มหากาพย์ ประสบการณ์งานเรือสำราญ ตอนที่ 4 มาแล้วๆ

เพี้ยนสู้สู้สวัสดีจ๊า กลับมาแล้ว กับตอนที่ 4  ตอนที่แล้วสัญญาไว้ว่า จะพาไปเที่ยวนอกเรือกันบ้าง แล้วก็จะมาตอบคำถามที่ หลายๆ คนเคยถามผู้เขียนมา

อัศวินเดินทาง ไปลงเรือนี่มีโอกาสได้ออกนอกเรือบ้างรึเปล่า ต้องอยู่บนเรือเป็นเดือนเลยมั้ยกว่าจะได้ออก?

     ขอชี้แจงแถลงไขนะคะ เรือที่เราไปทำงานเรียกว่า เรือสำราญ ไม่ใช่เรือขนส่งหรือเรือคาร์โก้ นั่นแหนะ!! วันนี้มาแรงส์ แอบจิก 5555 ขออภัยในการแอบจิกเพื่ออรรถรสค่ะ เฮ่ๆๆ

     เรือสำราญคือเรือที่มีสิ่งอำนวยความสะดวก และกิจกรรมที่ทำให้เกิดความบันเทิง บางลำมีครบครันและมีเยอะยิ่งกว่าโรงแรม 5 ดาว บวกกับสวนสนุกรวมกันซะอีกค่ะ ไม่ได้เว่อร์นะ แต่มันคือเรื่องจริง มีทั้งคาสิโน สปา
ยิม สนามบาส สระว่ายน้ำ เครื่องเล่นสไลเดอร์ จากุซซี่ ที่ปีนผา zipline ห้องอาหารนานาชาติหลายที่ในลำเดียว และอื่นๆ อีก ตามขนาดของเรือ และขึ้นอยู่กับแต่ละบริษัทด้วย มีทุกอย่างในเรือลำเดียว


(รูปจากชั้น Open Deck มีสไลเดอร์ สระว่ายน้ำ จอหนัง และอื่นๆ )

     เส้นทางการเดินเรือจะเรียกว่า ครูซส์ Cruise ภายในหนึ่งครูซส์นี้ก็จอดเทียบท่าเพื่อให้ผู้โดยสารหรือลูกค้าของเรือนั้นได้ออกไปเที่ยว ตามกำหนดของเส้นทางค่ะ
มีตั้งแต่ 1 ครูซส์ ที่วิ่ง 3 วัน , 5 วัน , 7 วัน  และ 14 วันหรือมากกว่านั้น หากต้องล่องข้ามทวีป ซึ่งเราเองก็มีประสบการณ์ทำงานตามทั้งหมดที่กล่าวมา ยกเว้นที่มากกว่า 14 วันนั้นยังไม่เคยค่ะ

     - ในหนึ่งเส้นทางวิ่ง 3 วันนั้น เรือก็จะจอดรับลูกค้าที่ท่าเรือหลักหรือ home port ซะก่อน แล้วก็ล่องไปในทะเล 1 คืน 1 วัน ไปจอดตรงเมืองหรือประเทศอื่นหนึ่งวัน แล้วก็วิ่งกลับมา อธิบายง่ายๆ คือ วิ่งจาก จุด A ไปจุด B แล้วกลับมาจุด A วนอยู่ไปอย่างนี้ไม่หยุด พอลูกค้าเก่าออก ลูกค้าใหม่ก็มา จนกว่าเรือจะต้องหยุดพัก ไปซ่อมบำรุงหรือที่เรียกว่า ไดร์ ด็อค (Dry Dock)

     เส้นทางหลายวัน เช่น 5 และ 7 วัน ก็มี จอดหลายที่มากขึ้น 2-3 จุด หรือ 3 ประเทศรอบๆ แล้วก็กลับมาที่เดิม วนไปตามสเต็ปค่ะ

     ส่วนเส้นทางข้ามทวีปนั้นไม่ได้จอดบ่อยอย่างเส้นทางอื่นนะคะ ต้องล่องอยู่กลางทะเลตั้ง 10 วันขึ้นเลยทีเดียว กว่าจะเห็นฝั่งหรือที่จอดหยุดพัก จึงเป็นเส้นทางที่ลูกเรือส่วนใหญ่ไม่ค่อยจะชอบเท่าไหร่คะ เพราะมันยาวนาน เริ่มเบื่อลูกค้า 555 เห็นหน้าเดิมๆ ตลอด ไม่รู้จะหอบมุกไหนมาเล่น มาคุยด้วยละ ข้อดีก็ทำให้สนิทกับลูกค้าไปเลย แต่ข้อเสียคือ ถ้าเจอลูกค้าแย่ๆ หน่อยก็ต้องทนจนวันสุดท้ายนู่นเลยค่ะ

     แล้วด้วยการจอดให้ลูกค้าได้ออกข้างนอกเพื่อท่องเที่ยวนี่เอง ถือเป็นโอกาสสำคัญที่ให้บรรดาเหล่าลูกเรือทั้งหลายได้ออกไปท่องเที่ยว หรือที่เราๆ ว่าได้ไปเที่ยวรอบโลกเพราะเรือสำราญนั่นเอง ถ้าบริษัทได้จัดแจงให้ไปเส้นทางที่มีสถานที่ท่องเที่ยวหลายๆ ประเทศสวยๆ งาม ๆ ก็โชคดีไปค่ะ แต่ถ้าถูกจัดให้ไปที่เที่ยวน้อยประเทศ อย่าง 3 วันครูซส์นั้น ก็เตรียมตัวทำงานและเก็บเงินเท่านั้นค่ะ เพราะมันซ้ำๆ อยู่อย่างนั้น จนเราไม่อยากออกไปไหนแน่ ร้องไห้

     เมื่อเรือวิ่งน้อยวัน เปลี่ยนลูกค้าบ่อยขึ้นนั้น พนักงานจะทำงานหนักมากขึ้นด้วย เพราะทุกครั้งก่อนที่เรือจะเข้าท่าเรือหลักหรือ home port นั้น พวกเราต้องทำความสะอาดเรือแบบพิเศษมากๆ ต้องมีหัวหน้ามาคอยตรวจก่อนถึงจะปล่อยให้เลิกงาน ณ คืนนั้นได้ เป็นคืนที่พวกเราๆ ไม่ชอบกันมากที่สุดก็ว่าได้ เพราะกว่าจะได้นอนก็ยันตีสอง ตีสามนู่นเลย และก็ตื่นแต่เช้าตรู่มาทำงานอีก เหนื่อยโฮกๆๆ แต่มองกลับไป เรานี่ก็อึด ณ จุดนึงเหมือนกันนะเนี่ย ผ่านมาได้ยังไง เฮ่ๆ





พาพันดี๊ด๊า แล้วคอนแทรคแรกได้ไปเที่ยวไหนมาบ้าง?

     คอนแทรคของพวกเราถือว่าโชคดีมากค่ะที่ได้เส้นทางการเดินเรือแถบเมดิเตอร์เรเนี่ยน 7 วันครูซส์ และแยกเป็นสองเส้นทาง ซึ่งเรือจอดหลายท่าเรือและหลายประเทศ  ทำเอาพวกเราตื่นตาตื่นใจทุกทีที่ได้ออกข้างนอก แม้เวลาที่ได้ออกไปนั้นจะไม่ประมาณ 2-4 ชั่วโมง ก็พยายามตักตวงเอาให้ได้มากที่สุด เท่าที่จะทำได้  ไหนๆ ก็ ข้ามน้ำข้ามทะเลมาซะไกลแล้วเนอะ พอร์ทหรือท่าเรือที่ได้แวะเที่ยว มีดังนี้จ้า

          ยิ้ม  Civictavecchia ประเทศอิตาลี่ หรือโฮมพอร์ตของเรือนั้นก็ใกล้กรุงโรมค่ะ เมืองที่นักพูดหรือใครๆ ก็กล่าวกันว่า " กรุงโรมไม่ได้สร้างเสร็จในวันเดียว ......" ก็หมายถึงที่นี่ล่ะจ๊ะ ไปดูปราสาท พิพิธพรรณทางประวัติศาตร์ค่ะ ตัวเราเองไม่ค่อยได้ออกพอร์ตนี้ค่ะ ตารางงานต้องเฝ้าเรือตลอดเลย แต่เพื่อนสาวนางออกไปบ่อยมาก


( โคลอสเซี่ยม ตั้งอยู่ใจกลางกรุงโรม )

          ยิ้ม  Venice เวนิส ประเทศอิตาลี เมืองนี้ใครๆ คงจะเคยได้ยิน เป็นเมืองท่า เมืองแห่งสายน้ำ ที่โรแมนติก เมืองที่ขึ้นชื่อว่าต้องไปของนักเดินทางหลายๆ คน
          สวยสมคำล่ำลือค่ะ แม้ว่าจะค่อนข้างหนาแน่นจากนักท่องเที่ยวจากเรือหลายลำที่มาจอดด้วยกัน เรือของพวกเราจอดค้างคืนที่นี่ด้วย (แหมๆๆ เรือของพวกเรา ฟังดูดี๊ ดูดี อิอิ)  เราได้เที่ยวกันทั้งกลางวันและกลางคืนเต็มพิกัดกันเลยทีเดียว
           เป็นครั้งแรกที่ได้ออกไปนั่งทานพิซซ่าแบบต้นตำรับ แป้งบางๆ กรอบ และนุ่มหอมอร่อย  ฟังเพลงคลาสสิคคลอเคล้า ใต้แสงจันทร์ ฮิ้วววว โรแมนติกซะไม่มี แต่โทษทีไปแบบโสดๆและไปกันหลายคน 5555 บรรยากาศและรสชาติพิซซ่าแบบนั้น ยังหาที่ไหนเทียบไม่ได้จนถึงทุกวันนี้เลยจริงๆ โอ้ววว คิดฮอด อยากกลับไปอีก (ตกลาวอีกละ)


(เมืองเวนิส สวยๆๆ ขอยืมภาพเค้ามาก่อนนะคะ กล้องตัวเองภาพหาย)

         ยิ้ม   Livorno ลิโวร์โน ประเทศอิตาลี เป็นเมื่องท่าและเมืองประวัติศาตร์โรมันที่สำคัญอีกที่หนึ่งของอิตาลี ( ขออภัยหากอธิบายด้านประวัติศาตร์ไม่สันทัดเท่าไหร่นะคะ เพราะเป็นคนที่มีความจำด้านข้อมูลทางประวัติศาตร์ได้ค่อนข้างแย่ ที่จบมาได้นี่ก็เอาไก่แลกออก เอ้ย!! ตั้งใจเรียนเอา )
           เมืองนี้ส่วนใหญ่ก็มีพิพิธพันธ์ต่างๆ ค่ะ แต่ที่น่าสนใจที่สุดคือ อยู่ใกล้เมืองปิซ่า Pisa ที่มีหอเอนปิซ่า ที่โด่งดังกันนั่นเอง แต่กว่าจะไปถึงต้องนั่งรถบัสและต่อรถไฟไปไกลเหมือนกัน มีครั้งนึงตกรถไฟ ซื้อตั๋วไว้แต่ไปไม่ทัน แห้วเลย
ต้องนั่งรสบัสกลับมานั่งกินเจลาโต้หรือไอติมแถวตัวเมือง ก็สนุกไปอีกแบบค่ะ แล้วเจลาโต้ที่นั่นอร่อยมาก แม้ว่าบางครั้งไม่ได้ออกไปเที่ยวไหนไกล ก็ขอแค่ได้ออกมากินเจลาโต้ร้านนั้นก็ยังดี


(หอเอนปิซ่า นี่คือรูปจากคอนแทรคที่สาม คอนแทครแรกหาไม่เจอ แล้วใช้กล้องมือถือโนเกีย งามมั้ยล่ะ 555)

          และเมืองและประเทศที่ได้ไปนั้นจะบอกคร่าวๆ ดังต่อไปนี้นะคะ ไม่งั้นจะยาวมากเลย

        ยิ้ม  Istanbul อิสตันบูล ประเทศตุรกี เมืองแขกขาว ของกินเยอะมาก แต่มีแต่แนวหวานๆ ชีสๆ
        ยิ้ม   Drubronik ดรูโบรนิค ประเทศโครเอเชีย วิวภูเขา กระเช้าลอยฟ้างามมากกกก
        ยิ้ม   Athens กรุงเอเทนส์ ประเทศกรีก ออกแนวเก่าๆ เงียบๆ เหงาๆ หน่อยค่ะ
        ยิ้ม   Naples เนเปิ้ลส์ หรืออีกชื่อเรียก นโปลี Napoli ประเทศอิตาลี
        ยิ้ม  Barcelona บาร์เซโลน่า ประเทศสเปน อันนี้คอบอลน่าจะคุ้นหูกันบ้าง
        ยิ้ม   Cannes เมืองคานส์ ประเทศฝรั่งเศส แห่งการเดินพรมแดงที่เหล่าเซเลปไปปรากฎตัวนั่นล่ะคะ
        ยิ้ม   Malaga เมืองมะละกา ประเทศสเปน สวยแบบเรียบๆ เงียบๆ ผู้คนบางตาค่ะ ไปจิบคาปูชิโน่ ดูผู้คน เพลินดีค่ะ
        ยิ้ม   Madeira เกาะมาเดียร่ะ ประเทศโปรตุเกส เกาะนี้วิวดอกไม้ ทัศนียภายสวยมากค่ะ มีตลาดนัดงานศิลปะ แนวติสท์ๆ เลย และเมืองนี้มีเรื่องน่าอายเล่าสู่กันฟังจ้า ด้วยความเบิกบานและใสซื่อของพวกเรา (แน่ใจ??) บวกกับความเพลิดเพลินในการเดินเที่ยว เลยเดินเข้าไปร้านๆนึง ไม่ได้ดูป้าย แต่เห็นของมันสีสันล่อตาล่อใจดี ระหว่างที่กำลังจะเดินเข้าประตูหน้าร้าน ก็เห็นผู้คนที่นั่งกินขนมและที่ยืนอยู่ระแวกนั้น หันมามองพวกเรากันใหญ่ ก็ไม่ได้เอะใจอะไร แค่คิดว่า เ้คาคงไม่เคยเห็นสาวเอเชียมั้ง แต่พอเดินเข้าไปและเห็นของข้างในร้านแค่นั้นล่ะแม่เอ๊ยยย มันคือร้าน Sex Toy หรือร้านขายอุปกรณ์และของเล่นเกี่ยวกับการร่วมเพศ แต่ละอย่างนี้ไม่ต้องบรรยาย มีตั้งแต่ชิ้นเล็กไปยังชิ้นใหญ่ ครบทุกสถาณการณ์ ไม่หวั่นแม้วันมามากจริงๆ 55555 เดินออกมาจากร้านพร้อมกับการเคลียร์ข้อข้องใจ ว่าทำไมฝรั่งมันมองเรา 5555


(เกาะมาเดียร่ะ ประเทศโปรตุเกส ที่เราที่มีร้าน Sex Toy นี่ล่ะค่ะ 555)

       พอล่องถึงช่วงจะเข้าหน้าหนาว เรื่อเราก็เปลี่ยนเส้นทางการเดินเรือ ล่องข้ามทวีปยุโรปไปยังอเมริกา มาวิ่งเส้นทางคาริบเบียนค่ะ ใช้เวลาในการข้ามทวีปทั้งหมด 14 วัน เป็นช่วงเวลาที่ล่องอยู่กลางทะเลที่นานที่สุดเท่าที่เราเคยประสบมาค่ะ เมาเรือกันสนั่นและเมาหน้าลูกค้ากันเลย 555 เพราะเจอกันบ่อยมาก แต่ไปถึงอเมริกา ก็มีโอกาสได้ออกเที่ยวเมืองตามประเทศต่างๆ มากขึ้นอีกด้วย คอนแทรคแรก คุ้มมากถึงมากที่สุดเลยก็ว่าได้ค่ะ


(ตอนที่เรือเข้ามาถึงไมอามีแล้วค่ะ )

     เมืองและประเทศแถบแคริบเบียนจะมีน้ำทะเลที่ใส แบบฟ้าใสมากๆๆๆ และเมืองที่ได้ไปเยือนมีดังนี้จ้า แถบ

     ยิ้ม  Miami ไมอามี่ ฟลอริด้า สหรัฐอเมริกา และเราก็เปลี่ยนได้ท่าเรือไมอามี่นี้เป็นท่าเรือหลักหรือ Home port ค่ะ ทันทีที่เรือข้ามมาถึงไมอามี่แค้นั้นล่ะ งานด้านทำความสะอาดจะเข้มงวดมากขึ้น เพราะตามกฎขององค์การอนามัยที่มาตรวจในเรือนั้น เข้มงวดมาก ทุกครั้งก่อนจอดเทียบท่า ต้องให้มีการตรวจงานจากหัวหน้าแผนก ขัดกันให้เงา ฝุ่นไม่ให้มี และต้องซานิไทซ์ Sanitize หรือการเช็ดฆ่าเชื้อโรคเกือบทุกที่ เล่นเอาพวกเรามึนตื๊บกันทุกที

      แต่ดีหน่อยที่ช่วงแรกๆ ที่เข้าจอดเทียบท่าไมอามี่นั้น ทางเรือได้ให้จอดแบบข้ามคืนหรือ Over night พวกลูกเรือก็พลอยได้พักผ่อนและออกไปเที่ยวข้างนอกตอนกลางคืนบ้าง เพราะทุกๆ พอร์ตนั้นจะจอดแค่เช้าถึงเย็น
แต่พอจอดข้ามคืนแค่นั้นล่ะ ลูกเรือขาแดนซ์ ขาปาร์ตี้ก็ออกไปเที่ยวตามคลับ ดิสโก้ข้างนอก บางคนเล่นเอาเมาหัวราน้ำไปเลยก็มี ส่วนสาวๆ นะหรอ ช๊อปปิ้งสิคะ อเมริกาเมืองแห่งการช็อปปิ้ง ราคาถูกกว่ายุโรปมาก แต่เราไม่ค่อยช๊อปอะไรมากหรอก แต่ที่ชอบที่สุดคือ มีร้านอาหารไทยใกล้ท่าเรือ อุ๊ยยนั่นแหละ สวรรค์ของเรา สุขใดไม่เท่าได้กินอาหารไทย เพราะเส้นทางยุโรปหากินแทบจะไม่ได้เลย

     และไมอามี่นี่ล่ะคะเป็นบ้านเกืดเมืองนอนของแฟนหรือสามีเรา ที่เราได้มาเจอกันหลังจากเลิกทำงานเรือแล้ว แต่ตอนทำงานเรือเราก็ออกมาเดินเที่ยวแถวดาวน์ทาวน์หรือแถบใจกลางเมืองบ่อย มาหากินส้มตำว่างั้น และก็ออกไปเดินกินลมชมวิวแถวเบย์ไซด์ ( Bayside) เป็นสถานที่ท่องเที่ยวที่มีเรือเล็กจอดและวิ่งผ่าน เปิดโล่ง มีดนตรีสดฟังทั้งกลางวันและกลางคืน เราชอบที่นี่มากค่ะ และเราก็มาเดทกับแฟนเราที่นี่ เหมือนฝันที่เป็นจริงอีกแล้ว พรหมลิขิตก็ว่าได้ (แหวะๆๆ เลี่ยนๆ พอเห๊อะ ขอส้มตำแก้เลี่ยนสักครกซิ5555) เอ๊าไปต่อที่เมืองถัดไป

เบย์ ไซด์ ตอนกลางวัน
    

เบย์ไซด์ ยามค่ำคืน



อ้าวโควต้าหมดอีกละ หายไปซะหลายวัน เก็บกดๆ  ยังมีต่อๆ ตรงคอมเมนต์นะคะ เพี้ยนสู้สู้

แสดงความคิดเห็น
โปรดศึกษาและยอมรับนโยบายข้อมูลส่วนบุคคลก่อนเริ่มใช้งาน อ่านเพิ่มเติมได้ที่นี่