ผมเห็นหลายๆ ท่านเคยออกมาพูดว่า ทำไมไม่ทำอย่างนั้น ทำไมไม่ทำอย่างนี้ ต้องเล่นแบบนั้นสิ ต้องปรับแบบนี้ ฯลฯ
คือใช่ ฟุตบอลเป็นกีฬาที่มีทฤษฏี มีหมากมีเกม มีการวางแผน แต่แม้กระทั่งว่าอาจจะวางแผนทุกอย่างถูกต้องหมด เล่นได้ตามแผนทั้งหมด บางครั้งผลการแข่งขันก็อาจไม่ออกมาเป็นดั่งใจ หรือกระทั่งรูปเกมก็อาจไม่ได้เป็นแบบที่จินตนาการเอาไว้
วิชาการเป็นโค้ชฟุตบอล มันทำได้แค่ให้ความรู้กับผู้ฝึกสอนไป แต่สุดท้ายแล้ว มันก็ขึ้นอยู่กึ๋นของคนๆ นั้นว่าจะคิดจะเชื่ออย่างไร ทำเลือกทำอย่างไร
ถ้าหากฟุตบอลมันมีสูตรสำเร็จตายตัว เราก็คงไม่ได้เห็นวัฏจักรโค้ชเวียนว่ายตายเกิดแบบนี้ โค้ชรุ่งแล้วร่วง โค้ชเคยร่วงแล้วกลับมารุ่ง โค้ชแชมป์ฟุตบอลโลกมาตกม้าตาย โค้ชแชมป์ลีกยุโรปคุมอีกทีมแล้วห่วย
การคุมทีม สุดท้ายแล้วมันเลยเป็นแบบ "นายจะเลือกตัดสินใจทำอะไรก็ทำไป แล้วเรามาวัดผลกัน"
ลองว่า ได้เลือกโค้ชสักคนแล้ว ไม่มีหรอกครับที่สโมสรจะมาบอกว่า เฮ้ย ทำไมเล่นระบบ 4-3-3 ทำไมเล่นระบบ 5-3-2 สโมสรเราไม่ต้องการระบบแบบนี้ ขอเชิญนายออกไป
อำนาจทั้งหมดตกอยู่ในมือของหัวหน้าผู้ฝึกสอน และแน่นอนว่าความรับผิดชอบทั้งหมดก็ตกอยู่ที่เค้าด้วย เพราะถ้าคนว่าจ้างไม่พอใจในผลงาน คนแรกที่จะโดนไล่ออก ก็โค้ชหรือหัวหน้าผู้ฝึกสอนนี่แหละ
แผนนี้เป็นไงบ้างครับ 5-3-2 ระบบเทพที่แฟนบอลไทยช่วงหลังๆ โหยหากันเหลือเกิน เล่นกับทีมระดับอินโดนีเซียยังแทบเอาตัวไม่รอด กระเสื อกกระสนแทบทั้งเกม
จริงๆ ผมเป็นคนนึงนะ ที่คอยติงผลงานของทีมชาติไทยมาตั้งแต่ช่วง AFF คราวก่อน เพราะถึงได้แชมป์ แต่ก็มีเรื่องให้ติงเยอะ ความละเอียด ความแม่นยำ ถ้าเราดูบอลระดับสูงมาบ่อยๆ เราจะเห็นว่าความผิดพลาดพวกนี้ทีมระดับสูงๆ เค้าไม่ค่อยพลาดกัน จริงๆ ก็ยังแบบแอบโดนแฟนบอลช่วงนั้นสวนๆ บ้างเหมือนกัน
ผมเคยพูดมาแล้วว่าถ้ามาตรฐานเรายังเป็นแบบที่เจอมาเลเซียตอนนั้น เจอทีมในอาเซี่ยนตอนนั้น เรายังต้องทำการบ้านอีกเยอะมากหากจะก้าวขึ้นไปเป็นแถวหน้าของ เอเชีย
ดังนั้น ผมถึงไม่ได้เดือดเนื้อร้อนใจอะไรเลย กับผลงานแย่ๆ ในช่วงคัดบอลโลกที่ผ่านมา เพราะก็คาดเอาไว้อยู่แล้ว
ตอนที่ทีมชนะ เราตอบกันได้ไหมว่าทำไมทีมถึงชนะ?
แล้วทำไมตอนที่แพ้ เราถึงได้มีเรียงความเป็นหน้ากระดาษอธิบาย ตีแผ่การทำทีมและการวางแผนของโค้ชว่ามีไม่ดีแบบนั้นแบบนี้ อธิบายได้เป็นฉากๆ เป็นขั้นๆ ตอนๆ
ก็เพราะว่าฟุตบอลมันไม่ใช่แค่ทฤษฏีบนหน้ากระดาษ ผมถึงได้พยายามบอกว่าอย่ายึดติดมากว่า ทำตามแบบ A แล้วผลมันจะออกมาเป็น B
โค้ชต่างชาติกี่คน ชื่อเสียงและความสามารถสูงๆ กี่คนที่เอาชื่อมาทิ้งไว้กับทีมชาติไทย
เคยลองคิดบ้างไหมว่า ทีมเล่นได้ในระดับเดิม มาตรฐานเดิมกับตอนที่ไม่เคยมีใครออกมาบ่นอะไรเลย ตอนที่ทุกคนเอาแต่กระโดดโลดเต้นไปกับชัยชนะและความสำเร็จมากมายในระดับอาเซี่ยน แต่ไอเจ้ามาตรฐานเดิมๆ ที่เคยยิงได้เรื่อยๆ นี่แหละ ที่กลับ ตัน ตื้อ โชว์ฟอร์มไม่ออกในเวทีระดับโลก
ผมคิดมาตั้งนานแล้วว่า ถ้าอยากจะฝันไม่ว่าจะไปบอลโลก หรือติดท็อปเอเชีย เราต้องชนะทัวร์นาเม้นท์ระดับอาเซี่ยนให้ได้แบบกินขนม ให้ได้แบบราบคาบ แบบชนิดส่งชุด 2 ก็ต้องทำได้
คำถามคือ "เราเคยทำได้ไหม?"
ที่ผ่านๆ มา เราก็ยังต้องใช้ชุดใหญ่ไปเล่นระดับอาเซี่ยน แถมผลงานก็ไม่ได้ง่ายแบบชนิดไปตบกินเอาง่ายๆ ลุ้นกันหัวใจจะวายก็ไม่น้อย
ใช่ครับ เรายังไม่เคยใหญ่ไปกว่านี้เลยนะ
มันเลยกลับมาทำให้สงสัยอีกว่า แฟนบอลบางส่วนเอาอะไรมาอ้างอิง เอาอะไรมาเป็นหลักยึดจับ ว่าเราต้องทำผลงานในการคัดบอลโลกให้ได้ดีกว่าที่ผ่านมา?
ทีมชาติไทยเหมือนแชมป์ระดับหมู่บ้าน ที่ถูกแฟนบอลก่นด่าพอไม่ได้แชมป์ระดับจังหวัด
ว่าไปผมดีใจนะ ที่มีรายการ AFF มาให้ดู จะได้ให้แฟนบอลมากมายที่ออกมาสั่งสอนโค้ช สั่งสอนนักบอล เก่งนักหนา ได้นั่งดูรายการนี้ไว้ให้ดีๆ แล้วตอบคำถามในใจตัวเองว่า เจ้าทีมที่เห็นสู้กับอินโด, ปินส์, สิงค์โปร์ แบบที่เห็นนี้หรือ ที่คุณบอกว่าคุณทราบวิธีการที่จะเล่นแล้วเอาชนะญี่ปุ่น, ซาอุฯ, ยูเออี ได้?
"โธ่ ผลงานน่ะไม่แคร์หรอก ถ้าไม่ดื้อนะ ถ้าเล่น 5-3-2 และจัดตัวดีๆ เอาลูกรักออก ก็ไม่ออกมาไล่แล้ว"
คุณดู 5-3-2 กับอินโดนี้ สูตรโคตรเทพกับไม่มีเกริกฤทธิ์และเย็น แล้วกล้าๆ ตอบผมหน่อยว่านี่คือฟอร์มที่ดี กล้าๆ ลดอีโก้ตัวเอง หายใจลึกๆ นับ 1 ถึง 10 จิบชาเย็นๆ ใช้สมองมากกว่าอารมณ์ แล้วตอบผมทีว่านี่คือดีแล้ว?
ทีมฟุตบอลสักทีมหนึ่ง ให้โค้ช 10 มาคุม ก็ใช้แผนไม่เหมือนกัน ตัวผู้เล่นไม่เหมือนกัน และแน่นอนว่าผลงานก็ไม่เหมือนกัน แต่แล้วคุณจะแน่ใจได้จริงๆ เหรอว่าใคร แผนการเล่นแบบไหน 11 ตัวจริงแบบไหนที่จะได้ผลจริง?
อย่าพูดเลยว่าถ้าทำแบบนั้นแบบนี้แต่แรกก็ไม่ด่าแล้ว เอาจริงๆ ต่อให้เล่น 5-3-2 แล้วแพ้ในคัดบอลโลก 5 นัดรวด คุณก็หาเรื่องอื่นมาด่าได้อยู่ดี เพราะคุณด่าจากความล้มเหลว ดังนั้นทำอะไรก็ตาม ถ้ามันไม่สำเร็จ คุณด่าอยู่ดี เล่น 4-3-3 แล้วแพ้ ก็ด่า เล่น 5-3-2 แล้วแพ้ ก็ด่า คุณก็ไม่ได้ต้องทำอะไร ก็แค่ไหลไปเรื่อยๆ ลองตรงนั้นสิ ทำอย่างนี้สิ
แฟนบอลอีกส่วนก็ไม่ใช่ว่าชอบความพ่ายแพ้ แต่เพราะรู้ว่า หลักการของฟุตบอล การเป็นโค้ช เราให้เค้าเป็นตัดสินใจ เรายังไม่เผยอปากสั่งสอนเค้าตอนเค้าชนะ ตอนทีมชนะหายไปอยู่ที่ไหน? พอตอนแพ้เก่งขึ้นมาเลย?
โค้ชอยากทำอะไรก็ทำไปเลย ถ้าเป็นแฟนฟุตบอลจริงๆ น่ะนะ กัลโช่, ลาลีก้า, บุนเดส, พรีเมียร์, ลีกเอิง ฯลฯ ลองนั่งนึกๆ ดูว่ามันเป็นแบบนี้หรือปล่าว?
แล้วสรุปสุดท้าย เราวัดกันที่ผลงาน พอ
คำถามปัจจุบัน เกี่ยวกับซิโก้และทีมชาติไทย จึงเป็นที่ว่า
"เราวัดผลงานทีมชาติที่ตรงไหน?"
ถ้าคุณเทพจริง ผมเชื่อว่าคุณก็คงรวยไปแล้ว เพราะคุณคงเดาได้ว่า เลสเตอร์ ซิตี้ ของ เคลาดิโอ รานิเอรี่ เมื่อฤดูกาลที่แล้วจะเป็นแชมป์พรีเมียร์ลีก ด้วยสายตาและมันสมองระดับยอดโค้ชที่คุณมี ถูกมั้ย?
ในสายตาของยอดโค้ชที่พวกคุณเป็นกัน ผมขอถามว่าปีนี้ใครจะเป็นแชมป์พรีเมียร์ลีก?
คุณว่าจุดอ่อนของแผน 5-3-2 ของ เชลซี ภายใต คอนเต้ คืออะไร?
คุณว่าถ้าแชมป์พรีเมียร์ลีกสะดุดเสมอ 2-2 กับทีมกากๆ สักทีม แปลว่าทีมกากๆ ทีมนั้นสามารถคิดแผนที่ยันเสมอหรือเอาชนะทีมอื่นๆ ได้ทุกทีมเลยหรือไม่?
ก็เพราะว่าฟุตบอลมันไม่ใช่แค่ทฤษฏีบนหน้ากระดาษ
ผมดีใจเวลาทีมชาติไทยเล่นได้ดี มีแต้ม
แต่ผมคิดว่าเกมส์กับ ออสเตรเลีย ไม่ใช่อย่างที่แฟนบอลบางส่วนออกมาเริงร่า นี่ไง เล่นอย่างที่เราว่าก็แต้มไปแล้ว เล่นดีไป
เชื่อมั้ย ผมฟันธงว่าให้เล่นแบบเดิมเป๊ะๆ แค่เปลี่ยนวัน ผลงานออกมาไม่เหมือนเดิม
เอาแผนโคตรเทพนี้ไปเล่นกับญี่ปุ่น แล้วลองดูกันว่าจะเกิดอะไรขึ้น
แผน 5-3-2 นี่เห็นที่เล่นกับอินโดแล้ว ถึงจะบอกว่านักเตะล้า แต่มันไม่ควรอนาถแบบที่เห็น อินโอเองก็ไม่ได้เล่นดีเด่อะไรเลย
เพราะแต่ละเกม แต่ละทีม มันก็มาพร้อมกับแต่ละโจทย์ที่ไม่เหมือนกัน และเพราะความคาดเดาไม่ได้ของฟุตบอล เราถึงได้วนกลับมาอีกที่เดิมว่า ปล่อยโค้ชทำอะไรก็ทำไป ผลงานไม่ดีก็ไล่ออก จบ
คือ นี่ถ้าแฟนบอลลิเวอร์พูลกางตำราการคุมทีมมาตั้งแต่ฤดูกาลที่แล้ว กับผลงานห่วยๆ คงไล่คล็อปออกไปแล้ว และคงไม่ได้เห็นลิเวอร์พูลบินสูงทุกวันนี้ ถามว่าแฟนบอลตอบได้จริงๆ ไหมว่าเพราะอะไรถึงเล่นดี เพราะอะไรถึงเล่นไม่ดี? เราก็ได้แต่คาดเดา บางทีระบบเดิมๆ ตัวผู้เล่นเดิมๆ แค่ต่างกัน 1 ปีผลงานกลับต่างกันลิบลับ มันมีให้เห็นเสมอ
นี่คือ ฟุตบอล
นอกเรื่อง ผมเสียดายเวลาเห็นเพื่อนร่วมชาติมากับความคิดที่คับแคบ แบบ ถ้าเองไม่ใช่พวกข้าเอ็งก็พวกมัน ขีดเส้น แบ่งข้าง
ถ้าเอ็งไม่ใช่ข้า เอ็งก็เป็นพวกติ่ง
มันสบายใจไหมครับ? เวลาที่ได้ใช้สมองน้อยแบบนี้?
เคยคิดบ้างมั้ย ว่าคนที่วิจารณ์ มาพร้อมกับ เหตุ และ ผล เราก็พูดคุยและหักล้างกันด้วย 2 สิ่งนั้น ไม่ต้องใช้ระบบพวกลากมากไป ไม่ต้องฮึกเหิมเวลาคนมากดโหวตกดแสดงอารมณ์ร่วมพึงพอใจ ถ้ามีคนตั้งกระทู้เรื่องไก่ทอด ก็คงมีคนชอบกินไก่มากดถูกใจกันเยอะ ถ้ามีคนตั้งกระทู้เรื่องเนื้อย่าง ก็คงมีคนชอบกินเนื้อเข้ามากดถูกใจเยอะ เพราะแฟนบอลไทยยุคผลิบานครั้งใหม่นี้มีเยอะ มีเยอะขนาดที่บางทีก็อดสงสัยไม่ได้ว่าพวกเค้าเคยผ่านช่วงยุคมืดของทีมชาติไทยมาหรือปล่าว ถึงได้ถูกใจกับแนวคิดโค้ชคีย์บอร์ดที่ฮิตเหลือเกินในช่วงนี้
บางที ผมก็สงสัยนะ พวกคุณได้ดูฟุตบอลอื่นบ้างมั้ยนะ? ดูฟุตบอลต่างประเทศบ้างรึปล่าว? บ่อยแค่ไหน? เพราะคนที่ดูฟุตบอลบ่อยๆ ไม่น่าจะมีแนวคิดทำนองนี้ ที่แบบเอาเป็นเอาตายและมั่นใจว่า โค้ชเอ้ยเองต้องเล่นแบบนี้ วางแผนแบบนี้ จัดตัวแบบนี้ ฯลฯ
ไอการวิจารณ์นั้นมีได้และต้องมีทุกที่อยู่แล้ว แฟนบอลต่างประเทศก็วิจารณ์กันทุกวี่ทุกวัน
มันต่างกันตรงที่ว่า เรารู้จักกฏของเกมนี้ดี เกมฟุตบอล
เงิบกันมาก็นักต่อนัก ด่าๆ โค้ชแทบตาย ทำไปทำมาดันเล่นดีขึ้น ก็กลับลำ เพราะเราเชียร์ทีมที่ "ทีม" ไม่ใช่ "ตัวบุคคล"
ต่อให้เล่นในแบบที่เราไม่ชอบ ผลงานห่วยด้วย ก็บ่นด่าไปในระดับนึง ถึงที่สุดก็แค่ดูว่าอีกกี่นัดๆ เช่น 10 นัด ผลงานเป็นไง สโมสรจะปลดหรืออะไร มันก็เป็นไปตามหลักการ ตามเกณฑ์ของมัน
ถ้าซิโก้จะผลงานห่วย จัดตัวแย่ ไม่ต้องห่วง เราเปลี่ยนโค้ชมากี่คนแล้ว ซิโก้เองก็ต้องโดน เผลอๆ จะชิงลาออกเองด้วย
ปัญหามันอยู่ที่ว่า แฟนบอล ลาก "เส้นวัดผลงาน" ไม่เท่ากัน
ผมว่านะ เอาเป็นจำนวนแต้มมาเลยดีกว่าในคัดบอลโลก เอามาเลยว่าต้องแชมป์หรือรองแชมป์ AFF ต้องรอบอะไรของ Asian Cup แล้วก็จบ ถ้าเค้าทำทีมไม่ถูกใจทุกคน แต่ผลงานเข้าเป้า ก็จบ ถ้าผลงานไม่เข้าเป้า ก็เปลี่ยนโค้ช
มันก็เท่านี้ วิถีทางของมืออาชีพ
ถ้าทำงานกันแล้ว โตๆ กันแล้ว ก็น่าจะคุ้นเคยดีว่าการทำงานมันต้องมี "เป้า" มี "เกณฑ์ขั้นต่ำ" ทุกอาชีพเค้ามีกันทั้งนั้นครับ
แผน, ระบบการเล่น, การจัดตัว มันก็เป็นเครื่องมือที่คนทำงานเค้าเลือกว่าจะใช้อะไร อย่างไร กับโจทย์แบบไหน เท่านั้นเอง
ทุกวันนี้ ความแตกแยกของแฟนบอล 2 ฝ่ายมันไม่ได้ยากเลย สรุปง่ายๆ เพราะเราวัดผลงานซิโก้ไม่เท่ากัน
ผลงานปัจจุบัน ผมไม่ได้แคร์ว่า "ใคร" คุมทีม แต่ถ้าผลงานปัจจุบัน ผมไม่เดือดร้อน ผมโอเค
แต่บางคน.. ไม่โอเค
มันก็แค่นั้นล่ะครับ
สุดท้าย
ผมว่าบางทีเรื่องง่ายๆ ของแฟนบอลไทย คงเป็นแค่การกลับมาลองคุยเล่นๆ กันดูว่า เราวัดผลงานของทีมชาติไทยแบบไหนกันดี? ผมเชื่อว่าหัวข้อนี้หัวข้อเดียว ก็ตีกันตายแล้วจริงๆ และมันคือรากเหง้าของความเห็นต่างในช่วงที่ผ่านมานี้ทั้งหมดเลยด้วย
AFF ส่วนตัวผมขั้นต่ำคือ เข้าชิง ที่ไม่คาดคั้นว่าต้องได้แชมป์เลย คงเพราะส่วนหนึ่งผมนับถือทีมเพื่อนบ้านนะ พวกเค้าก็เก่ง และเราก็ไม่ได้ชนะพวกเค้าได้ง่ายๆ นักที่ผ่านมา
ฟุตบอลโลก - อันนี้ผมอยากรู้มากกว่าแต่ละคนคิดอย่างไรกับการ "เข้ารอบ 12 ทีมสุดท้าย" นี่คือเกณฑ์ขั้นต่ำเลยหรือไม่? นี่คือว่า "พิเศษ" มั้ย? ถือเป็น "ความสำเร็จ" หรือปล่าว? หรือว่าการเข้ารอบ 12 ทีมสุดท้ายของเราทุกวันนี้มันเป็นเรื่องปกติ ดาดๆ ตามมาตรฐาน?
ถ้าเราตอบได้ว่า การเข้ารอบ 12 ทีมฯ คืออะไรสำหรับเรา เราก็จะตอบได้เช่นเดียวกันว่า เราควรคาดหวังอะไรในรอบ 12 ทีมที่เรากำลังโดนกระหน่ำและแฟนบอลกำลังเกรี้ยวกราดในตอนนี้?
คือ ถ้าทำผลงานในรอบ 12 ทีมบอลโลกได้แย่แล้วทำให้แฟนบอลเดือดดาลได้ขนาดนี้ การไม่ได้แม้กระทั่งเข้ารอบ 12 ทีมฯในตลอดนับสิบๆ ปีที่ผ่านมานี่คืออะไรนะ ทำไมเราไม่ไปไล่เผาบ้านโค้ชคนก่อนๆ กันเสียเลยนะ?
การเติบโตนั้นต้องมี แต่เราวัดกันที่ความเร็วระดับไหน?
เอาล่ะ สู้ให้เต็มที่ รายการไหนที่ต้องได้ก็ต้องทำให้ได้ รายการไหนที่จะได้เรียนรู้และสั่งสมประสบการณ์ก็เอาให้เต็มที่
AFF ครั้งนี้ทีมชาติอาจจะกดดันเพิ่มนิดๆ ตรงที่แทบจะขีดเส้นใต้ตัวหนาๆ ว่า "ต้อง" ได้แชมป์เท่านั้น ไม่งั้นแฟนบอลที่ฮึ่มๆ อยากจะฉีกอกซิโก้อยู่แล้วคงแห่แหนออกมาย้ำว่านี่คือจุดจบที่แท้จริงก็เป็นได้
สวัสดี และขอให้โชคดี
ก็เพราะฟุตบอลมันไม่ใช่แค่ทฤษฏีบนหน้ากระดาษ
คือใช่ ฟุตบอลเป็นกีฬาที่มีทฤษฏี มีหมากมีเกม มีการวางแผน แต่แม้กระทั่งว่าอาจจะวางแผนทุกอย่างถูกต้องหมด เล่นได้ตามแผนทั้งหมด บางครั้งผลการแข่งขันก็อาจไม่ออกมาเป็นดั่งใจ หรือกระทั่งรูปเกมก็อาจไม่ได้เป็นแบบที่จินตนาการเอาไว้
วิชาการเป็นโค้ชฟุตบอล มันทำได้แค่ให้ความรู้กับผู้ฝึกสอนไป แต่สุดท้ายแล้ว มันก็ขึ้นอยู่กึ๋นของคนๆ นั้นว่าจะคิดจะเชื่ออย่างไร ทำเลือกทำอย่างไร
ถ้าหากฟุตบอลมันมีสูตรสำเร็จตายตัว เราก็คงไม่ได้เห็นวัฏจักรโค้ชเวียนว่ายตายเกิดแบบนี้ โค้ชรุ่งแล้วร่วง โค้ชเคยร่วงแล้วกลับมารุ่ง โค้ชแชมป์ฟุตบอลโลกมาตกม้าตาย โค้ชแชมป์ลีกยุโรปคุมอีกทีมแล้วห่วย
การคุมทีม สุดท้ายแล้วมันเลยเป็นแบบ "นายจะเลือกตัดสินใจทำอะไรก็ทำไป แล้วเรามาวัดผลกัน"
ลองว่า ได้เลือกโค้ชสักคนแล้ว ไม่มีหรอกครับที่สโมสรจะมาบอกว่า เฮ้ย ทำไมเล่นระบบ 4-3-3 ทำไมเล่นระบบ 5-3-2 สโมสรเราไม่ต้องการระบบแบบนี้ ขอเชิญนายออกไป
อำนาจทั้งหมดตกอยู่ในมือของหัวหน้าผู้ฝึกสอน และแน่นอนว่าความรับผิดชอบทั้งหมดก็ตกอยู่ที่เค้าด้วย เพราะถ้าคนว่าจ้างไม่พอใจในผลงาน คนแรกที่จะโดนไล่ออก ก็โค้ชหรือหัวหน้าผู้ฝึกสอนนี่แหละ
แผนนี้เป็นไงบ้างครับ 5-3-2 ระบบเทพที่แฟนบอลไทยช่วงหลังๆ โหยหากันเหลือเกิน เล่นกับทีมระดับอินโดนีเซียยังแทบเอาตัวไม่รอด กระเสื อกกระสนแทบทั้งเกม
จริงๆ ผมเป็นคนนึงนะ ที่คอยติงผลงานของทีมชาติไทยมาตั้งแต่ช่วง AFF คราวก่อน เพราะถึงได้แชมป์ แต่ก็มีเรื่องให้ติงเยอะ ความละเอียด ความแม่นยำ ถ้าเราดูบอลระดับสูงมาบ่อยๆ เราจะเห็นว่าความผิดพลาดพวกนี้ทีมระดับสูงๆ เค้าไม่ค่อยพลาดกัน จริงๆ ก็ยังแบบแอบโดนแฟนบอลช่วงนั้นสวนๆ บ้างเหมือนกัน
ผมเคยพูดมาแล้วว่าถ้ามาตรฐานเรายังเป็นแบบที่เจอมาเลเซียตอนนั้น เจอทีมในอาเซี่ยนตอนนั้น เรายังต้องทำการบ้านอีกเยอะมากหากจะก้าวขึ้นไปเป็นแถวหน้าของ เอเชีย
ดังนั้น ผมถึงไม่ได้เดือดเนื้อร้อนใจอะไรเลย กับผลงานแย่ๆ ในช่วงคัดบอลโลกที่ผ่านมา เพราะก็คาดเอาไว้อยู่แล้ว
ตอนที่ทีมชนะ เราตอบกันได้ไหมว่าทำไมทีมถึงชนะ?
แล้วทำไมตอนที่แพ้ เราถึงได้มีเรียงความเป็นหน้ากระดาษอธิบาย ตีแผ่การทำทีมและการวางแผนของโค้ชว่ามีไม่ดีแบบนั้นแบบนี้ อธิบายได้เป็นฉากๆ เป็นขั้นๆ ตอนๆ
ก็เพราะว่าฟุตบอลมันไม่ใช่แค่ทฤษฏีบนหน้ากระดาษ ผมถึงได้พยายามบอกว่าอย่ายึดติดมากว่า ทำตามแบบ A แล้วผลมันจะออกมาเป็น B
โค้ชต่างชาติกี่คน ชื่อเสียงและความสามารถสูงๆ กี่คนที่เอาชื่อมาทิ้งไว้กับทีมชาติไทย
เคยลองคิดบ้างไหมว่า ทีมเล่นได้ในระดับเดิม มาตรฐานเดิมกับตอนที่ไม่เคยมีใครออกมาบ่นอะไรเลย ตอนที่ทุกคนเอาแต่กระโดดโลดเต้นไปกับชัยชนะและความสำเร็จมากมายในระดับอาเซี่ยน แต่ไอเจ้ามาตรฐานเดิมๆ ที่เคยยิงได้เรื่อยๆ นี่แหละ ที่กลับ ตัน ตื้อ โชว์ฟอร์มไม่ออกในเวทีระดับโลก
ผมคิดมาตั้งนานแล้วว่า ถ้าอยากจะฝันไม่ว่าจะไปบอลโลก หรือติดท็อปเอเชีย เราต้องชนะทัวร์นาเม้นท์ระดับอาเซี่ยนให้ได้แบบกินขนม ให้ได้แบบราบคาบ แบบชนิดส่งชุด 2 ก็ต้องทำได้
คำถามคือ "เราเคยทำได้ไหม?"
ที่ผ่านๆ มา เราก็ยังต้องใช้ชุดใหญ่ไปเล่นระดับอาเซี่ยน แถมผลงานก็ไม่ได้ง่ายแบบชนิดไปตบกินเอาง่ายๆ ลุ้นกันหัวใจจะวายก็ไม่น้อย
ใช่ครับ เรายังไม่เคยใหญ่ไปกว่านี้เลยนะ
มันเลยกลับมาทำให้สงสัยอีกว่า แฟนบอลบางส่วนเอาอะไรมาอ้างอิง เอาอะไรมาเป็นหลักยึดจับ ว่าเราต้องทำผลงานในการคัดบอลโลกให้ได้ดีกว่าที่ผ่านมา?
ทีมชาติไทยเหมือนแชมป์ระดับหมู่บ้าน ที่ถูกแฟนบอลก่นด่าพอไม่ได้แชมป์ระดับจังหวัด
ว่าไปผมดีใจนะ ที่มีรายการ AFF มาให้ดู จะได้ให้แฟนบอลมากมายที่ออกมาสั่งสอนโค้ช สั่งสอนนักบอล เก่งนักหนา ได้นั่งดูรายการนี้ไว้ให้ดีๆ แล้วตอบคำถามในใจตัวเองว่า เจ้าทีมที่เห็นสู้กับอินโด, ปินส์, สิงค์โปร์ แบบที่เห็นนี้หรือ ที่คุณบอกว่าคุณทราบวิธีการที่จะเล่นแล้วเอาชนะญี่ปุ่น, ซาอุฯ, ยูเออี ได้?
"โธ่ ผลงานน่ะไม่แคร์หรอก ถ้าไม่ดื้อนะ ถ้าเล่น 5-3-2 และจัดตัวดีๆ เอาลูกรักออก ก็ไม่ออกมาไล่แล้ว"
คุณดู 5-3-2 กับอินโดนี้ สูตรโคตรเทพกับไม่มีเกริกฤทธิ์และเย็น แล้วกล้าๆ ตอบผมหน่อยว่านี่คือฟอร์มที่ดี กล้าๆ ลดอีโก้ตัวเอง หายใจลึกๆ นับ 1 ถึง 10 จิบชาเย็นๆ ใช้สมองมากกว่าอารมณ์ แล้วตอบผมทีว่านี่คือดีแล้ว?
ทีมฟุตบอลสักทีมหนึ่ง ให้โค้ช 10 มาคุม ก็ใช้แผนไม่เหมือนกัน ตัวผู้เล่นไม่เหมือนกัน และแน่นอนว่าผลงานก็ไม่เหมือนกัน แต่แล้วคุณจะแน่ใจได้จริงๆ เหรอว่าใคร แผนการเล่นแบบไหน 11 ตัวจริงแบบไหนที่จะได้ผลจริง?
อย่าพูดเลยว่าถ้าทำแบบนั้นแบบนี้แต่แรกก็ไม่ด่าแล้ว เอาจริงๆ ต่อให้เล่น 5-3-2 แล้วแพ้ในคัดบอลโลก 5 นัดรวด คุณก็หาเรื่องอื่นมาด่าได้อยู่ดี เพราะคุณด่าจากความล้มเหลว ดังนั้นทำอะไรก็ตาม ถ้ามันไม่สำเร็จ คุณด่าอยู่ดี เล่น 4-3-3 แล้วแพ้ ก็ด่า เล่น 5-3-2 แล้วแพ้ ก็ด่า คุณก็ไม่ได้ต้องทำอะไร ก็แค่ไหลไปเรื่อยๆ ลองตรงนั้นสิ ทำอย่างนี้สิ
แฟนบอลอีกส่วนก็ไม่ใช่ว่าชอบความพ่ายแพ้ แต่เพราะรู้ว่า หลักการของฟุตบอล การเป็นโค้ช เราให้เค้าเป็นตัดสินใจ เรายังไม่เผยอปากสั่งสอนเค้าตอนเค้าชนะ ตอนทีมชนะหายไปอยู่ที่ไหน? พอตอนแพ้เก่งขึ้นมาเลย?
โค้ชอยากทำอะไรก็ทำไปเลย ถ้าเป็นแฟนฟุตบอลจริงๆ น่ะนะ กัลโช่, ลาลีก้า, บุนเดส, พรีเมียร์, ลีกเอิง ฯลฯ ลองนั่งนึกๆ ดูว่ามันเป็นแบบนี้หรือปล่าว?
แล้วสรุปสุดท้าย เราวัดกันที่ผลงาน พอ
คำถามปัจจุบัน เกี่ยวกับซิโก้และทีมชาติไทย จึงเป็นที่ว่า
"เราวัดผลงานทีมชาติที่ตรงไหน?"
ถ้าคุณเทพจริง ผมเชื่อว่าคุณก็คงรวยไปแล้ว เพราะคุณคงเดาได้ว่า เลสเตอร์ ซิตี้ ของ เคลาดิโอ รานิเอรี่ เมื่อฤดูกาลที่แล้วจะเป็นแชมป์พรีเมียร์ลีก ด้วยสายตาและมันสมองระดับยอดโค้ชที่คุณมี ถูกมั้ย?
ในสายตาของยอดโค้ชที่พวกคุณเป็นกัน ผมขอถามว่าปีนี้ใครจะเป็นแชมป์พรีเมียร์ลีก?
คุณว่าจุดอ่อนของแผน 5-3-2 ของ เชลซี ภายใต คอนเต้ คืออะไร?
คุณว่าถ้าแชมป์พรีเมียร์ลีกสะดุดเสมอ 2-2 กับทีมกากๆ สักทีม แปลว่าทีมกากๆ ทีมนั้นสามารถคิดแผนที่ยันเสมอหรือเอาชนะทีมอื่นๆ ได้ทุกทีมเลยหรือไม่?
ก็เพราะว่าฟุตบอลมันไม่ใช่แค่ทฤษฏีบนหน้ากระดาษ
ผมดีใจเวลาทีมชาติไทยเล่นได้ดี มีแต้ม
แต่ผมคิดว่าเกมส์กับ ออสเตรเลีย ไม่ใช่อย่างที่แฟนบอลบางส่วนออกมาเริงร่า นี่ไง เล่นอย่างที่เราว่าก็แต้มไปแล้ว เล่นดีไป
เชื่อมั้ย ผมฟันธงว่าให้เล่นแบบเดิมเป๊ะๆ แค่เปลี่ยนวัน ผลงานออกมาไม่เหมือนเดิม
เอาแผนโคตรเทพนี้ไปเล่นกับญี่ปุ่น แล้วลองดูกันว่าจะเกิดอะไรขึ้น
แผน 5-3-2 นี่เห็นที่เล่นกับอินโดแล้ว ถึงจะบอกว่านักเตะล้า แต่มันไม่ควรอนาถแบบที่เห็น อินโอเองก็ไม่ได้เล่นดีเด่อะไรเลย
เพราะแต่ละเกม แต่ละทีม มันก็มาพร้อมกับแต่ละโจทย์ที่ไม่เหมือนกัน และเพราะความคาดเดาไม่ได้ของฟุตบอล เราถึงได้วนกลับมาอีกที่เดิมว่า ปล่อยโค้ชทำอะไรก็ทำไป ผลงานไม่ดีก็ไล่ออก จบ
คือ นี่ถ้าแฟนบอลลิเวอร์พูลกางตำราการคุมทีมมาตั้งแต่ฤดูกาลที่แล้ว กับผลงานห่วยๆ คงไล่คล็อปออกไปแล้ว และคงไม่ได้เห็นลิเวอร์พูลบินสูงทุกวันนี้ ถามว่าแฟนบอลตอบได้จริงๆ ไหมว่าเพราะอะไรถึงเล่นดี เพราะอะไรถึงเล่นไม่ดี? เราก็ได้แต่คาดเดา บางทีระบบเดิมๆ ตัวผู้เล่นเดิมๆ แค่ต่างกัน 1 ปีผลงานกลับต่างกันลิบลับ มันมีให้เห็นเสมอ
นี่คือ ฟุตบอล
นอกเรื่อง ผมเสียดายเวลาเห็นเพื่อนร่วมชาติมากับความคิดที่คับแคบ แบบ ถ้าเองไม่ใช่พวกข้าเอ็งก็พวกมัน ขีดเส้น แบ่งข้าง
ถ้าเอ็งไม่ใช่ข้า เอ็งก็เป็นพวกติ่ง
มันสบายใจไหมครับ? เวลาที่ได้ใช้สมองน้อยแบบนี้?
เคยคิดบ้างมั้ย ว่าคนที่วิจารณ์ มาพร้อมกับ เหตุ และ ผล เราก็พูดคุยและหักล้างกันด้วย 2 สิ่งนั้น ไม่ต้องใช้ระบบพวกลากมากไป ไม่ต้องฮึกเหิมเวลาคนมากดโหวตกดแสดงอารมณ์ร่วมพึงพอใจ ถ้ามีคนตั้งกระทู้เรื่องไก่ทอด ก็คงมีคนชอบกินไก่มากดถูกใจกันเยอะ ถ้ามีคนตั้งกระทู้เรื่องเนื้อย่าง ก็คงมีคนชอบกินเนื้อเข้ามากดถูกใจเยอะ เพราะแฟนบอลไทยยุคผลิบานครั้งใหม่นี้มีเยอะ มีเยอะขนาดที่บางทีก็อดสงสัยไม่ได้ว่าพวกเค้าเคยผ่านช่วงยุคมืดของทีมชาติไทยมาหรือปล่าว ถึงได้ถูกใจกับแนวคิดโค้ชคีย์บอร์ดที่ฮิตเหลือเกินในช่วงนี้
บางที ผมก็สงสัยนะ พวกคุณได้ดูฟุตบอลอื่นบ้างมั้ยนะ? ดูฟุตบอลต่างประเทศบ้างรึปล่าว? บ่อยแค่ไหน? เพราะคนที่ดูฟุตบอลบ่อยๆ ไม่น่าจะมีแนวคิดทำนองนี้ ที่แบบเอาเป็นเอาตายและมั่นใจว่า โค้ชเอ้ยเองต้องเล่นแบบนี้ วางแผนแบบนี้ จัดตัวแบบนี้ ฯลฯ
ไอการวิจารณ์นั้นมีได้และต้องมีทุกที่อยู่แล้ว แฟนบอลต่างประเทศก็วิจารณ์กันทุกวี่ทุกวัน
มันต่างกันตรงที่ว่า เรารู้จักกฏของเกมนี้ดี เกมฟุตบอล
เงิบกันมาก็นักต่อนัก ด่าๆ โค้ชแทบตาย ทำไปทำมาดันเล่นดีขึ้น ก็กลับลำ เพราะเราเชียร์ทีมที่ "ทีม" ไม่ใช่ "ตัวบุคคล"
ต่อให้เล่นในแบบที่เราไม่ชอบ ผลงานห่วยด้วย ก็บ่นด่าไปในระดับนึง ถึงที่สุดก็แค่ดูว่าอีกกี่นัดๆ เช่น 10 นัด ผลงานเป็นไง สโมสรจะปลดหรืออะไร มันก็เป็นไปตามหลักการ ตามเกณฑ์ของมัน
ถ้าซิโก้จะผลงานห่วย จัดตัวแย่ ไม่ต้องห่วง เราเปลี่ยนโค้ชมากี่คนแล้ว ซิโก้เองก็ต้องโดน เผลอๆ จะชิงลาออกเองด้วย
ปัญหามันอยู่ที่ว่า แฟนบอล ลาก "เส้นวัดผลงาน" ไม่เท่ากัน
ผมว่านะ เอาเป็นจำนวนแต้มมาเลยดีกว่าในคัดบอลโลก เอามาเลยว่าต้องแชมป์หรือรองแชมป์ AFF ต้องรอบอะไรของ Asian Cup แล้วก็จบ ถ้าเค้าทำทีมไม่ถูกใจทุกคน แต่ผลงานเข้าเป้า ก็จบ ถ้าผลงานไม่เข้าเป้า ก็เปลี่ยนโค้ช
มันก็เท่านี้ วิถีทางของมืออาชีพ
ถ้าทำงานกันแล้ว โตๆ กันแล้ว ก็น่าจะคุ้นเคยดีว่าการทำงานมันต้องมี "เป้า" มี "เกณฑ์ขั้นต่ำ" ทุกอาชีพเค้ามีกันทั้งนั้นครับ
แผน, ระบบการเล่น, การจัดตัว มันก็เป็นเครื่องมือที่คนทำงานเค้าเลือกว่าจะใช้อะไร อย่างไร กับโจทย์แบบไหน เท่านั้นเอง
ทุกวันนี้ ความแตกแยกของแฟนบอล 2 ฝ่ายมันไม่ได้ยากเลย สรุปง่ายๆ เพราะเราวัดผลงานซิโก้ไม่เท่ากัน
ผลงานปัจจุบัน ผมไม่ได้แคร์ว่า "ใคร" คุมทีม แต่ถ้าผลงานปัจจุบัน ผมไม่เดือดร้อน ผมโอเค
แต่บางคน.. ไม่โอเค
มันก็แค่นั้นล่ะครับ
สุดท้าย
ผมว่าบางทีเรื่องง่ายๆ ของแฟนบอลไทย คงเป็นแค่การกลับมาลองคุยเล่นๆ กันดูว่า เราวัดผลงานของทีมชาติไทยแบบไหนกันดี? ผมเชื่อว่าหัวข้อนี้หัวข้อเดียว ก็ตีกันตายแล้วจริงๆ และมันคือรากเหง้าของความเห็นต่างในช่วงที่ผ่านมานี้ทั้งหมดเลยด้วย
AFF ส่วนตัวผมขั้นต่ำคือ เข้าชิง ที่ไม่คาดคั้นว่าต้องได้แชมป์เลย คงเพราะส่วนหนึ่งผมนับถือทีมเพื่อนบ้านนะ พวกเค้าก็เก่ง และเราก็ไม่ได้ชนะพวกเค้าได้ง่ายๆ นักที่ผ่านมา
ฟุตบอลโลก - อันนี้ผมอยากรู้มากกว่าแต่ละคนคิดอย่างไรกับการ "เข้ารอบ 12 ทีมสุดท้าย" นี่คือเกณฑ์ขั้นต่ำเลยหรือไม่? นี่คือว่า "พิเศษ" มั้ย? ถือเป็น "ความสำเร็จ" หรือปล่าว? หรือว่าการเข้ารอบ 12 ทีมสุดท้ายของเราทุกวันนี้มันเป็นเรื่องปกติ ดาดๆ ตามมาตรฐาน?
ถ้าเราตอบได้ว่า การเข้ารอบ 12 ทีมฯ คืออะไรสำหรับเรา เราก็จะตอบได้เช่นเดียวกันว่า เราควรคาดหวังอะไรในรอบ 12 ทีมที่เรากำลังโดนกระหน่ำและแฟนบอลกำลังเกรี้ยวกราดในตอนนี้?
คือ ถ้าทำผลงานในรอบ 12 ทีมบอลโลกได้แย่แล้วทำให้แฟนบอลเดือดดาลได้ขนาดนี้ การไม่ได้แม้กระทั่งเข้ารอบ 12 ทีมฯในตลอดนับสิบๆ ปีที่ผ่านมานี่คืออะไรนะ ทำไมเราไม่ไปไล่เผาบ้านโค้ชคนก่อนๆ กันเสียเลยนะ?
การเติบโตนั้นต้องมี แต่เราวัดกันที่ความเร็วระดับไหน?
เอาล่ะ สู้ให้เต็มที่ รายการไหนที่ต้องได้ก็ต้องทำให้ได้ รายการไหนที่จะได้เรียนรู้และสั่งสมประสบการณ์ก็เอาให้เต็มที่
AFF ครั้งนี้ทีมชาติอาจจะกดดันเพิ่มนิดๆ ตรงที่แทบจะขีดเส้นใต้ตัวหนาๆ ว่า "ต้อง" ได้แชมป์เท่านั้น ไม่งั้นแฟนบอลที่ฮึ่มๆ อยากจะฉีกอกซิโก้อยู่แล้วคงแห่แหนออกมาย้ำว่านี่คือจุดจบที่แท้จริงก็เป็นได้
สวัสดี และขอให้โชคดี