ประเทศเราจะมี Timeline แบบไหน ถ้าเป็นประเทศที่สร้างนวัตกรรม ได้แบบญี่ปุ่นอเมริกา หรือ ยุโรป

เนื่องมาจากกระทู้ญี่ปุ่นมาลงทุนข้างล่างผมเลยสงสัย สมมุติว่ามีประเทศอื่นๆที่น่าลงทุนมากกว่าประเทศเรา แล้วประเทศที่กล่าวไปในหัวกระทู้ไปลงทุนที่นั่นแทน ประเทศเราจะมี timeline ในด้านอุตสาหกรรม แบบไหนเอาแค่หลังจากสงครามโลกครั้งที่2(ทั้งกลายเป็นประเทศที่มีนวัตกรรมหรือไม่มีนวัตกรรม) หลังจากดูกระทู้นั้นเลยสงสัยย้อนหลังไปซัก 10-15 ปี ที่อินเตอรเน็ตเริ่มต้นแพร่หลายยุคนั้นแหล่งความรู้แปลกๆหลักๆก็จะเป็น พวกหนังสือรวมประดิษฐ์DIY รวมวงจรไฟฟ้า หรือไม่ก็ดูเอาตามคอลัมล์นิตยาสารอุตสาหกรรม หลังจากยุคนั้นมาถึงวันนี้ อินเตอร์เน็ตแพร่หลายมากขึ้น ความรู้ไอเดียอะไรก็หาได้ง่ายขึ้น แต่โรงงานอุตสาหกรรมของคนไทยเห็นมีแต่ด้านอาหารเป็นหลักที่เด่นขึ้นมาส่วนใหญ่ก็ทำมานานแล้ว ส่วนด้านเทคโนโลยี เห็นมีแต่รับจ้างผลิตเป็นหลักที่เป็นบริษัทใหญ่ๆ  รับจ้างประกอบวงจรอะไรราวๆนี้
            เทียบกับจีนยุคราว10ปีก่อนสินค้าเทคโนโลยีของเขาที่เห็นในบ้านเรา ยังเป็นสินค้า กะหลั่วๆพังง่ายอยู่ อย่างพวก เครื่องเล่น ซีดี ทั้งพกพาทั้งติดบ้าน เครื่องมือกากๆแบบทำร่วงพื้นแล้วเหล็กแตก ถึงวันนี้สินค้าแบบนั้นก็ยังมี แต่ว่าสินค้าแบบเทคโนโลยีที่สลับซับซ้อน อย่างพวกมือถือ รถยนต์  มีเกิดมาหลายยี่ห้อเลย นอกจากนั้นยังมีบริษัทที่ผลิตชิ้นส่วนของสิ้นค้าเทคโนโลยีมากมาย ส่วนของไทยสินค้าแนวเทคโนโลยีมีแต่ได้ยินว่าดับลงอย่าง ธานินท์ ไดสตาร์ รถมอไซด์ ไทเกอร์(กลายร่างเป็น stalion มั้ง) ถ้าย้อนยุคไปกว่านั้นก็เคยได้ยินแต่แนวรัฐวิสาหกิจไม่ก็เป็นโรงงานทหาร เลยสงสัยว่าถ้าไม่มีพวกญี่ปุ่นหรือฝรั่งมาลงทุน คนไทยจะได้มีโอกาสสัมผัสเทคโนโลยีในการผลิตหรือความรู้ในการผลิตที่มีอยู่ในประเทศเราในสภาพปัจุบันนี้ไหม อย่างน้อยๆที่คนไทยได้กินไม่น้อยแน่ๆพวกงานซับจากบริษัทใหญ่ๆที่มาตั้งในบ้านเรา พวกทำโมล ชิ้นส่วนโลหะ jig-fixture เครื่องจักรการผลิตทั้ง automation หรือ material handling แบบ custom ที่ไม่ซับซ้อนจัดๆ ทำจนไปรับงานต่างประเทศได้ ถึงแม่ว่าตัวเครื่องจักรที่ใช้ผลิตต้องซื้อต่างประเทศก็ตาม ผมยังสงสัยว่าถ้าไม่เป็นอย่างปัจจุบันนี่ เป็นประเทศที่ผลิตสินค้าเทคโนโลยีขึ้นมา จะออกมาแบบไหน แบบถ้าเริ่มต้อนต้องการผลิตอะไรซักอย่างจะหา supply chain ยังไง
            อีกแบบนึง ถ้าสมมุติ Timeline เริ่มซัก แถวๆ 2525 ยุคพลเอกเปรมแล้วกัน โดยถ่ายทอดเทคโนโลยีตามที่พลเอกเปรมต้องการจะออกมาแบบไหน(ไม่ทราบ กม ที่ออกมาบังคับว่าถ่ายทอดยังไงนะครับ) จะมีโรงงานอุตสาหกรรมที่ผลิตสินค้าเทคโนโลยีสลับซับซ้อนที่เกิดขึ้นเพราะถ่ายทอดเทคโนโลยีบ้างไหมเขาจะถ่ายทอดอะไรให้เรา เพื่อให้คนในประเทศเรา ส่วนตัวผมคิดว่าก็คงเหมือนกับทุกวันนี้อยู่ดี เอาเป็นตัวอย่างรถยนต์แล้วกันดูซับซ้อนเกี่ยวข้องกับหลายๆอย่างเยอะดี เขาจะต้องสอนอะไรให้เราบ้างเพื่อให้ทำรถเป็นคัน สอนแค่ว่าเชื่อมเหล็ก ตามแบบนี้ๆๆๆ แล้วจะได้เป็น ชัสซี เป็นตัวถัง สมมุติว่าเป็นแบบนี้ทุกชิ้นจนได้รถคันนึง แล้วหลังจากนั้นขายยังต่อ แล้วสมมุติว่าถึงเวลารุ่นใหม่ ต้องทำเองแล้วแต่ไม่มี supply chain ไปซื้อมาจากที่เดียวกับคนที่สอนเรา สมมุติเขาไม่ขายทำยังไงต้องไปวิ่งหาเจ้าไหนบ้าง แล้ววันนึงสินค้ามีปัญหา จะแก้ปัญหายังไง หรือกลับไปถามคนที่สอนเราทำรถทีแรกเอา  
             ขนาดทุกวันนี้โรงงานญี่ปุ่นนี่ ส่งคนไทยไปญี่ปุ่นกันเยอะมากๆ ยังไม่เห็นมีใครกล้าทำ หรือไม่มีความรู้อะไรเป็นชิ้นเป็นอัน(อันนี้เดา) **ส่วนตัวผมคิดว่าที่ญี่ปุ่นส่งไปเพราะส่งไปให้คนไทยติดสัญญาตอนกลับมาส่งไปซัก ตอน 23-25 ซัก 1-2ปี กลับมาติดสัญญา 2-5 ปีแล้วแต่ความเขี้ยว กลับมากว่าจะหมดสัญญาก็เข้าช่วงปลายของอายุ 2x เริ่มจะมีครอบครัวแต่งงงาน ความป๊อดในการย้ายงานเริ่มมีเนื่องจากภาระ
              ผมยังคิดว่าถ้าไม่มีพวกนั้นมาลงทุนความคุ้นเคยเทคโนโลยีต่างๆของคนไทยจะแย่กว่านี้ ต้องการคนทำเครื่องจักรแนว material handling อาจจะต้องวิ่งไปหาถึงต่างประเทศ ยุคนี้ที่อินเตอร์เนตแพร่หลายยังหาซัพพลาย ความรู้ เทคนิคต่างๆ หรือแม้แต่ช่องทางการตลาดขายต่างประเทศ ได้ง่ายกว่าและเสี่ยงน้อยกว่ายุคนั้นอีก ถ้าทำยุคนั้นคงอารมณ์แบบในสารคดีประทานเหมาที่เคยดู ในสารคดีนั่น คนที่เล่าบอกว่ายุคนั้นท่านประทานจะทำให้จีนมีอุตสาหกรรมเหล็กดีเท่าอังกฤษ คนจีนก็เอาเหล็กในบ้านมาหลอมซะหมดแม้แต่หม้อหุงข้าวหรือเครื่องครัว หลอมออกมาเป็นจอบอันนึงฟันดิน2-3ทีหัก  
              หากต้องการให้มีโรงงานสินค้าเทคโนโลยีปลายทางซับซ้อนจริงๆ ก็ต้องมีคนทำโรงงานที่มีความรู้ในการผลิตชิ้นส่วนที่สินค้าปลายทางใช้ เมื่อมองตาม supply chain ถอยมาเรื่อยๆ 1 ในนั้นก็ต้องมีเรื่อง วัสดุ กับกระบวนการผลิต ซื่ง 2 ส่วนนี้ต้องการความรู้และเทคนิคสะสมที่ใช้แก้ปัญหามาแล้ว ซึ่งมันก็ต้องอาศัยเวลาและลงทุน นี่ยังไม่นับสภาะพแวดล้อมอื่นๆเช่นสภาพสังคม ทัศนคติคนไทย กฏหมายและกระบวนการของรัฐที่เกี่ยวข้อง สภาพปากท้องของคนไทย
               ทำเสร็จแล้วต้องมาขายแข่งกับเจ้าเก่าๆอีก คงต้องหาผลิตสินค้าที่ไม่ชนกับเจ้าตลาดจังๆ มอเตอร์ไซด stalion น่าจะมาทางนี้ แต่ทำแล้วก็ต้องทนเจ็บไปกับช่วงสะสมความรู้อีกซักพักเพื่อสะสมข้อมูลในการพัฒนาผลิตภัณฑ์แล้วถ้ามันต้องเจ็บยาวๆนายทุนจะเอาด้วยไหม พอถึงจุดนึงที่คนในองค์กรเริ่มมีความรู้ที่สะสมมาต้องการย้ายออกจะกล้าเอาเงินฟาดใส่ไหม แต่ก็เริ่มมีให้เห็นบ้างเหมือนกันเรื่องเกี่ยวกับความพยายามในการเก็บข้อมูลความรู้แต่คงต้องเป็นบริษัทใหญ่ๆจริงๆจำได้ว่าสมัย เพิ่งจบ Summit ยังไม่มีหน่วย R&D แต่หลายปีก่อนเห็นป้ายหน่วยงานนี้ตรงริมถนนบางนาตราดแล้ว ผมคิดว่าถ้าทำจริงก็ต้องมีคนยอมเจ็บไปนานพอตัวซึ่ง มีโอกาสรอดหรือตายได้ทั้งสองแบบ แต่ไม่น่าจะถึงขั้นตั้งตัวได้เร็วๆนี้  ต้องหาซับที่มีความรู้ในการแก้ปัญหาในงานของเขา หรือไม่ก็ต้องไปลองผิดลองถูกกับ ซับจีนซักพักนึง จนได้เนื้อคู่มาให้รอดตาย

แสดงความคิดเห็น
โปรดศึกษาและยอมรับนโยบายข้อมูลส่วนบุคคลก่อนเริ่มใช้งาน อ่านเพิ่มเติมได้ที่นี่