"Soyam โซเยม" ตอน สงครามซีส อสูรสายฟ้า

เรื่องราวต่อไปนี้ เป็นเรื่องราวที่เกิดจากจินตนาการณ์สมัยเด็ก
ซึ่งได้มีโอกาสนำมาเรียบเรียงเมื่อสมัยเรียนมหาวิทยาลัย โดยเผยแพร่ให้แค่ เพื่อน พี่ น้อง คนสนิทอ่านเท่านั้น
วันนี้จึงถือโอกาสขอเผยแพร่เรื่องราวตามจินตนาการณ์นี้ สู่สาธารณะ เพื่อเป็นประโยชน์แก่ผู้อ่าน ไม่ด้านใด ก็ด้านหนึ่ง


ช่วงที่ 1 "จุดกำเนิด"

              โลก ดาวเคราะห์สีฟ้า ที่ประกอบไปด้วยอากาศ ดิน น้ำ ต้น ไม้ และแสงอาทิตย์ ที่ๆเป็นดาวเคราะห์ที่เหมาะแก่การอยู่อาศัยของสิ่งมีชีวิตมากมายนานาชนิด รวมถึงสิ่งมีชีวิตที่เรียกว่า มนุษย์   วันเวลาผ่านไป เมื่อวิวัฒนาการเจริญมากขึ้น เหล่ามนุษยชาติคิดว่าตนเองเป็นเจ้าของโลกใบนี้ และ หยิบฉวยทุกสิ่งที่มีบนโลก อย่างไร้ซึ่งการเอาใจใส่ ไร้ซึ่งการดูแล...
              ดวงอาทิตย์ ยังคงส่องแสงสว่างมาให้กับโลก และ ดวงจันทร์ก็ยังคงอยู่เคียงข้างโลกเหมือนเดิม แต่มนุษยชาติจะไม่อาจปฏิบัติต่อโลกดังเช่นเดิมได้อีกแล้ว...
              ภัยธรรมชาติที่เกิดขึ้นบนโลกมากขึ้นทุกปี เหตุจากน้ำมือของมนุษย์ที่หยิบฉวยและทำลายธรรมชาติอย่างไม่คำนึงถึงผลที่จะตามมา รวมถึงสงครามที่มนุษย์ก่อขึ้นเพื่อความต้องการของตน อาวุธที่มนุษย์สร้างขึ้น มีอนุภาพในการทำลายล้างมากขึ้น ทรัพยากรบนโลกน้อยลง เกิดการแย่งชิงทรัพยากรที่เหลือ และในที่สุดยุคแห่งการสิ้นสุดของมนุษยชาติก็เกิดขึ้น ยุคที่ผู้คนที่รอดชีวิตให้ชื่อมันว่า ยุคแห่งวันสิ้นยุค
            หลังจากเกิดเหตุการณ์ต่างๆมากมายในโลกตามที่หมอดู นักวิชาการหรือนักวิทยาศาสตร์ชื่อดังหลายคนในโลกทำนายไว้ ว่าจะเป็นวันสิ้นสุดมนุษยชาติ  ทั้งจากภัยธรรมชาติ ไม่ว่าจะเป็นจากการเคลื่อนตัวของแผ่นเปลือกโลก ทำให้เกิดแผ่นดินไหว และเกิดคลื่นสึนามิขนาดใหญ่ขึ้นทั่วโลก เกิดพายุ ฝนตกหนัก หรือบางแห่งก็มีหิมะตกอย่างหนัก   รวมกับ สงครามที่เกิดจากน้ำมือมนุษย์เอง ประเทศต่างๆ ลุกขึ้นต่อสู้เพื่อความอยู่รอด บ้างก็เพื่อผลประโยชน์ บ้างก็รบกันเพราะขัดแย้งทางศาสนา บ้างก็ต่อสู้เพื่อป้องกันประเทศตนเอง แต่ไม่ว่าจะรบกันด้วยสาเหตุใด ด้วยเทคโนโลยีและอานุภาพการทำลายล้างของอาวุธนั้น รุนแรงเกินกว่าที่จะยุติลงดั่งเช่นอดีต จนในที่สุด จากทุกเหตุการณ์เกิดขึ้นในเวลาใกล้เคียงกัน เป็นเหตุผลที่ทำให้มนุษยชาติเกือบจะต้องสิ้นสุดลง แต่ทว่า โลกใบนี้ยังไม่จบสิ้นและยังคงให้โอกาสมนุษยชาติได้แก้ตัวอีกครั้ง …

           หลังจากผ่านวันสิ้นยุคมานับปี วันที่ไร้ซึ่งเหตุการณ์จากภัยธรรมชาติดังเช่นก่อน ไม่มีแผ่นดินไหว ไม่มีพายุฝน  เป็นวันที่ท้องฟ้าโปรง อากาศสดชื่น สายลมอ่อนๆพัดตลอดเวลา ฝูงนกที่รอดชีวิตบินอยู่เต็มท้องฟ้าเพื่อหาแหล่งอาหาร และก็เช่นกัน มนุษย์ที่รอดชีวิตจากวันสิ้นยุคก็เริ่มออกมาจากที่หลบซ่อนของแต่ละคนเพื่อหาอาหารเนื่องจากบางคนอาหารที่สะสมไว้ก็ใกล้หมดเต็มที หรือบางคนก็ไม่ได้กินอาหารมากว่าอาทิตย์ โดยที่บางคนหลบอยู่ในบังเกอร์ บางคนหลบอยู่ในแค๊ปซูน บางคนอยู่บนบอลลูน บางคนหลบอยู่บนยอดเขา และบ้างก็อยู่ในถ้ำ ซึ่งไม่ว่าจะรอดมาด้วยวิธีใด ทุกคนล้วนแต่คิดในใจเหมือนกันว่า ปาฏิหาริย์ เพราะแต่ละไม่คาดคิดเหมือนกันว่า จะมีชีวิตรอดผ่านช่วงเวลาแห่งวันสิ้นยุคที่เลวร้ายนั้นมาได้  
           หลังจากนั้นผู้รอดชีวิตบนโลก ที่เหลือรอดเพียงหยิบมือจากทุกพื้นที่บนโลกที่เหลืออยู่เพียงน้อยนิด จึงเริ่มออกตามหาผู้ที่รอดชีวิตตามประสามนุษย์ ซึ่งเป็นสัตว์สังคม และออกหาแหล่งที่ตั้งถิ่นฐานแห่งใหม่  ผู้รอดชีวิตบางคนมารวมกลุ่มกันได้  บางคนก็อดตายระหว่างทาง บางคน บางกลุ่มก็ยังคงฆ่าฟันกันเอง  จนวันเวลาผ่านไปกว่า 15ปี ผู้คนที่รอดชีวิตจากวันสิ้นยุคนับหมื่น ได้รวมตัวกันตามข่าวลือ ใบปลิว และ คลื่นวิทยุ ของกลุ่มคนที่ริเริ่มรวมตัวผู้รอดชีวิตและก่อตั้งเผ่าของมนุษยชาติยุคใหม่ โดยประกาศไปว่ามีที่พักและทรัพยากรต่างๆที่พร้อมในการตั้งถิ่นฐานแห่งใหม่ จนในที่สุดพวกเขาก็สามารถรวมตัวผู้รอดชีวิตตั้งถิ่นฐานแห่งใหม่ของมนุษยชาติขึ้นสำเร็จ และขนานนามชื่อกลุ่มหรือ ชนเผ่า ของพวกเขาในชื่อว่า โซเยม   

           เผ่าโซเยม มีพื้นที่ตั้งอยู่ในพื้นที่ราบบริเวณตอนกลางของผืนแผ่นดินที่เหลือ ตั้งอยู่ติดชายฝั่งทะเลและแม่น้ำใหญ่ บริเวณรอบๆอาณาเขตของเผ่ามีบ่อน้ำมันเก่าอยู่หลายแห่งรวมถึงป่าไม้ที่ยังคงหลงเหลืออยู่บริเวณทิศเหนือนอกอาณาเขตของเผ่า จึงทำให้เป็นภูมิประเทศที่เหมาะแก่การตั้งถิ่นฐาน โดยการนำของ ทีช หนุ่มวิศวกรที่รอดมาจากวันสิ้นยุค และพรรคพวกของเขา ซึ่งส่วนใหญ่เป็นนักวิทยาศาสตร์ และ นักวิชาการด้านต่างๆ และกลุ่มคนอีกหลายกลุ่ม แตกต่างสายอาชีพกันไป  โดยในระยะเวลา 15ปี ที่ทีชเป็นผู้นำเผ่า ชาวโซเยมได้สะสมข้อมูลต่างๆไว้มากมาย รวมถึงข้อมูลจากดาวเทียมซึ่งถ่ายภาพไว้ก่อนที่จะรับสัญญาณดาวเทียมไม่ได้อีก ที่ว่า แผนที่โลกในปัจจุบันเปลี่ยนแปลงไปจนไม่เหลือโครงเดิม  ประเทศที่เป็นเกาะทุกประเทศได้จมลงใต้ทะเล ไม่เว้นแต่พื้นดินของประเทศที่เป็นแผ่นดินใหญ่ เพราะพื้นที่ส่วนใหญ่ต้องจมอยู่ใต้ทะเล บ้างก็เคลื่อนตัวเข้าหากัน กลายเป็นพื้นแผ่นดินเดียว โดยทั่วทั้งโลกไม่มีเกาะอีกเลย แผ่นดินบนโลกกลายเป็นผืนแผ่นดินที่มีขนาดเล็ก โดยแผ่นดินคิดเป็น หนึ่ง ต่อ สิบ ของพื้นที่ทั้งโลกเท่านั้น จึงไม่ต่างอะไรหากจะพูดว่า ทั้งโลกเหลือเพียงทวีปเล็กๆที่พวกเขาอยู่เท่านั้น   

          เผ่าโซเยมรู้ดีถึงการทำลายธรรมชาติ หรือพยายามจะเอาชนะธรรมชาติ เพราะมีบทเรียนในยุคก่อนวันสิ้นยุค เผ่าโซเยมจึงหันมาเคารพธรรมชาติ รักษาธรรมชาติ ทั้งแม่น้ำ พื้นดิน และ ผืนป่า เพราะตอนนี้ธรรมชาติของพวกเขา เหลือน้อยเต็มที เพราะพื้นที่ส่วนใหญ่มีแต่ซากปรักหักพังของสิ่งก่อสร้างในยุคก่อนวันสิ้นยุค  บริเวณพื้นที่ทั่วไปมีเหล็กมากมายที่ให้พวกเขานำไปหลอม เพื่อใช้งาน มีของใช้ต่างๆ รวมทั้งยัง มีรถ เรือ จนกระทั้งเครื่องบิน ทั้งที่ใช้การไม่ได้และที่ยังใช้การได้ แต่ชาวโซเยมยังคงตระหนักถึงการใช้ทรัพยากรที่เกินจำเป็น จึงใช้เครื่องมือเครื่องใช้ต่างๆที่ต้องใช้น้ำมันในกรณีจำเป็นจริงๆเท่านั้น

           การตั้งถิ่นฐานครั้งใหม่ของมนุษยชาติกำลังดำเนินไปอย่างสงบและมีทิศทางจะดีขึ้นทุกวัน มีการสร้างที่พักอาศัย โดยสร้างวัสดุที่นำกลับมาใช้ใหม่ได้ ทั้งเหล็ก หิน ปูน และ ทราย การพัฒนาเป็นไปอย่างต่อเนื่อง เนื่องจากผู้ที่รอดชีวิตหลายคนมีองค์ความรู้และแตกต่างกันไปในแต่ละด้าน มีการเปิดโรงเรียนสอนสำหรับเด็กและเยาวชน มีการอบรมสำหรับสมาชิกเผ่าที่ต้องการความรู้ในด้านต่างๆ เริ่มมีการปลูกข้าว ปลูกพืชไร่พืชสวน ทอผ้าสำหรับนุ่งห่มด้วยมือ รวมถึงเลี้ยงสัตว์ ไม่ว่าจะเป็นปลาจากแม่น้ำและทะเล หรือ สัตว์ป่าที่จับมาได้นอกเขตเผ่า  รวมถึงมีการซ่อมแซม และติดตั้งเครื่องมือสื่อสารต่างๆจากวัตถุที่มีอยู่  ตลอดจนมีการบันทึกทะเบียนรายชื่อของสมาชิกในเผ่า และมีการกำหนดการตั้งชื่อของเด็กที่เกิด ภายหลังจากผ่านวันสิ้นยุคให้มีชื่อสั้นๆเพียง 1 พยางค์ เพื่อง่ายแก่การเรียกและจดจำ และมีการกำหนดนับศักราชใหม่ขึ้น เรียกว่าโซเยมศักราช หรือเรียกย่อๆว่า  ซ.ศ.  ซึ่งเริ่มเป็น   ปี ซ.ศ. 1   จนในที่สุดจากข่าวลือรวมถึงการประกาศในรูปแบบต่างๆ ทำให้มีผู้รอดชีวิตเดินทางมาไม่ขาดสาย   
           แต่ทว่า... เมื่อผู้คนที่เดินทางมาถึงเผ่าโซเยมช่วงหลัง บางคนได้รับบาดเจ็บ บางคนแหมือนมีอาการช็อคและหวาดผวา เกิดข่าวลือจากผู้รอดชีวิตบางคนว่าพบเห็นปีศาจร่างยักษ์ หน้าตาคล้ายสัตว์ ดวงตาแดงฉาน เพียงแค่ได้ยินเสียงหายใจที่เข้าออกของพวกมัน ก็ทำให้กลัวจนขยับเขยื่อนร่างกายไม่ได้ หรือบางคน บางกลุ่มก็พบเห็นหุ่นยนต์ที่ติดอาวุธหนักครบเครื่อง และพร้อมที่จะทำลายสิ่งมีชีวิตทุกอย่างที่อยู่ต่อหน้าพวกมัน หรือเรียกให้ชัดๆคือเครื่องจักรสังหาร  จนเมื่อเวลาผ่านไป ผู้รอดชีวิต เริ่มขาดช่วง และไม่มีผู้รอดชีวิตเดินทางมายังเผ่าโซเยมอีกเลย  
           ทีช จึงตัดสินใจ จัดตั้งทีมขึ้นเพื่อตามหาความจริงที่ว่า มีปีศาจ หรือหุ่นยนต์เกิดขึ้นบนโลกนี้จริงหรือไม่?
หลังจากแต่ละทีมออกเดินทางเพื่อสำรวจพื้นที่ในทิศทางต่างๆ  ทีมบางทีมกลับมาครบ และทีมบางทีม ไม่กลับมาอีกเลย…
            จึงทำให้ชาวโซเยม ต่างหวาดกลัว พูดกันไปต่างๆนาๆ จนการใช้ชีวิตเริ่มอยู่ในการวิตกกังวลอีกครั้ง          ทีช จึงได้ทำการจัดทีมเพื่อที่จะหาความจริงอีกรอบ  ซึ่งเพิ่มความระมัดระวังมากขึ้น โดยมุ่งไปในทิศทางเดียวกับทีมที่ไม่ได้กลับมา  
          หลังจากที่ต้องออกสำรวจตามเส้นทางต่างๆเป็นระยะเวลาร่วมเข้า ปี ซ.ศ. 3 ชาวโซเยมต้องสูญเสียกำลังพล เครื่องมือสื่อสารรวมถึงยานพาหนะต่างๆมากมาย และในที่สุดความพยายามของพวกเขาก็สำเร็จ ชาวโซเยมได้รู้ความจริงจากข้อมูลทั้งที่ถูกส่งมาก่อนที่ทีมที่ค้นพบจะตาย และ ข้อมูลจากทีมที่สามารถรอดชีวิตโดยที่สามารถแอบสังเกตและถ่ายมาเป็นภาพถ่ายและวีดีโอ ซึ่งข้อมูลที่ได้รับล้วนแล้วแต่มีความใกล้เคียงกับสิ่งที่ผู้รอดชีวิตลือกัน ไม่ว่าจะเป็นปีศาจร่างยักษ์หรือหุ่นยนต์ฆ่าคน จึงทำให้ชาวโซเยมได้รู้ความจริงที่ว่า  พวกเขาไม่ได้เป็นกลุ่มเดียวที่ยังคงเคลื่อนไหวอยู่…

           ทีมที่เดินไปทางใต้ ซึ่งมีภูมิประเทศเป็นป่าดิบและทะเลทราย พบว่ามีปีศาจอย่างที่ผู้คนที่รอดชีวิตมาพูดจริง ซึ่งชาวโซเยมเรียกปีศาจพวกนี้ว่า พวก เผ่าซีส

           เผ่าซีส อาศัยอยู่ทางใต้ของพื้นแผ่นดินที่เหลืออยู่ซึ่งมีภูมิประเทศที่เป็นที่ราบ มีผืนป่าหลงเหลืออยู่จำนวนมากอยู่กลางทะเลทราย  ซีสเป็นสิ่งมีชีวิตที่เหมือนสิ่งมีชีวิตต่างๆในสมัยก่อนวันสิ้นยุครวมทั้งมนุษย์ด้วย แต่ตัวใหญ่กว่า แข็งแรงและดุร้ายกว่ามาก ชาวโซเยมได้แบ่งพวกซีสเป็น 3 ประเภทคือ ขนาดใหญ่ มีความสูงตั้งแต่ 10 เมตรขึ้นไป ขนาดกลาง มีความสูงตั้งแต่ 5 เมตรไปแต่ไม่ถึง 10 เมตร และ ต่ำกว่า 5 เมตรจัดอยู่ในขนาดเล็ก โดยที่พวกมันยังคงมีการผสมพันธ์และขยายพันธ์อยู่ และที่สำคัญพวกมันขยายพันธ์อย่างรวดเร็วมาก มันฆ่าและกินสิ่งมีชีวิตที่แตกต่างจากพวกมันทุกชนิด พวกมันไม่รู้จักการพูด ไม่มีการส่งเสียงเพื่อเป็นสัญญาณใดๆ เหมือนกับว่า พวกมันอยู่เพื่อฆ่า กิน ผสมพันธ์และขยายพันธ์ไปวันๆ  ซึ่งเผ่าโซเยมเองก็พยายามหาคำตอบของสิ่งที่เกิดขึ้น เพราะมันเป็นสิ่งที่ยังไม่เคยเกิดขึ้นในสมัยก่อนวันสิ้นยุค แต่ก็ยังไม่สามารถหาคำตอบของสิ่งต่างๆได้ รู้ได้เพียงแค่ว่า อาณาเขตในการหากินของพวกซีสนั้น เพิ่มมากขึ้นทุกที พวกมันขยายพื้นที่ในการล่ามากขึ้นเรื่อยๆ และถ้าปล่อยเอาไว้ คงจะต้องมาถึงที่ตั้งเผ่าของพวกเขาเป็นแน่
      
          ส่วนทีมที่เดินทางไปทางตะวันออกเฉียงเหนือ ซึ่งมีขนาดพื้นเป็นส่วนใหญ่ของแผนที่โลกใหม่ มีภูมิประเทศเป็นภูเขาและมีหิมะประมาณครึ่งหนึ่งของพื้นที่จึงทำให้มีอากาศที่หนาวเย็นเกินกว่าที่สิ่งมีชีวิตทั่วไปจะอาศัยอยู่ได้ พวกเขาได้ส่งข้อมูลภาพถ่ายและวีดีโอของบางสิ่งที่ไม่แน่ใจว่าจะเรียกว่ามีชีวิตได้หรือไม่ก่อนที่พวกเขาจะหายสาบสูญไป  ภาพและวีดีโอที่ถูกส่งมาเป็นไปตามที่ผู้รอดชีวิตพูดถึง คือ สิ่งที่เป็นเหล็กเคลื่อนที่ได้หรือเรียกง่ายๆว่าหุ่นยนต์ ซึ่งชาวโซเยมเรียกหุ่นยนต์พวกนี้ว่า พวก เผ่าฮาน

         เผ่าฮาน เป็นวัตถุชั้นยอดที่เคลื่อนที่ได้ หรือเรียกอีกอย่างว่า หุ่นยนต์ เผ่าฮานเป็นเครื่องจักรกลที่มีลักษณะเหมือนมนุษย์ คือมีหัว ตัว แขน ขา แต่ต่างกันที่มันถูกสร้างขึ้นมาจากเหล็กชั้นยอดโดยมีอาวุธที่ร้ายแรงติดอยู่ตามส่วนต่างๆประกอบกับมีเกราะที่แข็งแกร่งทั่วร่างกาย และยังคงมีการเคลื่อนที่ทำงานกันเป็นระบบ ชาวโซเยมได้แบ่งพวกฮานเป็น 3 ประเภทเช่นเดียวกับเผ่าซีส คือ ขนาดใหญ่ มีความสูงตั้งแต่ 10 เมตรขึ้นไป ขนาดกลาง มีความสูงตั้งแต่ 5 เมตรไปแต่ไม่ถึง 10 เมตร และ ต่ำกว่า 5 เมตรจัดอยู่ในขนาดเล็ก และเผ่าโซเยมยังตั้งข้อสังเกตว่า พวกเผ่าฮาน นั้นมีระบบแบบแผนการทำงานคล้ายกับมนุษย์ยุคก่อนวันสิ้นยุค และพวกฮานก็เหมือนค้นหาสิ่งๆหนึ่ง โดยที่พวกมันจะเคลื่อนที่เป็นหน่วย และสำรวจพื้นที่ไปเลื่อยๆ ซึ่งเผ่าโซเยมเองก็ยังไม่รู้ว่าพวกมันสำรวจหาอะไร แต่รู้เพียงอย่างเดียวว่า สักวันมันจะต้องเดินทางมาถึงที่เผ่าโซเยมอย่างแน่นอน

โปรดติดตามตอนต่อไป...
แสดงความคิดเห็น
โปรดศึกษาและยอมรับนโยบายข้อมูลส่วนบุคคลก่อนเริ่มใช้งาน อ่านเพิ่มเติมได้ที่นี่