T-84 Oplot M จากร่มเงาโซเวียต สู่เขี้ยวเล็บกองทัพไทย

1. จุดกำเนิดและมรดกโซเวียต
T-84 Oplot-M มีรากฐานมาจากโรงงานมาลีเซฟในเมืองคาร์คีฟ ซึ่งเป็นศูนย์กลางการผลิตยานเกราะของอดีตสหภาพโซเวียต การพัฒนาเริ่มต้นจาก T-64 ซึ่งเป็นรถถังรุ่นแรกของโลกที่ใช้ระบบบรรจุกระสุนอัตโนมัติ และตามมาด้วย T-80 ที่ใช้เครื่องยนต์กังหันแก๊ส (รถถังไอพ่น) แต่มีข้อเสียเรื่องการสิ้นเปลืองเชื้อเพลิง เพื่อแก้ไขปัญหาดังกล่าว จึงเกิดรุ่น T-80UD ซึ่งกลับไปใช้เครื่องยนต์ดีเซลสมรรถนะสูง และกลายมาเป็นรากฐานทางเทคโนโลยีโดยตรงของ T-84 เมื่อสหภาพโซเวียตล่มสลายในปี 1991 ยูเครนได้รับโรงงานแห่งนี้เป็นมรดก
2. การดิ้นรนสู่เอกราชทางเทคโนโลยีของยูเครน
หลังได้รับเอกราช ยูเครนต้องเผชิญกับความท้าทายครั้งใหญ่เนื่องจากไม่สามารถพึ่งพาชิ้นส่วนและเทคโนโลยีสำคัญจากรัสเซียได้อีกต่อไป เช่น ปืนใหญ่และเกราะปฏิกิริยา ดังนั้นทีมวิศวกรของสำนักออกแบบ KMDB จึงต้องพัฒนาชิ้นส่วนทดแทนขึ้นเองทั้งหมด เพื่อสร้างความเป็นเอกราชทางเทคโนโลยี โดยได้พัฒนาปืนใหญ่ KBA-3 และเกราะปฏิกิริยา Duplet การเปิดตัวรถถังต้นแบบ T-84 ในงาน IDEX 1995 ได้แสดงให้เห็นถึงความก้าวหน้า โดยเฉพาะการใช้ ป้อมปืนแบบเชื่อม (Welded Turret) ซึ่งเอื้อต่อการผนวกเกราะขั้นสูงได้ดีกว่าป้อมปืนแบบหล่อของโซเวียต
3. ขีดความสามารถเชิงเทคนิคของ Oplot-M
T-84 Oplot-M เป็นรถถังที่สมบูรณ์แบบที่สุด มีคุณสมบัติเด่นหลายประการ:
อำนาจการยิง: ใช้ปืนใหญ่ลำกล้องเรียบ 125 มม. รุ่น KBA-3 พร้อมระบบบรรจุกระสุนอัตโนมัติแบบ Carousel ที่บรรจุกระสุนได้ 28 นัด จุดเด่นที่สุดคือความสามารถในการยิง ขีปนาวุธนำวิถีด้วยเลเซอร์ "Kombat" ที่มีหัวรบสองชั้น (Tandem HEAT) ในระยะไกลถึง 5,000 เมตร
ระบบควบคุมการยิง: มีขีดความสามารถแบบ "Hunter-Killer" โดยผู้บังคับการใช้กล้องตรวจการณ์ PNK-6 หมุน 360 องศาเพื่อค้นหาเป้าหมาย ในขณะที่พลยิงใช้กล้องเล็งสร้างภาพความร้อน PTT-2 เพื่อทำการยิง ระบบทั้งหมดทำงานร่วมกันทำให้สามารถยิงได้อย่างแม่นยำแม้ในขณะเคลื่อนที่
ระบบป้องกัน: ประกอบด้วยเกราะป้องกันหลายชั้น ได้แก่ เกราะหลักแบบ หลายชั้น (Laminated Armor) และเกราะปฏิกิริยา Duplet ERA ที่ออกแบบมาเพื่อป้องกันกระสุนหัวรบคู่ นอกจากนี้ยังมีระบบป้องกันเชิงรุกแบบ Soft-kill คือ Varta (Shtora-1) ซึ่งใช้เซ็นเซอร์เลเซอร์และระบบยิงระเบิดควันอินฟราเรดเพื่อก่อกวนขีปนาวุธของข้าศึก
ความคล่องตัว: ขับเคลื่อนด้วยเครื่องยนต์ดีเซล 6TD-2E กำลัง 1,200 แรงม้า ทำความเร็วสูงสุดได้ 70 กม./ชม. จุดเด่นสำคัญเชิงยุทธวิธีคือ ความเร็วถอยหลังที่สูงถึง 31.3 กม./ชม. ซึ่งช่วยให้รถถังสามารถดำเนินกลยุทธ์ "ยิงแล้วหนี" ได้อย่างรวดเร็ว
4. การจัดหา Oplot-T ในกองทัพบกไทย
ในปี 2011 กองทัพบกไทยได้ลงนามจัดซื้อ T-84 Oplot-M จำนวน 49 คัน เพื่อทดแทนรถถัง M41 ที่ล้าสมัย อย่างไรก็ตาม การส่งมอบล่าช้าไปนานถึง 7 ปี เนื่องจาก วิกฤตสงครามในยูเครน ที่ส่งผลกระทบต่อสายการผลิตในโรงงานมาลีเซฟ แม้จะมีความล่าช้า ท้ายที่สุดก็ส่งมอบได้ครบ 49 คันภายในปี 2018 รถถังที่ไทยได้รับมีรหัสรุ่นพิเศษว่า "Oplot-T" โดยมีการดัดแปลงเฉพาะตามความต้องการของกองทัพไทย คือ การติดตั้ง เครื่องปรับอากาศ และ ระบบสื่อสารแบบใหม่ เพื่อให้สามารถปฏิบัติการภายใต้สภาพอากาศร้อนชื้นและเชื่อมต่อกับเครือข่ายบังคับบัญชาของไทยได้อย่างสมบูรณ์
5. บทบาทและบทพิสูจน์ในสนามรบ
ประสบการณ์รบในยูเครน: T-84 ได้รับการพิสูจน์แล้วในสมรภูมิสงครามในยูเครน โดยถูกนำไปใช้ในหน่วยรบพิเศษ และมีรายงานว่าสามารถรอดชีวิตจากการเผชิญหน้ากับรถถังรุ่นใหม่ของรัสเซีย ซึ่งตอกย้ำถึงประสิทธิภาพของระบบป้องกัน
บทบาทในกองทัพไทย: T-84 Oplot-T ทั้ง 49 คันเข้าประจำการที่กองพันทหารม้าที่ 6 จังหวัดฉะเชิงเทรา และมีบทบาทใน สงครามระหว่าง ไทย-กัมพูชา และยังทำหน้าที่เป็น กำลังรบหลักที่มีความพร้อมสูงสุด (High-Readiness Force) นอกจากนี้ยังเป็นแพลตฟอร์มสำคัญในการฝึกฝนกำลังพลให้คุ้นเคยกับเทคโนโลยียานเกราะยุคใหม่ และเป็นเครื่องมือในการ แสดงแสนยานุภาพ (Show of Force) ของกองทัพบกไทย
T-84 Oplot M จากร่มเงาโซเวียต สู่เขี้ยวเล็บกองทัพไทย
1. จุดกำเนิดและมรดกโซเวียต
T-84 Oplot-M มีรากฐานมาจากโรงงานมาลีเซฟในเมืองคาร์คีฟ ซึ่งเป็นศูนย์กลางการผลิตยานเกราะของอดีตสหภาพโซเวียต การพัฒนาเริ่มต้นจาก T-64 ซึ่งเป็นรถถังรุ่นแรกของโลกที่ใช้ระบบบรรจุกระสุนอัตโนมัติ และตามมาด้วย T-80 ที่ใช้เครื่องยนต์กังหันแก๊ส (รถถังไอพ่น) แต่มีข้อเสียเรื่องการสิ้นเปลืองเชื้อเพลิง เพื่อแก้ไขปัญหาดังกล่าว จึงเกิดรุ่น T-80UD ซึ่งกลับไปใช้เครื่องยนต์ดีเซลสมรรถนะสูง และกลายมาเป็นรากฐานทางเทคโนโลยีโดยตรงของ T-84 เมื่อสหภาพโซเวียตล่มสลายในปี 1991 ยูเครนได้รับโรงงานแห่งนี้เป็นมรดก
2. การดิ้นรนสู่เอกราชทางเทคโนโลยีของยูเครน
หลังได้รับเอกราช ยูเครนต้องเผชิญกับความท้าทายครั้งใหญ่เนื่องจากไม่สามารถพึ่งพาชิ้นส่วนและเทคโนโลยีสำคัญจากรัสเซียได้อีกต่อไป เช่น ปืนใหญ่และเกราะปฏิกิริยา ดังนั้นทีมวิศวกรของสำนักออกแบบ KMDB จึงต้องพัฒนาชิ้นส่วนทดแทนขึ้นเองทั้งหมด เพื่อสร้างความเป็นเอกราชทางเทคโนโลยี โดยได้พัฒนาปืนใหญ่ KBA-3 และเกราะปฏิกิริยา Duplet การเปิดตัวรถถังต้นแบบ T-84 ในงาน IDEX 1995 ได้แสดงให้เห็นถึงความก้าวหน้า โดยเฉพาะการใช้ ป้อมปืนแบบเชื่อม (Welded Turret) ซึ่งเอื้อต่อการผนวกเกราะขั้นสูงได้ดีกว่าป้อมปืนแบบหล่อของโซเวียต
3. ขีดความสามารถเชิงเทคนิคของ Oplot-M
T-84 Oplot-M เป็นรถถังที่สมบูรณ์แบบที่สุด มีคุณสมบัติเด่นหลายประการ:
อำนาจการยิง: ใช้ปืนใหญ่ลำกล้องเรียบ 125 มม. รุ่น KBA-3 พร้อมระบบบรรจุกระสุนอัตโนมัติแบบ Carousel ที่บรรจุกระสุนได้ 28 นัด จุดเด่นที่สุดคือความสามารถในการยิง ขีปนาวุธนำวิถีด้วยเลเซอร์ "Kombat" ที่มีหัวรบสองชั้น (Tandem HEAT) ในระยะไกลถึง 5,000 เมตร
ระบบควบคุมการยิง: มีขีดความสามารถแบบ "Hunter-Killer" โดยผู้บังคับการใช้กล้องตรวจการณ์ PNK-6 หมุน 360 องศาเพื่อค้นหาเป้าหมาย ในขณะที่พลยิงใช้กล้องเล็งสร้างภาพความร้อน PTT-2 เพื่อทำการยิง ระบบทั้งหมดทำงานร่วมกันทำให้สามารถยิงได้อย่างแม่นยำแม้ในขณะเคลื่อนที่
ระบบป้องกัน: ประกอบด้วยเกราะป้องกันหลายชั้น ได้แก่ เกราะหลักแบบ หลายชั้น (Laminated Armor) และเกราะปฏิกิริยา Duplet ERA ที่ออกแบบมาเพื่อป้องกันกระสุนหัวรบคู่ นอกจากนี้ยังมีระบบป้องกันเชิงรุกแบบ Soft-kill คือ Varta (Shtora-1) ซึ่งใช้เซ็นเซอร์เลเซอร์และระบบยิงระเบิดควันอินฟราเรดเพื่อก่อกวนขีปนาวุธของข้าศึก
ความคล่องตัว: ขับเคลื่อนด้วยเครื่องยนต์ดีเซล 6TD-2E กำลัง 1,200 แรงม้า ทำความเร็วสูงสุดได้ 70 กม./ชม. จุดเด่นสำคัญเชิงยุทธวิธีคือ ความเร็วถอยหลังที่สูงถึง 31.3 กม./ชม. ซึ่งช่วยให้รถถังสามารถดำเนินกลยุทธ์ "ยิงแล้วหนี" ได้อย่างรวดเร็ว
4. การจัดหา Oplot-T ในกองทัพบกไทย
ในปี 2011 กองทัพบกไทยได้ลงนามจัดซื้อ T-84 Oplot-M จำนวน 49 คัน เพื่อทดแทนรถถัง M41 ที่ล้าสมัย อย่างไรก็ตาม การส่งมอบล่าช้าไปนานถึง 7 ปี เนื่องจาก วิกฤตสงครามในยูเครน ที่ส่งผลกระทบต่อสายการผลิตในโรงงานมาลีเซฟ แม้จะมีความล่าช้า ท้ายที่สุดก็ส่งมอบได้ครบ 49 คันภายในปี 2018 รถถังที่ไทยได้รับมีรหัสรุ่นพิเศษว่า "Oplot-T" โดยมีการดัดแปลงเฉพาะตามความต้องการของกองทัพไทย คือ การติดตั้ง เครื่องปรับอากาศ และ ระบบสื่อสารแบบใหม่ เพื่อให้สามารถปฏิบัติการภายใต้สภาพอากาศร้อนชื้นและเชื่อมต่อกับเครือข่ายบังคับบัญชาของไทยได้อย่างสมบูรณ์
5. บทบาทและบทพิสูจน์ในสนามรบ
ประสบการณ์รบในยูเครน: T-84 ได้รับการพิสูจน์แล้วในสมรภูมิสงครามในยูเครน โดยถูกนำไปใช้ในหน่วยรบพิเศษ และมีรายงานว่าสามารถรอดชีวิตจากการเผชิญหน้ากับรถถังรุ่นใหม่ของรัสเซีย ซึ่งตอกย้ำถึงประสิทธิภาพของระบบป้องกัน
บทบาทในกองทัพไทย: T-84 Oplot-T ทั้ง 49 คันเข้าประจำการที่กองพันทหารม้าที่ 6 จังหวัดฉะเชิงเทรา และมีบทบาทใน สงครามระหว่าง ไทย-กัมพูชา และยังทำหน้าที่เป็น กำลังรบหลักที่มีความพร้อมสูงสุด (High-Readiness Force) นอกจากนี้ยังเป็นแพลตฟอร์มสำคัญในการฝึกฝนกำลังพลให้คุ้นเคยกับเทคโนโลยียานเกราะยุคใหม่ และเป็นเครื่องมือในการ แสดงแสนยานุภาพ (Show of Force) ของกองทัพบกไทย