับ โปรแกรมทัวร์ไว้ให้ แล้วก็ให้เซ็น "ใบยินดีไม่เรียกร้องค่าเสียหาย" กรณีถูกส่งตัวกลับ
พร้อมเก็บเงินค่าทิปเลยคนละ 30,000 วอน อันนี้คิดว่าคงเพราะถ้าเก็บทิปขากลับอาจได้เงินน้อย เพราะทัวร์ส่วนใหญ่
ว่ากันว่าไป 34 คนอาจไม่ผ่าน ต.ม.เกือบครึ่งนึงก็ได้ แถมที่ผ่านแล้วอาจหนีไปทำงานต่อก็ได้ มันหลายเรื่องทัวร์ก็เลย
เก็บค่าทิปก่อนเลยอุ่นใจกว่าเยอะ
ส่วนเรื่อง ต.ม.ที่กล่าวขวัญกันมากว่าโหดอะไรปานนั้น พวกเราก็เตรียมตัวให้พร้อม มีเอกสารรับรองการทำงาน
พกนามบัตร บัตรเครดิต เงินก็ไม่ได้แลกเยอะแลกแค่ 5,000 บาทเอง แต่พอเจอ ต.ม.จริงๆ ลุงแกก็ไม่ว่าอะไร
เราก็แค่ทักทายภาษาเกาหลีกับแกตามปกติ จากนั้นก็ให้ปั๊มนิ้วผ่านทันทีเร็วมากๆ
ออกจาก ต.ม.ก็รับกระเป๋า ออกไปเอาไวไฟที่จองไว้ จากนั้นก็นั่งรอชาวคณะ เพราะมีบางคนติด ต.ม.อาจ
ต้องใช้เวลาเคลียร์ แต่แล้วคณะของเรา 34 คนก็ผ่าน ต.ม.ทั้งหมด คราวนี้ก็ได้เวลาเดินทางไปเที่ยวกันเลย
เกาะนามิ
- ใครมาทัวร์เกาหลี ก็ต้องมาเกาะนามิ โอ้วแม่เจ้าใบไม้เปลี่ยนสีทั้งเกาะสวยมากๆ โชคดีสุดๆ สวยยอมใจเลย
รถไฟสายโรแมนติก (ลง Guinness Book ว่าเป็นทางรถไฟที่ติดทะเลมากที่สุดในโลก)
- เราว่าทะเลบ้านเราสวยกว่าเยอะ เลยไม่ค่อยตื่นเต้นอะไร ถ่ายรูปวิวข้างทางยังสวยกว่า
อุทยานแห่งชาติซอรัคซาน
- ก่อนจะมาเกาหลี มีข่าวว่าหิมะแรกตกที่ซอรัคซาน เราก็เลยไม่คาดหวังว่าจะได้เห็นใบไม้เปลี่ยนสี
อาจจะเจอใบไม้ร่วงมากกว่า แต่แล้วสิ่งที่เห็นก็อย่างที่เห็น งามทุกท่วงท่าและลีลา 555

-นั่งกระเช้าขึ้นเขาซอรัค ไม่เจอใบไม้เปลี่ยนสีเลย ข้างล่างสวยกว่าเยอะ
เอเวอร์แลนด์
- พอมาถึงฝนก็ตกลงมา หนักขึ้นเรื่อยๆ ชาวคณะก็เลยสลายตัว เข้าไปร้านต่างๆ สรุปแล้วไม่ได้เล่น
เครื่องเล่นอะไร นอกจากซื่อแซลลี่ที่ Line Shop
โรงเรียนสอนทำกิมจิ & ใส่ชุดฮันบก
- ที่โรงเรียนเค้าเตรียมอุปกรณ์ให้หมด พวกเราก็เพียงแค่ทาๆ ซอสลงไปที่ใบผักกาดทีละใบ
จากนั้นก็มัดกิมจิให้เข้ารูปเป็นอันเสร็จ กิจกรรมนี้สนุกดีนะ

-ใส่ชุดฮันบก ชุดนี่เน่ามากเห็นแล้วสยองเลย แต่พอใส่ถ่ายรูปก็สวยดีนะ ไม่เห็นความเน่าเลย
โซลทาว์เวอร์
- จุดชมวิวของกรุงโซล คณะเรามาถึงตอน 2 ทุ่ม เลยได้บรรยากาศยามค่ำคืน
ส่วนยอดสูงสุดเราไม่ได้ขึ้นไปเพราะต้องซื้อตั๋วค่าลิฟท์เอง พวกเราเลยเดินเตร็ดเตร่ถ่ายรูปดูรอบๆ
คลองชองเกซอน
- ความจริงทัวร์พามาช้อป brandname ที่ดิวตี้ฟรี พวกเราไม่ค่อยสันทัดเรื่องของ brandname
เลยเดินลอดถนนไปเที่ยวคลองชองเกซอนที่อยู่ใกล้ๆ โชคดีที่ช่วงเดือน พ.ย.มีเทศกาลโคมไฟ
เราก็เลยได้เดินชมคลองและโคมไฟไปด้วยโชคดีสุดๆ

มีโอป้ามาเล่นดนตรีด้วย
พระราชวังชางด็อกกุง
โชคดีที่มาช่วงฤดูใบไม้เปลี่ยนสี พระราชวังที่สวยอยู่แล้วก็เลยยิ่งสวยมากขึ้นไปอีก ที่สำคัญที่นี่ใครใส่ชุดฮันบกจะเข้าฟรี
ถือว่าเป็นอีกวิธีหนึ่งในการส่งเสริมการท่องเที่ยวให้เรียนรู้วัฒนธรรมการแต่งกาย เยี่ยมเลย
เมียงดง
- ย่านช้อปชื่อดังของเกาหลีที่นี่ ที่นี่เราไม่รู้ว่าจะซื้ออะไร พวกเสื้อผ้าก็มีแต่สินค้าฤดูหนาว ซื้อไปที่ กทม.ก็ไม่ได้ใส่
ส่วนพวกเครื่องสำอางค์ก็ซื้อพวก Etude Skinfood Innisfree หลังจากช้อปเสร็จก็
หาอาหารเย็นทานเอง (มื้อนี้ทัวร์ให้กินเอง 1 มื้อ) พวกเราเลยเข้าร้าน Red Sun ว่ากันว่ามี Franchiseที่ไทยแล้วด้วย
แต่เราไม่เคยกินที่ไทยนะ เราไป 4 คน ได้สั่งอาหารชุดสำหรับ 3 คน พอเห็นหม้อก็ตกใจ ทำไมเยอะอย่างนี้จะกินหมดมั้ย
เผลอแพล็บเดียวหมดค่ะอร่อยมาก แต่แล้วจู่ๆ น้องเด็กเสิร์ฟก็บอกว่า อาหารชุดนี้มีอาหารแถมให้เลือก คือ ข้าวผัดหรือไอศรีม
เพื่อนเราบอกว่าวันนี้กินไอครีมหลายรสแล้ว ขอข้าวผัดดีกว่า ว่าแล้วน้องเด็กเสิร์ฟก็เอาหม้อออกไป พร้อมกับ
เอาไปเอาข้าวมาผัดในหม้อเดิม พอเห็นปริมาณ ลมแทบจับจะกินกันหมดได้ยังไง หลังจากบ่นๆ ว่าอิ่มกัน ในที่สุดข้าวผัดก็หมด 555
หมู่บ้านเทพนิยาย (ดงอวามาอึล)
- หมู่บ้านนี้ชาวบ้านช่วยกันวาดภาพตามบ้านและผนังให้เป็นการ์ตูนในเทพนิยาย ทำเหมือนเป็นสตูดิโอขนาดใหญ่
ทำให้คนมาเที่ยวหมู่บ้านนี้จำนวนมากเพื่อถ่ายรูป สำหรับคนชอบถ่ายรูปอย่างเราก็สนุกไปเลย
ช้อปศูนย์โสม , ศูนย์น้ำมันสน , Outletเครื่องสำอาง , ศุนย์สมุนไพรบำรุงตับ,โรงงานพลอยอเมทิส,ซุปเปอร์มาเก็ตละลายเงินวอน
พวกนี้เป็นโปรแกรมที่ต้องไป เราก็แค่เข้าไปฟังเค้าบรรยายให้จบตามมารยาท พอถึงช่วงขายของ เราก็ออกไปเข้าห้องน้ำ
จากนั้นก็เดินไปดูรอบๆ ได้ ทัวร์ก็ไม่ว่าอะไรบางที ก็อาจได้ถ่ายรูป หรือได้หาอะไรกินข้างทางได้อีกด้วย
ระหว่างรอคนอื่นๆ ช้อป
[CR] ตะลุยเกาหลี "ใบไม้เปลี่ยนสี" กับโปรไฟไหม้
แต่แล้วจู่ๆ เพื่อนก็มาแนะนำว่าลองไปเที่ยวกับโปรไฟไหม้สิราคาถูกมาก
แต่เวลาเดินทางก็ไหม้จริงๆ รู้วันนี้ไปเที่ยวพรุ่งนี้เลย..โปรไฟไหม้จะน่ากลัวมั้ย
เราจะโดนหลอกกันหรือเปล่า? มาพิสูจน์กันค่ะ
เราได้โปรไฟไหม้ 8-12 พ.ย.59 รู้ตัวล่วงหน้า 5 วัน ราคาไม่ค่อยไหม้เท่าไหร่
จากราคาปกติ 16,900 บาทลดเหลือ 12,900 บาท เพราะเราไปกัน 4 คน
จะรอให้ไหม้เกรียมอาจจะไม่มีที่ แถมเพื่อนอีก 2 คนก็ลางานยาก
บางโปรลดเหลือ 10,900 บาท / 9,999 บาท แต่ก็ต้องลางาน 5 วัน ซึ่งเราก็ทำแบบนั้นไม่ได้
ก็เลยตกลงปลงใจที่โปรไหม้เล็กน้อย....คราวนี้เราจะไปเที่ยวกับโปรไฟไหม้กันค่ะ
ช่วงที่ไปอากาศที่เกาหลีค่อนข้างแปรปวน ส่วนใหญ่คนจะบอกว่าใบไม้เปลี่ยนสีช่วงเวลาที่ควรไปที่สุด
ก็ช่วงหยุดยาว 23 ต.ค.ใบไม้สีจะสวยสุดๆ ช่วงที่ไปนี่อาจเจอแต่ใบไม้ร่วงก็ได้
พวกเราก็เลยลุ้นกันใหญ่ว่าจะเป็นยังไง.....
พวกเราเดินทางคืนวันที่ 8 พ.ย. สายการบินจินแอร์ เครื่องลำใหญ่ แถวนึงนั่ง 10 คน ก่อนเดินทางไกด์จะเตรียมเอกสารพวก
ตั๋วไป-กลับ โปรแกรมทัวร์ไว้ให้ แล้วก็ให้เซ็น "ใบยินดีไม่เรียกร้องค่าเสียหาย" กรณีถูกส่งตัวกลับ
พร้อมเก็บเงินค่าทิปเลยคนละ 30,000 วอน อันนี้คิดว่าคงเพราะถ้าเก็บทิปขากลับอาจได้เงินน้อย เพราะทัวร์ส่วนใหญ่
ว่ากันว่าไป 34 คนอาจไม่ผ่าน ต.ม.เกือบครึ่งนึงก็ได้ แถมที่ผ่านแล้วอาจหนีไปทำงานต่อก็ได้ มันหลายเรื่องทัวร์ก็เลย
เก็บค่าทิปก่อนเลยอุ่นใจกว่าเยอะ
ส่วนเรื่อง ต.ม.ที่กล่าวขวัญกันมากว่าโหดอะไรปานนั้น พวกเราก็เตรียมตัวให้พร้อม มีเอกสารรับรองการทำงาน
พกนามบัตร บัตรเครดิต เงินก็ไม่ได้แลกเยอะแลกแค่ 5,000 บาทเอง แต่พอเจอ ต.ม.จริงๆ ลุงแกก็ไม่ว่าอะไร
เราก็แค่ทักทายภาษาเกาหลีกับแกตามปกติ จากนั้นก็ให้ปั๊มนิ้วผ่านทันทีเร็วมากๆ
ออกจาก ต.ม.ก็รับกระเป๋า ออกไปเอาไวไฟที่จองไว้ จากนั้นก็นั่งรอชาวคณะ เพราะมีบางคนติด ต.ม.อาจ
ต้องใช้เวลาเคลียร์ แต่แล้วคณะของเรา 34 คนก็ผ่าน ต.ม.ทั้งหมด คราวนี้ก็ได้เวลาเดินทางไปเที่ยวกันเลย
เกาะนามิ
- ใครมาทัวร์เกาหลี ก็ต้องมาเกาะนามิ โอ้วแม่เจ้าใบไม้เปลี่ยนสีทั้งเกาะสวยมากๆ โชคดีสุดๆ สวยยอมใจเลย
รถไฟสายโรแมนติก (ลง Guinness Book ว่าเป็นทางรถไฟที่ติดทะเลมากที่สุดในโลก)
- เราว่าทะเลบ้านเราสวยกว่าเยอะ เลยไม่ค่อยตื่นเต้นอะไร ถ่ายรูปวิวข้างทางยังสวยกว่า
อุทยานแห่งชาติซอรัคซาน
- ก่อนจะมาเกาหลี มีข่าวว่าหิมะแรกตกที่ซอรัคซาน เราก็เลยไม่คาดหวังว่าจะได้เห็นใบไม้เปลี่ยนสี
อาจจะเจอใบไม้ร่วงมากกว่า แต่แล้วสิ่งที่เห็นก็อย่างที่เห็น งามทุกท่วงท่าและลีลา 555
-นั่งกระเช้าขึ้นเขาซอรัค ไม่เจอใบไม้เปลี่ยนสีเลย ข้างล่างสวยกว่าเยอะ
เอเวอร์แลนด์
- พอมาถึงฝนก็ตกลงมา หนักขึ้นเรื่อยๆ ชาวคณะก็เลยสลายตัว เข้าไปร้านต่างๆ สรุปแล้วไม่ได้เล่น
เครื่องเล่นอะไร นอกจากซื่อแซลลี่ที่ Line Shop
โรงเรียนสอนทำกิมจิ & ใส่ชุดฮันบก
- ที่โรงเรียนเค้าเตรียมอุปกรณ์ให้หมด พวกเราก็เพียงแค่ทาๆ ซอสลงไปที่ใบผักกาดทีละใบ
จากนั้นก็มัดกิมจิให้เข้ารูปเป็นอันเสร็จ กิจกรรมนี้สนุกดีนะ
-ใส่ชุดฮันบก ชุดนี่เน่ามากเห็นแล้วสยองเลย แต่พอใส่ถ่ายรูปก็สวยดีนะ ไม่เห็นความเน่าเลย
โซลทาว์เวอร์
- จุดชมวิวของกรุงโซล คณะเรามาถึงตอน 2 ทุ่ม เลยได้บรรยากาศยามค่ำคืน
ส่วนยอดสูงสุดเราไม่ได้ขึ้นไปเพราะต้องซื้อตั๋วค่าลิฟท์เอง พวกเราเลยเดินเตร็ดเตร่ถ่ายรูปดูรอบๆ
คลองชองเกซอน
- ความจริงทัวร์พามาช้อป brandname ที่ดิวตี้ฟรี พวกเราไม่ค่อยสันทัดเรื่องของ brandname
เลยเดินลอดถนนไปเที่ยวคลองชองเกซอนที่อยู่ใกล้ๆ โชคดีที่ช่วงเดือน พ.ย.มีเทศกาลโคมไฟ
เราก็เลยได้เดินชมคลองและโคมไฟไปด้วยโชคดีสุดๆ
มีโอป้ามาเล่นดนตรีด้วย
พระราชวังชางด็อกกุง
โชคดีที่มาช่วงฤดูใบไม้เปลี่ยนสี พระราชวังที่สวยอยู่แล้วก็เลยยิ่งสวยมากขึ้นไปอีก ที่สำคัญที่นี่ใครใส่ชุดฮันบกจะเข้าฟรี
ถือว่าเป็นอีกวิธีหนึ่งในการส่งเสริมการท่องเที่ยวให้เรียนรู้วัฒนธรรมการแต่งกาย เยี่ยมเลย
เมียงดง
- ย่านช้อปชื่อดังของเกาหลีที่นี่ ที่นี่เราไม่รู้ว่าจะซื้ออะไร พวกเสื้อผ้าก็มีแต่สินค้าฤดูหนาว ซื้อไปที่ กทม.ก็ไม่ได้ใส่
ส่วนพวกเครื่องสำอางค์ก็ซื้อพวก Etude Skinfood Innisfree หลังจากช้อปเสร็จก็
หาอาหารเย็นทานเอง (มื้อนี้ทัวร์ให้กินเอง 1 มื้อ) พวกเราเลยเข้าร้าน Red Sun ว่ากันว่ามี Franchiseที่ไทยแล้วด้วย
แต่เราไม่เคยกินที่ไทยนะ เราไป 4 คน ได้สั่งอาหารชุดสำหรับ 3 คน พอเห็นหม้อก็ตกใจ ทำไมเยอะอย่างนี้จะกินหมดมั้ย
เผลอแพล็บเดียวหมดค่ะอร่อยมาก แต่แล้วจู่ๆ น้องเด็กเสิร์ฟก็บอกว่า อาหารชุดนี้มีอาหารแถมให้เลือก คือ ข้าวผัดหรือไอศรีม
เพื่อนเราบอกว่าวันนี้กินไอครีมหลายรสแล้ว ขอข้าวผัดดีกว่า ว่าแล้วน้องเด็กเสิร์ฟก็เอาหม้อออกไป พร้อมกับ
เอาไปเอาข้าวมาผัดในหม้อเดิม พอเห็นปริมาณ ลมแทบจับจะกินกันหมดได้ยังไง หลังจากบ่นๆ ว่าอิ่มกัน ในที่สุดข้าวผัดก็หมด 555
หมู่บ้านเทพนิยาย (ดงอวามาอึล)
- หมู่บ้านนี้ชาวบ้านช่วยกันวาดภาพตามบ้านและผนังให้เป็นการ์ตูนในเทพนิยาย ทำเหมือนเป็นสตูดิโอขนาดใหญ่
ทำให้คนมาเที่ยวหมู่บ้านนี้จำนวนมากเพื่อถ่ายรูป สำหรับคนชอบถ่ายรูปอย่างเราก็สนุกไปเลย
ช้อปศูนย์โสม , ศูนย์น้ำมันสน , Outletเครื่องสำอาง , ศุนย์สมุนไพรบำรุงตับ,โรงงานพลอยอเมทิส,ซุปเปอร์มาเก็ตละลายเงินวอน
พวกนี้เป็นโปรแกรมที่ต้องไป เราก็แค่เข้าไปฟังเค้าบรรยายให้จบตามมารยาท พอถึงช่วงขายของ เราก็ออกไปเข้าห้องน้ำ
จากนั้นก็เดินไปดูรอบๆ ได้ ทัวร์ก็ไม่ว่าอะไรบางที ก็อาจได้ถ่ายรูป หรือได้หาอะไรกินข้างทางได้อีกด้วย
ระหว่างรอคนอื่นๆ ช้อป