เราจองตั๋วเครื่องบินผ่านทางเวปแห่งหนึ่งเพื่อเดินทางจากกรุงเทพไปงานแฟร์ที่กวางเจาและไปเที่ยวต่อที่ไต้หวัน โดยที่ตั๋วขากลับต้องมาเปลี่ยนเค่รื่องที่เซินเจิ้น เราออกเดินทางพร้อมลูกอายุ1.6ขวบและสามี ขาไปเราโทรหาเวปที่จองตั๋วเพื่อให้ติดต่อกับทางสายการบินให้เตรียมอาหารสำหรับเด็ก และสอบถามน้ำหนักกระเป๋าของลูกที่สามารถโหลดใต้เครื่องได้ ซึ่งก็ได้รับคำตอบว่า23กิโลเท่าผู้ใหญ่ ขาออกเดินทางทุกอย่างผ่านไปด้วยดี มาเจอปัญหาตอนขึ้นเครื่องที่พนักงานแจ้งว่าไม่ได้เตรียมอาหารเด็กไว้ให้ถ้าจะรับเครื่องต้องดีเลย์15นาที เราเลยบอกไม่เป็นไรให้ลูกกินกับเราได้ มาเจออีกปัญหาที่กวางเจาตอนเช็คอินกระเป๋าพนักงานแจ้งว่าน้ำหนักกระเป๋าลูกได้แค่10กิโลและต้องคิดแยก ทำให้เราต้องถ่ายของออกจากกระเป๋าลูกมาใส่ใบอื่นซึ่งก็เสียเวลาพอสมควร แต่นี่ก็ไม่ใช่ปัญหาหนักสุดเท่าตอนขากลับจากไต้หวัน พนักงานแจ้งเราว่าที่สนามบินเซินเจิ้นไม่มีtransitเราต้องออกไปเอากระเป๋าและรับตั๋วใหม่ และมาเช็คอินกลับกรุงเทพอีกรอบ แต่เราไม่มีวีซ่าเข้าจีนแล้ว พนักงานบอกให้เราโทรกลับไปติดต่อเวปที่รับจองตั๋ว ซึ่งเราก็โทรไปให้ทางเวปเช็คกับสายการบิน รอประมาณ20นาทีได้รับคำตอบว่าสายการบินคิดว่าเรามีวีซ่าเข้าจีนอยู่แล้ว ถ้าไม่มีก็ต้องเปลี่ยนตั๋วมาtransitที่กวางเจาแทนและมีค่าใช้จ่ายเพิ่ม16900บาท ซึ่งเราก็ต้องยอมเพราะเป็นห่วงลูกที่ยังไม่ได้กินข้าว เราต้องเลื่อนเวลาออกเดินทางไปอีก2ชั่วโมง ขากลับก็ไม่มีอาหารให้ลูกเราอีกตามเคย ตอนกลับมาเราโทรไปร้องเรียนกับสายการบินถึงเรื่องที่เกิดขึ้น พนักงานที่รับสายบอกเราว่าเราต้องโทรไปสอบถามเองว่าสนามบินที่จะไปต่อเครื่องต้องใช้วีซ่าหรือไม่ซึ่งเรางงมาก เพราะกว่าเราจะถึงเซินเจิ้นก็ช่วงบ่ายและต่อเครื่องอีกทีตอนเย็น เราจะขอวีซ่าเพื่อ??? เราเลยบอกกลับไปว่าถ้ารู้ว่ามีปัญหาแบบนี้ก็ไม่ควรปล่อยตั๋วแบบนี้เข้ามาให้จองในระบบ แต่พนักงานตอบกลับมาว่าเป็นนโยบายของสนามบิน และไม่สามารถเข้าไปแก้ไขข้อมูลในระบบได้ ลูกค้าต้องเช็คเอง เราเลยอยากเตือนเพื่อนๆที่คิดจะจองตั๋วและtransitที่สนามบินอื่นให้เช็คข้อมูลให้ดีก่อนออกเดินทางจะได้ไม่ต้องมาเจอปัญหาแบบเรา เสียทั้งเงินทั้งเวลา และเสียความรู้สึกเป็นอย่างมาก
ใครเคยซื้อตั๋วเครื่องบินที่ต้องtransitแล้วเจอแบบนี้บ้าง