อันนี้เป็นรีวิวครั้งแรกของผมนะครับ พยายามจะบอกเล่าสิ่งที่คิดให้ได้มากที่สุดโดยไม่เป็นการสปอยมากเกินไป

ท่านใดคิดเห็นหรือมีข้อติข้อแนะนำยังไงก็คอมเมนต์บอกผมได้นะครับ ขอบคุณครับ
Kimi no na wa (Your name) หรือชื่อไทย “หลับตาฝัน ถึงชื่อเธอ”
เป็นภาพยนตร์อนิเมชั่นดราม่าแฟนตาซีเกี่บวกับตัวเองสองคน คนนึงคือ “ทาคิ” นักเรียนในเมืองใหญ่อย่างโตเกียว อีกคนคือ “มิตซึฮะ” เด็กสาวชนบทห่างไกลที่หวังจะได้ไปอยู่เมืองกรุงไวไว แต่แล้ววันหนึ่งทั้งคู่ก็เกิดสลับร่างกันเมื่อตื่นนอน... ขอพักพล็อตเรื่องไว้เท่านี้ก่อนเพราะกลัวจะเป็นการสปอยมากเกินไป
ก่อนอื่นผมขอพูดถึงก่อนว่าอนิเมะเรื่องนี้ เหมาะสำหรับใครบ้างนะครับ คนกลุ่มแรกคือกลุ่มที่ชื่นชอบเรื่องราวแนวความรักที่จะทำให้คุณฟินจนจิกหมอน กลุ่มที่สองจะเหมาะกับคนขึ้เหงาครับ(แบบตัวผู้รีวิวด้วย ฮา) เพราะหนังเรื่องนี้เล่นถึงประเด็นของ “คนบางคน” ที่เราทุกคนต่างรอคอยเพื่อพบเจอครับ ส่วนอีกกลุ่มนึงก็คงต้องบอกว่าเหมาะกับคนที่ชื่นชอบการเสพย์อาร์ต ทั้งภาพ ทั้งเสียงอะไรพวกนี้ กลุ่มสุดท้ายก็คือกลุ่มที่ชื่นชอบอนิเมะเป็นทุนเดิมอยู่แล้วครับ แต่เอาจริงๆนะ เรื่องนี้ใครก็ดูได้อ่ะ จะเด็กจะผู้ใหญ่ก็ตาม (แต่กลุ่มที่จะอินสุดก็คงกลุ่มพวกขี้เหงาอ่ะครับ อนิเมะเรื่องนี้เล่นงานพวกเราหนักจริงๆ )
โอเค งั้นเราจะมาพูดถึงว่าดูอนิเมะเรื่องนี้แล้วได้อะไร ด้วยความที่มันเป็นอนิเมะหลายคนก็อาจจะคิดว่าจะได้ดูอะไรที่มัน “เกินจริง” ใช่ไหมละครับ? แต่ผมสามารถบอกได้เลยว่า นอกไปจากส่วนของเนื้อเรื่องที่เป็น “แฟนตาซี” แล้ว พฤติกรรมหรือลักษณะนิสัยของตัวละครในเรื่องนี้ “สมจริง” เป็นอย่างยิ่ง
ยกตัวอย่างเช่น นางเอกของเรื่อง “มิตซึฮะ” ก็เป็นเหมือนสาววัยรุ่นทั่วไป ที่ชอบของสวยๆงาม อยากจะกินขนมหวาน อยากจะไปนั่งร้านกาแฟ เสียแต่ว่าที่บ้านเกิดของเธอ ไม่มีอะไรที่ว่ามานี้ซักอย่าง พอเธอได้สลับไปอยู่ในร่างของทาคิซึ่งเป็นชาวโตเกียวที่มีพร้อมทุกสิ่งที่เธออยากทำ มิตซึฮะจึงใช้ร่างกายของทาคิพาตัวเธอเองไปกินขนมมากมาย (แถมยังถ่ายรูปเก็บไว้ด้วย) ซึ่งมันไม่ใช่อะไรที่น่าแปลกใจเลยเมื่อเทียบกับคนจริงๆที่เราพบกันในชีวิตประจำวัน
ในมุมกลับกัน ถ้าคุณเป็นผู้ชายแล้วสลับไปอยู่ในร่างของหญิงสาววัยไล่เลี่ยกับคุณ ผมกล้าท้าเลยว่าตัวคุณเองก็จะทำแบบเดียวกับที่ทาคิทำ! (ตรงนี้มันอาจจะดูน่าทุเรศไปนิดสำหรับผู้หญิงบางคนนะครับ แต่ขึ้นชื่อว่าผู้ชาย ผมก็ไม่แปลกใจที่ทาคิจะทำแบบนั้น)... ส่วนที่ว่าทาคิทำอะไรนั้นก็รอไปชมกันเองดีกว่าครับ แฮะๆ
และด้วยความสมจริงนี้เอง ไม่ว่าจะด้านตัวละครหรือฉากหลังและเสียงประกอบ(ซึ่งก็เป็นจุดเด่นของผลงานของอาจารย์ชินไค มาโคโตะอยู่แล้ว) ทำให้อนิเมะเรื่องนี้ ก้าวข้ามจุดที่ควรเรียกว่า “การ์ตูน” ไปหลายก้าวครับ การใส่ใจรายละเอียดเล็กๆน้อยๆก็ช่วยทำให้อนิเมะเรื่องนี้สมจริงขึ้นไปอีก แต่อย่างไรก็ตามอนิเมะก็ยังคงเป็นอนิเมะครับและผู้กำกับเองก็เข้าใจจุดนี้ดี จึงดึงความ “พิเศษ” ที่อนิเมะเท่านั้นจะสามารถทำได้ออกมา เช่น การใช้สีที่เราพบเห็นในโลกความจริงได้ยาก การแสดงการเติบโตของตัวละครโดยคงสภาพความคุ้นเคยเดิมๆของตัวละครนั้นเอาไว้ หรือฉากที่งดงามตระการตาซึ่งถ้าจะทำเป็น CG แบบในหนังก็คงระดับเดียวกับ Avatar ขนออกมาให้เราได้รับชมจนต้องร้องอุทาน “ว้าว” “โอ้โห” “สุดยอด” อะไรแบบนี้ไปตลอดเรื่อง จุดนี้เองทำให้ผมยกย่องผลงานของผู้กำกับท่านนี้มากๆ ว่าสามารถเพิ่มเติมความสมจริงเข้าไปร่วมกับจุดแข็งเดิมๆของอนิเมะ ทำให้ผลงานเรื่องนี้เป็นผลงานที่น่าจดจำไม่น้อยไปกว่า Spirited Away ที่เคยได้รางวัลออสการ์ในอดีตเลยแม้แต่น้อย
สิ่งที่จะไม่พูดถึงเลยไม่ได้คือเพลงประกอบที่แต่งโดยวง RADWIMPS ซึ่งทำออกมาได้เหมาะเจาะ ลงตัวกับอนิเมะมากๆ ด้วยความที่เพลงมันเพราะอยู๋แล้ว(ถ้าคุณชอบแนว J-POP,J-ROCK จะยิ่งเพราะเป็นพิเศษ) ประกอบกับฉากในอนิเมะที่มันเข้ากั๊นเข้ากันลงตัวกลมกล่อม ทำให้กลายเป็นว่าอารมณ์ของพวกเราคนดู ถูกเสียงเพลงเหล่านี้ทำให้ปั่นป่วนกันได้ง่ายๆ บางฉากอาจดูเป็นฉากธรรมดาๆ พอเพลงดังขึ้นก็กลายเป็นฉากที่งดงามน่าจดจำ เรียกทั้งเสียงหัวเราะและน้ำตาได้ตลอดเรื่อง (ขอสปอยนิดนึงว่าถ้าเห็นเสียงเงียบๆไปก็ให้เตรียมใจไว้ได้เลยครับ “Feeling” กำลังจะโหมกระหน่ำใส่คุณ แล้วถ้าคุณไม่เตรียมพร้อมไว้ก่อน ทิชชู่ห่อนึงก็อาจไม่พอ)
เอาเป็นว่า สำหรับผม Kimi no nawa เป็นเหมือนไอศกรีมถ้วยใหม่จากพ่อค้าคนเดิม ซึ่งปกติแกจะขายแต่รสช็อคโกแลตหวานๆขมๆกินแล้วติดลิ้นครับ แต่คราวนี้พ่อค้าคนนี้ดันตักรสวานิลลามาให้ และมันก็เป็นไอศกรีมรสวานิลลาที่ติดตราตึงจิตใจเป็นอย่างมาก จนผมกังวลมากว่าถ้าคราวหน้าพ่อค้าคนนี้ตักรสช็อคโกแลตแบบเดิมมาให้ผมอีก ผมจะยังชอบมันอยู่หรือเปล่า
คะแนนก็คงไม่มีความหมายแล้วครับ สำหรับการรีวิวนี้ อวยสุดลิ่มทิ่มประตูขนาดนี้แล้ว บอกได้คำเดียวจริงๆครับ “ ไปดูในโรง ” แล้วคุณจะไม่เสียใจ
[CR] Kimi no nawa หลับตาฝันถึงชื่อเธอ(spoil-free)
Kimi no na wa (Your name) หรือชื่อไทย “หลับตาฝัน ถึงชื่อเธอ”
เป็นภาพยนตร์อนิเมชั่นดราม่าแฟนตาซีเกี่บวกับตัวเองสองคน คนนึงคือ “ทาคิ” นักเรียนในเมืองใหญ่อย่างโตเกียว อีกคนคือ “มิตซึฮะ” เด็กสาวชนบทห่างไกลที่หวังจะได้ไปอยู่เมืองกรุงไวไว แต่แล้ววันหนึ่งทั้งคู่ก็เกิดสลับร่างกันเมื่อตื่นนอน... ขอพักพล็อตเรื่องไว้เท่านี้ก่อนเพราะกลัวจะเป็นการสปอยมากเกินไป
ก่อนอื่นผมขอพูดถึงก่อนว่าอนิเมะเรื่องนี้ เหมาะสำหรับใครบ้างนะครับ คนกลุ่มแรกคือกลุ่มที่ชื่นชอบเรื่องราวแนวความรักที่จะทำให้คุณฟินจนจิกหมอน กลุ่มที่สองจะเหมาะกับคนขึ้เหงาครับ(แบบตัวผู้รีวิวด้วย ฮา) เพราะหนังเรื่องนี้เล่นถึงประเด็นของ “คนบางคน” ที่เราทุกคนต่างรอคอยเพื่อพบเจอครับ ส่วนอีกกลุ่มนึงก็คงต้องบอกว่าเหมาะกับคนที่ชื่นชอบการเสพย์อาร์ต ทั้งภาพ ทั้งเสียงอะไรพวกนี้ กลุ่มสุดท้ายก็คือกลุ่มที่ชื่นชอบอนิเมะเป็นทุนเดิมอยู่แล้วครับ แต่เอาจริงๆนะ เรื่องนี้ใครก็ดูได้อ่ะ จะเด็กจะผู้ใหญ่ก็ตาม (แต่กลุ่มที่จะอินสุดก็คงกลุ่มพวกขี้เหงาอ่ะครับ อนิเมะเรื่องนี้เล่นงานพวกเราหนักจริงๆ )
โอเค งั้นเราจะมาพูดถึงว่าดูอนิเมะเรื่องนี้แล้วได้อะไร ด้วยความที่มันเป็นอนิเมะหลายคนก็อาจจะคิดว่าจะได้ดูอะไรที่มัน “เกินจริง” ใช่ไหมละครับ? แต่ผมสามารถบอกได้เลยว่า นอกไปจากส่วนของเนื้อเรื่องที่เป็น “แฟนตาซี” แล้ว พฤติกรรมหรือลักษณะนิสัยของตัวละครในเรื่องนี้ “สมจริง” เป็นอย่างยิ่ง
ยกตัวอย่างเช่น นางเอกของเรื่อง “มิตซึฮะ” ก็เป็นเหมือนสาววัยรุ่นทั่วไป ที่ชอบของสวยๆงาม อยากจะกินขนมหวาน อยากจะไปนั่งร้านกาแฟ เสียแต่ว่าที่บ้านเกิดของเธอ ไม่มีอะไรที่ว่ามานี้ซักอย่าง พอเธอได้สลับไปอยู่ในร่างของทาคิซึ่งเป็นชาวโตเกียวที่มีพร้อมทุกสิ่งที่เธออยากทำ มิตซึฮะจึงใช้ร่างกายของทาคิพาตัวเธอเองไปกินขนมมากมาย (แถมยังถ่ายรูปเก็บไว้ด้วย) ซึ่งมันไม่ใช่อะไรที่น่าแปลกใจเลยเมื่อเทียบกับคนจริงๆที่เราพบกันในชีวิตประจำวัน
ในมุมกลับกัน ถ้าคุณเป็นผู้ชายแล้วสลับไปอยู่ในร่างของหญิงสาววัยไล่เลี่ยกับคุณ ผมกล้าท้าเลยว่าตัวคุณเองก็จะทำแบบเดียวกับที่ทาคิทำ! (ตรงนี้มันอาจจะดูน่าทุเรศไปนิดสำหรับผู้หญิงบางคนนะครับ แต่ขึ้นชื่อว่าผู้ชาย ผมก็ไม่แปลกใจที่ทาคิจะทำแบบนั้น)... ส่วนที่ว่าทาคิทำอะไรนั้นก็รอไปชมกันเองดีกว่าครับ แฮะๆ
และด้วยความสมจริงนี้เอง ไม่ว่าจะด้านตัวละครหรือฉากหลังและเสียงประกอบ(ซึ่งก็เป็นจุดเด่นของผลงานของอาจารย์ชินไค มาโคโตะอยู่แล้ว) ทำให้อนิเมะเรื่องนี้ ก้าวข้ามจุดที่ควรเรียกว่า “การ์ตูน” ไปหลายก้าวครับ การใส่ใจรายละเอียดเล็กๆน้อยๆก็ช่วยทำให้อนิเมะเรื่องนี้สมจริงขึ้นไปอีก แต่อย่างไรก็ตามอนิเมะก็ยังคงเป็นอนิเมะครับและผู้กำกับเองก็เข้าใจจุดนี้ดี จึงดึงความ “พิเศษ” ที่อนิเมะเท่านั้นจะสามารถทำได้ออกมา เช่น การใช้สีที่เราพบเห็นในโลกความจริงได้ยาก การแสดงการเติบโตของตัวละครโดยคงสภาพความคุ้นเคยเดิมๆของตัวละครนั้นเอาไว้ หรือฉากที่งดงามตระการตาซึ่งถ้าจะทำเป็น CG แบบในหนังก็คงระดับเดียวกับ Avatar ขนออกมาให้เราได้รับชมจนต้องร้องอุทาน “ว้าว” “โอ้โห” “สุดยอด” อะไรแบบนี้ไปตลอดเรื่อง จุดนี้เองทำให้ผมยกย่องผลงานของผู้กำกับท่านนี้มากๆ ว่าสามารถเพิ่มเติมความสมจริงเข้าไปร่วมกับจุดแข็งเดิมๆของอนิเมะ ทำให้ผลงานเรื่องนี้เป็นผลงานที่น่าจดจำไม่น้อยไปกว่า Spirited Away ที่เคยได้รางวัลออสการ์ในอดีตเลยแม้แต่น้อย
สิ่งที่จะไม่พูดถึงเลยไม่ได้คือเพลงประกอบที่แต่งโดยวง RADWIMPS ซึ่งทำออกมาได้เหมาะเจาะ ลงตัวกับอนิเมะมากๆ ด้วยความที่เพลงมันเพราะอยู๋แล้ว(ถ้าคุณชอบแนว J-POP,J-ROCK จะยิ่งเพราะเป็นพิเศษ) ประกอบกับฉากในอนิเมะที่มันเข้ากั๊นเข้ากันลงตัวกลมกล่อม ทำให้กลายเป็นว่าอารมณ์ของพวกเราคนดู ถูกเสียงเพลงเหล่านี้ทำให้ปั่นป่วนกันได้ง่ายๆ บางฉากอาจดูเป็นฉากธรรมดาๆ พอเพลงดังขึ้นก็กลายเป็นฉากที่งดงามน่าจดจำ เรียกทั้งเสียงหัวเราะและน้ำตาได้ตลอดเรื่อง (ขอสปอยนิดนึงว่าถ้าเห็นเสียงเงียบๆไปก็ให้เตรียมใจไว้ได้เลยครับ “Feeling” กำลังจะโหมกระหน่ำใส่คุณ แล้วถ้าคุณไม่เตรียมพร้อมไว้ก่อน ทิชชู่ห่อนึงก็อาจไม่พอ)
เอาเป็นว่า สำหรับผม Kimi no nawa เป็นเหมือนไอศกรีมถ้วยใหม่จากพ่อค้าคนเดิม ซึ่งปกติแกจะขายแต่รสช็อคโกแลตหวานๆขมๆกินแล้วติดลิ้นครับ แต่คราวนี้พ่อค้าคนนี้ดันตักรสวานิลลามาให้ และมันก็เป็นไอศกรีมรสวานิลลาที่ติดตราตึงจิตใจเป็นอย่างมาก จนผมกังวลมากว่าถ้าคราวหน้าพ่อค้าคนนี้ตักรสช็อคโกแลตแบบเดิมมาให้ผมอีก ผมจะยังชอบมันอยู่หรือเปล่า
คะแนนก็คงไม่มีความหมายแล้วครับ สำหรับการรีวิวนี้ อวยสุดลิ่มทิ่มประตูขนาดนี้แล้ว บอกได้คำเดียวจริงๆครับ “ ไปดูในโรง ” แล้วคุณจะไม่เสียใจ