เที่ยวน่านคนเดียว ไม่เปล่าเปลี่ยวใจ

ทริปนี้เป็นทริปแรกสำหรับการเดินทางเที่ยวคนเดียว แบบกล้า ๆ กลัว ๆ เพราะยังไม่เคยไปเที่ยวไหนคนเดียว แถมไปไกลบ้านมาก จ.น่าน ภาคเหนือไปนู้น แต่มีความตั้งใจไว้นานแล้วในส่วนภาคเหนืออยากไปเที่ยว จ.น่าน ด้วยชื่อเสียงเลื่องลือในเมืองเล็ก ๆ ที่มีวัดมากมาย และภาพวาดคำกระซิบรัก ของปู่ม่านย่าม่าน ในวัดภูมินทร์ ที่มีชื่อเสียงบรรลือไปไกลถึงต่างแดน เมื่อตั้งใจก้อเริ่มบรรเลงจัดการจองตั๋วหาไฟท์ถูกในทันใด โดยเดินทางจากท่าอากาศยานหาดใหญ่ไปสนามบินดอนเมือง แล้วต่อด้วยรถทัวร์ของสมบัติทัวร์ มุ่งตรงสถานีน่าน เมืองในฝัน ทริปนี้ใช้เวลาในการเที่ยวรวมทั้งการเดินทาง 1 สัปดาห์ 10-14 ต.ค. 59 เนื่องจากว่าเป็นคนใต้สุดสยาม เลยมีระยะเวลาในการเดินทางนานกว่าคนอื่นหน่อยนึง เที่ยวจริง ๆ ในน่านก้อวันที่ 11-13 ต.ค. 59 เลือกการเดินทางและเที่ยวในช่วงสัปดาห์ เพราะจะได้คนไม่เยอะ คิดไม่เหมือนชาวบ้าน อิอิ เลยอดไปเที่ยวถนนคนเดินที่มีทุกวัน ศุกร์ เสาร์ อาทิตย์ ของน่านไปเลย ไม่เป็นไรค่อยมาเก็บกันใหม่ในคราวหน้า ขึ้นชื่อว่าเที่ยวแล้ว ครั้งต่อไปก้อมีให้ไปต่อแน่นอน

เช็ดอินที่พัก ตานงค์โฮมสเตย์ ในเวลา 6 โมงเช้า ที่บรรยากาศสุดแสนเกินจะบรรยาย เงียบสงบ ธรรมชาติสุด ๆ









แต่เนื่องจากว่ามาถึงเช้าเกิน เข้าห้องพักไม่ได้ เพราะคนที่อยู่ก่อนยังไม่เช็คเอ้าท์ออกจากห้อง อากาศน่านอนเกิน เลยต้องรอและรอ ความหิวเลยปรี๊ดขึ้นมา เลยต้องขอแม่ครัว มีอะไรที่พอจะกินได้บ้าง ก้อมาด้วยเมนูง่าย ๆ ที่ป้าพอจะหาวัสดุอุปกรณ์ทำให้กินได้ กะข้าวต้มหมู ข้าวปลูกเองของที่นี้



รอแล้วรอเล่า กว่าคนที่พักจะออกก้อปาเข้าไป 11 โมง ก้อต้องรอไปต่อ เพราะต้องให้พี่เขาทำห้องให้เสร็จสำหรับคนที่จะเข้าไปอยู่ใหม่ ก้อหิวขึ้นมาอีกล่ะ เวลาไปเที่ยวเนี่ย ความหิวมีมาให้ถามหาตลอด ไม่รู้คนอื่น ๆ จะเป็นแบบนี้บ้างไหม อิอิ  ก้อเมนูง่าย ๆ อีกล่ะ ที่คิดง่าย ทำไว กะเพราะหมูราดข้าว ข้าวปลูกเอง กะเพรา พริกขี้หนู ข้างครัว ส่วนหมู ป้าซื้อจากในตลาด แค่นี้ก้ออร่อยเหาะไปแล้ว



และแล้วก้อได้เข้าห้องพักตัวเองสักที ถึงแม้ไม่ติดริมนาเหมือนห้องอื่น แต่ภายในสบาย กว้างขวาง สะอาดสะอ้าน ราคาถูกเวอร์















หลังจากได้เข้าห้องก้อจัดแจงตัวเองเสร็จสรรพ กะจะออกไปแว๊นเที่ยว แต่ดันง่วงนอนซะงั้น เลยสลบยาวไปถึงบ่าย 2 ตื่นมา ทำไงดีจะแว๊นไงดีหวา จำได้มีเบอร์ของลุงขับวินมอไซค์ที่เข้ามาส่งเมื่อเช้า เลยโทร.หาลุง ถ้าให้ลุงขับพาไปนู้นนี่นั่นในอ.ปัว ลุงคิดไง ลุงบอก 200.- จะไปไหนก้อได้ ก้อเลยโอเค ได้ไปกะลุง บ่ายแก่ ๆ แล้วเลยไปที่เขาไป ๆ กัน ลำดวนผ้าทอ หาผ้าถุงสวย ๆ ไว้ใส่ทำงานดีกว่า เพราะที่ทำงานให้ใส่ผ้าไทยในวันศุกร์ มาถึง อ.ปัวแล้ว ไม่ได้ไปซื้อผ้าที่ ลำดวนผ้าทอ เขาว่ามาไม่ถึงปัวนะเนี่ย ก้อเลยจัดไป





ลืมถ่ายรูปหน้าร้าน ถ่ายแต่ผ้าถุง เพราะส่งให้พี่เขาดูว่าจะเอาด้วยป่ะ แต่คือให้เขาดูในตอนกลางคืน พี่เขาชอบถามไปซื้ออีกได้ป่ะ รุ่งเช้าก่อนจะเข้าเมืองน่านเลยต้องให้ลุงวินคนเดิมมาขับพาไปซื้อผ้าถุงอีกรอบ ได้ไป 10 ผืน จากกระเป๋าเป้ใบเดียว ต้องมาเพิ่มเติมกะผ้าถุงอีก 1 ถุงเติบ ๆ หนักได้ใจ 555
เมื่อซื้อผ้าถุงเสร็จแล้ว ที่ขาดไม่ได้ของที่นี้และเป็นไฮไลท์เลยก้อว่าได้ กับการชิมกาแฟทุ่งนา ณ ร้านกาแฟบ้านไทลื้อ บรรยากาศสุดยอด ฟีนได้ใจ แต่ไม่ได้ไปนั่งทานแบบคนอื่นเขา เพราะเกรงใจลุงวินที่นั่งรอ เลยซื้อแบบใส่แก้วกลับบ้าน และเป็นคนไม่กินกาแฟ เลยบอกไม่ได้ว่ารสชาดกาแฟอร่อยป่ะ เพราะสั่งเมนู น้ำผึ้งมะนาวโซดา อร่อยค่ะ







เสร็จจากนี้ก้อเริ่มจะเย็นมาแล้ว ยังไปต่อได้อีกที วัดภูเก็ต สถานที่ปฏิบัติธรรม ที่มีวิวทุ่งนาให้ถ่ายรูปแบบสวยงามอีกเช่นกัน









ในวัดยังมีต้นไม้มหัศจรรย์ ต้นไม้เต้นได้ ถ้าเราไปลูบ ๆ เขาบริเวณลำต้น แต่ต้องลูบแบบเบา ๆ นะคะ เขาจะสั่นเหมือนว่าต้นไม้เต้นได้ค่ะ เรียกเว่า ต้นดิกเดียม แปลกดีค่ะ



ไหว้พระ ถ่ายรูป กินลม ชมวิว จนหนำใจ ก้อ 5 โมงเย็นพอดี เลยชวนลุงกลับที่พักดีกว่า ก่อนจะถึงที่พัก จำได้ว่ามีตลาดชุมชนเล็ก ๆ บอกลุงแวะด้วยจะได้ซื้อของกินแบบพอให้อิ่มในคืนนี้ ได้มาตามที่เห็น อร่อยดีค่ะ ขนมพื้นบ้าน คนขายใจดี พูดจาภาษาเหนือน่ารักดีค่ะ



ก่อนจะกินเห็นอากาศยังดี เลยออกไปถ่ายรูปเล่น ๆ กับวิวเดิม ๆ แต่ยังสวยไม่เปลี่ยนแปลง









ค่ำลง..ค่ำลง...เอิงเอย..ค่ำลง..ค่ำลง นกน้อยโผลงสู่พุ่มมะไฟ เสียงลมแผ่วโผยหนอทางใด อ๋อลม แผ่วผิวเจ้าใบไผ่ หรีดร้องเรไร ดนตรี.... เข้าห้องพักดีกว่า เพราะค่ำลงแล้ว อิอิ ราตรีสวัสดิ์ นอนหลับฝันดี นอนคนเดียว แบบบาย ๆ แต่ตอนกลางคืนที่นอนที่นี้ ฝนตกหนักมาก ฟ้าร้องแบบดังสุด ๆ จนพื้นไม้ที่นอนสะเทือนแบบแผ่นดินสะเทือน เป็นอะไรที่ได้หลายอย่างจริง ๆ เจอหลากหลายรูปแบบ สนุกสุด ๆ ตื่นเช้ามาหลังจากที่ฝนตก อากาศจึงสดชื่น สวยงาม โอโซนดีสุดยอด สุดจะบรรยายอีกล่ะ









สูดโอโซนเสร็จ ก้อจัดแจงตัวเอง ให้เสร็จสรรพ เช็คเอ้าท์ออกจากที่พัก ตานงค์โฮมสเตย์ ห้องหลักร้อย วิวหลักล้าน รอลุงวินมารับเพื่อไปลำดวนผ้าทอซื้อผ้าถุงของฝากให้เสร็จอีกรอบ แล้วลุงก้อพามาส่งในอ.ปัว เพื่อรอขึ้นรถเมล์เข้าไปเมืองน่าน

รถเมล์หวานใจ น่ารักดีแท้



ใช้เวลาชั่วโมงกว่า ๆ เกือบ 2 ชั่วโมง ก้อมาถึงเมืองน่าน เมืองแห่งวัด ลงที่ขนส่งก้อต่อวินมอไซค์เช่นเดิมไปที่พักที่ติดต่อไว้ น่านเกสต์เฮ้าส์ ทริปนี้แบบประหยัด เลยเลือกที่พักที่ไม่แพง แต่โอเค ห้องพักเอาแบบห้องน้ำในตัว แอร์ พัดลม ทีวี ตู้เย็น ในห้อง ซึ่งจะได้ห้องพักชั้น 2 ที่นี้มีห้องพักหลายห้อง ทั้งแบบห้องน้ำรวม ไม่มีแอร์ ห้องน้ำในตัวมีแอร์ แล้วแต่เราจะเลือกค่ะ











[img]http://f.ptcdn.info/009/047/000/og3xe0t1xt4YnOOGWEc-o.jpg[/img

เก็บของเรียบร้อย ที่นี้จะแว๊นมอไซค์เอง ก้อเอาจากที่พัก คิดวันละ 300.- ได้มอไซค์อันดับแรกก้อหาข้าวกินก่อนด้วยความหิว ออกจากที่พักไปก้อจะมีร้านข้าวตามสั่งหน้าซอยที่พัก อาหารอร่อย แม่ค้าใจดี ได้ข้อมูลจากแม่ค้าอีกนั่นล่ะว่าจะไปไหน อะไร ยังไง ในเมืองน่านมีจักรยายให้ยืมปั่นเที่ยวฟรีด้วยนะคะ ซึ่งอยู่ติดกับร้านข้าวนี้เลย เรียกว่าหน่วยงานอะไรแล้วจำไม่ได้ ต้องขอโทษด้วย ท้องอิ่มก้อเริ่มแว๊น มาเมืองน่านที่ตั้งใจคือไปวัดและวัด

วัดหัวข่วง ออกจากที่พักมานิดเดียว ช่วงที่ไปทางวัดมีการปรับปรุงภายในอุโบสถ





วัดพระธาตุช้างค้ำ



วัดภูมินทร์







ออกจากวัดภูมินทร์ ก้อต้องมากินกาแฟอันหอมกรุ่น ไม่กินกาแฟ ก้อได้แต่สั่งโกโก้ปั่น อร่อยเหมือนเดิม ตามด้วยของฝากไปอีกเช่นกัน







เสร็จจากนี้ก้อไปต่อที่วัดมิ่งเมือง





วัดสวนตาล





ต่อไปด้วย อุโมงค์ลั่นทม แต่ดอกไม่มีแล้ว





พิพิธภัณฑ์ ซึ่งอยู่ระหว่างการปรับปรุง ปิดทำการเข้าชมไม่ได้ ได้แต่ถ่ายรูปภายนอก



เวลายังไม่ค่ำมาก ตระเวณไปมา เลยไปวัดต่ออีก
วัดไผ่เหลือง



วัดศรีพันต้น





เสร็จก้อเริ่มมืดลง แต่บังเอิญไฟหน้ารถไม่มี ไม่ได้เช็คแต่ต้น เลยต้องรีบหาไรกิน เพื่อได้กลับห้องพัก ไปเจอของโปรด น้ำเต้าหู้ คนเยอะมาก ต้องมีบัตรคิวในการซื้อ น่ารักดีค่ะ



ร้านเซเว่นในเมืองน่าน สวยงามดีแท้



อาหารค่ำคืนนี้ อร่อยจริง อร่อยจัง



มารีวิวให้ดูต่อในภาค 2 นะคะ
แก้ไขข้อความเมื่อ

แสดงความคิดเห็น
โปรดศึกษาและยอมรับนโยบายข้อมูลส่วนบุคคลก่อนเริ่มใช้งาน อ่านเพิ่มเติมได้ที่นี่