วันนี้อยู่ๆเด็กที่ดื้อมากๆในห้องเดินมาบอกว่า
"ครูครับพรุ่งนี้ผมไม่มารร แล้วนะ "
เราก็งงนึกว่ามันจะโดดเรียนเพราะขี้เกียจเลยถามว่าทำไม
นักเรียน - ผมจะลาออกไปแม่โจ้ อย่าบอกครูแก้วนะ
ครู - ถ้าย้ายรร ต้องไปทำเรื่องย้ายนะ ไม่งั้นรร ใหม่ไม่รับเธอหรอก
นักเรียน - ผมไม่ย้าย ผมจะออกไปเลยไม่เรียนแล้วพ่อผมไม่ให้เรียนแล้ว
ตอนเย็นครูเลยถามเหตุผลทุกอย่างได้ข้อสรุปว่า
พ่อได้เมียใหม่ แล้วเมียใหม่ไม่ให้เด็กคนนี้ไปเรียนเพราะต้องการให้เด็กเลี้ยงหลานของเมียใหม่ให้
ประเด็นคือพ่อเขาคิดอะไรอยู่ ไม่รักลูกตัวเองเลยเหรอ ทำไมไม่ให้ลูกเรียน
แล้วออกไปเลี้ยงเด็กที่ไม่ได้เกี่ยวไรกับตัวเขาเลยแบบนี้ก็ได้หรอ
ทำไรไม่ได้ ได้แต่บอกลาเด็กด้วยความรู้สึกที่อธิบายไม่ถูก สงสารเด็กว่ะ จะร้องไห้ ขอให้โชคดีละกัน
เรื่ิองราวข้างบนเป็นเรื่องราวของครูรุ่นน้องของผมที่ต้องประสบพบเจอ
เหตุการณ์แบบนี้เป็นครั้งแรกของการเป็นครู แค่เพียงได้รับรู้มันผ่านตัวหนังสือคุณย่อมรู้สึกได้ว่ามันน่าเสียใจแค่ไหน
จากประสบการณ์ของผมพบว่าปัญหาเด็กออกกลางคันมีอยู่ราวๆร้อยละ 1.5 ของประชากร
ตัวเลขนั้นอาจจะดูไม่มากถ้าหากมันไม่ใช่ร้อยละ 1.5 ของนักเรียน 6 ล้านคน
ไม่ว่าจะเจอกับเหตุการณ์นี้กี่ครั้งแต่ผมก็ไม่ชิน มันเสียใจอย่างบอกไม่ถูกที่เราไม่สามารถช่วยอะไรเขาได้เลย
วันนี้ก็เป็นอีกครั้งที่ผมต้องรับรู้เหตุการณ์เดิมๆ แม้จะผ่านเพียงคำบอกเล่าแต่ความเจ็บราวของมันราวกับพบเจอด้วยตัวเอง
ค่าความผิดพลาดของการมีชีวิตอยู่ แม้เพียงน้อยนิดแต่ความเจ็บปวดนั้นไม่ได้น้อยเหมือนค่าที่มันแสดงเลย
ผมคนหนึ่งละเกลียดคำพูดที่ว่า "ไม่มีพ่อแม่คนไหนไม่รักลูก"
แต่จากสิ่งทีได้เห็นจากระบบการศึกษามันบอกผมว่า
นั่นเป็นเพียงคำพูดสวยหรูที่ทำให้ความเป็นผู้ใหญ่นั้นถูกต้อง
เป็นคำพูดที่กดเด็กไว้ ไม่ให้สามารถโต้แย้งในสิ่งที่เขารู้สึกได้อย่างแท้จริง
คนทุกคนเป็นพ่อแม่ได้ แต่ไม่ได้หมายความว่าทุกคนจะมีความเป็นพ่อเป็นแม่
เด็กชายถูกสั่งห้ามไม่ให้ไปบอกใคร และถ้าครูไปคุยกับพ่อแม่เด็กชายก็จะต้องถูกตีซ้ำ
ความรู้สึกของคนอื่นไม่ใช่สิ่งที่ต้องแคร์ มันกินไม่ได้และมันไม่มีค่าคุณก็แค่มองผ่านไปก็พอ
แม้จะยากเย็นแต่คุณก็ต้องทำเป็นไม่รู้เรื่องอะไร เพื่อให้การจากลานั้นเป็นไปด้วยดี
อย่างน้อยๆคำอำลาก็ได้เอ่ยขึ้น
อย่างน้อยๆเด็กชายก็ได้ฝืนในสิ่งที่พ่อห้ามเพื่อเอ่ยลา
อย่างน้อยๆเขาได้รู้ว่าความรู้สึกที่เขามีขณะนั้นคือของจริง
แม้จะหวาดกลัวเพียงใดแต่ครั้งหนึ่งเขาก็ได้เลือกที่จะทำตามความรู้สึกของตัวเอง
บางทีที่เป็นอยู่อาจจะดีแล้วก็ได้ เพราะอย่างน้อยเรายังได้รู้ว่ามันคือครั้งสุดท้ายของการพบกัน
มันเป็นความเศร้าเเบบเจ็บๆที่คุณจำเป็นจะต้องรู้สึกดีใจในคำจากลานั้น
เมียใหม่คงไม่อยากให้พ่อรักลูกคนเก่ามากกว่า คงกลัวว่าเด็กจะแย่งทุกอย่างไปจากชีวิตเขา
แต่พ่อก็หลงจนคิดอะไรไม่ได้ สิ่งนั้นแหละที่เป็นตัวตัดสินอนาคตของเด็กคนหนึ่ง
เด็กชายอายุ 11 ปีแล้ว การที่จะกลับมาเรียนป.2 ใหม่ในวันข้างหน้าคงไม่มีโอากาสเป็นไปได้อีกต่อไป
เพราะวันหนึ่งความอายในตัวเขาจะเพิ่มขึ้นเป็นเท่าทวีคูณ แม้ไม่อยากให้จบแต่เรื่องนี้ก็ต้องจบ
เราทำอะไรไม่ได้ เพราะมันคือค่าความผิดพลาดที่เราต้องเว้นว่างไว้
ไม่มีอะไร 100 % กระทั่งน้ำใสก็ยังมีสิ่งเจือปนชีวิตคนก็เช่นกัน
ในวันนั้นเด็กชายกอดครูคนแล้วคนเล่า กอดอย่างแนบแน่นหลายครั้งหลายครา
โดยที่ครูบางคนก็ไม่รู้เลยว่า
เขาจะไป...
แม้นี่จะไม่ใช่ครั้งแรกที่เขาต้องเข้าออกการศึกษา และแม้จะดูเหมือนไม่เป็นไร
แต่เด็กชายคง...
ใจ หาย น่า ดู
ค่าความผิดพลาดของการมีชีวิต
"ครูครับพรุ่งนี้ผมไม่มารร แล้วนะ "
เราก็งงนึกว่ามันจะโดดเรียนเพราะขี้เกียจเลยถามว่าทำไม
นักเรียน - ผมจะลาออกไปแม่โจ้ อย่าบอกครูแก้วนะ
ครู - ถ้าย้ายรร ต้องไปทำเรื่องย้ายนะ ไม่งั้นรร ใหม่ไม่รับเธอหรอก
นักเรียน - ผมไม่ย้าย ผมจะออกไปเลยไม่เรียนแล้วพ่อผมไม่ให้เรียนแล้ว
ตอนเย็นครูเลยถามเหตุผลทุกอย่างได้ข้อสรุปว่า
พ่อได้เมียใหม่ แล้วเมียใหม่ไม่ให้เด็กคนนี้ไปเรียนเพราะต้องการให้เด็กเลี้ยงหลานของเมียใหม่ให้
ประเด็นคือพ่อเขาคิดอะไรอยู่ ไม่รักลูกตัวเองเลยเหรอ ทำไมไม่ให้ลูกเรียน
แล้วออกไปเลี้ยงเด็กที่ไม่ได้เกี่ยวไรกับตัวเขาเลยแบบนี้ก็ได้หรอ
ทำไรไม่ได้ ได้แต่บอกลาเด็กด้วยความรู้สึกที่อธิบายไม่ถูก สงสารเด็กว่ะ จะร้องไห้ ขอให้โชคดีละกัน
เรื่ิองราวข้างบนเป็นเรื่องราวของครูรุ่นน้องของผมที่ต้องประสบพบเจอ
เหตุการณ์แบบนี้เป็นครั้งแรกของการเป็นครู แค่เพียงได้รับรู้มันผ่านตัวหนังสือคุณย่อมรู้สึกได้ว่ามันน่าเสียใจแค่ไหน
จากประสบการณ์ของผมพบว่าปัญหาเด็กออกกลางคันมีอยู่ราวๆร้อยละ 1.5 ของประชากร
ตัวเลขนั้นอาจจะดูไม่มากถ้าหากมันไม่ใช่ร้อยละ 1.5 ของนักเรียน 6 ล้านคน
ไม่ว่าจะเจอกับเหตุการณ์นี้กี่ครั้งแต่ผมก็ไม่ชิน มันเสียใจอย่างบอกไม่ถูกที่เราไม่สามารถช่วยอะไรเขาได้เลย
วันนี้ก็เป็นอีกครั้งที่ผมต้องรับรู้เหตุการณ์เดิมๆ แม้จะผ่านเพียงคำบอกเล่าแต่ความเจ็บราวของมันราวกับพบเจอด้วยตัวเอง
ค่าความผิดพลาดของการมีชีวิตอยู่ แม้เพียงน้อยนิดแต่ความเจ็บปวดนั้นไม่ได้น้อยเหมือนค่าที่มันแสดงเลย
ผมคนหนึ่งละเกลียดคำพูดที่ว่า "ไม่มีพ่อแม่คนไหนไม่รักลูก"
แต่จากสิ่งทีได้เห็นจากระบบการศึกษามันบอกผมว่า
นั่นเป็นเพียงคำพูดสวยหรูที่ทำให้ความเป็นผู้ใหญ่นั้นถูกต้อง
เป็นคำพูดที่กดเด็กไว้ ไม่ให้สามารถโต้แย้งในสิ่งที่เขารู้สึกได้อย่างแท้จริง
คนทุกคนเป็นพ่อแม่ได้ แต่ไม่ได้หมายความว่าทุกคนจะมีความเป็นพ่อเป็นแม่
เด็กชายถูกสั่งห้ามไม่ให้ไปบอกใคร และถ้าครูไปคุยกับพ่อแม่เด็กชายก็จะต้องถูกตีซ้ำ
ความรู้สึกของคนอื่นไม่ใช่สิ่งที่ต้องแคร์ มันกินไม่ได้และมันไม่มีค่าคุณก็แค่มองผ่านไปก็พอ
แม้จะยากเย็นแต่คุณก็ต้องทำเป็นไม่รู้เรื่องอะไร เพื่อให้การจากลานั้นเป็นไปด้วยดี
อย่างน้อยๆคำอำลาก็ได้เอ่ยขึ้น
อย่างน้อยๆเด็กชายก็ได้ฝืนในสิ่งที่พ่อห้ามเพื่อเอ่ยลา
อย่างน้อยๆเขาได้รู้ว่าความรู้สึกที่เขามีขณะนั้นคือของจริง
แม้จะหวาดกลัวเพียงใดแต่ครั้งหนึ่งเขาก็ได้เลือกที่จะทำตามความรู้สึกของตัวเอง
บางทีที่เป็นอยู่อาจจะดีแล้วก็ได้ เพราะอย่างน้อยเรายังได้รู้ว่ามันคือครั้งสุดท้ายของการพบกัน
มันเป็นความเศร้าเเบบเจ็บๆที่คุณจำเป็นจะต้องรู้สึกดีใจในคำจากลานั้น
เมียใหม่คงไม่อยากให้พ่อรักลูกคนเก่ามากกว่า คงกลัวว่าเด็กจะแย่งทุกอย่างไปจากชีวิตเขา
แต่พ่อก็หลงจนคิดอะไรไม่ได้ สิ่งนั้นแหละที่เป็นตัวตัดสินอนาคตของเด็กคนหนึ่ง
เด็กชายอายุ 11 ปีแล้ว การที่จะกลับมาเรียนป.2 ใหม่ในวันข้างหน้าคงไม่มีโอากาสเป็นไปได้อีกต่อไป
เพราะวันหนึ่งความอายในตัวเขาจะเพิ่มขึ้นเป็นเท่าทวีคูณ แม้ไม่อยากให้จบแต่เรื่องนี้ก็ต้องจบ
เราทำอะไรไม่ได้ เพราะมันคือค่าความผิดพลาดที่เราต้องเว้นว่างไว้
ไม่มีอะไร 100 % กระทั่งน้ำใสก็ยังมีสิ่งเจือปนชีวิตคนก็เช่นกัน
ในวันนั้นเด็กชายกอดครูคนแล้วคนเล่า กอดอย่างแนบแน่นหลายครั้งหลายครา
โดยที่ครูบางคนก็ไม่รู้เลยว่า
เขาจะไป...
แม้นี่จะไม่ใช่ครั้งแรกที่เขาต้องเข้าออกการศึกษา และแม้จะดูเหมือนไม่เป็นไร
แต่เด็กชายคง...
ใจ หาย น่า ดู