ประสบการณ์ตรง..ของคนมีเซนท์

สวัสดีค่ะ นี่เป็นกระทู้แรกของเราหากมีข้อผิดพลาดอะไรขออภัยด้วยนะคะ ได้อ่านกระทู้เกี่ยวกับประสบการณ์สยองขวัญมามากมายพอสมควร วันนี้เลยอยากมาแชร์ให้สมาชิกชาวพันทิปได้อ่านบ้าง มีข้อเสนอหรือแนะนำติชมได้นะคะ..

เราเกริ่นก่อนเลยนะ เราเป็นคนที่เรียกได้ว่ามีเซนท์อยู่พอสมควรเหมือนกัน จะเป็นคนที่เห็นบ่อย รู้สึกได้ตั้งแต่เด็กๆแล้ว เจอบ่อยจนนับไม่ได้เลยว่ากี่ครั้งบางครั้งก็เป็นเรื่องเล็กๆพอให้ตื่นเต้น แต่บางครั้งก็เรียกได้ว่าจะเอาชีวิตกันเลยทีเดียว เริ่มด้วยเรื่องแรกเลยแล้วกันเนาะ

บ้านคุณอา
ตอนนั้นจำความได้เราอยู่ประมาณ ป.2 น่าจะเป็นครั้งแรกที่เราเริ่มต้นประสบการณ์แบบนี้เลยมั้ง..
ช่วงนั้นมีปัญหาเกี่ยวกับการย้ายที่เรียนนิดหน่อย เราจะต้องย้ายไปเรียนที่ต่างจังหวัดบ้านของย่า ก่อนกลับไปพ่อกับแม่เลยพาเราและน้อง(ตอนนั้นมีน้องสาวหนึ่งคน) ไปพักบ้านอาที่อยุธยาก่อนซัก2-3วัน

บ้านอาเราเป็นตึกแถว2ชั้นเป็นบันไดวนอยู่กลางบ้าน บ้านมีสองห้องชั้นล่าง1ห้อง ชั้นบน1ห้อง อาให้พวกเรานอนชั้นล่างหน้าทีวี อาก็จัดที่นอนให้และให้กางมุ้งด้วยเพราะยุงค่อนข้างเยอะ

พอตกดึกหลังจากที่ทุกคนปิดไฟเข้านอนแล้วเรานอนไม่ค่อยหลับ หลับๆตื่นๆได้ยินเสียงเหมือนน้องเราคุยกับใคร(ตอนนั้นน้องเราประมาณ4ขวบ) เราเลยพยามเพ่งสายตาจากความมืดมองไปที่น้อง  เห็นน้องนอนมองไปข้างบนเหมือนเล่นกับใครอยู่หัวเราะคิกคัก ตอนนั้นเราพยายามไม่คิดอะไร จนเรามองไปตรงมุ้งด้านบน มุ้งย่อนมาก ย่อนลงมาต่ำเหมือนกับว่าวางของอะไรไว้ข้างบน ตอนนั้นเราไม่ได้นึกถึงเรื่องผีเลยเพราะยังไม่เคยเจอมาก่อน....

จนซักพักเราได้ยินแม่พูดเบาๆว่า ไปได้แล้วให้น้องนอน เราก็งงว่าแม่คุยกับใคร ซึ่งตอนนั้นเรานอนเรียงกันแบบ พ่อนอนริมฝั่งนึง ถัดมาเป็นน้อง แล้วก็แม่ แล้วเราก็นอนริมอีกฝั่งนึง ซึ่งแม่นอนตะแคงหันหลังให้เรา หลังจากแม่พูดจบน้องก็ร้องไห้ แต่ตอนนั้นเราไม่ได้พูดอะไรแม่คงไม่รู้ว่าเราตื่น
ซักพักเราเห็นมุ้งที่ย่อนค่อยๆสูงขึ้นไปเหมือนเดิมเหมือนเรายกของออก ตอนนั้นเราเริ่มกลัวแล้วว่าน้องเล่นกับใคร แม่พูดกับใคร แล้วเกิดอะไรขึ้นกับมุ้ง

ในขณะที่สมองเรากำลังฟุ้งซ่านอยู่นั้นเราก็รู้สึกมีลมเย็นๆเป่าเข้ามาที่คอ พึ่งมาเข้าใจตอนโตว่ามันเป็นความรู้สึกเหมือนกับว่าโดนหายใจรดต้นคอ ตอนนั้นเราตกใจเลยรีบกอดแม่แน่นมากแล้วพยามหลับไป พอหลับเราฝันเห็นครอบครัวนึง มีพ่อ แม่ ลูก เหมือนใช้ชีวิตอยู่ในบ้านหลังนี้ปกติซึ่งในฝันเราก็มองดูการใช้ชีวิตของเขา

จนเช้าวันรุ่งขึ้นเราตื่นมาแล้วถามแม่ว่าเมื่อคืนมีอะไร แม่พูดกับใคร แต่แม่ไม่ตอบเราคงเป็นเพราะว่ากลัวว่าเราจะกลัวจนไม่กล้าอยู่ วันนั้นก็ไม่มีใครพูดอะไรแต่ความรู้สึกคือเราไม่ค่อยอยากอยู่ในบ้านเท่าไหร่  เป็นความรู้สึกแบบอึดอัด เราเลยชอบออกมานั่งเปลตรงร่มไม้หน้าบ้านมากกว่า

พอตกดึกของคืนที่สองหลังจากที่ทุกคนเข้านอนกันปกติ คืนนี้เราฝันเห็นครอบครัวนั้นเหมือนเดิม แต่เราเห็นเลือดเต็มบ้านไปหมด เราเห็นว่าตรงชั้นบนของบันไดมีหัวคนวางอยู่ ซึ่งมีแต่หัวเราจำได้ว่าเป็นหัวของทั้งสามคนนั้น  ซักพักหัวนั้นก็กลิ้งตกบันไดลงมา เรากลัวมากจนตกใจตื่น พอตื่นขึ้นมาเราร้องไห้แล้วเลือดกำเดาเราก็ไหล แม่ตื่นมาได้ยินเราร้องไห้เลยหันมาว่าเป็นอะไร เราบอกว่าเราฝันร้าย แม่เลยนอนกอดเราจนหลับไป

พอตตอนเช้าเราก็เล่าให้ทุกคนฟังเรื่องความฝัน แต่ด้วยความที่เรายังเด็กทุกคนก็เลยมองว่าเราเพ้อเจ้อไปเอง ตอนช่วงเย็นของวันนั้นทุกคนออกมานั่งเล่นหน้าบ้านเพราะอากาศดีกว่าในบ้าน แต่ระหว่างที่เรานั่งเล่นนั่งคุยกันนั้นเรารู้สึกว่ามีคนมองเราจากในบ้านผ่านทางหน้าต่าง เป็นช่วงเวลา6โมงครึ่ง กำลังโพล้เพล้ อาใช้ให้เราเข้าไปเปิดไฟในบ้านเพราะจะมืดแล้ว เราแอบกลัว แต่ก็คิดว่ามันก็แค่ความฝัน เราคงคิดไปเอง เราเลยเดินคลำทางมืดๆเข้าไปในบ้านเพื่อเปิดไฟ

จังหว่ะที่ไฟกำลังจะติดมันจะกระพริบก่อน1-2ที ตาเราเหลือบไปเห็นคนนั่งอยู่ตรงบันได เราตกใจมากเลยรีบวิ่งออกมา จะเป็นใครได้ล่ะก็ในเมื่อทุกคนนั่งอยู่หน้าบ้านกันหมด แต่เราก็ไม่ได้เล่าให้ใครฟัง..

พอช่วงระยะเวลาประมาณซัก2ทุ่ม เราอยากขึ้นไปดูว่าบนบ้านเป็นห้องอะไรเพราะบนบ้านไม่มีใครอยู่ ประกอบกับตอนนั้นเรายังเด็กค่อนข้างที่จะเห่อบันไดแบบวนๆ เราก็ขออาแล้วเดินขึ้นไปดู เป็นห้องเก็บของธรรมดาๆไม่มีใครอยู่ จังหว่ะที่เรากำลังเดินลงบันไดมือเราไม่ได้จับที่ราวบันได แต่จับที่เสาตรงกลางแทน เราลงมาได้เกือบครึ่งทาง เรารู้สึกได้เลยว่ามีมือมาพลักหลังเรา เป็นมือสองมือพลักเราจากด้านหลังจริงๆ ตอนนั้นขาข้างนึงของเราหลุดจากบันได แต่มือเรายังเกาะเสาตรงกลางไว้ ทำให้ตัวเราหมุนไปอีกด้านนึงเกือบตกบันได ตอนนั้นทุกคนตกใจมาก เลยไม่ให้เราขึ้นไปเล่นบันไดอีก

คืนนี้เป็นคืนสุดท้ายที่เราจะพักที่บ้านอา วันรุ่งขึ้นเราต้องออกเดินทางเพื่อที่จะไปบ้านย่าแล้ว ตอนนั้นเราก็กลัวและอยากกลับมาก คืนนั้นเราไม่กล้านอนเลยเพราะกลัวว่าจะฝันอีก เรายังนอนริมเหมือนเดิม จนล่วงเวลาไปได้ซักประมาณตี4 คือเรานอนมองนาฬิกาที่แขวนอยู๋หน้าทีวีเพื่อรอเวลาให้เช้า  เราพลิกตัวหันหน้าออกไปทางด้านนอกมุ้ง เราเห็นเงาคนนั่งกอดเข่าห่างออกไปจากมุ้งประมาณ1เมตร เรากลัวมากแต่ไม่กล้าร้องไห้ รีบพลิกตัวหันกลับมาหาแม่แล้วกอดแม่ ในใจตอนนั้นคือไม่ไหวแล้ว รอเวลาให้เช้าซะที เราสั่นไปหมด จะร้องก็ไม่กล้า

จนเริ่มเช้ามีแสงแดดลอดผ่านหน้าต่างเข้ามา เราหันไปมองเขาก็ไม่อยู่แล้ว  เราปลุกทุกคนแต่เช้าเพราะเราอยากกลับแล้วไม่ไหวแล้วจริงๆ ระหว่างที่เราเก็บของจะออกเดินทางนั้น เราแอบได้ยินแม่ถามอาว่ามีอะไร อาเลยเล่าว่าบ้านหลังนี้เคยโดนปล้นฆ่า บนชั้นสองของบ้านซึ่งก็คือห้องนั้นที่อาเราเอาไว้เก็บของ เจ้าของตายหมดเลย แต่ไม่รู้ว่าเป็นการฆ่าในลักษณะไหน  คนข้างบ้านก็เคยทักบ้างเวลาบ้านไม่มีคนอยู่แต่เห็นเหมือนมีคนมองออกมาจากหน้าต่างบ้าน แต่อาเราไม่เคยเจอเลย แม่ก็พูดว่าวันแรกก็มีเด็กมากวนน้องอยู่เหมือนกัน แต่เนื่องจากอาไม่เคยเจอก็เลยไม่ได้กลัวอะไร แต่สำหรับเราและครอบครัวเรานั้นจะไม่มีทางกลับไปเหยียบบ้านหลังนั้นอีกแน่นอน...
   ปล.ทุกวันนี้อาเราย้ายออกจากที่นั่นแล้ว ด้วยเหตุผลเรื่องงาน


นี่เป็นเรื่องแรกของเรา ไว้เดี๋ยวเราจะมาเล่าเรื่องอื่นต่อเรื่อยๆนะ ถ้าเล่าเรื่องไม่ค่อยสนุกขอโทษด้วยนะคะ TT
แสดงความคิดเห็น
โปรดศึกษาและยอมรับนโยบายข้อมูลส่วนบุคคลก่อนเริ่มใช้งาน อ่านเพิ่มเติมได้ที่นี่