หน้าแรก
คอมมูนิตี้
ห้อง
แท็ก
คลับ
ห้อง
แก้ไขปักหมุด
ดูทั้งหมด
เกิดข้อผิดพลาดบางอย่าง
ลองใหม่
แท็ก
แก้ไขปักหมุด
ดูเพิ่มเติม
เกิดข้อผิดพลาดบางอย่าง
ลองใหม่
{room_name}
{name}
{description}
กิจกรรม
แลกพอยต์
อื่นๆ
ตั้งกระทู้
เข้าสู่ระบบ / สมัครสมาชิก
เว็บไซต์ในเครือ
Bloggang
Pantown
PantipMarket
Maggang
ติดตามพันทิป
ดาวน์โหลดได้แล้ววันนี้
เกี่ยวกับเรา
กฎ กติกา และมารยาท
คำแนะนำการโพสต์แสดงความเห็น
นโยบายเกี่ยวกับข้อมูลส่วนบุคคล
สิทธิ์การใช้งานของสมาชิก
ติดต่อทีมงาน Pantip
ติดต่อลงโฆษณา
ร่วมงานกับ Pantip
Download App Pantip
Pantip Certified Developer
[CR] วันหนึ่งฉันเดินเข้าป่าเกาหลี ประสบการณ์เดินเขาซอรัคซาน
กระทู้รีวิว
เที่ยวเกาหลี
เดินป่า
Backpack
สถานที่ท่องเที่ยวต่างประเทศ
สวัสดีค่ะ วันนี้จะขอมาแบ่งปันประสบการณ์การเดินเขาที่เกาหลี ซึ่งการไปเกาหลีครั้งนี้เป็นการไปครั้งที่ 3 ของเราแล้วค่ะ แต่เป็นการไปคนเดียวตลอดทริปครั้งแรก แพลนเที่ยวครั้งนี้เลยเป็นการเที่ยวแบบตามใจฉัน ไม่มีแพลนที่แน่นอนจริงจังเท่าไหร่ หลังจากที่ตัดสินใจซื้อตั๋วเครื่องบิน เราก็เริ่มคิดว่าครั้งนี้อยากไปทำอะไรที่เกาหลีดี นั่งอ่านรีวิวไปเรื่อยๆ ก็ไปเจอกระทู้ในเว็บ naver ซึ่งเป็นคนเกาหลีเขียนรีวิวการเดินเขาซอรัคซานไว้ เราจึงเริ่มหาข้อมูลการไปเดินเขาที่ซอรัคซานอย่างจริงจัง
ปกตินักท่องเที่ยวส่วนใหญ่จะนิยมขึ้นเคเบิ้ลคาร์ไปชมวิวของยอดเขาซอรัคซานกัน ยิ่งในช่วงฤดูใบไม้ร่วงก็จะเป็นที่นิยมมาก ช่วงที่เราไปคือวันที่ 12 ตุลาคมที่ผ่านมา อยู่ในช่วงเริ่มฤดูใบไม้เปลี่ยนสี ซึ่งที่ซอรัคซานจะเป็นที่แรกที่ใบไม้เริ่มเปลี่ยนสีค่ะ
หลังจากหาข้อมูลการเดินเขาที่ซอรัคซานเราก็ตัดสินใจที่จะเริ่มเดินจากทางวัดชินฮึงซาค่ะ แต่ยังไม่ได้ตัดสินใจว่าจะเดินเข้าไปลึกแค่ไหน เพราะต้องบอกก่อนเลยว่าไม่เคยมีประสบการณ์การเดินป่าจริงจัง เคยเดินกิ่วแม่ปานตอนไปเที่ยวเชียงใหม่ซึ่งก็มีไกด์นำทางให้ ครั้งนี้จึงถือเป็นครั้งแรกที่เข้าป่าคนเดียว ก็แอบตื่นเต้นเล็กน้อยเหมือนกันค่ะ
เช้ามืดวันที่ 12 ตุลาคม เราออกเดินทางจากที่พักไป Dong Seoul Bus Terminal เพิ่อขึ้นรถบัสไปเมืองซกโช ค่าตั๋ว 13300 วอน ใช้เวลาประมาณ 3 ชั่วโมงก็ถึง Sokcho Bus Terminal จากสถานีรถบัสเราต้องต่อรถบัสไปที่ซอรัคซานอีกประมาณ 1 ชั่วโมงค่ะ แต่รถจะมาทุก 1 ชั่วโมง เราจึงนั่งแท็กซี่ไปแทนเพราะกลัวจะเสียเวลา จากสถานีรถบัสนั่งไปถึงซอรัคซานใช้เวลาประมาณ 20 นาทีค่ะ ค่ารถประมาณ 13000 วอน
ระหว่างทางที่นั่งมาคุณลุงแท็กซี่ก็ชวนคุย ถามว่ามาเที่ยวคนเดียวเหรอ ถามเกี่ยวกับประเทศไทย คุณลุงบอกว่าอยากไปเที่ยวไทยสักครั้งแต่ยังไม่กล้าเพราะคุณลุงพูดภาษาอังกฤษไม่ได้ คุยกันสักพักก็ถึงหน้าทางเข้าซอรัคซานประมาณ 9 โมงค่ะ ก่อนลงจากแท็กซี่ก็ขอนามบัตรติดต่อไว้ เพราะเผื่อขากลับหารถไปลงสถานีรถบัสไม่ได้
ค่าธรรมเนียมเข้าอุทยาน ผู้ใหญ่ 3500 วอนค่ะ วันที่เราไปเป็นวันศุกร์ตอนเช้าคนจึงยังไม่ค่อยเยอะมากเท่าไหร่ เดินผ่านทางเข้าไปก็จะมีรูปปั้นหมีซึ่งเป็นสัญลักษณ์ของซอรัคซานอยู่ อากาศวันนั้นไม่หนาวอย่างที่คิด เย็นๆ เดินสบายค่ะ เดินผ่านเข้าไปจะเป็นทางขึ้นเคเบิ้ลคาร์ที่นักท่องเที่ยวนิยมขึ้นกัน และมีร้านอาหาร และห้องน้ำไว้บริการ เราแวะกินข้าวและเข้าห้องน้ำก่อนขึ้นไปและเริ่มออกเดินเวลาประมาณ 09.30 ค่ะ
หลังจากทานข้าว และทำธุระส่วนตัวเรียบร้อยเราก็เริ่มออกเดินจากร้านอาหารขึ้นไปทางวัดชินฮึงซา ที่นักท่องเที่ยวนิยมมาถ่ายรูปกับพระพุทธรูปหินองค์ใหญ่ ตรงนี้คนจะค่อนข้างเยอะค่ะ พอเดินเลยวัดขึ้นไปจะเจอทางแยก ทางขวาจะไปอุลซันบาวีเป็นยอดเขาระยะทางประมาณ 3 กิโลเมตร สามารถขึ้นไปชมวิวมุมสูงของซอรัคซานได้ ซึ่งจากที่เราเคยอ่านรีวิว นักท่องเที่ยวก็จะนิยมไปทางอุลซันบาวีกันพอสมควร
ส่วนทางซ้ายจะเป็นทางเดินไปบีซอนแดเป็นภูเขาหิน 3 ลูกเรียงตัวกัน ระยะทางประมาณ 2.7 กิโลเมตร ซึ่งเราเลือกเดินทางนี้ตามที่ดูรีวิวมาค่ะ ระหว่างทางก็มีคุณลุง คุณป้า เด็กชั้นประถมที่โรงเรียนพามาเที่ยว ช่วงกิโลเมตรแรกเป็นทางปูนเดินสบายค่ะ อากาศดีมาก ชมนก ชมไม้ ฟังเสียงนกร้อง เสียงน้ำตก เริ่มเห็นใบไม้สีเหลืองๆ ประปราย
พอเข้าช่วงกิโลเมตรที่ 2 ทางเริ่มเปลี่ยนเป็นทางหินทีเวลาเดินต้องระวังค่ะ เพราะถ้าไม่ระวังอาจจะข้อเท้าพลิกได้ ตรงนี้จะมีห้องน้ำให้บริการอีก 1 จุด หลังจากนี้จะไม่มียาวจนถึงจุดพักบนยอดเขาเลยค่ะ เราเดินไปเรื่อยๆ ชมธรรมชาติข้างทางไปเรื่อยๆ ต้องบอกว่าอากาศดีมากๆ มีคุณลุง คุณป้าเดินกันพอสมควรเลย ต้องบอกว่าคนสูงอายุเกาหลีเขานิยมมาเดินเขากันค่ะ เท่าที่สังเกตจะไม่ค่อยมีวัยรุ่นเลย เราเดินมาเรื่อยๆ จนมาถึงบีซอนแด ใช้เวลาประมาณ 1 ชั่วโมง ซึ่งถึงเร็วกว่าที่คิดไว้ค่ะ
หลังจากที่มาถึงบีซอนแดแล้วเราก็ยืนคิดอยู่สักพักว่าจะไปต่อหรือเดินกลับดี ซึ่งก็มีคนที่เดินมาหยุดตรงนี้หลายคนเลยค่ะ ถ้าไปทางซ้ายจะเป็นทางระดับปกติประมาณ 4 กิโลเมตร แต่ถ้าเดินยาวประมาณ 10 กิโลเมตร จะไปจุดสูงสุดของซอรัคซานและข้ามเขาไปลงอีกฝั่งได้ ส่วนทางขวาจะเป็นทางระดับยากประมาณ 3 กิโลเมตร สามารถเดินไปถ้ำกึมกังได้ และถ้าเดินต่อไปก็จะเป็นทางระดับที่ยากที่สุดของการเดินเขาซอรัคซาน เราตัดสินใจอยู่สักพักก็เลือกไปทางขวาที่เป็นทางระดับยาก คิดว่าเสียค่าตั๋วเครื่องบินมาแล้วต้องเอาให้คุ้ม
หลังจากตัดสินใจเราก็เริ่มออกเดินต่อทันที ณ ตอนนั้นคิดว่าเดินไปถึงประมาณเที่ยงได้แค่ไหนก็แค่นั้นแล้วจะเดินกลับ เพราะน้ำที่เตรียมมาก็ใกล้หมดแล้ว และทางที่เลือกมาก็ไม่ค่อยมีคน หลังจากเริ่มเดินขึ้นไปก็ยอมรับเลยค่ะว่าทางยากจริง 555 เพราะเป็นหินเป็นชั้นต้องค่อยๆ ปีนขึ้นไป บางจุดมีป้ายติดระวังหินตกลงมาใส่หัวด้วย พอเริ่มเดินขึ้นมาก็เริ่มเจอใบไม้เปลี่ยนสี สีแดงแบบ แด๊ง แดง เดินไปถ่ายรูปไป อากาศก็เริ่มร้อนหน่อยๆ เพราะเกือบ 11 โมงแล้ว ระหว่างทางก็มีคนเดินสวนลงมา ทุกคนใส่ยูนิฟอร์มปีนเขา มีไม้ยัน (เรียกแบบนี้มั้ย) อุปกรณ์ครบครัน
หลังจากปีนขึ้นไปเรื่อยๆ ก็มาเจอทางแยกค่ะ ถ้าไปทางซ้ายเราจะต้องเดินต่ออีกประมาณ 8 กิโลเมตรถึงจะถึงจุดที่สูงที่สุดของซอรัคซาน ถ้าเดินขึ้นไปทางขวาจะเป็นถ้ำกึมกัง เอาจริงๆ เราก็ไม่รู้จักหรอกว่าถ้ำนี้มีอะไร เลยลองหาในเน็ตดูก็มีคนถ่ายรูปวิวที่มองจากถ้ำนี้มา ก็เลยตัดสินใจเดินขึ้นไปทางถ้ำค่ะ ซึ่งระยะทาง 200 เมตรก่อนถึงถ้ำมีทั้งทางหินธรรมชาติ บันได้เหล็กที่ทอดผ่านเขา บอกเลยว่าขาสั่นมาก ไม่คิดว่าจะเดินขึ้นมาสูงขนาดนี้ แต่ระหว่างทางมักจะสวยงามกว่าจุดหมายเสมอ เราหันไปมองวิวที่อยู่ด้านหลังเป็นภูเขาซอรัคซานเรียงสลับกันไกลสุดลูกหูลูกตา อากาศข้างบนคือดีมากๆ เราแวะถ่ายรูปสักพัก และเดินต่อ 100 เมตรสุดท้ายก่อนถึงถ้ำ ซึ่งเป็นบันได้หินที่ชันมากๆค่ะ บางจุดนี่ต้องปีน แต่ยิ่งสูงวิวก็ยิ่งสวยค่ะ หันกลับไปถ่ายรูปที มือก็สั่นที คือมันสูงและหวิวๆ แต่วิวสวยจริงๆ ค่ะ
ระหว่างทางที่ปีนขึ้นมาถึงถ้ำ ข้างหน้าเราก็เป็นคุณลุงคุณป้าน่าจะเป็นสามีภรรยากัน คุณป้าดูจะไม่ไหวแล้ว แกหยุดพักกลางทาง ส่วนคุณลุงแกไปยืนรอให้กำลังใจอยู่บนยอดบอกสู้ๆ แถมถ่ายรูปภรรยาอย่างสบายใจอีก เป็นภาพที่ทำให้อมยิ้มระหว่างทางได้ หลังจากที่ปีนขึ้นมาเรื่อยๆ เราก็มาถึงถ้ำในสภาพที่หมดแรง และเหงื่อออกทั้งๆที่อากาศไม่ร้อนเลยค่ะ 555
ภายในถ้ำมีพระพุทธรูป 1 องค์ตั้งอยู่ และมีพระ 1 รูป กำลังนั่งคุยกับคนที่ปีนขึ้นมาจนถึงถ้ำ เหล่าคุณลุงคุณป้าแชะภาพกับวิวภูเขาด้านหลัง ส่วนเราก็ทำเนียนนั่งพัก เพราะหมดแรงจริงๆ แต่วิวที่อยู่ตรงหน้าก็ทำให้หายเหนื่อยเลยค่ะ นั่งอยู่สักพัก พระท่านก็เรียกให้ไปกินน้ำที่ไหลลงมาจากถ้ำ รสชาติเหมือนน้ำแร่ แต่แร่คงมากไปหน่อย ลิ้นชาเลย 555 เรานั่งพักต่อสักพัก ช่วยถ่ายรูปให้คุณลุงคุณป้าคู่หนึ่ง คนก็เริ่มทยอยลง พระท่านก็ทักว่าไม่ได้มากับพวกเขาเหรอ พอบอกว่าไม่ใช่คนเกาหลีค่ะ ท่านก็ดูตกใจเล็กน้อย 555 หลังจากนั่งพักให้หายเหนื่อยก็ดูเวลาเกือบเที่ยงครึ่งแล้วเราจึงเริ่มเดินลงค่ะ
ระหว่างทางเดินลงก็มีคุณป้าเกาหลีมาชวนคุยบ้าง ดูทุกคนจะตกใจที่เป็นคนต่างชาติมาเดินเขาคนเดียวได้ยังไง ไม่กลัวเหรอ 555 ระหว่างทางที่ลงมาก็เจอนักท่องเที่ยวฝรั่ง 1 คู่ ผู้หญิงน่าจะลื่นล้ม ข้อเท้าพลิก เราเองตอนเดินลงก็สไลด์หน้าเกือบทิ่มประมาณ 2 รอบ รู้สึกได้ถึงความขาสั่น 555 เราใช้เวลาเดินลงมาจนถึงทางเข้าประมาณ 2 ชั่วโมงหน่อยๆ ระหว่างทางก็มีคนเดินสวนเข้าไปเรื่อยๆ พอมาถึงทางเข้าก็โทรให้คุณลุงแท็กซี่มารับ ช่วงบ่ายตรงทางเข้ารถค่อนข้างติดเพราะคนทยอยมาเดินช่วงบ่ายและขึ้นไปตั้งแคมป์บนเขากัน เราเดินทางจากซอรัคซานถึงสถานีรถบัสประมาณ 3 โมง และเดินทางกลับเข้าโซล ถึงโซลประมาณ 1 ทุ่ม คืนนั้นหลับเป็นตายเลยค่ะ หมดแรง
จบแล้วค่ะ ทริปไปเดินเขาซอรัคซานของเราก็หวังว่ากระทู้นี้จะช่วยแบ่งปันประสบการณ์ให้ผู้ที่อยากลองไปเดินเขาที่ซอรัคซานนะคะ สำหรับเราตอนนี้ตกหลุมรักซอรัคซานไปแล้วค่ะ คิดว่าจะต้องกลับไปอีกแน่นอนเพราะยังมีอีกหลายเส้นทางที่อยากจะไปเดินดู ไว้เจอกันกระทู้หน้านะคะ กระทู้หน้าเราจะมาเล่าทริปไปปั่นจักรยานที่เมืองคยองจูค่ะ อันยอง
ชื่อสินค้า:
ซอรัคซาน,ซกโช,โซล,ประเทศเกาหลีใต้
คะแนน:
CR - Consumer Review : กระทู้รีวิวนี้เป็นกระทู้ CR โดยที่เจ้าของกระทู้
- จ่ายเงินซื้อเอง หรือได้รับจากคนรู้จักที่ไม่ใช่เจ้าของสินค้า เช่น เพื่อนซื้อให้
- ไม่ได้รับค่าจ้างและผลประโยชน์ใดๆ
▼
กำลังโหลดข้อมูล...
▼
แสดงความคิดเห็น
กระทู้ที่คุณอาจสนใจ
🌿 “มีป่า มีเขา มีเรา มีตะคริว” – บันทึกการเดินทางของใจที่อุทยานแห่งชาติขุนขาน
ดีจ้า~ เช้าวันหนึ่งในฤดูฝนที่อากาศเย็นสบาย ผมตัดสินใจออกเดินทางแบบเปลี่ยนบรรยากาศนิดหน่อย...ไม่ใช่รถยนต์ ไม่ใช่รถตู้ แต่เป็น ZoomerX คันโปรด ที่อยู่คู่กันมานาน คันเดียวก็เที่ยวได้ คันเดียวก็ใจฟูได้เหม
บะหมี่เกี๊ยวเที่ยวเก่ง
สวัสดีคนแปลกหน้า l คุณคือผู้พิชิต "ผาหินกูบ"
>> ติดตามเรื่องราวการเดินทางเพิ่มเติมได้ที่ Facebook เพจสวัสดีคนแปลกหน้า https://www.facebook.com/hellostrangerpage/ . คุณคือผู้พิชิต "ผาหินกูบ" คุณคือผู้พิชิต...ผาหินกูบ ผาหินกูบ ตั้
สวัสดีคนแปลกหน้า
สอบถามค่ะ...ใครเคยไปเที่ยวที่ Baekdamsa temple ที่อยู่ในเขตซอรัคซานบ้างคะ
พอดีเห็นรูปที่คุณ travel-in-detail รีวิวไว้ตอนไปเที่ยวที่ซอรัคซาน และได้ขับรถไปเที่ยวที่วัด Baekdamsa ก็เลยอยากจะไปบ้าง แต่ไม่รู้วิธีการเดินทางว่าจากซกโซ จะเดินทางด้วยรถประจำทางไปอย่างไร ใครทราบรบกวนบ
ไข่จังน้อย
Dolomites ไปยังไง? มือใหม่หัดเดินป่า Tre Cime di Lavaredo | วิธีการเดินทาง และ วิธีการเตรียมตัว เที่ยวอิตาลี
Dolomites ไปยังไง? มือใหม่หัดเดินป่า Tre Cime di Lavaredo | วิธีการเดินทาง และ วิธีการเตรียมตัว เที่ยวอิตาลี.จู้จี้มาแชร์ประสบการณ์เดินป่าครั้งแรก ที่ Tre Cime Di Lavaredo 🌤️ ระยะทางประมาณ 10 กิโลเมตร
สมาชิกหมายเลข 7653283
รีวิว "ยอดคนบนยอดเขา" การเดินทางของนักสำรวจผู้พิชิตยอดเขาถ้ำค้างคาว เขตห้ามล่าสัตว์ป่าถ้ำผาท่าพล อ.เนินมะปราง จ.พิษณุโลก
จากกระทู้ก่อนหน้านี้ http://pantip.com/topic/34371468 เจ้าของกระทู้ได้พาทุกท่านไปท่องเที่ยวดินแดนธรรมชาติ ณ เขตห้ามล่าสัตว์ป่าถ้ำผาท่าพล ที่อำเภอเนินมะปราง ซึ่งเป็น อำเภอเล็กๆ แห่งหนึ่งในจังหวัดพิษณุโ
สมาชิกหมายเลข 2369666
จังหวัดคังวอนเกาหลีใต้และสถานที่ท่องเที่ยวที่น่าไปสัมผัส
สวัสดีค่ะ วันนี้ได้รวบรวมสถานที่ท่องเที่ยวที่น่าสนใจของจังหวัดคังวอนและข้อมูลคร่าวๆ มาเผื่อมีใครสนใจอยากไปเที่ยวจังหวัดนี้ ที่นี่ถือเป็นอีกหนึ่งจังหวัดที่มีนักท่องเที่ยวไปเยือนตลอดปี เพราะมีสถานที่ท่อ
monkey(thai)
(เกาหลี)...แนจังซาน กับ ซอรัคซาน ใบไม้เปลี่ยนสีที่ไหนสวยกว่ากันค่ะ
ถ้าเน้นชมความงามของใบไม้เปลี่ยนสี คงไม่เน้นเดินตามทางเดินป่าค่ะ เพราะมีคนแก่(แต่สุขภาพดีมาก เดินออกกำลัง 5 กม.ทุกวันค่ะ) เราคิดว่าจะเน้นขึ้นกระเช้าไปดูวิวมุมสูงมากกว่าค่ะ ควรไปที่ไหนดีค่ะระหว่าง 2 ที
little heaven
5 เหตุผล!🗒️ ที่ต้องไปเที่ยวคังวอนโดให้ได้! ตอบโจทย์ทุกไลฟ์สไตล์~🏂🍂
สวัสดีเดือนตุลาคมชาวอสท.เกาหลีทุกคนค่าาา~ ช่วงนี้ที่เกาหลีเข้าสู่ฤดูใบไม้ร่วงแล้ว🍂 ใบไม้เริ่มเปลี่ยนสีอากาศก็ค่อย ๆ เย็นลง เรียกว่าเป็นช่วง High Season สำหรับการไปเที่ยวเกาหลีเลยค่ะ🥰 และแน่น
อสท.เกาหลี
เที่ยวทุ่งดอกกระเจียว ชัยภูมิ หนึ่งปีมีครั้งเดียว
พาเที่ยวทุ่งดอกกระเจียวกลางสายหมอก งบประหยัด คนละ 1,700 ทริป 2 วัน 1 คืนค่ะ อุทยานแห่งชาติป่าหินงาม อารมณ์เหมือนมาเที่ยวงานดอกไม้ มีร้านค้าคึกคัก นั่งรถรางชมได้ 4 จุด ไม่ต้องเดินเยอะ ยกเว้นลานหินง
หมีเป็ด
Patjang แนะนำที่ท่องเที่ยวใกล้หัวหิน อีกกระทู้น่ะค่ะ น้ำตกป่าละอู ค่ะ
แนะนำที่เที่ยวใกล้หัวหินน่ะค่ะ ไปนานแล้วค่ะ แต่เพิ่งจะได้รีวิว น้ำตกป่าละอู อยู่ในความดูแลของหน่วยพิทักษ์อุทยานที่ กจ.3 (ห้วยป่าเลา) อุทยานแห่งชาติแก่งกระจาน ในเขตป่าละอู ต.ห้วยสัตว์ใหญ่ อ.หัวหิน ห่า
มู๋ภัทรจัง
อ่านกระทู้อื่นที่พูดคุยเกี่ยวกับ
เที่ยวเกาหลี
เดินป่า
Backpack
สถานที่ท่องเที่ยวต่างประเทศ
บนสุด
ล่างสุด
อ่านเฉพาะข้อความเจ้าของกระทู้
หน้า:
หน้า
จาก
แชร์ : 30
โปรดศึกษาและยอมรับนโยบายข้อมูลส่วนบุคคลก่อนเริ่มใช้งาน
อ่านเพิ่มเติมได้ที่นี่
ยอมรับ
[CR] วันหนึ่งฉันเดินเข้าป่าเกาหลี ประสบการณ์เดินเขาซอรัคซาน
ปกตินักท่องเที่ยวส่วนใหญ่จะนิยมขึ้นเคเบิ้ลคาร์ไปชมวิวของยอดเขาซอรัคซานกัน ยิ่งในช่วงฤดูใบไม้ร่วงก็จะเป็นที่นิยมมาก ช่วงที่เราไปคือวันที่ 12 ตุลาคมที่ผ่านมา อยู่ในช่วงเริ่มฤดูใบไม้เปลี่ยนสี ซึ่งที่ซอรัคซานจะเป็นที่แรกที่ใบไม้เริ่มเปลี่ยนสีค่ะ
หลังจากหาข้อมูลการเดินเขาที่ซอรัคซานเราก็ตัดสินใจที่จะเริ่มเดินจากทางวัดชินฮึงซาค่ะ แต่ยังไม่ได้ตัดสินใจว่าจะเดินเข้าไปลึกแค่ไหน เพราะต้องบอกก่อนเลยว่าไม่เคยมีประสบการณ์การเดินป่าจริงจัง เคยเดินกิ่วแม่ปานตอนไปเที่ยวเชียงใหม่ซึ่งก็มีไกด์นำทางให้ ครั้งนี้จึงถือเป็นครั้งแรกที่เข้าป่าคนเดียว ก็แอบตื่นเต้นเล็กน้อยเหมือนกันค่ะ
เช้ามืดวันที่ 12 ตุลาคม เราออกเดินทางจากที่พักไป Dong Seoul Bus Terminal เพิ่อขึ้นรถบัสไปเมืองซกโช ค่าตั๋ว 13300 วอน ใช้เวลาประมาณ 3 ชั่วโมงก็ถึง Sokcho Bus Terminal จากสถานีรถบัสเราต้องต่อรถบัสไปที่ซอรัคซานอีกประมาณ 1 ชั่วโมงค่ะ แต่รถจะมาทุก 1 ชั่วโมง เราจึงนั่งแท็กซี่ไปแทนเพราะกลัวจะเสียเวลา จากสถานีรถบัสนั่งไปถึงซอรัคซานใช้เวลาประมาณ 20 นาทีค่ะ ค่ารถประมาณ 13000 วอน
ระหว่างทางที่นั่งมาคุณลุงแท็กซี่ก็ชวนคุย ถามว่ามาเที่ยวคนเดียวเหรอ ถามเกี่ยวกับประเทศไทย คุณลุงบอกว่าอยากไปเที่ยวไทยสักครั้งแต่ยังไม่กล้าเพราะคุณลุงพูดภาษาอังกฤษไม่ได้ คุยกันสักพักก็ถึงหน้าทางเข้าซอรัคซานประมาณ 9 โมงค่ะ ก่อนลงจากแท็กซี่ก็ขอนามบัตรติดต่อไว้ เพราะเผื่อขากลับหารถไปลงสถานีรถบัสไม่ได้
ค่าธรรมเนียมเข้าอุทยาน ผู้ใหญ่ 3500 วอนค่ะ วันที่เราไปเป็นวันศุกร์ตอนเช้าคนจึงยังไม่ค่อยเยอะมากเท่าไหร่ เดินผ่านทางเข้าไปก็จะมีรูปปั้นหมีซึ่งเป็นสัญลักษณ์ของซอรัคซานอยู่ อากาศวันนั้นไม่หนาวอย่างที่คิด เย็นๆ เดินสบายค่ะ เดินผ่านเข้าไปจะเป็นทางขึ้นเคเบิ้ลคาร์ที่นักท่องเที่ยวนิยมขึ้นกัน และมีร้านอาหาร และห้องน้ำไว้บริการ เราแวะกินข้าวและเข้าห้องน้ำก่อนขึ้นไปและเริ่มออกเดินเวลาประมาณ 09.30 ค่ะ
หลังจากทานข้าว และทำธุระส่วนตัวเรียบร้อยเราก็เริ่มออกเดินจากร้านอาหารขึ้นไปทางวัดชินฮึงซา ที่นักท่องเที่ยวนิยมมาถ่ายรูปกับพระพุทธรูปหินองค์ใหญ่ ตรงนี้คนจะค่อนข้างเยอะค่ะ พอเดินเลยวัดขึ้นไปจะเจอทางแยก ทางขวาจะไปอุลซันบาวีเป็นยอดเขาระยะทางประมาณ 3 กิโลเมตร สามารถขึ้นไปชมวิวมุมสูงของซอรัคซานได้ ซึ่งจากที่เราเคยอ่านรีวิว นักท่องเที่ยวก็จะนิยมไปทางอุลซันบาวีกันพอสมควร
ส่วนทางซ้ายจะเป็นทางเดินไปบีซอนแดเป็นภูเขาหิน 3 ลูกเรียงตัวกัน ระยะทางประมาณ 2.7 กิโลเมตร ซึ่งเราเลือกเดินทางนี้ตามที่ดูรีวิวมาค่ะ ระหว่างทางก็มีคุณลุง คุณป้า เด็กชั้นประถมที่โรงเรียนพามาเที่ยว ช่วงกิโลเมตรแรกเป็นทางปูนเดินสบายค่ะ อากาศดีมาก ชมนก ชมไม้ ฟังเสียงนกร้อง เสียงน้ำตก เริ่มเห็นใบไม้สีเหลืองๆ ประปราย
พอเข้าช่วงกิโลเมตรที่ 2 ทางเริ่มเปลี่ยนเป็นทางหินทีเวลาเดินต้องระวังค่ะ เพราะถ้าไม่ระวังอาจจะข้อเท้าพลิกได้ ตรงนี้จะมีห้องน้ำให้บริการอีก 1 จุด หลังจากนี้จะไม่มียาวจนถึงจุดพักบนยอดเขาเลยค่ะ เราเดินไปเรื่อยๆ ชมธรรมชาติข้างทางไปเรื่อยๆ ต้องบอกว่าอากาศดีมากๆ มีคุณลุง คุณป้าเดินกันพอสมควรเลย ต้องบอกว่าคนสูงอายุเกาหลีเขานิยมมาเดินเขากันค่ะ เท่าที่สังเกตจะไม่ค่อยมีวัยรุ่นเลย เราเดินมาเรื่อยๆ จนมาถึงบีซอนแด ใช้เวลาประมาณ 1 ชั่วโมง ซึ่งถึงเร็วกว่าที่คิดไว้ค่ะ
หลังจากที่มาถึงบีซอนแดแล้วเราก็ยืนคิดอยู่สักพักว่าจะไปต่อหรือเดินกลับดี ซึ่งก็มีคนที่เดินมาหยุดตรงนี้หลายคนเลยค่ะ ถ้าไปทางซ้ายจะเป็นทางระดับปกติประมาณ 4 กิโลเมตร แต่ถ้าเดินยาวประมาณ 10 กิโลเมตร จะไปจุดสูงสุดของซอรัคซานและข้ามเขาไปลงอีกฝั่งได้ ส่วนทางขวาจะเป็นทางระดับยากประมาณ 3 กิโลเมตร สามารถเดินไปถ้ำกึมกังได้ และถ้าเดินต่อไปก็จะเป็นทางระดับที่ยากที่สุดของการเดินเขาซอรัคซาน เราตัดสินใจอยู่สักพักก็เลือกไปทางขวาที่เป็นทางระดับยาก คิดว่าเสียค่าตั๋วเครื่องบินมาแล้วต้องเอาให้คุ้ม
หลังจากตัดสินใจเราก็เริ่มออกเดินต่อทันที ณ ตอนนั้นคิดว่าเดินไปถึงประมาณเที่ยงได้แค่ไหนก็แค่นั้นแล้วจะเดินกลับ เพราะน้ำที่เตรียมมาก็ใกล้หมดแล้ว และทางที่เลือกมาก็ไม่ค่อยมีคน หลังจากเริ่มเดินขึ้นไปก็ยอมรับเลยค่ะว่าทางยากจริง 555 เพราะเป็นหินเป็นชั้นต้องค่อยๆ ปีนขึ้นไป บางจุดมีป้ายติดระวังหินตกลงมาใส่หัวด้วย พอเริ่มเดินขึ้นมาก็เริ่มเจอใบไม้เปลี่ยนสี สีแดงแบบ แด๊ง แดง เดินไปถ่ายรูปไป อากาศก็เริ่มร้อนหน่อยๆ เพราะเกือบ 11 โมงแล้ว ระหว่างทางก็มีคนเดินสวนลงมา ทุกคนใส่ยูนิฟอร์มปีนเขา มีไม้ยัน (เรียกแบบนี้มั้ย) อุปกรณ์ครบครัน
หลังจากปีนขึ้นไปเรื่อยๆ ก็มาเจอทางแยกค่ะ ถ้าไปทางซ้ายเราจะต้องเดินต่ออีกประมาณ 8 กิโลเมตรถึงจะถึงจุดที่สูงที่สุดของซอรัคซาน ถ้าเดินขึ้นไปทางขวาจะเป็นถ้ำกึมกัง เอาจริงๆ เราก็ไม่รู้จักหรอกว่าถ้ำนี้มีอะไร เลยลองหาในเน็ตดูก็มีคนถ่ายรูปวิวที่มองจากถ้ำนี้มา ก็เลยตัดสินใจเดินขึ้นไปทางถ้ำค่ะ ซึ่งระยะทาง 200 เมตรก่อนถึงถ้ำมีทั้งทางหินธรรมชาติ บันได้เหล็กที่ทอดผ่านเขา บอกเลยว่าขาสั่นมาก ไม่คิดว่าจะเดินขึ้นมาสูงขนาดนี้ แต่ระหว่างทางมักจะสวยงามกว่าจุดหมายเสมอ เราหันไปมองวิวที่อยู่ด้านหลังเป็นภูเขาซอรัคซานเรียงสลับกันไกลสุดลูกหูลูกตา อากาศข้างบนคือดีมากๆ เราแวะถ่ายรูปสักพัก และเดินต่อ 100 เมตรสุดท้ายก่อนถึงถ้ำ ซึ่งเป็นบันได้หินที่ชันมากๆค่ะ บางจุดนี่ต้องปีน แต่ยิ่งสูงวิวก็ยิ่งสวยค่ะ หันกลับไปถ่ายรูปที มือก็สั่นที คือมันสูงและหวิวๆ แต่วิวสวยจริงๆ ค่ะ
ระหว่างทางที่ปีนขึ้นมาถึงถ้ำ ข้างหน้าเราก็เป็นคุณลุงคุณป้าน่าจะเป็นสามีภรรยากัน คุณป้าดูจะไม่ไหวแล้ว แกหยุดพักกลางทาง ส่วนคุณลุงแกไปยืนรอให้กำลังใจอยู่บนยอดบอกสู้ๆ แถมถ่ายรูปภรรยาอย่างสบายใจอีก เป็นภาพที่ทำให้อมยิ้มระหว่างทางได้ หลังจากที่ปีนขึ้นมาเรื่อยๆ เราก็มาถึงถ้ำในสภาพที่หมดแรง และเหงื่อออกทั้งๆที่อากาศไม่ร้อนเลยค่ะ 555
ภายในถ้ำมีพระพุทธรูป 1 องค์ตั้งอยู่ และมีพระ 1 รูป กำลังนั่งคุยกับคนที่ปีนขึ้นมาจนถึงถ้ำ เหล่าคุณลุงคุณป้าแชะภาพกับวิวภูเขาด้านหลัง ส่วนเราก็ทำเนียนนั่งพัก เพราะหมดแรงจริงๆ แต่วิวที่อยู่ตรงหน้าก็ทำให้หายเหนื่อยเลยค่ะ นั่งอยู่สักพัก พระท่านก็เรียกให้ไปกินน้ำที่ไหลลงมาจากถ้ำ รสชาติเหมือนน้ำแร่ แต่แร่คงมากไปหน่อย ลิ้นชาเลย 555 เรานั่งพักต่อสักพัก ช่วยถ่ายรูปให้คุณลุงคุณป้าคู่หนึ่ง คนก็เริ่มทยอยลง พระท่านก็ทักว่าไม่ได้มากับพวกเขาเหรอ พอบอกว่าไม่ใช่คนเกาหลีค่ะ ท่านก็ดูตกใจเล็กน้อย 555 หลังจากนั่งพักให้หายเหนื่อยก็ดูเวลาเกือบเที่ยงครึ่งแล้วเราจึงเริ่มเดินลงค่ะ
ระหว่างทางเดินลงก็มีคุณป้าเกาหลีมาชวนคุยบ้าง ดูทุกคนจะตกใจที่เป็นคนต่างชาติมาเดินเขาคนเดียวได้ยังไง ไม่กลัวเหรอ 555 ระหว่างทางที่ลงมาก็เจอนักท่องเที่ยวฝรั่ง 1 คู่ ผู้หญิงน่าจะลื่นล้ม ข้อเท้าพลิก เราเองตอนเดินลงก็สไลด์หน้าเกือบทิ่มประมาณ 2 รอบ รู้สึกได้ถึงความขาสั่น 555 เราใช้เวลาเดินลงมาจนถึงทางเข้าประมาณ 2 ชั่วโมงหน่อยๆ ระหว่างทางก็มีคนเดินสวนเข้าไปเรื่อยๆ พอมาถึงทางเข้าก็โทรให้คุณลุงแท็กซี่มารับ ช่วงบ่ายตรงทางเข้ารถค่อนข้างติดเพราะคนทยอยมาเดินช่วงบ่ายและขึ้นไปตั้งแคมป์บนเขากัน เราเดินทางจากซอรัคซานถึงสถานีรถบัสประมาณ 3 โมง และเดินทางกลับเข้าโซล ถึงโซลประมาณ 1 ทุ่ม คืนนั้นหลับเป็นตายเลยค่ะ หมดแรง
จบแล้วค่ะ ทริปไปเดินเขาซอรัคซานของเราก็หวังว่ากระทู้นี้จะช่วยแบ่งปันประสบการณ์ให้ผู้ที่อยากลองไปเดินเขาที่ซอรัคซานนะคะ สำหรับเราตอนนี้ตกหลุมรักซอรัคซานไปแล้วค่ะ คิดว่าจะต้องกลับไปอีกแน่นอนเพราะยังมีอีกหลายเส้นทางที่อยากจะไปเดินดู ไว้เจอกันกระทู้หน้านะคะ กระทู้หน้าเราจะมาเล่าทริปไปปั่นจักรยานที่เมืองคยองจูค่ะ อันยอง
CR - Consumer Review : กระทู้รีวิวนี้เป็นกระทู้ CR โดยที่เจ้าของกระทู้