ช่วงไฮซีซั่นของทุกปี จะเป็นช่วงที่ พนักงาน โฮสเทล แอบเดินอมยิ้ม
เป็นฤดูการเก็บเกี่ยวเลยก็ว่าได้
ไม่รู้ทำไม โฮสเทลที่ทำงานอยู่ จะไม่ค่อยเจอการปะปนของเชื้อชาติ ยังไง?
บางช่วง จะมีแต่ญี่ปุ่น เต็มตึก
บางช่วง จะมีแต่จีน เต็มตึก
บางช่วง จะมีแต่เยอรมัน เต็มตึก
บางช่วง จะมีแต่ไทย เต็มตึก
ทีนี่ พอเข้าช่วงที่ทุกคนได้หยุดได้เทียวมีโอกาสเดินทางพร้อมๆ กัน ก็จะปะปนไปจาก ไทยจีนญี่ปุ่นฝรั่ง
เราก็พบว่า ในการเดินทาง ใครเก๋าจริงไม่เก๋าจริง มีบางคนพบความรัก ในโฮสเทล คบกันจริงจัง สรุปทริปไปเที่ยวด้วยกันต่อ
แต่หลายที ก็มาเลิก กันที่โฮสเทล ทำเอา สต๊าฟ หน้าตาเจื่อนกันเป็นแถว
ร้องไห้กันเป็นวักเป็นเวร
แต่มีเรื่องหนึ่งที่เกิดขึ้นในหนึ่งวัน เล่นเอาพนักงาน นึกว่า นั่งดูซิทคอมหน้าจอ #อย่าหาว่าพวกเราเจือกเลยนะ #เรื่องมันลอยมากระแทกหน้าพอดี^^
ตอนนั้น มีสาวญี่ปุ่น คนหนึ่ง เปิดประตูเข้ามา
ปกติแล้ว น้อยมากที่พวกเราจะเจอแขก walk in ส่วนใหญ่จะจองมาล่วงหน้า พนักงาน ก็เลยขอเลขที่บุคกิ้ง จากเธอ
ไม่ได้จองไว้ เธอตอบ
พนักงานถามต่อว่า จะ จองไหม?
เธอตอบว่า ยัง
พวกเรา เลย งงๆ กับการมาของเธอ
ผ่านไปสักชั่วโมง เธอนั่งรอ ต้องพื้นที่ส่วนกลาง พนักงานเดินไปถามใหม่ว่ามีอะไรให้ช่วยไหม?
เธอบอกว่า เธอมารอเพื่อน คุยกันแล้วเขาบอกว่า เขาจองที่นี่ไว้ แล้วเธอก็ให้ชื่อเรามา ว่ามีไหม?
เราเชคข้อมูล แล้วบอกเธอว่า มี! แต่ยังไม่มานะ
เธอบอก ขอรอจนกว่าเขาจะมา
จนพนักงานสลับเวรกัน
และชายหนุ่มฝรั่งคนนั้น เข้ามาเชคอิน หอนอนรวมชาย ส่วนเธอจองหอนอนรวมหญิง
พนักงานบอกว่า ทันทีที่เขาสองคนเจอกัน ระหว่างหนุ่มฝรั่ง กับสาวญี่ปุ่น ดูดีใจมาก จนพนักงานไม่กล้าเข้าไปให้ข้อมูล รายละเอียดการเข้าพัก
พวกนั้น เม้ากันสนุกว่า ... แค่จะเข้าไป เอ่อ สักคำ ยังไม่มีช่อง พนักงานกลายเป็นวิญญาณ โลกทั้งใบมีแค่สองคน
แล้ว...
สาวญี่ปุ่น อีกนางนึงเข้ามา น่ารัก ยิ้มหวาน คุยเก่ง
เกิดจุดเปลี่ยนในชีวิตทันที
หนุ่มฝรั่งดูห่างเหิน เริ่ม สลับเวลา ลงมาใช้พื้นที่ข้างล่าง หมกตัวแต่ในหอรวมชาย ส่วนสาวก็นั่งดักรอ ข้างล่าง
ปกติ เวลาเชคเอ้าท์ คือ เที่ยงตรง
เธอลงมานั่งรอทุกวัน
พนักงานถามว่า จะต่อไหม? เธอบอกว่า เขาต่อหรือยัง เป็นอย่างนี้ทุกวัน อยู่เกือบๆ อาทิตย์
พวกเราได้เห็นจังหวะที่เขาสวนกัน ไม่มีการทักทายต่างจากวันแรก
จนวันสุดท้าย ผู้ชาย เชคเอ้าท์ออกตอนตีห้า
ผู้หญิงมานั่งรอเหมือนเดิม จนเที่ยง จึงเอ่ยปากถามพนักงาน...เขาอยู่ต่อไหม?
พวกเราโยนกันว่าใครจะตอบ ทั้งๆ ที่รู้ตั้งแต่เธอมานั่งรอแล้วหล่ะ ว่า วันนี้โศกแน่
เขาไปแล้วนะ...พนักงานคนหนึ่งบอกเธอ
เธอ ปล่อยน้ำตาออกมา แบบไม่อายพนักงาน แล้วขึ้นไปอยู่บนห้อง ไม่ได้ ขอต่อวันอยู่กับพวกเรา ทั้งๆ ที่เลยเวลาเชคเอ้าท์ ตามปกติ แขกจะต้องเก็บของมานั่งเล่นข้างล่าง ถ้าหากมีรอบเดินทางตอนกลางคืน แต่ไม่อนุญาตให้ใช้ห้องต่อได้ เพราะต้องทำความสะอาดรอเชคอินรอบต่อไป
พวกเราสุมหัวปรึกษากัน ว่า ใคร จะขึ้นไปแจ้งเธอดีนะ
ไม่มีใครกล้า ความเศร้า ครอบงำอย่างแรง
แอบขึ้นไปวนๆ เวียน แกล้ง เก็บผ้าห่ม เก็บขยะ อะไรเรื่อยเปื่อยเพื่อดูอาการ
ปรากฏว่า เธอขึ้นไปร้องไห้อย่างหนัก
พวกเราตัดสินใจว่า...ช่างเถอะ เดี๋ยวพนักงานจะรับผิดชอบจิตใจเธอเอง ปล่อยให้ร้องไป แล้วเตียงก็ยังว่างอยู่ ไม่ต้องรีบให้เธอย้ายลงมา
จนกระทั่ง ค่ำๆ เธอเก็บกระเป๋า ลงมาคืนกุญแจ
พวกเรา ได้แต่หลบตาต่ำ ไม่กล้าสบตาเธอ แม้ว่าเธอจะใส่แว่นดำบังรอยความเศร้า
แอบเม้าท์กันเองว่า เธอคงไปตามหา คริส หนุ่มอังกฤษ อีกทีแน่ๆ
เรื่องลับๆ ในโฮสเทล : โอ้ววว ความรัก เจ้ามาทักทาย
เป็นฤดูการเก็บเกี่ยวเลยก็ว่าได้
ไม่รู้ทำไม โฮสเทลที่ทำงานอยู่ จะไม่ค่อยเจอการปะปนของเชื้อชาติ ยังไง?
บางช่วง จะมีแต่ญี่ปุ่น เต็มตึก
บางช่วง จะมีแต่จีน เต็มตึก
บางช่วง จะมีแต่เยอรมัน เต็มตึก
บางช่วง จะมีแต่ไทย เต็มตึก
ทีนี่ พอเข้าช่วงที่ทุกคนได้หยุดได้เทียวมีโอกาสเดินทางพร้อมๆ กัน ก็จะปะปนไปจาก ไทยจีนญี่ปุ่นฝรั่ง
เราก็พบว่า ในการเดินทาง ใครเก๋าจริงไม่เก๋าจริง มีบางคนพบความรัก ในโฮสเทล คบกันจริงจัง สรุปทริปไปเที่ยวด้วยกันต่อ
แต่หลายที ก็มาเลิก กันที่โฮสเทล ทำเอา สต๊าฟ หน้าตาเจื่อนกันเป็นแถว
ร้องไห้กันเป็นวักเป็นเวร
แต่มีเรื่องหนึ่งที่เกิดขึ้นในหนึ่งวัน เล่นเอาพนักงาน นึกว่า นั่งดูซิทคอมหน้าจอ #อย่าหาว่าพวกเราเจือกเลยนะ #เรื่องมันลอยมากระแทกหน้าพอดี^^
ตอนนั้น มีสาวญี่ปุ่น คนหนึ่ง เปิดประตูเข้ามา
ปกติแล้ว น้อยมากที่พวกเราจะเจอแขก walk in ส่วนใหญ่จะจองมาล่วงหน้า พนักงาน ก็เลยขอเลขที่บุคกิ้ง จากเธอ
ไม่ได้จองไว้ เธอตอบ
พนักงานถามต่อว่า จะ จองไหม?
เธอตอบว่า ยัง
พวกเรา เลย งงๆ กับการมาของเธอ
ผ่านไปสักชั่วโมง เธอนั่งรอ ต้องพื้นที่ส่วนกลาง พนักงานเดินไปถามใหม่ว่ามีอะไรให้ช่วยไหม?
เธอบอกว่า เธอมารอเพื่อน คุยกันแล้วเขาบอกว่า เขาจองที่นี่ไว้ แล้วเธอก็ให้ชื่อเรามา ว่ามีไหม?
เราเชคข้อมูล แล้วบอกเธอว่า มี! แต่ยังไม่มานะ
เธอบอก ขอรอจนกว่าเขาจะมา
จนพนักงานสลับเวรกัน
และชายหนุ่มฝรั่งคนนั้น เข้ามาเชคอิน หอนอนรวมชาย ส่วนเธอจองหอนอนรวมหญิง
พนักงานบอกว่า ทันทีที่เขาสองคนเจอกัน ระหว่างหนุ่มฝรั่ง กับสาวญี่ปุ่น ดูดีใจมาก จนพนักงานไม่กล้าเข้าไปให้ข้อมูล รายละเอียดการเข้าพัก
พวกนั้น เม้ากันสนุกว่า ... แค่จะเข้าไป เอ่อ สักคำ ยังไม่มีช่อง พนักงานกลายเป็นวิญญาณ โลกทั้งใบมีแค่สองคน
แล้ว...
สาวญี่ปุ่น อีกนางนึงเข้ามา น่ารัก ยิ้มหวาน คุยเก่ง
เกิดจุดเปลี่ยนในชีวิตทันที
หนุ่มฝรั่งดูห่างเหิน เริ่ม สลับเวลา ลงมาใช้พื้นที่ข้างล่าง หมกตัวแต่ในหอรวมชาย ส่วนสาวก็นั่งดักรอ ข้างล่าง
ปกติ เวลาเชคเอ้าท์ คือ เที่ยงตรง
เธอลงมานั่งรอทุกวัน
พนักงานถามว่า จะต่อไหม? เธอบอกว่า เขาต่อหรือยัง เป็นอย่างนี้ทุกวัน อยู่เกือบๆ อาทิตย์
พวกเราได้เห็นจังหวะที่เขาสวนกัน ไม่มีการทักทายต่างจากวันแรก
จนวันสุดท้าย ผู้ชาย เชคเอ้าท์ออกตอนตีห้า
ผู้หญิงมานั่งรอเหมือนเดิม จนเที่ยง จึงเอ่ยปากถามพนักงาน...เขาอยู่ต่อไหม?
พวกเราโยนกันว่าใครจะตอบ ทั้งๆ ที่รู้ตั้งแต่เธอมานั่งรอแล้วหล่ะ ว่า วันนี้โศกแน่
เขาไปแล้วนะ...พนักงานคนหนึ่งบอกเธอ
เธอ ปล่อยน้ำตาออกมา แบบไม่อายพนักงาน แล้วขึ้นไปอยู่บนห้อง ไม่ได้ ขอต่อวันอยู่กับพวกเรา ทั้งๆ ที่เลยเวลาเชคเอ้าท์ ตามปกติ แขกจะต้องเก็บของมานั่งเล่นข้างล่าง ถ้าหากมีรอบเดินทางตอนกลางคืน แต่ไม่อนุญาตให้ใช้ห้องต่อได้ เพราะต้องทำความสะอาดรอเชคอินรอบต่อไป
พวกเราสุมหัวปรึกษากัน ว่า ใคร จะขึ้นไปแจ้งเธอดีนะ
ไม่มีใครกล้า ความเศร้า ครอบงำอย่างแรง
แอบขึ้นไปวนๆ เวียน แกล้ง เก็บผ้าห่ม เก็บขยะ อะไรเรื่อยเปื่อยเพื่อดูอาการ
ปรากฏว่า เธอขึ้นไปร้องไห้อย่างหนัก
พวกเราตัดสินใจว่า...ช่างเถอะ เดี๋ยวพนักงานจะรับผิดชอบจิตใจเธอเอง ปล่อยให้ร้องไป แล้วเตียงก็ยังว่างอยู่ ไม่ต้องรีบให้เธอย้ายลงมา
จนกระทั่ง ค่ำๆ เธอเก็บกระเป๋า ลงมาคืนกุญแจ
พวกเรา ได้แต่หลบตาต่ำ ไม่กล้าสบตาเธอ แม้ว่าเธอจะใส่แว่นดำบังรอยความเศร้า
แอบเม้าท์กันเองว่า เธอคงไปตามหา คริส หนุ่มอังกฤษ อีกทีแน่ๆ