ก่อนอื่นขอออกตัวก่อนนะครับว่า หลายท่านอาจจะเห็นรีวิวของสถานที่นี้มาเยอะพอสมควรในช่วงปีที่ผ่านมา ผมคงไม่ต้องกล่าวหรือเล่าอะไรเยอะมากละกันครับ แค่จะมาลองเขียนในสิ่งที่ตัวเองและเพื่อนๆแพลนและประสบมาในทริปนี้ มาเล่าสู่กันฟังพร้อมแชร์ภาพสถานที่ท่องเที่ยว ของกิน และบรรยากาศต่างๆในทริปนี้ละกันครับ
อย่างแรกผมขออ้างอิงกระทู้ของคุณบอสอันนี้ http://pantip.com/topic/32801452 เพราะว่ารีวิวอันนี้เป็นแรงบันดาลใจของผมที่ทำให้เกิดทริปนี้ หลังจากกลับจากญี่ปุ่นและเกาหลีเมื่อช่วงต้นปีที่ผ่านมา ก้อได้มีโอกาสเข้าไปอ่านกระทู้นี้ของคุณบอส มันแบบว่า...อลังการมาก อยากไปเห็นด้วยตัวเองว่ามันจะสวยขนาดนี้จริงมั๊ย ผมได้ติดต่อคุณบอสเผื่อสอบถามข้อมูล รายละเอียดคำแนะนำต่างๆสำหรับทริปนี้เพื่อเตรียมตัว และอ่านรีวิวจากหลายๆท่านที่ไปมา ว่าแล้วก้อเริ่มกันเลยละกันครับ
Part 2 -> http://pantip.com/topic/35781643
Part 3 -> http://pantip.com/topic/35781999
ขอเปิดรีวิวด้วยรุปนี้ละกัน ( ตัวผมเองนะ )
ผมหาข้อมูลเกี่ยวกับช่วงเวลาว่าตอนไหนควรจะไปดี ( ระหว่างนั้นก้อเก็บตังไปเรื่อยๆด้วย ) ปรึกษาหลายคนซึ่งแต่ละคนก้อแนะนำไม่เหมือนกันซักคน 55 จนได้ลองคุยกับไกด์ที่เป็นคนที่นั่น เค้าแนะนำว่าเดือนตุลาเป็นช่วงที่ค่อนข้างจะน่าเที่ยว เพราะอากาศค่อนข้างจะเย็นสบาย ไม่หนาวมาก ผมก้อเลยค้นหาตั๋วเครื่องบินอย่างแรกเลย จริงๆตอนแรกว่าจะแพลนไปคนเดียว แต่ก้อมีเพื่อนสนใจไปทริปนี้ด้วย สรุปเลยมีเพื่อนรวมทางเพิ่มมาอีก 2 คน ( ในทริปนี้ผมขอลงรุปผมแค่คนเดียวละกันนะครับ พลีชีพ อิอิ )
ผมหาข้อมุลของสายการบินที่บินจาก กรุงเทพ ไปเดลลี แล้วต่อเครื่องไปที่เลห์เลย จนมาตัดสินใจที่แอร์ อินเดีย หลายคนถามว่าผมไม่กลัวกลิ่นแขกหรอ ไม่กลัวอาหารอินเดียหรอ ไม่กลัวโน่นนี่หรอ ผมตอบไปเลยว่า เรื่องพวกนี้มันต้องไปลองเองครับ อย่าตัดสินใจฟังจากคำพูดของคนอื่น ว่าแล้วก้อดูวันเวลาแล้วจองเลย ค่าตั๋วของผมอยู่ประมาณ 15000-16000 บาทซึ่งถือว่าเป้นราคาที่รับได้
ผมแพลนไว้ไปวันที่ 8 - 15 ตุลาคม โดยจะไปถึงเดลลีตอนเที่ยง และอยู่ที่นั่นก้อแพลนว่าอาจจะไม่ไปไหนเลย ส่วนโรงแรมก้อจองที่นี่ครับ Hotel Chanakya Inn ใน Mahipulpur ซึ่งอยุ่ห่างจากแอร์พอร์ทไม่กี่นาที ( รุปภาพจากกูเกิ้ลนะครับ ส่วนห้องพักไว้จะมาลงรูปให้ดู ) ราคาที่พักจะอยู่ที่ 7 -800 บาทเท่านั้น
แพลนเที่ยวระหว่างอยู่ที่เลห์ ของผมเป้นโปรแกรม 7 วัน 6 คืน จะนอนที่เลห์ 5 คืน และไปนอนที่ Nubra 1 คืน โปรแกรมและราคาสามารถให้ไกด์จัดการให้หมดได้ โดยที่ทางไกด์จะคำนวนราคาและแพลนเที่ยวของเรามาให้เราพิจารณา ค่าใช้จ่ายจะอยู่ประมาณ 12000-13000 ต่อคน รวมทุกอย่าง ค่าที่พัก อาหารเช้า ค่าพาสต่างๆ ค่ารถตลอดทั้งทริป ( แพคเกจจะถูกหรือแพงขึ้นอยู่กับจำนวนคนที่ไปช่วยหารด้วยนะครับ ) ตอนแรกผมจองที่พักไว้ที่ Padma Guesthouse แต่ไกด์มาแจ้งทีหลังว่าโรงแรมจะปิดช่วงนั้นเนื่องจากเข้าฤดุหนาวแล้วพนักงานก้อจะกลับบ้าน เลยต้องขอเปลี่ยนโรงแรมซึ่งพวกเราก้อไม่ได้อะไรมากมายครับ ( มาแอบเช็คราคาจากหน้าเว๊บช่วงเวลาที่เราไป ราคา 6 คืนเกือบหมื่นแหนะ )
ส่วนเรื่องการทำวีซ่าเข้าอินเดีย ไม่ยากอย่างที่คิดครับ แค่เตรียมเอกสารทุกอย่างให้เรียบร้อยเท่านั้น ผมขออนุญาตอ้างอิงวิธีการทำวีซ่า จากกระทู้นี้นะครับ
http://pantip.com/topic/35474401 แค่ 2-3 วันก้อได้แล้ว หลังจากทุกอย่างเรียบร้อยก้อมาถึงเรื่องเตรียมของไปออกทริปกันครับ
เท่าที่สอบถามข้อมุลมา อากาสที่เลห์ของช่วงเดือนตุลาจะประมาณอยู่ที่เลขตัวเดียว ซึ่งผมก้อไม่อยากจะขนอะไรไปมากถ้าไม่จำเป้น สิ่งที่ผมเอาไปคือลิสด้านล่างนี้
1. เสื้อผ้าสำหรับ 8 วัน
2. ยาต่างๆที่จำเป้น ทั้งแก้ปวดหัว แก้ท้องเสีย แก้แพ้ ยาดม ยาลม ยาหม่อง เพื่อนผมเอายา diamox ไปซึ่งตอนแรกทุกคนกลัวว่าจะเกิดอาการนี้ สำหรับคนที่อ้วนๆกลมๆไม่ค่อยได้ออกกำลังกายก้อกังวลบ้างนิดหน่อย แต่เท่าที่อ่านมาคนที่ไปมาบอกว่า อาการของโรคแพ้ความสูงนี้อาจจะเกิดขึ้นกับใครก้อได้ คนทีออกกำลังกายบ่อยและแข็งแรงก้ออาจจะเป็นได้ครับ เราจึงไม่อยากกังวลอะไรมาก
3. ขนม ของกินเล่น อาหารแห้งต่างๆและแต่จะสะดวกขนไป
4. สายชาร์จซึ่งที่อินเดียจะเป็นแบบปลั๊กสามหัวตามรูปด้านล่างนะครับ ส่วนปริมาณไฟก้อน่าจะพอกับบ้านเรา อาจจติดปลั๊กสามตาแบบยาวไปด้วยเผื่อจะได้ชาร์ตได้หลายอย่าง
5. ครีมอาบน้ำ สบู่ แชมพู เครื่องอาบน้ำส่วนตัวต่างๆ เพราะส่วนตัวเวลาไปที่ไหนผมชอบใช้ของที่เอาไปเองมากกว่า ส่วนผ้าเช็ดตัวที่พักมีให้พร้อมครับ
6. ออกซิเจนกระป๋อง.....ควรจะเอาไปมั๊ย? หลายคนพกไปไม่มีปัญหา หลานคนบอกไปซื้อที่นั่นก้อได้ราคาไม่ต่างกันมาก ไม่ต้องขนไปด้วย ผมแนะนำว่าควรจะไปซื้อที่นั่นก้อได้ครับ ถามว่าทำไม เดี๋ยวจะมีคำตอบให้ครับ
7. กล้องถ่ายรูป สำหรับทริปนี้ ผมพก Canon 80D + 18-135 usm ตัวใหม่ซื้อมาเพราะทริปนี้โดยเฉพาะเลย 55 แล้วก้อมือถือ Samsung Note 4 ซึ่งรูปถ่ายทั้งหมดตอนอยู่ที่เดลลีจะถ่ายด้วยมือถือทั้งหมดนะครับ รูปเลยออกมาไม่ชัดมากเท่าไหร่ ปุลุ รุปของทั้งทริปผมปรับจาก LR โดยปรับความคมและสีนิดหน่อยเพื่อไม่ให้ต่างจากภาพจริงมากนัก ดชคดีที่ทริปที่เราไปมีวันฟ้าปิดแค่ตอนไปถึงเท่านั้น นอกนั้นฟ้าใสมาก คือถ่ายมุมไหนรูปก้อโอเค
* ออกตัวก่อนนะครับว่าไม่ใช่นักเขียนรีวิวหรือช่างภาพอะไร ผมแค่คนชอบเที่ยวกับชอบถ่ายรุปเท่านั้น
งบประมาณของทริปนี้
ผมตั้งไว้อยู่ที่ประมาณ 4 หมื่นบาท ซึ่งแบ่งออกเป้นค่าใช้จ่ายดังนี้
1. ตั๋วเครื่องบินไป-กลับ จองผ่าน expedia.co.th BKK-DEL-IXL-DEL-BKK ค่าตั๋วประมาณ 15000-16000 บาท
2. ค่าแพคเกจ 7 วัน 6 คืน ประมาณ 13000 บาท
3. ค่าโรงแรมที่เดลลี ประมาณ 750 บาท
4. ค่าวีซ่า
ประมาณ 2200 บาท
5. ที่เหลืออีก
ประมาณ 8000 บาทคือแลกเป้นเงินรูปีไปใช้ที่โน่น ( คิดค่าเงินรูปีง่าย 2RS = 1 บาท ) เห้นราคาเท่าไหร่ที่โน่น หารสองเลยเพื่อคำนวนเป็นเงินไทยบาท
ก่อนเดินทางประมาณเดือนนึงผมค่อยไปทำวีซ่านะครับ แล้วก้อลองอ่านรีวิวสำหรับตอนอยุ่ที่เดลลี ผมรบกวนให้เพื่อนของเพื่อนที่อยู่เดลลี ให้ช่วยเช็คบุ๊คกิ้งของโรงแรมว่ามีชื่อเรามั๊ย แล้วรถแท๊กซี่จากสนามบินสามารถไปจอดหน้าโรงแรมเลยมั๊ย ซึ่งเพื่อนให้คำตอบมาว่าทุกอย่างคอนเฟิร์มแล้ว ส่วนที่พักแท๊กซี่จะจอดที่หน้าโรงแรมเลย.... สบายแล้ว เกริ่นมาเยอะแล้ว เริ่มเที่ยวกันเลยดีกว่าครับ
ปุลุ 2 รีวิวนี้ผมขอแบ่งเป็น 2 หรือ 3 กระทู้นะครับ
1. รีวิวการเตรียมตัวต่างๆ ค่าใช้จ่ายและอื่น / การเดินทางในเดลลี
2. ที่พักในเลห์ ตัวเมือง / ทริปวันที่ 2 กับ 3 ( เน้นวัดต่างๆ )
3. ทริปวันที่เหลือ
วันที่ 8 ทุกคนพร้อมกันที่สนามบินครับประมาณ 6 โมง เจอกันที่เคาท์เตอร์ K สายการบินอินเดียให้สัมภาระไหนการโหลด 30 กก. นะครับ และหิ้วขึ้นเครื่องอีก 7 กก. ก้อเช็คอินเข้าไปนั่งเล่นที่เกท นี่คือเครื่องที่เราจะบินในทริปนี้กับเครื่อง Boeing 787-8 Dreamliner ครับ เครื่องใหม่มากเลย
ขึ้นไปบนเครื่อง ที่นั่งจะเป็นแบบ 3-3-3 ครับ ที่นั่งไม่ได้คับแคบมากสำหรับคนตัวใหญ่อย่างผม นั่งสบายมาก พื้นที่วางขาก้อเหลือๆ
ทุกที่นั่งจะมีจอทีวีทุกที่ มีหนัง เกมส์ เพลง และอีกหลากหลายมากมาย
บนเครื่องบอกได้เลยครับ แทบไม่มีกลิ่นแขกอย่างที่คนอื่นกลัวเลย ออกจะหอมซะด้วยซ้ำ แอร์เย็นมากมาย ผมก้อเปิดแผนที่ดูเล่นเรื่อยเปื่อย
หลังจากเครื่องขึ้นซักพัก พนักงานก้อนำอาหารมาเสิร์ฟครับ
อาหารเช้าน่าจะมาจากครัวเอื้องหลวงครับ อร่อยดีตามมาตรฐาน
จากกรุงเทพไปเดลลีใช้เวลาประมาณ 3 ชม.ครึ่งเท่านั้น เร็วมากมาย
ก่อนที่เครื่องจะลง พนักงานบนเครื่องจะเอาใบตม.มาแจกให้กรอกครับ
หลังจากที่เครื่องลง ก้อเดินผ่านสถาปัตยกรรมสวยๆในสนามบิน ผ่านตม. ออกมาแบบไม่มีปัญหาอะไรมาก
พอออกมาด้านนอก เราก้อแวะหาของกินก่อนซึ่งชั้นขาออกแทบไม่มีร้านอะไรเลย นอกจาก WHsmith ซึ่งเป้นร้านขายของทั่วไป ขนม หนังสือ ของที่ระลึกต่างๆ จนเราเดินหาเคาท์เตอรื prepaid taxi เพื่อเดินทางไปยังโรงแรม เรายื่นที่อยู่ให้พนักงาน แล้วเค้าแจ้งกลับว่า 250RS พร้อมยื่นคูปองมาให้ จากนั้นเราก้อเดินออกมาที่ตึกเพื่อหาแท๊กซี่คันนั้น มหากาพย์ประเทศอินเดียจึงเริ่มขึ้นบัดนาว.....
หลังจากเดินเข็นรถออกมา มีคนอินเดีย 3-4 คนเดินมาที่เราแล้วก้อคว้าเอารถเข็นของเราเข้นไปหน้าตาเฉย เราบอกว่า prepaid prepaid นะ เค้าบอกว่า yes yes prepaid.... เราคิดว่าแท๊กซี่อาจจะเป็นรถเก่งเก่าๆแค่เข้าเมือง แต่ผิดคาดครับ รถหรุกว่าที่คิดเยอะ นี่คือแทีกซี่ของเราในทริปนี้
โอ้ว....ไฮโซมาก อ่ะ ไปก้อไป หลังจากที่คนอินเดียขนของไว้บนหลังรถเสร็จ ก้อเดินรุมเข้ามาที่เราเพื่อขอทิป ( ผุ้ชายเสื้อฟ้าด้านหลังเรยจร้า )
เราก้อบอก prepaid แล้ว ตรุไม่ให้ เค้าก้อมารุมที่รถเราแบบ ขอโหน่ย ขอโหน่ย คนขับก้อไม่ยอมออกรถด้วย คงแก๊งเดียวกัน 555 เราก้อยืนยันว่าไม่ให้ เอ็งช่วยเองนิ 5555 ทีการบอกว่า no rupee thai baht ok? นี่คือจะเอาให้ได้ช่ายป่าว 555 เราไม่มีเศษกันเลย จนพวกนั้นยอมแพ้ อิอิ และนี้คือชัยชนะของเรา
( จริงๆก้ออยากให้ แต่ขี้เกียจหยิบเศษมาจากกระเป๋าใหญ่ อีกอย่าง เราอยากให้คนที่บริการดีกว่านี้ไม่ใช่มาบังคับกันแบบนี้ ) จากนั้นเราก้อนั่งแท๊กซี่เข้าเมืองกัน
ขัยมาถึงโรงแรมโดยใช้เวลาเพียง 10-15 นาทีเท่านั้น พนักงานต้อนรับก้อมาให้กรอกเอกสารและเราก้อจ่ายเงินค่าห้องกันไป ห้องที่พักก้อสบายดี แต่ห้องน้ำนี่เป็นไฮไลท์เลย มีฝักบัวแต่น้ำไหลเบามาก ต้องรองจากกระป่องอาบกันเลย
ก่อนออกไปหาอะไรกิน เราได้จองแท๊กซี่กับที่พักไว้ให้มารับพวกเราตอนตีสาม เพราะว่าต้องไปเช้คอินเพื่อบินไฟล์ทตอนหกโมงเช้า ( ต้องเช็คด้วยนะครับว่าไฟล์ทที่เราบินอยู่เทอมินอลไหน สนามบินเดลลีมี 3 ตึกนะครับ ต้องเช็คให้ดี โชคดีที่ทริปนี้เครื่องเราลงเทอมินอล 3 หมดเลย ) ค่าแท๊กซี่ก้อ 250RS เท่านั้น
ร้านอาหารจะมีอยู่ตรงข้ามที่พักเลย แต่เราเลือกที่จะเดินออกมาหน่อยนึงเพื่อมาสำรวจว่าแถวนั้นมีอะไรมั่ง บรรยากาศในเมืองแถวที่พักก้อจะเจอคนขายของ ขายอาหารต่างๆมากมาย
* เดี๋ยวมาต่อครับ
[CR] I "Leh" my love in Ladakh เที่ยวเลห์กันนะ
อย่างแรกผมขออ้างอิงกระทู้ของคุณบอสอันนี้ http://pantip.com/topic/32801452 เพราะว่ารีวิวอันนี้เป็นแรงบันดาลใจของผมที่ทำให้เกิดทริปนี้ หลังจากกลับจากญี่ปุ่นและเกาหลีเมื่อช่วงต้นปีที่ผ่านมา ก้อได้มีโอกาสเข้าไปอ่านกระทู้นี้ของคุณบอส มันแบบว่า...อลังการมาก อยากไปเห็นด้วยตัวเองว่ามันจะสวยขนาดนี้จริงมั๊ย ผมได้ติดต่อคุณบอสเผื่อสอบถามข้อมูล รายละเอียดคำแนะนำต่างๆสำหรับทริปนี้เพื่อเตรียมตัว และอ่านรีวิวจากหลายๆท่านที่ไปมา ว่าแล้วก้อเริ่มกันเลยละกันครับ
Part 2 -> http://pantip.com/topic/35781643
Part 3 -> http://pantip.com/topic/35781999
ขอเปิดรีวิวด้วยรุปนี้ละกัน ( ตัวผมเองนะ )
ผมหาข้อมูลเกี่ยวกับช่วงเวลาว่าตอนไหนควรจะไปดี ( ระหว่างนั้นก้อเก็บตังไปเรื่อยๆด้วย ) ปรึกษาหลายคนซึ่งแต่ละคนก้อแนะนำไม่เหมือนกันซักคน 55 จนได้ลองคุยกับไกด์ที่เป็นคนที่นั่น เค้าแนะนำว่าเดือนตุลาเป็นช่วงที่ค่อนข้างจะน่าเที่ยว เพราะอากาศค่อนข้างจะเย็นสบาย ไม่หนาวมาก ผมก้อเลยค้นหาตั๋วเครื่องบินอย่างแรกเลย จริงๆตอนแรกว่าจะแพลนไปคนเดียว แต่ก้อมีเพื่อนสนใจไปทริปนี้ด้วย สรุปเลยมีเพื่อนรวมทางเพิ่มมาอีก 2 คน ( ในทริปนี้ผมขอลงรุปผมแค่คนเดียวละกันนะครับ พลีชีพ อิอิ )
ผมหาข้อมุลของสายการบินที่บินจาก กรุงเทพ ไปเดลลี แล้วต่อเครื่องไปที่เลห์เลย จนมาตัดสินใจที่แอร์ อินเดีย หลายคนถามว่าผมไม่กลัวกลิ่นแขกหรอ ไม่กลัวอาหารอินเดียหรอ ไม่กลัวโน่นนี่หรอ ผมตอบไปเลยว่า เรื่องพวกนี้มันต้องไปลองเองครับ อย่าตัดสินใจฟังจากคำพูดของคนอื่น ว่าแล้วก้อดูวันเวลาแล้วจองเลย ค่าตั๋วของผมอยู่ประมาณ 15000-16000 บาทซึ่งถือว่าเป้นราคาที่รับได้
ผมแพลนไว้ไปวันที่ 8 - 15 ตุลาคม โดยจะไปถึงเดลลีตอนเที่ยง และอยู่ที่นั่นก้อแพลนว่าอาจจะไม่ไปไหนเลย ส่วนโรงแรมก้อจองที่นี่ครับ Hotel Chanakya Inn ใน Mahipulpur ซึ่งอยุ่ห่างจากแอร์พอร์ทไม่กี่นาที ( รุปภาพจากกูเกิ้ลนะครับ ส่วนห้องพักไว้จะมาลงรูปให้ดู ) ราคาที่พักจะอยู่ที่ 7 -800 บาทเท่านั้น
แพลนเที่ยวระหว่างอยู่ที่เลห์ ของผมเป้นโปรแกรม 7 วัน 6 คืน จะนอนที่เลห์ 5 คืน และไปนอนที่ Nubra 1 คืน โปรแกรมและราคาสามารถให้ไกด์จัดการให้หมดได้ โดยที่ทางไกด์จะคำนวนราคาและแพลนเที่ยวของเรามาให้เราพิจารณา ค่าใช้จ่ายจะอยู่ประมาณ 12000-13000 ต่อคน รวมทุกอย่าง ค่าที่พัก อาหารเช้า ค่าพาสต่างๆ ค่ารถตลอดทั้งทริป ( แพคเกจจะถูกหรือแพงขึ้นอยู่กับจำนวนคนที่ไปช่วยหารด้วยนะครับ ) ตอนแรกผมจองที่พักไว้ที่ Padma Guesthouse แต่ไกด์มาแจ้งทีหลังว่าโรงแรมจะปิดช่วงนั้นเนื่องจากเข้าฤดุหนาวแล้วพนักงานก้อจะกลับบ้าน เลยต้องขอเปลี่ยนโรงแรมซึ่งพวกเราก้อไม่ได้อะไรมากมายครับ ( มาแอบเช็คราคาจากหน้าเว๊บช่วงเวลาที่เราไป ราคา 6 คืนเกือบหมื่นแหนะ )
ส่วนเรื่องการทำวีซ่าเข้าอินเดีย ไม่ยากอย่างที่คิดครับ แค่เตรียมเอกสารทุกอย่างให้เรียบร้อยเท่านั้น ผมขออนุญาตอ้างอิงวิธีการทำวีซ่า จากกระทู้นี้นะครับ
http://pantip.com/topic/35474401 แค่ 2-3 วันก้อได้แล้ว หลังจากทุกอย่างเรียบร้อยก้อมาถึงเรื่องเตรียมของไปออกทริปกันครับ
เท่าที่สอบถามข้อมุลมา อากาสที่เลห์ของช่วงเดือนตุลาจะประมาณอยู่ที่เลขตัวเดียว ซึ่งผมก้อไม่อยากจะขนอะไรไปมากถ้าไม่จำเป้น สิ่งที่ผมเอาไปคือลิสด้านล่างนี้
1. เสื้อผ้าสำหรับ 8 วัน
2. ยาต่างๆที่จำเป้น ทั้งแก้ปวดหัว แก้ท้องเสีย แก้แพ้ ยาดม ยาลม ยาหม่อง เพื่อนผมเอายา diamox ไปซึ่งตอนแรกทุกคนกลัวว่าจะเกิดอาการนี้ สำหรับคนที่อ้วนๆกลมๆไม่ค่อยได้ออกกำลังกายก้อกังวลบ้างนิดหน่อย แต่เท่าที่อ่านมาคนที่ไปมาบอกว่า อาการของโรคแพ้ความสูงนี้อาจจะเกิดขึ้นกับใครก้อได้ คนทีออกกำลังกายบ่อยและแข็งแรงก้ออาจจะเป็นได้ครับ เราจึงไม่อยากกังวลอะไรมาก
3. ขนม ของกินเล่น อาหารแห้งต่างๆและแต่จะสะดวกขนไป
4. สายชาร์จซึ่งที่อินเดียจะเป็นแบบปลั๊กสามหัวตามรูปด้านล่างนะครับ ส่วนปริมาณไฟก้อน่าจะพอกับบ้านเรา อาจจติดปลั๊กสามตาแบบยาวไปด้วยเผื่อจะได้ชาร์ตได้หลายอย่าง
5. ครีมอาบน้ำ สบู่ แชมพู เครื่องอาบน้ำส่วนตัวต่างๆ เพราะส่วนตัวเวลาไปที่ไหนผมชอบใช้ของที่เอาไปเองมากกว่า ส่วนผ้าเช็ดตัวที่พักมีให้พร้อมครับ
6. ออกซิเจนกระป๋อง.....ควรจะเอาไปมั๊ย? หลายคนพกไปไม่มีปัญหา หลานคนบอกไปซื้อที่นั่นก้อได้ราคาไม่ต่างกันมาก ไม่ต้องขนไปด้วย ผมแนะนำว่าควรจะไปซื้อที่นั่นก้อได้ครับ ถามว่าทำไม เดี๋ยวจะมีคำตอบให้ครับ
7. กล้องถ่ายรูป สำหรับทริปนี้ ผมพก Canon 80D + 18-135 usm ตัวใหม่ซื้อมาเพราะทริปนี้โดยเฉพาะเลย 55 แล้วก้อมือถือ Samsung Note 4 ซึ่งรูปถ่ายทั้งหมดตอนอยู่ที่เดลลีจะถ่ายด้วยมือถือทั้งหมดนะครับ รูปเลยออกมาไม่ชัดมากเท่าไหร่ ปุลุ รุปของทั้งทริปผมปรับจาก LR โดยปรับความคมและสีนิดหน่อยเพื่อไม่ให้ต่างจากภาพจริงมากนัก ดชคดีที่ทริปที่เราไปมีวันฟ้าปิดแค่ตอนไปถึงเท่านั้น นอกนั้นฟ้าใสมาก คือถ่ายมุมไหนรูปก้อโอเค
* ออกตัวก่อนนะครับว่าไม่ใช่นักเขียนรีวิวหรือช่างภาพอะไร ผมแค่คนชอบเที่ยวกับชอบถ่ายรุปเท่านั้น
งบประมาณของทริปนี้
ผมตั้งไว้อยู่ที่ประมาณ 4 หมื่นบาท ซึ่งแบ่งออกเป้นค่าใช้จ่ายดังนี้
1. ตั๋วเครื่องบินไป-กลับ จองผ่าน expedia.co.th BKK-DEL-IXL-DEL-BKK ค่าตั๋วประมาณ 15000-16000 บาท
2. ค่าแพคเกจ 7 วัน 6 คืน ประมาณ 13000 บาท
3. ค่าโรงแรมที่เดลลี ประมาณ 750 บาท
4. ค่าวีซ่า ประมาณ 2200 บาท
5. ที่เหลืออีกประมาณ 8000 บาทคือแลกเป้นเงินรูปีไปใช้ที่โน่น ( คิดค่าเงินรูปีง่าย 2RS = 1 บาท ) เห้นราคาเท่าไหร่ที่โน่น หารสองเลยเพื่อคำนวนเป็นเงินไทยบาท
ก่อนเดินทางประมาณเดือนนึงผมค่อยไปทำวีซ่านะครับ แล้วก้อลองอ่านรีวิวสำหรับตอนอยุ่ที่เดลลี ผมรบกวนให้เพื่อนของเพื่อนที่อยู่เดลลี ให้ช่วยเช็คบุ๊คกิ้งของโรงแรมว่ามีชื่อเรามั๊ย แล้วรถแท๊กซี่จากสนามบินสามารถไปจอดหน้าโรงแรมเลยมั๊ย ซึ่งเพื่อนให้คำตอบมาว่าทุกอย่างคอนเฟิร์มแล้ว ส่วนที่พักแท๊กซี่จะจอดที่หน้าโรงแรมเลย.... สบายแล้ว เกริ่นมาเยอะแล้ว เริ่มเที่ยวกันเลยดีกว่าครับ
ปุลุ 2 รีวิวนี้ผมขอแบ่งเป็น 2 หรือ 3 กระทู้นะครับ
1. รีวิวการเตรียมตัวต่างๆ ค่าใช้จ่ายและอื่น / การเดินทางในเดลลี
2. ที่พักในเลห์ ตัวเมือง / ทริปวันที่ 2 กับ 3 ( เน้นวัดต่างๆ )
3. ทริปวันที่เหลือ
วันที่ 8 ทุกคนพร้อมกันที่สนามบินครับประมาณ 6 โมง เจอกันที่เคาท์เตอร์ K สายการบินอินเดียให้สัมภาระไหนการโหลด 30 กก. นะครับ และหิ้วขึ้นเครื่องอีก 7 กก. ก้อเช็คอินเข้าไปนั่งเล่นที่เกท นี่คือเครื่องที่เราจะบินในทริปนี้กับเครื่อง Boeing 787-8 Dreamliner ครับ เครื่องใหม่มากเลย
ขึ้นไปบนเครื่อง ที่นั่งจะเป็นแบบ 3-3-3 ครับ ที่นั่งไม่ได้คับแคบมากสำหรับคนตัวใหญ่อย่างผม นั่งสบายมาก พื้นที่วางขาก้อเหลือๆ
ทุกที่นั่งจะมีจอทีวีทุกที่ มีหนัง เกมส์ เพลง และอีกหลากหลายมากมาย
บนเครื่องบอกได้เลยครับ แทบไม่มีกลิ่นแขกอย่างที่คนอื่นกลัวเลย ออกจะหอมซะด้วยซ้ำ แอร์เย็นมากมาย ผมก้อเปิดแผนที่ดูเล่นเรื่อยเปื่อย
หลังจากเครื่องขึ้นซักพัก พนักงานก้อนำอาหารมาเสิร์ฟครับ
อาหารเช้าน่าจะมาจากครัวเอื้องหลวงครับ อร่อยดีตามมาตรฐาน
จากกรุงเทพไปเดลลีใช้เวลาประมาณ 3 ชม.ครึ่งเท่านั้น เร็วมากมาย
ก่อนที่เครื่องจะลง พนักงานบนเครื่องจะเอาใบตม.มาแจกให้กรอกครับ
หลังจากที่เครื่องลง ก้อเดินผ่านสถาปัตยกรรมสวยๆในสนามบิน ผ่านตม. ออกมาแบบไม่มีปัญหาอะไรมาก
พอออกมาด้านนอก เราก้อแวะหาของกินก่อนซึ่งชั้นขาออกแทบไม่มีร้านอะไรเลย นอกจาก WHsmith ซึ่งเป้นร้านขายของทั่วไป ขนม หนังสือ ของที่ระลึกต่างๆ จนเราเดินหาเคาท์เตอรื prepaid taxi เพื่อเดินทางไปยังโรงแรม เรายื่นที่อยู่ให้พนักงาน แล้วเค้าแจ้งกลับว่า 250RS พร้อมยื่นคูปองมาให้ จากนั้นเราก้อเดินออกมาที่ตึกเพื่อหาแท๊กซี่คันนั้น มหากาพย์ประเทศอินเดียจึงเริ่มขึ้นบัดนาว.....
หลังจากเดินเข็นรถออกมา มีคนอินเดีย 3-4 คนเดินมาที่เราแล้วก้อคว้าเอารถเข็นของเราเข้นไปหน้าตาเฉย เราบอกว่า prepaid prepaid นะ เค้าบอกว่า yes yes prepaid.... เราคิดว่าแท๊กซี่อาจจะเป็นรถเก่งเก่าๆแค่เข้าเมือง แต่ผิดคาดครับ รถหรุกว่าที่คิดเยอะ นี่คือแทีกซี่ของเราในทริปนี้
โอ้ว....ไฮโซมาก อ่ะ ไปก้อไป หลังจากที่คนอินเดียขนของไว้บนหลังรถเสร็จ ก้อเดินรุมเข้ามาที่เราเพื่อขอทิป ( ผุ้ชายเสื้อฟ้าด้านหลังเรยจร้า )
เราก้อบอก prepaid แล้ว ตรุไม่ให้ เค้าก้อมารุมที่รถเราแบบ ขอโหน่ย ขอโหน่ย คนขับก้อไม่ยอมออกรถด้วย คงแก๊งเดียวกัน 555 เราก้อยืนยันว่าไม่ให้ เอ็งช่วยเองนิ 5555 ทีการบอกว่า no rupee thai baht ok? นี่คือจะเอาให้ได้ช่ายป่าว 555 เราไม่มีเศษกันเลย จนพวกนั้นยอมแพ้ อิอิ และนี้คือชัยชนะของเรา
( จริงๆก้ออยากให้ แต่ขี้เกียจหยิบเศษมาจากกระเป๋าใหญ่ อีกอย่าง เราอยากให้คนที่บริการดีกว่านี้ไม่ใช่มาบังคับกันแบบนี้ ) จากนั้นเราก้อนั่งแท๊กซี่เข้าเมืองกัน
ขัยมาถึงโรงแรมโดยใช้เวลาเพียง 10-15 นาทีเท่านั้น พนักงานต้อนรับก้อมาให้กรอกเอกสารและเราก้อจ่ายเงินค่าห้องกันไป ห้องที่พักก้อสบายดี แต่ห้องน้ำนี่เป็นไฮไลท์เลย มีฝักบัวแต่น้ำไหลเบามาก ต้องรองจากกระป่องอาบกันเลย
ก่อนออกไปหาอะไรกิน เราได้จองแท๊กซี่กับที่พักไว้ให้มารับพวกเราตอนตีสาม เพราะว่าต้องไปเช้คอินเพื่อบินไฟล์ทตอนหกโมงเช้า ( ต้องเช็คด้วยนะครับว่าไฟล์ทที่เราบินอยู่เทอมินอลไหน สนามบินเดลลีมี 3 ตึกนะครับ ต้องเช็คให้ดี โชคดีที่ทริปนี้เครื่องเราลงเทอมินอล 3 หมดเลย ) ค่าแท๊กซี่ก้อ 250RS เท่านั้น
ร้านอาหารจะมีอยู่ตรงข้ามที่พักเลย แต่เราเลือกที่จะเดินออกมาหน่อยนึงเพื่อมาสำรวจว่าแถวนั้นมีอะไรมั่ง บรรยากาศในเมืองแถวที่พักก้อจะเจอคนขายของ ขายอาหารต่างๆมากมาย
* เดี๋ยวมาต่อครับ