อยากมาเล่าประสบการณ์เกี่ยวกับครูและอาจารย์ที่เคยเจอแล้วรู้สึกไม่ดีสมัยเรียนประถมจนถึงปริญญาโทค่ะ
ครูคนที่1 ....เจอตอนป.1.ค่ะ คือเราตอนนั้นเด็กมากไม่ค่อยรู้ว่าร.ร.เป็นอย่างไร ไปใหม่ๆนี่คือเพื่อนบอกอะไรก็ทำตามค่ะ ร.ร.ก็มีเข้าแถวตอนกลางวัน แล้วมีตรวจเล็บค่ะ ใครเล็บดำเล็บยาวโดนตีค่ะ ซึ่งเราไม่เคยรู้มาก่อนว่ามีแบบนี้ด้วย ครูผู้ตรวจเป็นครูพละค่ะ ผู้ชาย ก็มาถึงคิวเราครูพละบอกว่า อ่าว ลูกครู.....นี่นายังงี้ต้องโดนเยอะๆ เราก็โดนจริงค่ะคือไม้ยาวตีก้น3ครั้งเสียงดังมากดังกว่าคนที่โดนตีก่อนหน้าทุกคน เรารู้สึกเจ็บมากโดยพยายามไม่ร้องไห้ค่ะ กลับไปบ้านนี่คือเป็นแผลเลือดออกเป็นแนวหลายแนวเลยค่ะและเป็นแผลเป็นมาจนปัจจุบันนี้ แต่ไม่แค่นั้นค่ะ คนที่ตรวจเจอว่าเล็บยาวที่ต้องโดนตีต่อจากเราเป็นดรัมเมเยอร์สวยที่สุดในโรงเรียนและตอนนั้นผู้หญิงคนนั้นก็เรียนป.6ค่ะและครูพละตามจีบดรัมเมเยอร์คนนี้อยู่เป็นที่รู้กันในหมู่เด็กๆค่ะปรากฏว่าครูพละไม่ตีและไม่ว่าไม่ทำอะไรเลยค่ะบอกแค่ว่าคนนี้สวยไม่ตี ช่างแตกต่างอะไรเช่นนี้แต่ตอนนั้นเด็กก็ไม่ค่อยรู้เรื่องค่ะเพราะเราป.1เองเพิ่งเข้าโรงเรียนมาแต่จำได้ค่ะมานึกถึงเรื่องนี้ตอนโตถึงรู้ว่าครูทำเกินไปค่ะ
ครูคนที่2.....เจอตอนป.2และป.3ค่ะเป็นครูคนเดียวกันสอนเราในวิชากพอ.ตอนป.2และป.3และเป็นครูที่ทำหน้าที่นับเงินโรงอาหารตอนกลางวันค่ะ เรื่องมีว่า เราเป็นคนที่สอบได้ที่1และได้คะแนนดีมากตอนป.1ค่ะครูส่วนใหญ่ที่สอนจะมาเล่าสู่กันฟังว่าลูกครู....เก่งอย่างนั้นอย่างนี้ แซงหน้าคนที่เรียนอนุบาลมาก่อน โดยป.1ได้เกรด4ทุกวิชาค่ะ ครูกพอ.คนนี้เป็นผู้หญิงแก่ค่ะ เวลาสอนชอบพูดเหมือนไม่ชอบเราค่ะ เช่น ไงได้ข่าวว่าเก่งนักเหรอแล้วก็ตั้งคำถามแบบที่ไม่เคยสอน คือเราไม่เคยผ่านหูมาก่อนตอนนั้นเราก็บอกไม่ทราบค่ะ เราเป็นเด็กดีค่ะไม่ค่อยรู้อะไรรอกค่ะตอนนั้น แล้วครูกพอ.คนนั้นก็พูดให้เราอายเพื่อนน่ะค่ะประมาณว่า ไหนใครว่าเก่งไงไม่เห็นจะเก่งเลยแค่นี้ก็ไม่รู้งั้นเดี๋ยวครูลองถามคนอื่นแต่ครูกพอ.เปลี่ยนคำถามค่ะเป็นคำถามที่เรารู้ง่ายกว่าไม่ต้องอ่านหนังสือก็รู้ค่ะแต่ถามเพื่อนเราในห้องค่ะแล้วเพื่อนก็ตอบมาแล้วบอกว่าดีเดี๋ยวครูให้คะแนนพิเศษ จากนั้นในเวลาเรียนเราก็ตั้งใจฟังมากขึ้นพยายามอ่านหนังสือทั้งที่ไม่เคยอ่านหนังสือมาก่อน แต่เวลาเรียนเราก็รู้สึกว่าครูกพอ.คนนี้ชอบพูดให้เราอายเสมอๆแบบนี้น่ะค่ะย้ำๆให้คนอื่นเข้าใจว่าเราไม่เก่งแต่เราก็ไม่คิดอะไรนะคะตอนนั้น เราเรียนกพอ.ป.2ตอนนั้นได้เกรด2ค่ะ เสียใจมากเลยค่ะ ทั้งที่กพอ.เป็นวิชาเดียวที่เราอ่านหนังสือแต่ได้เกรด2แต่วิชาอื่นไม่อ่านเลยได้เกรด4หมดค่ะ ตอนนั้นเราเรียนตกมาที่2ค่ะ ต่อมาเรียนป.3ก็เจอครูกพอ.คนนี้อีกค่ะเราเลยพยายามอ่านหนังสือตั้งใจเรียนมากขึ้นเพราะคิดว่าเราคงอ่านหนังสือน้อยไปเราจำได้ว่าเราอ่านมาตรงแต่เราก็ได้แค่เกรด3ค่ะในขณะที่คนอื่นเกือบทั้งห้องได้4เกือบหมดค่ะคนที่แย่มากๆแบบไม่ค่อยมาเรียนถึงได้3ค่ะแต่เราก็นึกว่าเราไม่เก่งกพอ.ค่ะ ตอนนั้นก็ไม่คิดอะไร แต่ระหว่างที่เราเรียนป.3นั้นครูประจำชั้นชอบสั่งให้เราไปเอาเงินอาหารกลางวันที่ครูกพอ.ค่ะ ปรากฏว่า เราไปถึงก็มักจะเห็นครูกพอ.กำลังนับเงินอาหารกลางวันส่วนหนึ่งจะส่งมาให้เราอีกส่วนหนึ่งจะไม่ให้และดูเหมือนจะเก็บไว้เองน่ะค่ะ ตอนนั้นเราก็ไม่ค่อยรู้เรื่องอะไร แล้วครูกพอ.ก็บอกว่ารู้ไหมอะไรฉลาดนักเหรอแล้วเอาเงินไปนี่จะไปบอกใครไหม ตอนนั้นเราก็งงค่ะ ก็ยิ้มๆบอกบอกอะไรหรือคะ คือตอนนั้นไร้เดียงสาค่ะ ครูกพอ.ก็บอกว่างั้นไม่มีอะไรแล้วไป แล้วเราต้องไปเก็บเงินที่ครูกพอ.บ่อยมากเลยเห็นบ่อยๆว่าครูกพอ.จะมีเงินส่วนหนึ่งแยกไว้เสมอๆ แต่ตอนนั้นเราไม่รู้เรื่องแบบนี้จริงๆค่ะ แล้วครูกพอ.ชอบทำท่าไม่พอใจ ชอบว่าใส่ เคยพูดประมาณว่าถ้าใครรู้เรื่องนี้แสดงว่าเป็นเธอ คือเราก็ไม่รู้เรื่องค่ะ และเราก็ไม่ได้บอกใครแค่งงพูดไร แต่รู้สึกครูกพอ.ไม่ชอบเราค่ะ มารู้อีกทีตอนโตค่ะว่าอ้อแบบนี้นี่เอง ตอนป.3นี่เราได้กพอ.เกรด3ก็เสียใจค่ะแต่ก็ไม่คิดอะไรแต่มางงตอนโตค่ะว่าแล้วทำไมพอเราย้ายโรงเรียนตอนป.4ไปเรียนร.ร.ชื่อดังแห่งหนึ่ง ตอนป.4ป.5ป.6เราได้เกรด4วิชากพอ.ตลอดค่ะขนาดไม่อ่านหนังสือยัง4อะค่ะ และก็ค้างคาใจมาจนบัดนี้ว่าครูกพอ.แกล้งเราหรือเปล่า
อาจารย์มหาวิทยาลัยแห่งหนึ่ง.....คนที่3
ปกติเราเป็นคนเรียนดีค่ะจบปริญญาตรีเราก็ทำงานอยู่1ปีเราก็ลาออกเพราะอยากต่อปริญญาโท เราสอบได้ทั้งที่รับแค่ไม่กี่คนเลือกเรียนคนละคณะกับตอนปริญญาตรีคือจบมาไม่ตรงสายที่เรียนโทแต่ได้เรียนวิชาสายนี้มาบ้างตอนปริญญาตรีหน่วยกิตถึงน่ะค่ะ เราไปเรียนนี่คือเราคิดไว้แล้วว่าจะทำวิทยานิพนธ์เกี่ยวกับอะไร เราว่าเราทำได้ แต่เราเรียนสู้เพื่อนๆไม่ได้หรอกค่ะเรารู้เลยว่าความรู้เฉพาะสาขาเพื่อนเราแต่ละคนเก่งมากและรู้มากกว่าเราทั้งนั้นแต่ละคนนี่จบตรงสาขามาเลยค่ะ คือ เรื่องมีอยู่ว่า
อาจารย์ท่านนี้เป็นผู้หญิงอายุเยอะแล้วค่ะ เราต้องเรียนวิชานี้ค่ะเพราะเป็นวิชาบังคับ สไตล์การเรียนวิชานี้คือไม่ได้สอนอะไรเลยนอกจากพูดคุยซักถามไปมาและเพื่อนๆก็ใช้ศัพท์เฉพาะทางที่ฟังดูแล้วหรูดูดีมากคุยกัน แต่บางคนก็คุยบางคนก็ไม่คุยนะคะแล้วแต่ใครอยากพูดอะไร เราเลยไปนั่งหลังๆค่ะเนื่องจากว่าฟังเข้าใจนะคะว่าพูดกันถึงเรื่องอะไรแต่เราพูดไม่เก่งค่ะเพราะเราเรียนมาน้อยกว่าคนอื่นน่ะค่ะเราก็ไปนั่งหลังห้องแต่ไม่ใช่หลังสุดนะคะแล้วก็เงียบๆฟังเค้าพูดกันค่ะ อาจารย์ท่านนี้เริ่มมาคุยกับเรา ถามว่าชื่ออะไร จบอะไรมา ทำไมตอนสัมภาษณ์ไม่เห็น อาจารย์อะไรรับเข้ามา ถ้าชั้นเป็นคนสัมภาษณ์คุณจะไม่มีทางได้เข้ามาที่นี่ คุณมาเข้าที่นี่เพื่ออะไร หาแฟนเหรอ เราฟังก็อึ้งมาก ตอบว่ามาเรียนค่ะ คือเราตั้งใจมาเรียนจริงๆค่ะแล้วตอบแบบสุภาพ การแต่งตัวของเราก็เรียบร้อยค่ะ แล้วเราก็นั่งคนเดียวไม่มีผู้ชายค่ะ คือ เรางงค่ะคิดว่าอาจารย์ทำไมถามแบบนี้ เอาอะไรมาวัด เราสอบได้ในจำนวนไม่กี่คนจากคนเป็นพันนี่คือเราไม่เก่งใช่ไหม และเราก็คุณสมบัติตรงตามหลักเกณฑ์การคัดเลือกครบถ้วนนะ ถ้าไม่รับคนจบไม่ตรงสาขาแล้วจะประกาศว่ารับทุกสาขาวิชาทำไมคะ คือไปเรียนครั้งแรกก็โดนแบบนี้แล้วค่ะ ค่าเทอมก็จ่ายแล้วค่ะ แล้วเราผิดอะไรหรือคะ รับไม่ได้จนขนาดที่ว่าจะตัดโอกาสคนๆนึงที่สามารถสอบเข้าไปได้เลยหรือคะ คือเราคิดว่าการสอบสัมภาษณ์นี่ถ้าผู้เรียนไม่แย่จนเกินไปก็ไม่น่าที่จะตัดออกนะคะ คือเราว่าประวัติการศึกษาเราที่ผ่านมาก็ค่อนข้างดีนะคะเพียงแต่จบคนละคณะกันเท่านั้น เราได้เพียงแต่ฟังอาจารย์พูดค่ะไม่ได้โต้ตอบอะไร เพื่อนในห้องก็หันมามองเรากันหมดค่ะ คือเราอายนะคะแต่เราก็คิดว่าถึงเราจะทฤษฎีไม่แน่นแต่เราคิดว่าปฏิบัติเราโอเคค่ะ เราทำได้เราเลยไม่สนใจค่ะ อาจารย์ท่านนั้นเห็นเราเงียบๆก็ทำท่าเหมือนไม่พอใจเดินเข้าไปถามอาจารย์ท่านอื่นที่อยู่นอกห้องทำอย่างกับว่าถ้ามีอำนาจเพียงพอก็จะให้เราออกจากคณะซะเดี๋ยวนั้น คืองงค่ะ เราเลยคิดว่าอาจารย์ที่สอนวิชานี้อคติกับเราเราจะถอนไปก่อนค่ะไว้ค่อยเรียนตอนหลังเพราะเป็นวิชาบังคับค่ะต้องเรียน ซึ่งพอกลับมาเรียนอีกครั้งในปีสุดท้ายก็เป็นอาจารย์ท่านอื่นมาสอนค่ะ สอนคนละสไตล์กันเลยค่ะ อาจารย์ท่านนี้หางานวิจัยใหม่ๆมาเล่าให้ฟังเสมอค่ะ และก็มีชิ้นงานให้ทำ สรุปคือเราก็ได้เกรดเป็นที่น่าพอใจค่ะ เรียนก็สบายใจทั้งที่วิชาเดียวกันแท้ๆเลยค่ะ สุดท้ายเราคือคนที่เรียนจนจบรับปริญญาได้ ในขณะที่เพื่อนๆเราหลายคนเรียนไม่จบค่ะ
อาจารย์อีกคน.....คนที่4
คืออาจารย์อีกคนที่เราเจอตอนขณะเรียนปริญญาโทค่ะจากที่เคยเล่ามาว่าเราจบไม่ตรงสาขาทำให้ความรู้ไม่แน่นพอ เราเลยลงทะเบียนวิชาเลือกในรายวิชาที่เราไม่เคยเรียนและน่าสนใจแต่เราไม่มีความรู้พื้นฐานเลยค่ะ พอเข้าไปเรียนวันแรกก็โดนแล้วค่ะ คือ อาจารย์ก็เป็นสไตล์สอนไปถามไปค่ะ สุ่มคนนั้นทีคนนี้ที พอมาถึงเราเราตอบไม่ได้ค่ะ คือเราจะรู้เรื่องได้ยังไงคะเพราะมันเป็นรายวิชาที่เราไม่เคยผ่านตามาก่อนแล้วสอนนี่ก็คือสอนแบบแอดวานซ์เลยอะค่ะไม่เกริ่นไม่มีเบื้องต้นสักบทหนึ่งก่อนคือสอนแบบประมาณว่าทุกคนเคยเรียนมาแล้วน่ะค่ะแล้วมาถามเราค่ะเราตอบไม่ได้อยู่คนเดียวค่ะ อาจารย์ก็เริ่มมาเพ่งเล็งเราค่ะ และคราวนี้สอนไปก็ถามเราอยู่คนเดียวค่ะ แล้วเราก็ตอบไม่ได้สักข้อค่ะ อาจารย์เลยถามว่าเราจบอะไรมา แล้วเคยเรียนวิชานี้ไหม อาจารย์ก็บอกดีๆ เดี๋ยวครูจะถามเธอทุกวันเลย เราคิดว่าอาจารย์ท่านนี้ใจดีนะคะมีสไตล์การสอนที่ดีแต่สมองเราไม่ถึงน่ะค่ะ มันยากเกินกว่าที่เราจะสามารถเรียนได้ค่ะ ยิ่งเราไม่มีพื้นฐานเลยยิ่งยากมากค่ะ เราเลยถอนวิชานี้ออกค่ะแล้วไปลงเรียนวิชาอื่นในแบบที่มีพื้นฐานอยู่บ้างค่ะ
อาจารย์.....คนที่5
เทอมแรกเราไปเรียนตอนนั้นเราติดโปรค่ะเกรดแย่มากเลยค่ะ คือ 2 กว่าๆค่ะ เราเองก็ไม่สบายใจนะคะแต่ก็คิดว่ายังมีโอกาสค่ะและคิดว่าเราน่าจะทำได้เราเลยเฉยๆค่ะ วันนึงทางคณะก็ประกาศให้เราไปพบ เราไปถึงเราก็สวัสดีอาจารย์และอาจารย์ก็พูดชี้แจงว่าเรามีสิทธิ์โดนรีไทน์นะถ้าเทอมหน้าเกรดเฉลี่ยรวมไม่ถึงเกณฑ์ เราก็รับทราบและอาจารย์ก็พูดอย่างน่าเชื่อถือว่า "ผมว่าคุณทำไม่ได้และไม่ได้ดูถูกนะแต่จากประสบการณ์ที่ผ่านมาของผม ผมดูจากประวัติการศึกษาที่ผ่านมาของคุณโอกาสที่คุณจะจบการศึกษามันน้อยมาก ผมว่าคุณน่าจะลาออกแล้วไปหางานทำมันจะได้ไม่เสียเวลาน่ะ ขนาดคนที่เค้าเกรดดีกว่าคุณเค้ยังเรียนไม่จบเยอะแยะ ลองคิดดูนะ ถ้าคุณจะลาออกเดี๋ยวผมจะจัดการให้" เราก็ฟังแล้วตอบอาจารย์ไปว่า "หนูคิดว่าหนูทำได้ค่ะอยากลองเรียนดูอีกสักเทอมค่ะ"อาจารย์ก็บอกว่า"แต่ผมว่าคุณจะเสียเวลานะ แต่ก็แล้วแต่คุณนะ" คือในใจตอนนั้นเราคิดว่าเราทำได้ค่ะเพราะเราไม่ค่อยอ่านหนังสือน่ะค่ะและวิชาที่เรียนเทอมแรกส่วนใหญ่เป็นวิชาบังคับที่เราไม่ค่อยถนัดค่ะเพราะมีแต่ทฤษฎีต้องอ่านหนังสือค่ะเรารู้ความสามารถตัวเราดีค่ะคือเราไม่เก่งทฤษฎีค่ะแต่เราปฏิบัติโอเค จากนั้น เทอมต่อมาเราเลือกเรียนแต่รายวิชาที่มีภาคปฏิบัติค่ะและเราก็ทำได้ค่ะคือเราพ้นโปร และเรียนจบปริญญาโทเป็นผลสำเร็จค่ะ พอลองย้อนกลับไปนึกถึงถ้าเป็นคนอื่นเจอแบบเรานี่จะเป็นยังไงคะ บังเอิญว่าเรามั่นใจในตัวเองน่ะค่ะและทำอะไรก็ประสบความสำเร็จเสมอมาเราเคยเจอคนบอกเราทำไม่ได้มาตลอดชีวิตแต่สุดท้ายเราก็ทำได้ทุกครั้งค่ะ เราเลยไม่ค่อยสนใจว่าใครพูดอะไรน่ะค่ะเพราะเราคือคนที่เรารู้ตัวเองดีที่สุด แต่เราคิดว่าอาจารย์แนะแนวทางที่ถูกแล้วค่ะแต่สำหรับคนอื่นนะคะไม่ใช่กับเรา
เป็นประสบการณ์ที่เราเจอสมัยเรียนน่ะค่ะ คิดว่าคงมีหลายคนที่เจอแบบเรา มาเล่าให้ฟังเฉยๆน่ะค่ะ
สมัยเรียนเจอครูอาจารย์แบบไหนกันบ้างคะ
ครูคนที่1 ....เจอตอนป.1.ค่ะ คือเราตอนนั้นเด็กมากไม่ค่อยรู้ว่าร.ร.เป็นอย่างไร ไปใหม่ๆนี่คือเพื่อนบอกอะไรก็ทำตามค่ะ ร.ร.ก็มีเข้าแถวตอนกลางวัน แล้วมีตรวจเล็บค่ะ ใครเล็บดำเล็บยาวโดนตีค่ะ ซึ่งเราไม่เคยรู้มาก่อนว่ามีแบบนี้ด้วย ครูผู้ตรวจเป็นครูพละค่ะ ผู้ชาย ก็มาถึงคิวเราครูพละบอกว่า อ่าว ลูกครู.....นี่นายังงี้ต้องโดนเยอะๆ เราก็โดนจริงค่ะคือไม้ยาวตีก้น3ครั้งเสียงดังมากดังกว่าคนที่โดนตีก่อนหน้าทุกคน เรารู้สึกเจ็บมากโดยพยายามไม่ร้องไห้ค่ะ กลับไปบ้านนี่คือเป็นแผลเลือดออกเป็นแนวหลายแนวเลยค่ะและเป็นแผลเป็นมาจนปัจจุบันนี้ แต่ไม่แค่นั้นค่ะ คนที่ตรวจเจอว่าเล็บยาวที่ต้องโดนตีต่อจากเราเป็นดรัมเมเยอร์สวยที่สุดในโรงเรียนและตอนนั้นผู้หญิงคนนั้นก็เรียนป.6ค่ะและครูพละตามจีบดรัมเมเยอร์คนนี้อยู่เป็นที่รู้กันในหมู่เด็กๆค่ะปรากฏว่าครูพละไม่ตีและไม่ว่าไม่ทำอะไรเลยค่ะบอกแค่ว่าคนนี้สวยไม่ตี ช่างแตกต่างอะไรเช่นนี้แต่ตอนนั้นเด็กก็ไม่ค่อยรู้เรื่องค่ะเพราะเราป.1เองเพิ่งเข้าโรงเรียนมาแต่จำได้ค่ะมานึกถึงเรื่องนี้ตอนโตถึงรู้ว่าครูทำเกินไปค่ะ
ครูคนที่2.....เจอตอนป.2และป.3ค่ะเป็นครูคนเดียวกันสอนเราในวิชากพอ.ตอนป.2และป.3และเป็นครูที่ทำหน้าที่นับเงินโรงอาหารตอนกลางวันค่ะ เรื่องมีว่า เราเป็นคนที่สอบได้ที่1และได้คะแนนดีมากตอนป.1ค่ะครูส่วนใหญ่ที่สอนจะมาเล่าสู่กันฟังว่าลูกครู....เก่งอย่างนั้นอย่างนี้ แซงหน้าคนที่เรียนอนุบาลมาก่อน โดยป.1ได้เกรด4ทุกวิชาค่ะ ครูกพอ.คนนี้เป็นผู้หญิงแก่ค่ะ เวลาสอนชอบพูดเหมือนไม่ชอบเราค่ะ เช่น ไงได้ข่าวว่าเก่งนักเหรอแล้วก็ตั้งคำถามแบบที่ไม่เคยสอน คือเราไม่เคยผ่านหูมาก่อนตอนนั้นเราก็บอกไม่ทราบค่ะ เราเป็นเด็กดีค่ะไม่ค่อยรู้อะไรรอกค่ะตอนนั้น แล้วครูกพอ.คนนั้นก็พูดให้เราอายเพื่อนน่ะค่ะประมาณว่า ไหนใครว่าเก่งไงไม่เห็นจะเก่งเลยแค่นี้ก็ไม่รู้งั้นเดี๋ยวครูลองถามคนอื่นแต่ครูกพอ.เปลี่ยนคำถามค่ะเป็นคำถามที่เรารู้ง่ายกว่าไม่ต้องอ่านหนังสือก็รู้ค่ะแต่ถามเพื่อนเราในห้องค่ะแล้วเพื่อนก็ตอบมาแล้วบอกว่าดีเดี๋ยวครูให้คะแนนพิเศษ จากนั้นในเวลาเรียนเราก็ตั้งใจฟังมากขึ้นพยายามอ่านหนังสือทั้งที่ไม่เคยอ่านหนังสือมาก่อน แต่เวลาเรียนเราก็รู้สึกว่าครูกพอ.คนนี้ชอบพูดให้เราอายเสมอๆแบบนี้น่ะค่ะย้ำๆให้คนอื่นเข้าใจว่าเราไม่เก่งแต่เราก็ไม่คิดอะไรนะคะตอนนั้น เราเรียนกพอ.ป.2ตอนนั้นได้เกรด2ค่ะ เสียใจมากเลยค่ะ ทั้งที่กพอ.เป็นวิชาเดียวที่เราอ่านหนังสือแต่ได้เกรด2แต่วิชาอื่นไม่อ่านเลยได้เกรด4หมดค่ะ ตอนนั้นเราเรียนตกมาที่2ค่ะ ต่อมาเรียนป.3ก็เจอครูกพอ.คนนี้อีกค่ะเราเลยพยายามอ่านหนังสือตั้งใจเรียนมากขึ้นเพราะคิดว่าเราคงอ่านหนังสือน้อยไปเราจำได้ว่าเราอ่านมาตรงแต่เราก็ได้แค่เกรด3ค่ะในขณะที่คนอื่นเกือบทั้งห้องได้4เกือบหมดค่ะคนที่แย่มากๆแบบไม่ค่อยมาเรียนถึงได้3ค่ะแต่เราก็นึกว่าเราไม่เก่งกพอ.ค่ะ ตอนนั้นก็ไม่คิดอะไร แต่ระหว่างที่เราเรียนป.3นั้นครูประจำชั้นชอบสั่งให้เราไปเอาเงินอาหารกลางวันที่ครูกพอ.ค่ะ ปรากฏว่า เราไปถึงก็มักจะเห็นครูกพอ.กำลังนับเงินอาหารกลางวันส่วนหนึ่งจะส่งมาให้เราอีกส่วนหนึ่งจะไม่ให้และดูเหมือนจะเก็บไว้เองน่ะค่ะ ตอนนั้นเราก็ไม่ค่อยรู้เรื่องอะไร แล้วครูกพอ.ก็บอกว่ารู้ไหมอะไรฉลาดนักเหรอแล้วเอาเงินไปนี่จะไปบอกใครไหม ตอนนั้นเราก็งงค่ะ ก็ยิ้มๆบอกบอกอะไรหรือคะ คือตอนนั้นไร้เดียงสาค่ะ ครูกพอ.ก็บอกว่างั้นไม่มีอะไรแล้วไป แล้วเราต้องไปเก็บเงินที่ครูกพอ.บ่อยมากเลยเห็นบ่อยๆว่าครูกพอ.จะมีเงินส่วนหนึ่งแยกไว้เสมอๆ แต่ตอนนั้นเราไม่รู้เรื่องแบบนี้จริงๆค่ะ แล้วครูกพอ.ชอบทำท่าไม่พอใจ ชอบว่าใส่ เคยพูดประมาณว่าถ้าใครรู้เรื่องนี้แสดงว่าเป็นเธอ คือเราก็ไม่รู้เรื่องค่ะ และเราก็ไม่ได้บอกใครแค่งงพูดไร แต่รู้สึกครูกพอ.ไม่ชอบเราค่ะ มารู้อีกทีตอนโตค่ะว่าอ้อแบบนี้นี่เอง ตอนป.3นี่เราได้กพอ.เกรด3ก็เสียใจค่ะแต่ก็ไม่คิดอะไรแต่มางงตอนโตค่ะว่าแล้วทำไมพอเราย้ายโรงเรียนตอนป.4ไปเรียนร.ร.ชื่อดังแห่งหนึ่ง ตอนป.4ป.5ป.6เราได้เกรด4วิชากพอ.ตลอดค่ะขนาดไม่อ่านหนังสือยัง4อะค่ะ และก็ค้างคาใจมาจนบัดนี้ว่าครูกพอ.แกล้งเราหรือเปล่า
อาจารย์มหาวิทยาลัยแห่งหนึ่ง.....คนที่3
ปกติเราเป็นคนเรียนดีค่ะจบปริญญาตรีเราก็ทำงานอยู่1ปีเราก็ลาออกเพราะอยากต่อปริญญาโท เราสอบได้ทั้งที่รับแค่ไม่กี่คนเลือกเรียนคนละคณะกับตอนปริญญาตรีคือจบมาไม่ตรงสายที่เรียนโทแต่ได้เรียนวิชาสายนี้มาบ้างตอนปริญญาตรีหน่วยกิตถึงน่ะค่ะ เราไปเรียนนี่คือเราคิดไว้แล้วว่าจะทำวิทยานิพนธ์เกี่ยวกับอะไร เราว่าเราทำได้ แต่เราเรียนสู้เพื่อนๆไม่ได้หรอกค่ะเรารู้เลยว่าความรู้เฉพาะสาขาเพื่อนเราแต่ละคนเก่งมากและรู้มากกว่าเราทั้งนั้นแต่ละคนนี่จบตรงสาขามาเลยค่ะ คือ เรื่องมีอยู่ว่า
อาจารย์ท่านนี้เป็นผู้หญิงอายุเยอะแล้วค่ะ เราต้องเรียนวิชานี้ค่ะเพราะเป็นวิชาบังคับ สไตล์การเรียนวิชานี้คือไม่ได้สอนอะไรเลยนอกจากพูดคุยซักถามไปมาและเพื่อนๆก็ใช้ศัพท์เฉพาะทางที่ฟังดูแล้วหรูดูดีมากคุยกัน แต่บางคนก็คุยบางคนก็ไม่คุยนะคะแล้วแต่ใครอยากพูดอะไร เราเลยไปนั่งหลังๆค่ะเนื่องจากว่าฟังเข้าใจนะคะว่าพูดกันถึงเรื่องอะไรแต่เราพูดไม่เก่งค่ะเพราะเราเรียนมาน้อยกว่าคนอื่นน่ะค่ะเราก็ไปนั่งหลังห้องแต่ไม่ใช่หลังสุดนะคะแล้วก็เงียบๆฟังเค้าพูดกันค่ะ อาจารย์ท่านนี้เริ่มมาคุยกับเรา ถามว่าชื่ออะไร จบอะไรมา ทำไมตอนสัมภาษณ์ไม่เห็น อาจารย์อะไรรับเข้ามา ถ้าชั้นเป็นคนสัมภาษณ์คุณจะไม่มีทางได้เข้ามาที่นี่ คุณมาเข้าที่นี่เพื่ออะไร หาแฟนเหรอ เราฟังก็อึ้งมาก ตอบว่ามาเรียนค่ะ คือเราตั้งใจมาเรียนจริงๆค่ะแล้วตอบแบบสุภาพ การแต่งตัวของเราก็เรียบร้อยค่ะ แล้วเราก็นั่งคนเดียวไม่มีผู้ชายค่ะ คือ เรางงค่ะคิดว่าอาจารย์ทำไมถามแบบนี้ เอาอะไรมาวัด เราสอบได้ในจำนวนไม่กี่คนจากคนเป็นพันนี่คือเราไม่เก่งใช่ไหม และเราก็คุณสมบัติตรงตามหลักเกณฑ์การคัดเลือกครบถ้วนนะ ถ้าไม่รับคนจบไม่ตรงสาขาแล้วจะประกาศว่ารับทุกสาขาวิชาทำไมคะ คือไปเรียนครั้งแรกก็โดนแบบนี้แล้วค่ะ ค่าเทอมก็จ่ายแล้วค่ะ แล้วเราผิดอะไรหรือคะ รับไม่ได้จนขนาดที่ว่าจะตัดโอกาสคนๆนึงที่สามารถสอบเข้าไปได้เลยหรือคะ คือเราคิดว่าการสอบสัมภาษณ์นี่ถ้าผู้เรียนไม่แย่จนเกินไปก็ไม่น่าที่จะตัดออกนะคะ คือเราว่าประวัติการศึกษาเราที่ผ่านมาก็ค่อนข้างดีนะคะเพียงแต่จบคนละคณะกันเท่านั้น เราได้เพียงแต่ฟังอาจารย์พูดค่ะไม่ได้โต้ตอบอะไร เพื่อนในห้องก็หันมามองเรากันหมดค่ะ คือเราอายนะคะแต่เราก็คิดว่าถึงเราจะทฤษฎีไม่แน่นแต่เราคิดว่าปฏิบัติเราโอเคค่ะ เราทำได้เราเลยไม่สนใจค่ะ อาจารย์ท่านนั้นเห็นเราเงียบๆก็ทำท่าเหมือนไม่พอใจเดินเข้าไปถามอาจารย์ท่านอื่นที่อยู่นอกห้องทำอย่างกับว่าถ้ามีอำนาจเพียงพอก็จะให้เราออกจากคณะซะเดี๋ยวนั้น คืองงค่ะ เราเลยคิดว่าอาจารย์ที่สอนวิชานี้อคติกับเราเราจะถอนไปก่อนค่ะไว้ค่อยเรียนตอนหลังเพราะเป็นวิชาบังคับค่ะต้องเรียน ซึ่งพอกลับมาเรียนอีกครั้งในปีสุดท้ายก็เป็นอาจารย์ท่านอื่นมาสอนค่ะ สอนคนละสไตล์กันเลยค่ะ อาจารย์ท่านนี้หางานวิจัยใหม่ๆมาเล่าให้ฟังเสมอค่ะ และก็มีชิ้นงานให้ทำ สรุปคือเราก็ได้เกรดเป็นที่น่าพอใจค่ะ เรียนก็สบายใจทั้งที่วิชาเดียวกันแท้ๆเลยค่ะ สุดท้ายเราคือคนที่เรียนจนจบรับปริญญาได้ ในขณะที่เพื่อนๆเราหลายคนเรียนไม่จบค่ะ
อาจารย์อีกคน.....คนที่4
คืออาจารย์อีกคนที่เราเจอตอนขณะเรียนปริญญาโทค่ะจากที่เคยเล่ามาว่าเราจบไม่ตรงสาขาทำให้ความรู้ไม่แน่นพอ เราเลยลงทะเบียนวิชาเลือกในรายวิชาที่เราไม่เคยเรียนและน่าสนใจแต่เราไม่มีความรู้พื้นฐานเลยค่ะ พอเข้าไปเรียนวันแรกก็โดนแล้วค่ะ คือ อาจารย์ก็เป็นสไตล์สอนไปถามไปค่ะ สุ่มคนนั้นทีคนนี้ที พอมาถึงเราเราตอบไม่ได้ค่ะ คือเราจะรู้เรื่องได้ยังไงคะเพราะมันเป็นรายวิชาที่เราไม่เคยผ่านตามาก่อนแล้วสอนนี่ก็คือสอนแบบแอดวานซ์เลยอะค่ะไม่เกริ่นไม่มีเบื้องต้นสักบทหนึ่งก่อนคือสอนแบบประมาณว่าทุกคนเคยเรียนมาแล้วน่ะค่ะแล้วมาถามเราค่ะเราตอบไม่ได้อยู่คนเดียวค่ะ อาจารย์ก็เริ่มมาเพ่งเล็งเราค่ะ และคราวนี้สอนไปก็ถามเราอยู่คนเดียวค่ะ แล้วเราก็ตอบไม่ได้สักข้อค่ะ อาจารย์เลยถามว่าเราจบอะไรมา แล้วเคยเรียนวิชานี้ไหม อาจารย์ก็บอกดีๆ เดี๋ยวครูจะถามเธอทุกวันเลย เราคิดว่าอาจารย์ท่านนี้ใจดีนะคะมีสไตล์การสอนที่ดีแต่สมองเราไม่ถึงน่ะค่ะ มันยากเกินกว่าที่เราจะสามารถเรียนได้ค่ะ ยิ่งเราไม่มีพื้นฐานเลยยิ่งยากมากค่ะ เราเลยถอนวิชานี้ออกค่ะแล้วไปลงเรียนวิชาอื่นในแบบที่มีพื้นฐานอยู่บ้างค่ะ
อาจารย์.....คนที่5
เทอมแรกเราไปเรียนตอนนั้นเราติดโปรค่ะเกรดแย่มากเลยค่ะ คือ 2 กว่าๆค่ะ เราเองก็ไม่สบายใจนะคะแต่ก็คิดว่ายังมีโอกาสค่ะและคิดว่าเราน่าจะทำได้เราเลยเฉยๆค่ะ วันนึงทางคณะก็ประกาศให้เราไปพบ เราไปถึงเราก็สวัสดีอาจารย์และอาจารย์ก็พูดชี้แจงว่าเรามีสิทธิ์โดนรีไทน์นะถ้าเทอมหน้าเกรดเฉลี่ยรวมไม่ถึงเกณฑ์ เราก็รับทราบและอาจารย์ก็พูดอย่างน่าเชื่อถือว่า "ผมว่าคุณทำไม่ได้และไม่ได้ดูถูกนะแต่จากประสบการณ์ที่ผ่านมาของผม ผมดูจากประวัติการศึกษาที่ผ่านมาของคุณโอกาสที่คุณจะจบการศึกษามันน้อยมาก ผมว่าคุณน่าจะลาออกแล้วไปหางานทำมันจะได้ไม่เสียเวลาน่ะ ขนาดคนที่เค้าเกรดดีกว่าคุณเค้ยังเรียนไม่จบเยอะแยะ ลองคิดดูนะ ถ้าคุณจะลาออกเดี๋ยวผมจะจัดการให้" เราก็ฟังแล้วตอบอาจารย์ไปว่า "หนูคิดว่าหนูทำได้ค่ะอยากลองเรียนดูอีกสักเทอมค่ะ"อาจารย์ก็บอกว่า"แต่ผมว่าคุณจะเสียเวลานะ แต่ก็แล้วแต่คุณนะ" คือในใจตอนนั้นเราคิดว่าเราทำได้ค่ะเพราะเราไม่ค่อยอ่านหนังสือน่ะค่ะและวิชาที่เรียนเทอมแรกส่วนใหญ่เป็นวิชาบังคับที่เราไม่ค่อยถนัดค่ะเพราะมีแต่ทฤษฎีต้องอ่านหนังสือค่ะเรารู้ความสามารถตัวเราดีค่ะคือเราไม่เก่งทฤษฎีค่ะแต่เราปฏิบัติโอเค จากนั้น เทอมต่อมาเราเลือกเรียนแต่รายวิชาที่มีภาคปฏิบัติค่ะและเราก็ทำได้ค่ะคือเราพ้นโปร และเรียนจบปริญญาโทเป็นผลสำเร็จค่ะ พอลองย้อนกลับไปนึกถึงถ้าเป็นคนอื่นเจอแบบเรานี่จะเป็นยังไงคะ บังเอิญว่าเรามั่นใจในตัวเองน่ะค่ะและทำอะไรก็ประสบความสำเร็จเสมอมาเราเคยเจอคนบอกเราทำไม่ได้มาตลอดชีวิตแต่สุดท้ายเราก็ทำได้ทุกครั้งค่ะ เราเลยไม่ค่อยสนใจว่าใครพูดอะไรน่ะค่ะเพราะเราคือคนที่เรารู้ตัวเองดีที่สุด แต่เราคิดว่าอาจารย์แนะแนวทางที่ถูกแล้วค่ะแต่สำหรับคนอื่นนะคะไม่ใช่กับเรา
เป็นประสบการณ์ที่เราเจอสมัยเรียนน่ะค่ะ คิดว่าคงมีหลายคนที่เจอแบบเรา มาเล่าให้ฟังเฉยๆน่ะค่ะ