[CR] Moment in Time : เที่ยวไป บ่นไป

Let’s take one more trip to the moon…
#Leavethenighton,SamHunt

สวัสดีค่ะ ก่อนอื่นต้องขอสวัสดี นี่เป็นกระทู้แรกของเรา เย้ยยยย...ไม่ใช่ แฮ่ๆ
เนื่องจากว่าสมัยที่ได้มีโอกาสไปที่ต่างๆ ยังไม่ได้คิดว่าจะมาทำรีวิว ก็เลยไม่ได้เก็บรายละเอียดต่างๆ ไว้
แต่พอนั่งดูรูปย้อนหลังแล้วเกิดความรู้สึกว่า ภายใต้ภาพเหล่านั้น มีความทรงจำมากมาย สนุก เศร้า อุปสรรค และการเรียนรู้มากมาย
ที่ทยอยเขียนไว้ตอนว่างๆ เวลาคิดถึงบรรยากาศเหล่านั้น วันนี้เลยอยากเอาสิ่งที่เขียนไว้มาแบ่งปันให้ทุกคนที่สนใจได้มาสนุกด้วยกันค่า

1.Verona in Memory


เวโรนา
เมืองแห่งความรัก...บ้านของจูเลียต

เป็นความใฝ่ฝันว่าอยากจะไปส่งจดหมายให้จูเลียตสักครั้ง
หลังจากที่ได้ดูเรื่อง Letter to Juliet

จินตนาการว่าเมืองน่าจะโรแมนติก แต่พอได้ไปเยือนมันยิ่งกว่านั้นมาก
แม้ว่าการไปจะเกิดอุปสรรคหลายๆ อย่าง แต่ความสวยงามของเมืองก็ยังเข้ามาให้ใจที่หม่นหมองได้สัมผัส (ไอย๊ะ)
คิดเลยว่าจะให้อยู่ที่นี่ตลอดชีวิตยังได้

เหตุการณ์เศร้าปนฮา ณ เวโรนา
1. ลืมจองตั๋วรถไฟจากโรมมาเวโรนา แต่จองที่พักไว้แล้ว
2. ส่งจดหมายมาแคนเซิ่ลที่พักแต่ไม่มีคนตอบกลับ

ด้วยความสะเพร่าหรือคิดว่าค่อยมาจองก็ไม่แน่ใจ พอมาดูตั๋วรถไฟแล้วมันค่อนข้างแพงซึ่งจำไม่ได้ว่าเท่าไร น้องที่ไปด้วยเค้าบอก เค้าไม่มีตังค์พอค่ารถไฟ เลยเลือกไปเที่ยวที่ช้ากว่าและถึงตอนเช้าของอีกวัน ซึ่งที่พักในคืนนั้นก็น่าจะต้องเสียไป แต่ด้วยความคิดบวกของน้องเลยคิดว่า เค้ายังไม่แคนเซิ่ลเพราะฉะนั้นห้องน่าจะว่าง งั้นเราเค้าไปอาบน้ำตอนเช้าก็ยังดี เพราะปกติต้องเชคเอ้าท์ออกก่อนเที่ยง

ไปถึงที่นั่นตีห้าน่าจะได้ ขึ้นแท็กซี่ไปลง ณ เกสเฮ้าท์แห่งนั้น กดออด

ตึ๊ง....ตึ่งงงงง!!!

มีเสียงผู้ชายตอบออกมาด้วยอารมณ์โมโหมาก พวกเราคงจะไปปลุกเค้า (ซึ่งเราก็ลืมคิดไปว่ามันไม่ใช่โรมแรมที่มีคนดูแลให้บริการตลอดเวลา) เค้าไล่เราออกไปให้พ้น แบบว่า Go away!!

น้องที่ไปด้วยพยายามอธิบายถึงเหตุการณ์ทั้งหมด เค้าก็ไม่ฟัง ไล่อย่างเดียว พอเค้าเห็นมาจากข้างในมั้งว่าเรายังไม่ไป เค้าก็ส่งเสียงมาไล่อีก

คือ...?
ยืนคิดว่าจะเอาไงต่อหน้าบ้านมันก็ไม่ได้ ใจดำจริงๆ

ตอนหลังเค้าออกมานอกประตูเลย เค้าดูสูงใหญ่ หุ่นนักรบมาก
คิดว่าออกมาจากแกลเดียเตอร์ น้องพยายามจะอธิบาย ดราม่า ขอร้อง
ขอไปนั่งข้างในก็ยังดีเพราะมันหนาวมาก แต่เค้าไม่ยอม

เค้าไม่สงสารผู้หญิงตัวเล็กๆ สองคนเลย
เราเลยเดินออกกันมา

โชคดีที่ตรงนี้ไม่ห่างจากสถานีรถไฟมาก
โชคไม่ดีที่แท็กซี่ไม่ผ่านมาเลยสักคัน
โชคไม่ดีที่หนาวมาก
โชคดีที่ถามทางแล้วมีคนบอกทาง
แต่โชคไม่ดีที่บอกเป็นภาษาอิตาลี ฟังไม่รู้เรื่อง

สรุปว่ามั่วกันมาจนถึงสถานีรถไฟ

ระหว่างเดินมาเราแอบหัวเราะน้องที่ไปด้วยที่กำลังเดินนำทางไปสถานีรถไฟ
เพราะน้องเศร้ามาก แล้วน้องเอากระเป๋าลากมา เราสะพายเป้
เรามีความรู้สึกเหมือนพจมานโดนไล่ออกมาจากบ้านทรายทอง

แต่ต้องเก็บความฮาไว้คนเดียว เพราะมันอาจจะไม่ฮาในตอนนั้นสำหรับน้อง

2.Pompeii in Memory

ปอมเปอี

เมืองแห่งความเศร้าสลดและความสูญเสีย
จากการประทุของภูเขาไฟวิสุเวียส และยังเป็นภูเขาไฟที่ยังไม่ดับในปัจจุบัน
การระเบิดล่าสุดในปี พ.ศ. 2487

มันมีเสน่ห์มาก บรรยายออกมาด้วยคำพูดไม่หมด

มันคือเมืองของคนมีอันจะกินในสมัยนั้น เป็นสถานเริงรมย์

ที่คนตั้งถิ่นฐานใกล้ภูเขาไฟก็เพราะพื้นที่บริเวณใกล้ภูเขาไฟมีความอุดมสมบูรณ์ด้วยแร่ธาตุมากมาย เหมาะแก่การเพาะปลุก และตั้งถิ่นฐาน

แต่ด้วยความสงบเงียบของภูเขาไฟที่เราไม่รู้ว่าจะมาอีกเมื่อไร
ก็ทำให้ชะล่าใจ และวางใจที่จะอยู่ใกล้มหันตภัยร้าย

ตั้งแต่เริ่มนั่งรถไฟจาก นโปลีเข้าปอมเปอี มีความรู้สึกตื่นเต้นมาก
เหมือนฝันกำลังจะเป็นจริง เพราะเคยทำรายงานเกี่ยวกับปอมเปอี
ไม่คิดเลยว่าชีวิตนี้จะได้มาสัมผัส และยังอยากจะไปสัมผัสอีกครั้ง

การมาเที่ยวครั้งนี้ เร่งรีบไปหน่อยเพราะต้องให้ทันรถไฟเที่ยวสุดท้าย
มาถึงก็บ่ายแล้ว มีหลงทาง ลงก่อนสถานีอีก

หลายๆ คนที่ชอบเมือง อาจจะไม่ชอบปอมเปอี เพราะมันจะสัมผัสได้ถึงความเหงาเศร้า แถมยังมีซากศพจากการประทุของภูเขาไฟให้ดูอีก

เมืองก็ใหญ่มาก เวลาเดินคนเดียวก็อาจจะดูอ้างว้างนิดหน่อย ซึ่งน้องที่ไปด้วยไม่ค่อยมีความสุขเท่าไร แต่เรานั้นมีความสุขมาก จนน้องถึงกับแคปชั่นภาพที่ถ่ายไว้ว่า

เราดูมีความสุขเหมือนเรากลับมาบ้าน

เอ๊ะ....หรือว่า....?!?

บ้านเราอยู่ที่นี่???
ชื่อสินค้า:   Europe
คะแนน:     
**CR - Consumer Review : ผู้เขียนรีวิวนี้เป็นผู้ซื้อสินค้าหรือเสียค่าบริการเอง ไม่มีผู้สนับสนุนให้สินค้าหรือบริการฟรี และผู้เขียนรีวิวไม่ได้รับสิ่งตอบแทนในการเขียนรีวิว
แก้ไขข้อความเมื่อ

แสดงความคิดเห็น
โปรดศึกษาและยอมรับนโยบายข้อมูลส่วนบุคคลก่อนเริ่มใช้งาน อ่านเพิ่มเติมได้ที่นี่