เห็นหลายกระทู้บอกว่าเมื่อวานไทยเล่น 3-5-2 แต่ถ้าดูแทคติคการคุมโซนเมื่อวานแล้วจริงๆ ไทยเล่นแทคติค 5-3-2 ซึ่งทำให้แก้ปัญหาแผงหลังที่เป็นปัญหาที่ผ่านมาตลอดทั้ง 4 นัด และแทคติคของทีมชาติไทยไม่เล่นการต่อบอลนานแบบติ๊กต๊อกแบบเล่นในอาเซียน เปลี่ยนมาใช้แทคติคการเล่นแบบสวิชชิ่งเปลี่ยนแกนเร็ว ซึ่งแทคติคนี้เป็นที่นิยมในการเล่นหลายๆ ทีมในยุโรปมาก เปลี่ยนจากรับเป็นรุกโต้เร็ว แล้วพยายามจบจังหวะสุดท้ายด้วยการยิงถ้าไม่เข้าก็จะออกหลังไปเลย แล้วกลับลงมาเซตเกมกันใหม่ ซึ่งแทคติคการสวิชชิ่งเร็ว จะเล่นบอลกันไม่กี่จังหวะ ซึ่งเมื่อวานเราใช้แทคติคนี้ได้ดีมาก ต้องยอมรับว่าฝึกซ้อมกันมาดี ส่วนเรื่องเกมรับ เราปิดจากการโจมตีด้านข้างได้หมด ออสเตรเลียบุกจากด้านข้างเรานับครั้งได้ ทั้งเกมไม่สามารถเจาะด้านข้างไปถึงเส้นหลังประตูเพื่อเจาะด้านข้างเราได้ เหมือนที่เขาทำกับทีมอื่นๆ ในกลุ่ม
ซึ่งผมคิดว่าซิโก้ใช้รูปแบบการเล่นและแทคติคแบบนี้มันเหมาะมากๆ ที่จะใช้สู้ในระดับเอเชีย ผมว่าเราเริ่มมาถูกทาง แม้มันจะสายเกินไปหน่อยก็ตาม แต่อย่างน้อยเราก็รู้แล้วว่า How to Play in Asia จะเล่นอย่างไรในระดับทีมเอเชีย
ซึ่งเกมรุก ณ ปัจจุบัน ผมไม่ได้กังวล เพราะเราถือว่ามีประสิทธิภาพพอสมควร แต่ที่ผ่านมาเราแพ้ เราเสียประตูเยอะ เพราะปัญหาเรื่องแทคติกเกมรับมากกว่า เรามาตกม้าตายท้ายเกมแบบนี้บ่อยมากในระดับเกมคุณภาพในระดับเอเชีย แต่ก็ต้องยอมรับอย่างหนึ่งว่ากรรมการในระดับ AFC ไม่น่าไว้ใจ แต่มันแค่ปัญหาปัจจัยภายนอก แต่ถ้าเราพัฒนามาถูกทางในอนาคตเรื่องพวกนี้ก็เป็นแค่ปัญหาส่วนหนึ่งเท่านั้น อย่างญี่ปุ่นที่เขาโดนมาเหมือนเราเรื่องกรรมการในนัด UAE เค้ามองไปเกมข้างหน้าเลยไม่มองย้อนดูอดีต เพราะเขามั่นใจในศักยภาพของทีมกับนัดที่เหลือมุ่งมั่นจนในที่สุดก็ติด 1 ใน 2 อันดับแรกของกลุ่มที่จะไปบอลโลก
ผมว่าเราเริ่มมาถูกทางแล้วเรื่องการพัฒนาแผนการเล่นแบบนี้แหละซึ่งถ้าเราคงมาตรฐานอย่างกับที่เล่นกับออสเตรเลียเมื่อวานได้ ปีหน้ากับนัดที่เหลือ ทีมที่จะเจอกับเราอาจจะเป็นงานยากของเค้าก็เป็นได้
รอบนี้ผมไม่หวังหรอกว่าทีมชาติไทยเราจะได้ไปบอลโลก แต่ผมหวังเรื่องการเรียนรู้เพื่อพัฒนาตนเองขึ้นมาแบบมีพัฒนาการที่ดีขึ้นเรื่อยๆ ถ้าเราพัฒนาไม่หยุด อนาคตอันใกล้เราก็จะมีโอกาส
อย่างน้อยที่สุดให้ทีมในเอเชียได้รู้ว่า ถ้าเจอเรามันไม่ง่ายกับทุกทีม
กลับมาเรื่อง ปีโป้ หน่อยครับ ผมชอบในเรื่องสรีระแบบไซส์ยุโรปแบบนี้มาก เมื่อวานเห็นเลยว่าช่วยมุ้ยได้เยอะ มุ้ยมีพื้นที่เล่นมากขึ้น มีอิสระในเกมรุกมากขึ้น เพราะปีโป้ มาช่วยพักบอล เก็บบอลเรียกฟาวล์ได้เป็นอย่างดี และปีโป้ถึงจะตัวใหญ่ แต่เรื่องสปีดการวิ่งก็ไม่ได้ช้าอย่างที่คิด ผมเห็นหลายจังหวะที่ปีโป้สามารถวิ่งแซงกองหลังออสได้หลายครั้ง ถ้าเด็กคนนี้มีคนสอนแนวคิดการเล่นที่ดีและฝึกซ้อมอย่างต่อเนื่อง มีโอกาสพัฒนาได้อีก
หลายครั้งที่ปีโป้ค้ำบอลแล้วกองหลังตัวใหญ่อย่างออสเตรเลียไม่สามารถเบียดเอาบอลได้ ผมเห็นมีจังหวะนึงปีโป้ค้ำบอลอยู่กองหลังออสวิ่งมากระแทกจากด้านหลังแล้วกระเด็นสะท้อนออกไปเอง นี่แหละมันเห็นข้อดีของการที่เรามีนักเตะสูงหนาและตัวบึกใหญ่อย่างปีโป้
ซึ่งผมบอกได้เลยว่า สรีระแบบ ปีโป้ หาได้ยากมากในไทยเรา เพราะเด็กไทยเราเดี๋ยวนี้สูงก็จริง แต่ตัวสูงแบบไม้ตะเกียบ โย่งๆ แต่ผอมกะหล่อง แต่ปีโป้มีความสูง+ตัวหนา โครงสร้างกล้ามเนื้อที่ใหญ่แบบปะทะกับไซส์ยุโรปได้สบาย ซึ่งถ้าทีมชาติไทยมีนักเตะสรีระแบบนี้สัก 3-4 คนในทีม ผมว่ามันเพียงพอแล้ว ไม่ต้องกับถึงต้องตัวใหญ่แบบปีโป้ ทั้งทีมก็ได้ ทำให้เราสามารถเล่นแทคติคได้หลากหลายขึ้น
พัฒนาต่อไปครับทีมชาติไทย สู้นัดที่เหลือให้สนุก และเราไปลุ้นสู้กับรายการ เอเชี่ยนคัพ 2019 อีกสักตั้ง
ขอเพียงอย่าหยุดพัฒนาตนเอง พอมาตรฐานการเล่นติดลมบนแล้วทางที่เดินก็จะไม่รุกรังแบบนี้แน่นอน
ไทย V ออส ให้คะแนนระดับทีม 8/10, ปีโป้ คือตัวอย่างที่ดีเรื่องสรีระที่ทีมชาติไทยควรมี เห็นเบียดกองหลังออสกระเด็นเลย
ซึ่งผมคิดว่าซิโก้ใช้รูปแบบการเล่นและแทคติคแบบนี้มันเหมาะมากๆ ที่จะใช้สู้ในระดับเอเชีย ผมว่าเราเริ่มมาถูกทาง แม้มันจะสายเกินไปหน่อยก็ตาม แต่อย่างน้อยเราก็รู้แล้วว่า How to Play in Asia จะเล่นอย่างไรในระดับทีมเอเชีย
ซึ่งเกมรุก ณ ปัจจุบัน ผมไม่ได้กังวล เพราะเราถือว่ามีประสิทธิภาพพอสมควร แต่ที่ผ่านมาเราแพ้ เราเสียประตูเยอะ เพราะปัญหาเรื่องแทคติกเกมรับมากกว่า เรามาตกม้าตายท้ายเกมแบบนี้บ่อยมากในระดับเกมคุณภาพในระดับเอเชีย แต่ก็ต้องยอมรับอย่างหนึ่งว่ากรรมการในระดับ AFC ไม่น่าไว้ใจ แต่มันแค่ปัญหาปัจจัยภายนอก แต่ถ้าเราพัฒนามาถูกทางในอนาคตเรื่องพวกนี้ก็เป็นแค่ปัญหาส่วนหนึ่งเท่านั้น อย่างญี่ปุ่นที่เขาโดนมาเหมือนเราเรื่องกรรมการในนัด UAE เค้ามองไปเกมข้างหน้าเลยไม่มองย้อนดูอดีต เพราะเขามั่นใจในศักยภาพของทีมกับนัดที่เหลือมุ่งมั่นจนในที่สุดก็ติด 1 ใน 2 อันดับแรกของกลุ่มที่จะไปบอลโลก
ผมว่าเราเริ่มมาถูกทางแล้วเรื่องการพัฒนาแผนการเล่นแบบนี้แหละซึ่งถ้าเราคงมาตรฐานอย่างกับที่เล่นกับออสเตรเลียเมื่อวานได้ ปีหน้ากับนัดที่เหลือ ทีมที่จะเจอกับเราอาจจะเป็นงานยากของเค้าก็เป็นได้
รอบนี้ผมไม่หวังหรอกว่าทีมชาติไทยเราจะได้ไปบอลโลก แต่ผมหวังเรื่องการเรียนรู้เพื่อพัฒนาตนเองขึ้นมาแบบมีพัฒนาการที่ดีขึ้นเรื่อยๆ ถ้าเราพัฒนาไม่หยุด อนาคตอันใกล้เราก็จะมีโอกาส
อย่างน้อยที่สุดให้ทีมในเอเชียได้รู้ว่า ถ้าเจอเรามันไม่ง่ายกับทุกทีม
กลับมาเรื่อง ปีโป้ หน่อยครับ ผมชอบในเรื่องสรีระแบบไซส์ยุโรปแบบนี้มาก เมื่อวานเห็นเลยว่าช่วยมุ้ยได้เยอะ มุ้ยมีพื้นที่เล่นมากขึ้น มีอิสระในเกมรุกมากขึ้น เพราะปีโป้ มาช่วยพักบอล เก็บบอลเรียกฟาวล์ได้เป็นอย่างดี และปีโป้ถึงจะตัวใหญ่ แต่เรื่องสปีดการวิ่งก็ไม่ได้ช้าอย่างที่คิด ผมเห็นหลายจังหวะที่ปีโป้สามารถวิ่งแซงกองหลังออสได้หลายครั้ง ถ้าเด็กคนนี้มีคนสอนแนวคิดการเล่นที่ดีและฝึกซ้อมอย่างต่อเนื่อง มีโอกาสพัฒนาได้อีก
หลายครั้งที่ปีโป้ค้ำบอลแล้วกองหลังตัวใหญ่อย่างออสเตรเลียไม่สามารถเบียดเอาบอลได้ ผมเห็นมีจังหวะนึงปีโป้ค้ำบอลอยู่กองหลังออสวิ่งมากระแทกจากด้านหลังแล้วกระเด็นสะท้อนออกไปเอง นี่แหละมันเห็นข้อดีของการที่เรามีนักเตะสูงหนาและตัวบึกใหญ่อย่างปีโป้
ซึ่งผมบอกได้เลยว่า สรีระแบบ ปีโป้ หาได้ยากมากในไทยเรา เพราะเด็กไทยเราเดี๋ยวนี้สูงก็จริง แต่ตัวสูงแบบไม้ตะเกียบ โย่งๆ แต่ผอมกะหล่อง แต่ปีโป้มีความสูง+ตัวหนา โครงสร้างกล้ามเนื้อที่ใหญ่แบบปะทะกับไซส์ยุโรปได้สบาย ซึ่งถ้าทีมชาติไทยมีนักเตะสรีระแบบนี้สัก 3-4 คนในทีม ผมว่ามันเพียงพอแล้ว ไม่ต้องกับถึงต้องตัวใหญ่แบบปีโป้ ทั้งทีมก็ได้ ทำให้เราสามารถเล่นแทคติคได้หลากหลายขึ้น
พัฒนาต่อไปครับทีมชาติไทย สู้นัดที่เหลือให้สนุก และเราไปลุ้นสู้กับรายการ เอเชี่ยนคัพ 2019 อีกสักตั้ง
ขอเพียงอย่าหยุดพัฒนาตนเอง พอมาตรฐานการเล่นติดลมบนแล้วทางที่เดินก็จะไม่รุกรังแบบนี้แน่นอน