

ไดอารี่หมอดู โดย คุณหมอพีร์ ค่ะ 


จาก หนังสือธรรมะใกล้ตัว ฉบับที่ 57 ค่ะ
ธันวาคม ๒๕๕๑
สวัสดีค่ะ ทุกท่านที่ติดตามอ่านไดอารี่หมอดู ช่วงนี้อากาศหนาวมากทำให้นึกถึง บรรยากาศที่บ้านทางเหนือค่ะ หนาวจนพูดไม่ออกเลย เมื่อก่อนสมัยเป็นนักเรียนอยู่ที่ลำปาง จำได้ว่าถึงเวลาหน้าหนาวทีไรจะขี้เกียจเรียนหนังสือ เพราะต้องตื่นแต่เช้า หกโมงยังมืดอยู่เลย พอตกเย็นแค่สี่โมงก็หนาวมากแล้ว จะอ่านหนังสือนี่ ตัวแข็งไปเลย ตอนอยู่ภาคเหนือเลยไม่ค่อยชอบฤดูหนาว ยิ่งปีนี้กรุงเทพยังหนาว ที่บ้านไม่ต้องพูดถึงค่ะ หนาวมาก ๆ ต้องห่มผ้านวมกันสองสามชั้น
พอพูดถึงความหนาวมีหลาย ๆ คนกำลังเตรียมตัวไปเที่ยวทางเหนือกันบ้างแล้วสิคะ ช่วงหน้าหนาวรถขึ้นเหนือเยอะมาก ขับรถต้องระวังอุบัติเหตุกันบ้างนะคะ พีร์ไม่ค่อยชอบไปเที่ยวตอนเทศกาลเท่าไหร่หรอกค่ะ ไม่ชอบคนเยอะ ใครไปเที่ยวต้องดูแลตัวเองกันหน่อยนะคะ
อาทิตย์นี้นึกไม่ออกเหมือนเคยว่าจะเขียนเรื่องอะไร แต่เผอิญว่าเมื่อคืนนี้มีน้องคนหนึ่งโทรมาอ้อนวอนขอดูดวงตอนประมาณสี่ทุ่ม พีร์ฟังเสียงแล้วก็ใจอ่อนเลยต้องดูให้ จำได้ว่าน้องคนนี้เคยโทรมากลางดึกอย่างนี้ครั้งหนึ่ง ตอนนั้นรู้สึกว่าเธอจะมีปัญหากับแม่ของเธอ คือทั้งคู่ไม่เคยเข้าใจกันเลย ทะเลาะกันตลอด ทำให้นึกขึ้นมาได้ว่าเธอมีวิบากเรื่องคำพูดติดตัวมาค่อนข้างแรง คือเธอจะพูดให้คนอื่นรู้สึกสำนึกผิด ให้คนอื่นรู้สึกน้อยเนื้อต่ำใจ และในใจของเธอมีแต่จะคิดว่าคนอื่นผิด ตัวเองไม่ผิดอยู่ตลอดเวลา จึงทำให้โมโหทุกครั้งที่เวลามีเรื่องกัน และในขณะนั้นเธอเองจะไม่ค่อยรู้ตัวว่าเจตนาของเธอมุ่งเน้นทำร้ายจิตใจคนอื่นให้เจ็บปวด
คราวนี้เธอโทรมาบอกว่า พี่คะ ช่วยดูดวงให้หนูหน่อยเถอะค่ะ ตอนนี้กำลังเครียดมาก ไม่รู้จะทำยังไงดี มันรู้สึกแย่ มันรู้สึกไม่อยากจะทำอะไรทั้งนั้นเลยค่ะ ก็ถามว่าเป็นอะไรหรือคะ เธอก็บอกว่ามีเรื่องกับเพื่อน คือว่าเพื่อนทำงานกลุ่มด้วยกัน แต่เพื่อนไม่เคยเห็นหัวเลย นัดกันก็ไม่บอก งานต้องให้หนูตามตลอด เวลาทำงานก็ไม่ช่วยกันทั้ง ๆ ที่เขาเป็นคนเก่งกันทั้งกลุ่ม ต้องปล่อยให้หนูทำงานอยู่คนเดียว บางเรื่องหนูก็ต้องติดต่อทุกอย่างเองหมด
เธอบอกรู้สึกแย่มาก ๆ ค่ะพี่ ไม่ใช่แค่ครั้งนี้ครั้งแรกนะคะ มันเกิดกับหนูบ่อยมาก หนูต้องมานั่งทำงานให้คนอื่นเขาได้ดีกันหมด ไม่รู้ว่าหนูจะทำต่อไปดีหรือเปล่า พรุ่งนี้ต้องพรีเซนต์งาน หนูว่าจะไม่ไปแล้ว ให้เขาทำกันเอง หนูขอดูดวงหน่อยนะคะ ว่าทำไมดวงถึงเป็นแบบนี้ตลอด
ตอนนั้นจำดวงของเธอได้ว่าไม่ได้มีปัญหาอะไรเรื่องเพื่อนเท่าไหร่ แต่ดวงของน้องคนนี้เป็นดวงที่ค่อนข้างมีปัญหาทางจิตใจ
ลักษณะจิตของเธอจะเป็นคนที่ทำความดี หรือช่วยใครไปแล้ว เวลาที่คนอื่นได้ดีเธอจะโมโห เจ็บใจ คิดแต่ว่าตัวเองทำอยู่คนเดียว และจะคิดแต่ในแง่ลบตลอด ทำให้จิตใจเกิดความเครียด ความกดดัน ความมืด
ก็บอกเธอไปว่า รู้ไหมคะ เวลาที่หนูให้อะไรใครไป ต้องพยายามไม่ไปคิดมากหลังจากนั้นอีก ว่าทำไมเขาได้ดีทั้งที่เขาไม่ได้ทำ ให้คิดในแง่บวกไว้ว่าคงเป็นโชคของเขาในครั้งนี้ที่ไม่ต้องลงแรงมากก็ได้สิ่งดี ๆ แต่คราวหน้าถ้าต้องทำงานกลุ่ม ก็ใช่ว่าต้องเลือกคนเดิม เราก็เปลี่ยนคนใหม่ ไม่ใช่ว่าเลือกไปอยู่กับคนที่ไม่ทำงานอีก
แต่ข้อดีที่ต้องทำงานเองก็มีเยอะ เช่น เราเรียนไม่ค่อยเก่งอยู่แล้ว การได้ทำงานเองจะทำให้ความรู้เราแน่นขึ้น วันหนึ่งจบออกไปจะได้แกร่ง ทำอะไรก็ทำเป็นหมด ส่วนเพื่อนที่กินแรงคนอื่นถึงเขาเรียนเก่ง วันหนึ่งพอไปทำงานแล้วเจอปัญหาอาจจะแก้ไม่เป็นก็ได้ คนเรียนเก่งก็ใช่ว่าจะทำงานเก่ง ต้องพยายามไม่คิดในทางลบ เพราะจิตจะมืด การคิดในแง่ลบมักจะไปในทางเห็นแก่ตัว พอคิดเห็นแก่ตัวจิตจะมืด ความทุกข์ก็เกิดขึ้นในใจ ถ้าเราเป็นผู้ให้ ไม่มีวันขาดทุนหรอกค่ะ ให้ไปมีแต่ได้กลับมา
เธอถามกลับมาอีกว่า ทำไมหนูถึงต้องเจอแต่คนพวกนี้ล่ะคะ พีร์ตอบไปว่า ก็เพราะหนูคิดแบบนี้ไง คิดว่ากลัวคนอื่นมาทำให้หนูเดือดร้อน ไม่อยากให้ใครเอาเปรียบ ไม่อยากเสียเปรียบใคร พอเสียเปรียบไปแล้วก็มานั่งคิดแต่ว่าทำไมเขาเป็นคนแบบนี้ ทำไมเขาทำกับเราอย่างนี้ ทำไมเราต้องเจอแต่เรื่องแบบนี้ จิตใจมีแต่โทสะ มีแต่ความโกรธ ความน้อยเนื้อต่ำใจ พอจิตใจเป็นแบบนี้ย่อมดึงดูดให้คนพวกนี้มาเจอกับเรา
ต้องเปลี่ยนความคิดใหม่ อย่ากลัวว่าใครจะมาเบียดเบียนเรา ถ้าเราให้ได้ก็ให้ไป ให้โดยที่ไม่เกินความสามารถของเรา ถ้าเขามาเบียดเบียนเรามากเกินไป เราก็ต้องหลบไปให้ไกล ๆ เขาหน่อย คิดในแง่บวกไว้ว่า แค่นี้ไม่เป็นไรหรอก หรือถ้าเราช่วยใครไปก็อย่าไปหวังว่าเขาจะมาสำนึกในบุญคุณ เพราะถ้าเขาไม่ทำอย่างนั้น เราก็ต้องมาเป็นทุกข์อีก
เธอถามขึ้นมาอีกว่า ถ้าอย่างนั้นหนูควรต้องไปพรีเซนต์งานวันพรุ่งนี้สิคะ พีร์ตอบว่า ใช่ค่ะ หนูควรไปเพื่อฝึกเป็นผู้ให้ไงคะ ถ้าขาดหนูไปสักคนแล้วงานต้องเสียหาย เพื่อน ๆ ต้องเดือดร้อน จะกลายเป็นว่าหนูต้องทำบาปฐานทิ้งงานให้เพื่อนเดือดร้อน ต่อไปต้องไปเจอคนที่ชอบทิ้งงานตลอดนะ
พอพูดจบเธอหัวเราะ พูดออกมาว่า แค่ความคิดนี่มันทำให้เราเกิดความทุกข์ได้ขนาดนี้เลยหรือ ตอนนั้นพีร์สังเกตว่าจิตใจเธอได้เปลี่ยนไปจากเดิมมาก กลายเป็นโล่งโปร่งเบาสบาย ไม่คับแคบ ไม่มืดมัวเหมือนเดิมเลย
เห็นไหมคะ ความคิดที่เป็นผู้ให้ ทำให้ใจไม่คับแคบ ใจจะโปร่งโล่งเบา พร้อมกับดึงดูดความโชคดีอีกด้วย พีร์เชื่อว่าน้องคนนี้เริ่มมีความโชคดีในชีวิตได้ก็ตรงที่เริ่มเป็นผู้ให้นี่แหละค่ะ การเริ่มต้นทำความดีเริ่มจากการให้ได้ค่ะ ให้โดยไม่ต้องเสียสตางค์สักบาท แต่เปลี่ยนชีวิตเราให้ดีขึ้นได้ ไม่ว่าจะเป็นการให้โอกาส ให้อภัย ให้เวลา ให้ความรู้ ให้คนอื่นได้ดี สิ่งที่เราได้สิ่งแรกคือใจที่สบายค่ะ ใครหวังผลในการให้นั้นจะเป็นทุกข์นิดหนึ่ง ให้ฝึกรู้ทันว่าใจกำลังหวังผล เวลาให้อะไรใครต่อไปใจจะไม่ค่อยหวังผลไปเองค่ะ
แม้กระทั่งการให้ทางแก่รถคันอื่น ๆ บ้าง ก็จะทำให้เราเจอแต่คนที่ไม่เห็นแก่ตัวบนท้องถนน อาจทำให้ลดการเกิดอุบัติเหตุลง หรือเจอคนกวนประสาทน้อยลงได้ค่ะ





...ไดอารี่หมอดู... โดย คุณหมอพีร์ ค่ะ ^^ จาก หนังสือธรรมะใกล้ตัว ฉบับที่ 57 - 58 ค่ะ
จาก หนังสือธรรมะใกล้ตัว ฉบับที่ 57 ค่ะ
ธันวาคม ๒๕๕๑
สวัสดีค่ะ ทุกท่านที่ติดตามอ่านไดอารี่หมอดู ช่วงนี้อากาศหนาวมากทำให้นึกถึง บรรยากาศที่บ้านทางเหนือค่ะ หนาวจนพูดไม่ออกเลย เมื่อก่อนสมัยเป็นนักเรียนอยู่ที่ลำปาง จำได้ว่าถึงเวลาหน้าหนาวทีไรจะขี้เกียจเรียนหนังสือ เพราะต้องตื่นแต่เช้า หกโมงยังมืดอยู่เลย พอตกเย็นแค่สี่โมงก็หนาวมากแล้ว จะอ่านหนังสือนี่ ตัวแข็งไปเลย ตอนอยู่ภาคเหนือเลยไม่ค่อยชอบฤดูหนาว ยิ่งปีนี้กรุงเทพยังหนาว ที่บ้านไม่ต้องพูดถึงค่ะ หนาวมาก ๆ ต้องห่มผ้านวมกันสองสามชั้น
พอพูดถึงความหนาวมีหลาย ๆ คนกำลังเตรียมตัวไปเที่ยวทางเหนือกันบ้างแล้วสิคะ ช่วงหน้าหนาวรถขึ้นเหนือเยอะมาก ขับรถต้องระวังอุบัติเหตุกันบ้างนะคะ พีร์ไม่ค่อยชอบไปเที่ยวตอนเทศกาลเท่าไหร่หรอกค่ะ ไม่ชอบคนเยอะ ใครไปเที่ยวต้องดูแลตัวเองกันหน่อยนะคะ
อาทิตย์นี้นึกไม่ออกเหมือนเคยว่าจะเขียนเรื่องอะไร แต่เผอิญว่าเมื่อคืนนี้มีน้องคนหนึ่งโทรมาอ้อนวอนขอดูดวงตอนประมาณสี่ทุ่ม พีร์ฟังเสียงแล้วก็ใจอ่อนเลยต้องดูให้ จำได้ว่าน้องคนนี้เคยโทรมากลางดึกอย่างนี้ครั้งหนึ่ง ตอนนั้นรู้สึกว่าเธอจะมีปัญหากับแม่ของเธอ คือทั้งคู่ไม่เคยเข้าใจกันเลย ทะเลาะกันตลอด ทำให้นึกขึ้นมาได้ว่าเธอมีวิบากเรื่องคำพูดติดตัวมาค่อนข้างแรง คือเธอจะพูดให้คนอื่นรู้สึกสำนึกผิด ให้คนอื่นรู้สึกน้อยเนื้อต่ำใจ และในใจของเธอมีแต่จะคิดว่าคนอื่นผิด ตัวเองไม่ผิดอยู่ตลอดเวลา จึงทำให้โมโหทุกครั้งที่เวลามีเรื่องกัน และในขณะนั้นเธอเองจะไม่ค่อยรู้ตัวว่าเจตนาของเธอมุ่งเน้นทำร้ายจิตใจคนอื่นให้เจ็บปวด
คราวนี้เธอโทรมาบอกว่า พี่คะ ช่วยดูดวงให้หนูหน่อยเถอะค่ะ ตอนนี้กำลังเครียดมาก ไม่รู้จะทำยังไงดี มันรู้สึกแย่ มันรู้สึกไม่อยากจะทำอะไรทั้งนั้นเลยค่ะ ก็ถามว่าเป็นอะไรหรือคะ เธอก็บอกว่ามีเรื่องกับเพื่อน คือว่าเพื่อนทำงานกลุ่มด้วยกัน แต่เพื่อนไม่เคยเห็นหัวเลย นัดกันก็ไม่บอก งานต้องให้หนูตามตลอด เวลาทำงานก็ไม่ช่วยกันทั้ง ๆ ที่เขาเป็นคนเก่งกันทั้งกลุ่ม ต้องปล่อยให้หนูทำงานอยู่คนเดียว บางเรื่องหนูก็ต้องติดต่อทุกอย่างเองหมด
เธอบอกรู้สึกแย่มาก ๆ ค่ะพี่ ไม่ใช่แค่ครั้งนี้ครั้งแรกนะคะ มันเกิดกับหนูบ่อยมาก หนูต้องมานั่งทำงานให้คนอื่นเขาได้ดีกันหมด ไม่รู้ว่าหนูจะทำต่อไปดีหรือเปล่า พรุ่งนี้ต้องพรีเซนต์งาน หนูว่าจะไม่ไปแล้ว ให้เขาทำกันเอง หนูขอดูดวงหน่อยนะคะ ว่าทำไมดวงถึงเป็นแบบนี้ตลอด
ตอนนั้นจำดวงของเธอได้ว่าไม่ได้มีปัญหาอะไรเรื่องเพื่อนเท่าไหร่ แต่ดวงของน้องคนนี้เป็นดวงที่ค่อนข้างมีปัญหาทางจิตใจ
ลักษณะจิตของเธอจะเป็นคนที่ทำความดี หรือช่วยใครไปแล้ว เวลาที่คนอื่นได้ดีเธอจะโมโห เจ็บใจ คิดแต่ว่าตัวเองทำอยู่คนเดียว และจะคิดแต่ในแง่ลบตลอด ทำให้จิตใจเกิดความเครียด ความกดดัน ความมืด
ก็บอกเธอไปว่า รู้ไหมคะ เวลาที่หนูให้อะไรใครไป ต้องพยายามไม่ไปคิดมากหลังจากนั้นอีก ว่าทำไมเขาได้ดีทั้งที่เขาไม่ได้ทำ ให้คิดในแง่บวกไว้ว่าคงเป็นโชคของเขาในครั้งนี้ที่ไม่ต้องลงแรงมากก็ได้สิ่งดี ๆ แต่คราวหน้าถ้าต้องทำงานกลุ่ม ก็ใช่ว่าต้องเลือกคนเดิม เราก็เปลี่ยนคนใหม่ ไม่ใช่ว่าเลือกไปอยู่กับคนที่ไม่ทำงานอีก
แต่ข้อดีที่ต้องทำงานเองก็มีเยอะ เช่น เราเรียนไม่ค่อยเก่งอยู่แล้ว การได้ทำงานเองจะทำให้ความรู้เราแน่นขึ้น วันหนึ่งจบออกไปจะได้แกร่ง ทำอะไรก็ทำเป็นหมด ส่วนเพื่อนที่กินแรงคนอื่นถึงเขาเรียนเก่ง วันหนึ่งพอไปทำงานแล้วเจอปัญหาอาจจะแก้ไม่เป็นก็ได้ คนเรียนเก่งก็ใช่ว่าจะทำงานเก่ง ต้องพยายามไม่คิดในทางลบ เพราะจิตจะมืด การคิดในแง่ลบมักจะไปในทางเห็นแก่ตัว พอคิดเห็นแก่ตัวจิตจะมืด ความทุกข์ก็เกิดขึ้นในใจ ถ้าเราเป็นผู้ให้ ไม่มีวันขาดทุนหรอกค่ะ ให้ไปมีแต่ได้กลับมา
เธอถามกลับมาอีกว่า ทำไมหนูถึงต้องเจอแต่คนพวกนี้ล่ะคะ พีร์ตอบไปว่า ก็เพราะหนูคิดแบบนี้ไง คิดว่ากลัวคนอื่นมาทำให้หนูเดือดร้อน ไม่อยากให้ใครเอาเปรียบ ไม่อยากเสียเปรียบใคร พอเสียเปรียบไปแล้วก็มานั่งคิดแต่ว่าทำไมเขาเป็นคนแบบนี้ ทำไมเขาทำกับเราอย่างนี้ ทำไมเราต้องเจอแต่เรื่องแบบนี้ จิตใจมีแต่โทสะ มีแต่ความโกรธ ความน้อยเนื้อต่ำใจ พอจิตใจเป็นแบบนี้ย่อมดึงดูดให้คนพวกนี้มาเจอกับเรา
ต้องเปลี่ยนความคิดใหม่ อย่ากลัวว่าใครจะมาเบียดเบียนเรา ถ้าเราให้ได้ก็ให้ไป ให้โดยที่ไม่เกินความสามารถของเรา ถ้าเขามาเบียดเบียนเรามากเกินไป เราก็ต้องหลบไปให้ไกล ๆ เขาหน่อย คิดในแง่บวกไว้ว่า แค่นี้ไม่เป็นไรหรอก หรือถ้าเราช่วยใครไปก็อย่าไปหวังว่าเขาจะมาสำนึกในบุญคุณ เพราะถ้าเขาไม่ทำอย่างนั้น เราก็ต้องมาเป็นทุกข์อีก
เธอถามขึ้นมาอีกว่า ถ้าอย่างนั้นหนูควรต้องไปพรีเซนต์งานวันพรุ่งนี้สิคะ พีร์ตอบว่า ใช่ค่ะ หนูควรไปเพื่อฝึกเป็นผู้ให้ไงคะ ถ้าขาดหนูไปสักคนแล้วงานต้องเสียหาย เพื่อน ๆ ต้องเดือดร้อน จะกลายเป็นว่าหนูต้องทำบาปฐานทิ้งงานให้เพื่อนเดือดร้อน ต่อไปต้องไปเจอคนที่ชอบทิ้งงานตลอดนะ
พอพูดจบเธอหัวเราะ พูดออกมาว่า แค่ความคิดนี่มันทำให้เราเกิดความทุกข์ได้ขนาดนี้เลยหรือ ตอนนั้นพีร์สังเกตว่าจิตใจเธอได้เปลี่ยนไปจากเดิมมาก กลายเป็นโล่งโปร่งเบาสบาย ไม่คับแคบ ไม่มืดมัวเหมือนเดิมเลย
เห็นไหมคะ ความคิดที่เป็นผู้ให้ ทำให้ใจไม่คับแคบ ใจจะโปร่งโล่งเบา พร้อมกับดึงดูดความโชคดีอีกด้วย พีร์เชื่อว่าน้องคนนี้เริ่มมีความโชคดีในชีวิตได้ก็ตรงที่เริ่มเป็นผู้ให้นี่แหละค่ะ การเริ่มต้นทำความดีเริ่มจากการให้ได้ค่ะ ให้โดยไม่ต้องเสียสตางค์สักบาท แต่เปลี่ยนชีวิตเราให้ดีขึ้นได้ ไม่ว่าจะเป็นการให้โอกาส ให้อภัย ให้เวลา ให้ความรู้ ให้คนอื่นได้ดี สิ่งที่เราได้สิ่งแรกคือใจที่สบายค่ะ ใครหวังผลในการให้นั้นจะเป็นทุกข์นิดหนึ่ง ให้ฝึกรู้ทันว่าใจกำลังหวังผล เวลาให้อะไรใครต่อไปใจจะไม่ค่อยหวังผลไปเองค่ะ
แม้กระทั่งการให้ทางแก่รถคันอื่น ๆ บ้าง ก็จะทำให้เราเจอแต่คนที่ไม่เห็นแก่ตัวบนท้องถนน อาจทำให้ลดการเกิดอุบัติเหตุลง หรือเจอคนกวนประสาทน้อยลงได้ค่ะ