ความดียังคุ้มครองเธออยู่....


อดีตผู้พิพากษาศาลฎีกา เผยกรณีทนายแจ้งความเอาผิด "เบส อรพิมพ์" หาว่าขึ้นเวทีพูดหมิ่นฯคนอีสาน ชี้เรื่องนี้พูดไปตั้งแต่ต้นปี เวลาเกิน 3 เดือน คดีถือว่าขาดอายุความ อีกทั้งผู้แจ้งยังไม่ใช่ผู้เสียหาย จึงไม่มีอำนาจไปร้องทุกข์ แถมความผิดฐานหมิ่นประมาท ยังเป็นคดีสามารถยอมความกันได้...
..........
จนมีคนนำคลิปวิดีโอการพูดตอนหนึ่งออกไปเผยแพร่ โดยกล่าวหาว่า "เบส-อรพิมพ์" ว่า คนอีสาน ทำให้หลายคนฟังรู้สึกไม่พอใจ และมีบางคนถึงขั้นจะไปแจ้งความดำเนินคดี
ล่าสุด เมื่อวันที่ 20 พ.ย. เฟซบุ๊ก Chuchart Srisaeng ของ นายชูชาติ ศรีแสง อดีตผู้พิพากษาศาลฎีกา ได้โพสต์ข้อความแสดงความเห็น พร้อมให้ความรู้เกี่ยวกับเรื่องข้อกฏหมายในกรณีนี้ว่า "มีทนายความคนหนึ่ง ไปแจ้งความต่อเจ้าพนักงานตำรวจเมื่อวันที่ 19 พฤศจิกายน 2559 ให้ดำเนินคดีแก่น้องผู้หญิงคนหนึ่งว่า หมิ่นประมาทคนอีสาน ....... กรณีมาจากน้องผู้หญิงคนนั้น ได้รับเชิญ.....ให้ไปพูด.....ให้นักเรียนในจังหวัดมหาสารคามนับพันคนฟัง ในหอประชุมแห่งหนึ่งในจังหวัดมหาสารคาม เมื่อต้นปีนี้ เรื่องนี้มีขอให้เจ้าพนักงานตำรวจ ที่ทนายความคนนั้นไปแจ้งความ พิจารณาข้อเท็จจริงและข้อกฎหมาย ซึ่งมีหลายประการให้ละเอียดถี่ถ้วนด้วยดังต่อไปนี้คือ
1.ในปัญหาข้อเท็จจริงต้องพิจารณาข้อความที่พูดตั้งแต่เริ่มต้นจนจบทั้งหมด ไม่ใช่ตัดตอนมาพิจารณาเฉพาะบางคำพูดบางตอนเท่านั้น เพราะถ้าฟังที่น้องเธอพูดทั้งหมดย่อมเห็นได้ว่า ไม่ได้มีเจตนาหมิ่นประมาทบุคคลหนึ่งบุคคลใด
2.ในปัญหาข้อกฎหมาย
2.1 ความผิดฐานหมิ่นประมาทนั้น ประมวลกฎหมายอาญา มาตรา 333 บัญญัติไว้ว่า เป็นความผิดอันยอมความได้
2.2 เมื่อเป็นความผิดอันยอมความได้ ผู้ที่มีอำนาจไปร้องทุกข์ต่อเจ้าพนักงานตำรวจต้องเป็นผู้เสียหายที่ได้รับความเสียหายเท่านั้น ทั้งนี้ตามประมวลกฎหมายวิธีพิจารณาความอาญามาตรา 2 (7) ถ้าไม่ใช่ผู้เสียหายไม่มีอำนาจไปร้องทุกข์
2.3 ความผิดอันยอมความได้ ถ้าผู้ที่ไปร้องทุกข์ไม่ใช่ผู้เสียหาย ห้ามมิให้ให้พนักงานสอบสวนทำการสอบสวนดำเนินคดีแก่ผู้ถูกกล่าวหา ทั้งนี้ตามประมวลกฎหมายวิธีพิจารณาความอาญา มาตรา 121 วรรคสอง
2.4 มีการพูดที่จังหวัดมหาสารคาม ถ้าการพูดนั้นเป็นความผิดก็มีการกระทำที่จังหวัดมหาสารคาม เป็นการพูดในห้องประชุมเท่านั้น ไม่ได้ให้สัมภาษณ์สื่อมวลชนหรือลงในโซเชียลมีเดียอันจะถือได้ว่าเหตุเกิดทั่วราชอาณาจักรไม่ได้ เมื่อเหตุเกิดที่จังหวัดมหาสารคาม การไปแจ้งความที่สถานีตำรวจในจังหวัดนนทบุรี พนักงานสอบสวนย่อมไม่มีอำนาจสอบสวน ทั้งนี้ตามประมวลกฎหมายวิธีพิจารณาความอาญา มาตรา 18
2.5 ประมวลกฎหมายอาญา มาตรา 96 บัญญัติว่า ในกรณีความผิดอันยอมความได้ ถ้าผู้เสียหายมิได้ร้องทุกข์ภายในสามเดือนนับแต่วันท่ีรู้เรื่องความผิดและรู้ตัวผู้กระทําความผิด เป็นอันขาดอายุความ
เรื่องนี้มีการพูดมาตั้งแต่ต้นปีและเป็นการพูดต่อหน้าเด็กนักเรียน และมีผู้ใหญ่ร่วมฟังด้วยซึ่งต่างก็เป็นคนภาคอีสาน ถ้าเห็นว่าคำพูดของเธอเป็นการหมิ่นประมาทคนภาคอีสาน ก็รู้ตัวผู้พูดตั้งแต่วันนั้นแล้ว เมื่อนับตั้งแต่วันที่เธอพูด จนถึงวันที่ทนายความคนนั้นไปแจ้งความ ก็เป็นเวลาเกินสามเดือน คดีขาดอายุความแล้ว จึงไม่อาจดำเนินคดีแก่เธอได้"..
http://www.dailynews.co.th/regional/537663
((มาลาริน)) ผิดหวังไปตามๆกันค่ะ.....^_^ อดีตผู้พิพากษาสอนกม.ทนาย ชี้"เบส"พูดเกิน 3 เดือนเอาผิดไม่ได้
อดีตผู้พิพากษาศาลฎีกา เผยกรณีทนายแจ้งความเอาผิด "เบส อรพิมพ์" หาว่าขึ้นเวทีพูดหมิ่นฯคนอีสาน ชี้เรื่องนี้พูดไปตั้งแต่ต้นปี เวลาเกิน 3 เดือน คดีถือว่าขาดอายุความ อีกทั้งผู้แจ้งยังไม่ใช่ผู้เสียหาย จึงไม่มีอำนาจไปร้องทุกข์ แถมความผิดฐานหมิ่นประมาท ยังเป็นคดีสามารถยอมความกันได้...
..........
จนมีคนนำคลิปวิดีโอการพูดตอนหนึ่งออกไปเผยแพร่ โดยกล่าวหาว่า "เบส-อรพิมพ์" ว่า คนอีสาน ทำให้หลายคนฟังรู้สึกไม่พอใจ และมีบางคนถึงขั้นจะไปแจ้งความดำเนินคดี
ล่าสุด เมื่อวันที่ 20 พ.ย. เฟซบุ๊ก Chuchart Srisaeng ของ นายชูชาติ ศรีแสง อดีตผู้พิพากษาศาลฎีกา ได้โพสต์ข้อความแสดงความเห็น พร้อมให้ความรู้เกี่ยวกับเรื่องข้อกฏหมายในกรณีนี้ว่า "มีทนายความคนหนึ่ง ไปแจ้งความต่อเจ้าพนักงานตำรวจเมื่อวันที่ 19 พฤศจิกายน 2559 ให้ดำเนินคดีแก่น้องผู้หญิงคนหนึ่งว่า หมิ่นประมาทคนอีสาน ....... กรณีมาจากน้องผู้หญิงคนนั้น ได้รับเชิญ.....ให้ไปพูด.....ให้นักเรียนในจังหวัดมหาสารคามนับพันคนฟัง ในหอประชุมแห่งหนึ่งในจังหวัดมหาสารคาม เมื่อต้นปีนี้ เรื่องนี้มีขอให้เจ้าพนักงานตำรวจ ที่ทนายความคนนั้นไปแจ้งความ พิจารณาข้อเท็จจริงและข้อกฎหมาย ซึ่งมีหลายประการให้ละเอียดถี่ถ้วนด้วยดังต่อไปนี้คือ
1.ในปัญหาข้อเท็จจริงต้องพิจารณาข้อความที่พูดตั้งแต่เริ่มต้นจนจบทั้งหมด ไม่ใช่ตัดตอนมาพิจารณาเฉพาะบางคำพูดบางตอนเท่านั้น เพราะถ้าฟังที่น้องเธอพูดทั้งหมดย่อมเห็นได้ว่า ไม่ได้มีเจตนาหมิ่นประมาทบุคคลหนึ่งบุคคลใด
2.ในปัญหาข้อกฎหมาย
2.1 ความผิดฐานหมิ่นประมาทนั้น ประมวลกฎหมายอาญา มาตรา 333 บัญญัติไว้ว่า เป็นความผิดอันยอมความได้
2.2 เมื่อเป็นความผิดอันยอมความได้ ผู้ที่มีอำนาจไปร้องทุกข์ต่อเจ้าพนักงานตำรวจต้องเป็นผู้เสียหายที่ได้รับความเสียหายเท่านั้น ทั้งนี้ตามประมวลกฎหมายวิธีพิจารณาความอาญามาตรา 2 (7) ถ้าไม่ใช่ผู้เสียหายไม่มีอำนาจไปร้องทุกข์
2.3 ความผิดอันยอมความได้ ถ้าผู้ที่ไปร้องทุกข์ไม่ใช่ผู้เสียหาย ห้ามมิให้ให้พนักงานสอบสวนทำการสอบสวนดำเนินคดีแก่ผู้ถูกกล่าวหา ทั้งนี้ตามประมวลกฎหมายวิธีพิจารณาความอาญา มาตรา 121 วรรคสอง
2.4 มีการพูดที่จังหวัดมหาสารคาม ถ้าการพูดนั้นเป็นความผิดก็มีการกระทำที่จังหวัดมหาสารคาม เป็นการพูดในห้องประชุมเท่านั้น ไม่ได้ให้สัมภาษณ์สื่อมวลชนหรือลงในโซเชียลมีเดียอันจะถือได้ว่าเหตุเกิดทั่วราชอาณาจักรไม่ได้ เมื่อเหตุเกิดที่จังหวัดมหาสารคาม การไปแจ้งความที่สถานีตำรวจในจังหวัดนนทบุรี พนักงานสอบสวนย่อมไม่มีอำนาจสอบสวน ทั้งนี้ตามประมวลกฎหมายวิธีพิจารณาความอาญา มาตรา 18
2.5 ประมวลกฎหมายอาญา มาตรา 96 บัญญัติว่า ในกรณีความผิดอันยอมความได้ ถ้าผู้เสียหายมิได้ร้องทุกข์ภายในสามเดือนนับแต่วันท่ีรู้เรื่องความผิดและรู้ตัวผู้กระทําความผิด เป็นอันขาดอายุความ
เรื่องนี้มีการพูดมาตั้งแต่ต้นปีและเป็นการพูดต่อหน้าเด็กนักเรียน และมีผู้ใหญ่ร่วมฟังด้วยซึ่งต่างก็เป็นคนภาคอีสาน ถ้าเห็นว่าคำพูดของเธอเป็นการหมิ่นประมาทคนภาคอีสาน ก็รู้ตัวผู้พูดตั้งแต่วันนั้นแล้ว เมื่อนับตั้งแต่วันที่เธอพูด จนถึงวันที่ทนายความคนนั้นไปแจ้งความ ก็เป็นเวลาเกินสามเดือน คดีขาดอายุความแล้ว จึงไม่อาจดำเนินคดีแก่เธอได้"..
http://www.dailynews.co.th/regional/537663