สวัสดีค่ะ นี่เป็นกระทู้ที่ 3 ของเราที่รีวิวไปเรื่อยเปื่อย ตามประสาคนว่าง (หราาาาาา ?)
จริงๆแล้วกระทู้นี้มันจะไม่เกิดขึ้นหรอก เพราะว่าขี้เกียจเขียน ฮ่าๆๆๆ แต่ว่ามีคนเรียกร้องมาเยอะมาก (มั้ง) ทั้งใน facebook ส่วนตัวและสมาชิกเพจ "แบกเป้เที่ยว" เลยทำให้กระทู้นี้ได้แจ้งเกิดขึ้นมา
ต้องบอกก่อนว่า ทริปนี้เริ่มต้นจากความที่อยากไปเชียงใหม่มากๆ เป็นทุนเดิมอยู่แล้ว บวกกับเหลือวันลาพักร้อนอีกตั้ง 2 วันแหน่ะ ทั้งๆที่ก็จะลาออกจากงานอยู่แล้ว (ก็ยังคงงกวันลาอยู่ดี ฮ่าๆๆ) เลยชวนเพื่อนในออฟฟิศให้ไปด้วยกัน นางก็ไม่ลีลานะ (เรื่องกินเรื่องเที่ยว นี่ขอให้บอก นางพร้อมเสมอ แม้ว่าเงินจะไม่อำนวยก็ตาม 5555555) เมื่อตกลงกันได้ก็เริ่มหาตั๋วเครื่องบินถูกๆ ซึ่งมันจะไปมีได้ไงล่ะ ก็มาหาตั๋วช่วงวันหยุดยาวงี้ แต่โชคก็เข้าข้างแหละ ได้ตั๋วไปกลับในราคาประมาณ 2 พันนิดๆ ก็โอเคอยู่ (ถึงแพงกว่านี้ ชั้นก็จะไปย่ะ) จากนั้นก็เริ่มลิสต์ที่ที่อยากไปกัน แต่ส่วนมากออกมาเป็นร้านอาหารและคาเฟ่ร้านขนมซะส่วนใหญ่ จนเริ่มไม่แน่ใจว่านี่ทริปเที่ยวหรือทริปตะลุยกินอินเชียงใหม่กันแน่ ฮ่าาาาาๆ
* ทริปนี้ไปกัน 4 วัน 3 คืน ,, ไม่จำกัดงบ ,, เดินทางด้วยรถแดงและเดินตลอดทั้งทริป (ยกเว้นไปแม่กำปอง)
** ทริคการเรียกรถแดง โบกแล้วให้บอกปลายทางที่จะไป ห้ามถามราคาเด็ดขาด!!! เพราะเค้าจะรู้ว่าเราไม่ใช่คนที่นั่น ทีนี้ล่ะโดนเหมาแพงแน่ๆ ส่วนมากจะเสียคนละ 20 บาท/เที่ยว แต่ถ้าแพงกว่านั้น คนขับจะบอกเราเองว่าเท่าไหร่
สถานที่ที่ไปทั้งหมด ก็จะมีตามนี้
- บ้านข้างวัด
- ร้าน Yellow Mango
- ถนนคนเดินเชียงใหม่-ประตูท่าแพ
- ประตูท่าแพ
- วัดพระธาตุดอยสุเทพ
- อ่างแก้ว มหาวิทยาลัยเชียงใหม่
- คั่วไก่นิมมาน
- ร้าน Cheevit Cheeva
- ร้าน Ristr8to Lab
- ต๋องเต็มโต๊ะ
- หมู่บ้านแม่กำปอง
- ข้าวซอยนิมมาน
- ร้าน SS1254372 Cafe
แหน่ะ! มีแต่ร้านอาหารกับร้านขนมจริงๆใช่มั้ยล่ะ ก็บอกแล้วนี่ทริปตะลุยกิน เย้ยยย ทริปเที่ยว ฮ่าๆๆๆ
เกริ่นมาซะเยอะ เริ่มเลยละกันเนอะ Let's go!
23 ตุลาคม 2559
ออกเดินทางสู่สนามบินดอนเมือง (เกือบตกเครื่องด้วยจ้า มัวแต่โอ้เอ้กันอยู่นาน - -" ) ทริปนี้เราเดินทางด้วยสายการบินแอร์เอเชีย แอร์น่ารักและสวยมากก >< ไฟลท์บินเวลาเกือบบ่าย 2 โมง ใช้เวลาบินประมาณ 1 ชั่วโมงเศษๆ ก็ถึงสนามบินเชียงใหม่ มุ่งหน้าสู่ที่พัก ซึ่งเป็นเกสท์เฮ้าส์ราคาถูกย่านช้างม่อย ใกล้ๆประตูท่าแพ เป็นห้องพัดลม มีห้องน้ำในตัว ในราคา 2 คืน 500 บาท (เราเป็นพวกไม่ซีเรียสเรื่องที่พัก ขอแค่นอนได้ก็พอละ แต่จะซีเรียสเรื่องห้องน้ำมากกว่า) เมื่อเก็บข้าวของที่แบกมาเสมือนว่าหนีตามผู้ชายเรียบร้อยแล้ว ก็เรียกรถแดงให้ไปส่งที่ "บ้านข้างวัด" ก่อนเลย เพราะที่นี่ปิดทุกวันจันทร์จ้า
จริงๆ ยังเดินบ้านข้างวัดไม่ครบด้วยซ้ำ เพราะเวลามีจำกัดจริงๆ โครงการปิด 18.00 น. ครั้งหน้าอาจจะต้องกลับไปซ้ำอีกที
ถัดจากโครงการบ้านข้างวัดก็จะเป็นร้าน "Yellow Mango" ตึกสีเหลืองตัดด้วยประตูหน้าต่างสีเขียว ที่เป็นสถานที่ถ่ายหนังถ่ายละครบ่อยๆ ก็สวยดีนะเว่ยยยย ถ้ามีเวลาก็คงนั่งรับลมชิวๆ จิบกาแฟเพลินๆ
เริ่มจะเย็นละสิ ท้องก็เริ่มร้องเรียกหาของกินซะแล้ว โทรเรียกรถแดงให้มารับที่บ้านข้างวัด (ขอเบอร์จากร้านค้าในนั้น) ซึ่งส่วนมากไม่ค่อยมีรถโดยสารผ่านเข้ามาทางนี้เท่าไหร่ ถ้าขับรถไปจะสะดวกมากกว่า มุ่งหน้าสู่ "ถนนคนเดินเชียงใหม่-ประตูท่าแพ" ที่มีเฉพาะวันอาทิตย์ (มั้ง) ไม่รีรอเดินหาของกินและดูของกันทุกซอกทุกมุมจนได้มาแค่รูปเดียว 55555555
หนังท้องตึง หนังตาก็หย่อนสิครับ จากถนนคนเดินก็ไม่ไกลจากที่พักมาก เดินมาเรื่อยๆ ชิวๆ ก็ถึงที่พัก อาบน้ำพักผ่อนตามอัธยาศัย
พรุ่งนี้ค่อยว่ากันใหม่ เย่!
24 ตุลาคม 2559
ตื่นเช้ามาพร้อมอากาศดีๆ ที่ไม่อยากตื่น อาบน้ำแต่งตัว เดินจากที่พักไปยังประตูท่าแพ เพื่อถ่ายรูป 555555
และมุ่งหน้าไปยังท่ารถขึ้นดอยสุเทพ พอถึงท่ารถ คนขับก็เสนอว่าไปทั้ง 3 ที่เลยมั้ย มีดอยสุเทพ พระตำหนักภูพิงค์ และบ้านม้งดอยปุย ในราคาไปกลับ 180 บาท/คน เออคุ้มดีว่ะ ก็ตอบกลับว่าไปค่ะ! (เพราะไปกลับแค่ดอยสุเทพก็คนละ 80 บาทแล้ว) แต่ต้องรอให้ครบ 10 คนก่อนนะ รถถึงจะออก ทีนี้จุดพีคมันอยู่ตรงนี้ค่ะ จริงๆมีต่างชาติจะไปทั้ง 3 ที่แบบเรา แต่พอถึงดอยสุเทพก็บอกว่าไม่ไปแล้วเฉยเลย จะเที่ยวแค่ตรงนี้ ความซวยดันตกอยู่ที่เราสินะ ลุงคนขับเทเราค่ะ! นางบอกไม่ไปแล้วนะ ถ้าจะไปต้องเหมาคนละ 800 บาท (แพงสุดดดดด) เรากับเพื่อนก็เลยต้องจำใจลงแค่ดอยสุเทพ ขากลับลงมาจะเจอเด็กดอยที่รอเรียกถ่ายรูปพร้อมวลีเด็ดของพวกนาง "พี่ๆ ถ่ายรูปมั้ย ยี่ฉิบๆ" แต่ขอบอกไว้ตรงนี้เลยนะจ๊ะ น้องไม่มีทางได้เงินพี่แน่นอน ไม่ใช่ว่าพี่งกนะ พี่แค่ไม่ชอบถ่ายรูปแค่นั้นเอง 55555555 แต่เด็กดอยน่ารักนะ แก้มแดงกันทุกคนเลย
หลังลงมาจากดอยสุเทพก็ขึ้นรถแดง ให้ลุงคนขับพาไปส่ง "อ่างแก้ว มหาวิทยาลัยเชียงใหม่"
เอาจริงๆถึงที่นั่นจะดูไม่ค่อยมีอะไร แต่ถ้านั่งชิวๆ รับลม มองวิว ก็เพลินดีเหมือนกัน
จากนั้น เราตั้งใจว่าจะไป "สวนพฤกษศาสตร์สมเด็จพระนางเจ้าสิริกิติ์" ที่อยู่ในอำเภอแม่ริม จากที่ได้ศึกษาเส้นทางไปก็คิดว่าได้ไปแน่ๆ ก็ไปตามล่าหารถที่ผ่านตรงนั้น แต่ไม่เจอจ้า มีแต่บอกให้เหมา คนละ 800 บาทอีกแล้ว บายจ้าาา ไว้มาเก็บคราวหน้าก็ได้ เลยเปลี่ยนแพลนไปตะลุยต่อที่ "นิมมานเหมินทร์" แทน แหล่งร้านอาหารและคาเฟ่ขนม สวรรค์ของเราสองคนแหละ ฮี่ฮี่
ร้านแรก "คั่วไก่นิมมาน" มาถึงเชียงใหม่ ถ้าไม่ได้มากินร้านนี้ เดี๋ยวก็จะหาว่าไม่ถึง ใช่มะ?
กินคาว ไม่กินหวาน สันดานไพร่ เลยทำให้ต้องไปต่อร้านที่สอง "Cheevit Cheeva" ร้านนี้เด็ดที่บิงซู เทียบกับร้านดังๆในกรุงเทพฯได้เลย คือดีมากก อร่อยยยยยยยยยย ปลื้มปริ่มเป็นที่สุด
ยังค่ะ ยังไม่พอ ไปต่อกันที่ร้านที่สาม "Ristr8to Lab" จุดเด่นของร้านนี้คือแก้วรูปหัวกะโหลก เอกลักษณ์ที่ไม่เหมือนใครเลยจริงๆ แถมกาแฟก็อร่อยและหอมมากกกกก
อย่าถามค่ะว่า 3 ร้านแล้ว อาการตอนนี้เป็นยังไง บอกได้เลยว่าจุกจนถึงลิ้นปี่ แต่สายกินอย่างเรามีหรือจะหยุดแค่เท่านี้ เดินย่อยสักพักก็ถึงเวลาอาหารเย็นพอดี ไปค่ะ! ไปต่อคิวรอกินอาหารเหนือที่ "ต๋องเต็มโต๊ะ" พอไปถึงนี่อยากจะเปลี่ยนชื่อร้านเป็น ต๋องโต๊ะเต็ม กันเลยทีเดียว แต่ก็ยังดีที่รอคิวไม่นาน ประมาณครึ่งชั่วโมงก็ได้โต๊ะนั่งละ จริงๆเราอยากลองอาหารเหนือหลายอย่างเลย แต่เพื่อนเรานางบอกไม่เอา กลัวกินไม่ได้ เลยต้องกินอะไรที่ง่ายๆ และคุ้นเคย ดังภาพค่ะ ราคาคือถูกมาก กับข้าว 4 อย่าง ข้าวเปล่า ราคาแค่ 300 นิดๆเอง แถมอร่อยมากๆ
ถึงเวลาที่ต้องกลับที่พัก อาบน้ำและเก็บเสื้อผ้ายัดใส่ปลาเก๋า เพื่อเตรียมตัวเดินทางสู่แม่กำปอง ไฮไลท์ของทริปนี้ค่ะ
25 ตุลาคม 2559
การเดินทางจากตัวเมืองเชียงใหม่ไปยัง "หมู่บ้านแม่กำปอง" เราเลือกใช้บริการรถรับ-ส่งของโฮมสเตย์ในแม่กำปอง "บ้านฮิมห้วย ลุงปุ๊ด&ป้าเป็ง โฮมสเตย์" ในราคาคนละ 600 บาท ลุงคนขับใจดีมาก แนะนำสถานที่เที่ยวทุกอย่าง ชวนคุยแถมจอดให้ลงไปถ่ายรูปตลอดทางเลย
และแล้วก็มาถึงหมู่บ้านวิถีสโลว์ไลฟ์ คือมันดีมากๆ ดีต่อใจจริงๆ อากาศดี ทุกอย่างดี มันดีไปหมดทุกอย่างเลย บอกเขาไปว่าฉันชอบเขา <3
ก็จัดแจงเอากระเป๋าเข้าไปเก็บที่ห้องพัก ซึ่งเราก็เลือกพักที่บ้านฮิมห้วยในราคาคืนละ 650 บาท/คืน/คน พร้อมอาหารเช้า 1 มื้อ
หลังจากนั้นเราก็แบกกล้องเดินเล่นในหมู่บ้านไปเรื่อยๆ จนไปถึง "ร้านกาแฟชมนก ชมไม้" ที่ที่มีคนถ่ายรูปและเช็คอินไม่น้อย (เราก็เป็นหนึ่งในนั้น 555555) เพราะมี top view ที่ดีที่สุดในหมู่บ้าน
ห่างจากร้านกาแฟไปไม่ไกลก็จะถึง "น้ำตกแม่กำปอง" สวยและน้ำเย็นมาก
ขากลับจากน้ำตกจะมีเส้นทางเดินป่าระยะสั้นที่กลับมายังหมู่บ้าน จะผ่านต้นกาแฟที่ชาวบ้านปลูกกัน เพราะที่นี่จะมีอาชีพปลูกกาแฟขาย
ขออนุญาตต่อในคอมเม้นนะคะ
[CR] Falling in love ,, Chiangmai แล้วคุณจะหลงรักเชียงใหม่เหมือนกับเรา
สวัสดีค่ะ นี่เป็นกระทู้ที่ 3 ของเราที่รีวิวไปเรื่อยเปื่อย ตามประสาคนว่าง (หราาาาาา ?)
จริงๆแล้วกระทู้นี้มันจะไม่เกิดขึ้นหรอก เพราะว่าขี้เกียจเขียน ฮ่าๆๆๆ แต่ว่ามีคนเรียกร้องมาเยอะมาก (มั้ง) ทั้งใน facebook ส่วนตัวและสมาชิกเพจ "แบกเป้เที่ยว" เลยทำให้กระทู้นี้ได้แจ้งเกิดขึ้นมา
ต้องบอกก่อนว่า ทริปนี้เริ่มต้นจากความที่อยากไปเชียงใหม่มากๆ เป็นทุนเดิมอยู่แล้ว บวกกับเหลือวันลาพักร้อนอีกตั้ง 2 วันแหน่ะ ทั้งๆที่ก็จะลาออกจากงานอยู่แล้ว (ก็ยังคงงกวันลาอยู่ดี ฮ่าๆๆ) เลยชวนเพื่อนในออฟฟิศให้ไปด้วยกัน นางก็ไม่ลีลานะ (เรื่องกินเรื่องเที่ยว นี่ขอให้บอก นางพร้อมเสมอ แม้ว่าเงินจะไม่อำนวยก็ตาม 5555555) เมื่อตกลงกันได้ก็เริ่มหาตั๋วเครื่องบินถูกๆ ซึ่งมันจะไปมีได้ไงล่ะ ก็มาหาตั๋วช่วงวันหยุดยาวงี้ แต่โชคก็เข้าข้างแหละ ได้ตั๋วไปกลับในราคาประมาณ 2 พันนิดๆ ก็โอเคอยู่ (ถึงแพงกว่านี้ ชั้นก็จะไปย่ะ) จากนั้นก็เริ่มลิสต์ที่ที่อยากไปกัน แต่ส่วนมากออกมาเป็นร้านอาหารและคาเฟ่ร้านขนมซะส่วนใหญ่ จนเริ่มไม่แน่ใจว่านี่ทริปเที่ยวหรือทริปตะลุยกินอินเชียงใหม่กันแน่ ฮ่าาาาาๆ
* ทริปนี้ไปกัน 4 วัน 3 คืน ,, ไม่จำกัดงบ ,, เดินทางด้วยรถแดงและเดินตลอดทั้งทริป (ยกเว้นไปแม่กำปอง)
** ทริคการเรียกรถแดง โบกแล้วให้บอกปลายทางที่จะไป ห้ามถามราคาเด็ดขาด!!! เพราะเค้าจะรู้ว่าเราไม่ใช่คนที่นั่น ทีนี้ล่ะโดนเหมาแพงแน่ๆ ส่วนมากจะเสียคนละ 20 บาท/เที่ยว แต่ถ้าแพงกว่านั้น คนขับจะบอกเราเองว่าเท่าไหร่
สถานที่ที่ไปทั้งหมด ก็จะมีตามนี้
- บ้านข้างวัด
- ร้าน Yellow Mango
- ถนนคนเดินเชียงใหม่-ประตูท่าแพ
- ประตูท่าแพ
- วัดพระธาตุดอยสุเทพ
- อ่างแก้ว มหาวิทยาลัยเชียงใหม่
- คั่วไก่นิมมาน
- ร้าน Cheevit Cheeva
- ร้าน Ristr8to Lab
- ต๋องเต็มโต๊ะ
- หมู่บ้านแม่กำปอง
- ข้าวซอยนิมมาน
- ร้าน SS1254372 Cafe
แหน่ะ! มีแต่ร้านอาหารกับร้านขนมจริงๆใช่มั้ยล่ะ ก็บอกแล้วนี่ทริปตะลุยกิน เย้ยยย ทริปเที่ยว ฮ่าๆๆๆ
เกริ่นมาซะเยอะ เริ่มเลยละกันเนอะ Let's go!
23 ตุลาคม 2559
ออกเดินทางสู่สนามบินดอนเมือง (เกือบตกเครื่องด้วยจ้า มัวแต่โอ้เอ้กันอยู่นาน - -" ) ทริปนี้เราเดินทางด้วยสายการบินแอร์เอเชีย แอร์น่ารักและสวยมากก >< ไฟลท์บินเวลาเกือบบ่าย 2 โมง ใช้เวลาบินประมาณ 1 ชั่วโมงเศษๆ ก็ถึงสนามบินเชียงใหม่ มุ่งหน้าสู่ที่พัก ซึ่งเป็นเกสท์เฮ้าส์ราคาถูกย่านช้างม่อย ใกล้ๆประตูท่าแพ เป็นห้องพัดลม มีห้องน้ำในตัว ในราคา 2 คืน 500 บาท (เราเป็นพวกไม่ซีเรียสเรื่องที่พัก ขอแค่นอนได้ก็พอละ แต่จะซีเรียสเรื่องห้องน้ำมากกว่า) เมื่อเก็บข้าวของที่แบกมาเสมือนว่าหนีตามผู้ชายเรียบร้อยแล้ว ก็เรียกรถแดงให้ไปส่งที่ "บ้านข้างวัด" ก่อนเลย เพราะที่นี่ปิดทุกวันจันทร์จ้า
จริงๆ ยังเดินบ้านข้างวัดไม่ครบด้วยซ้ำ เพราะเวลามีจำกัดจริงๆ โครงการปิด 18.00 น. ครั้งหน้าอาจจะต้องกลับไปซ้ำอีกที
ถัดจากโครงการบ้านข้างวัดก็จะเป็นร้าน "Yellow Mango" ตึกสีเหลืองตัดด้วยประตูหน้าต่างสีเขียว ที่เป็นสถานที่ถ่ายหนังถ่ายละครบ่อยๆ ก็สวยดีนะเว่ยยยย ถ้ามีเวลาก็คงนั่งรับลมชิวๆ จิบกาแฟเพลินๆ
เริ่มจะเย็นละสิ ท้องก็เริ่มร้องเรียกหาของกินซะแล้ว โทรเรียกรถแดงให้มารับที่บ้านข้างวัด (ขอเบอร์จากร้านค้าในนั้น) ซึ่งส่วนมากไม่ค่อยมีรถโดยสารผ่านเข้ามาทางนี้เท่าไหร่ ถ้าขับรถไปจะสะดวกมากกว่า มุ่งหน้าสู่ "ถนนคนเดินเชียงใหม่-ประตูท่าแพ" ที่มีเฉพาะวันอาทิตย์ (มั้ง) ไม่รีรอเดินหาของกินและดูของกันทุกซอกทุกมุมจนได้มาแค่รูปเดียว 55555555
หนังท้องตึง หนังตาก็หย่อนสิครับ จากถนนคนเดินก็ไม่ไกลจากที่พักมาก เดินมาเรื่อยๆ ชิวๆ ก็ถึงที่พัก อาบน้ำพักผ่อนตามอัธยาศัย
พรุ่งนี้ค่อยว่ากันใหม่ เย่!
24 ตุลาคม 2559
ตื่นเช้ามาพร้อมอากาศดีๆ ที่ไม่อยากตื่น อาบน้ำแต่งตัว เดินจากที่พักไปยังประตูท่าแพ เพื่อถ่ายรูป 555555
และมุ่งหน้าไปยังท่ารถขึ้นดอยสุเทพ พอถึงท่ารถ คนขับก็เสนอว่าไปทั้ง 3 ที่เลยมั้ย มีดอยสุเทพ พระตำหนักภูพิงค์ และบ้านม้งดอยปุย ในราคาไปกลับ 180 บาท/คน เออคุ้มดีว่ะ ก็ตอบกลับว่าไปค่ะ! (เพราะไปกลับแค่ดอยสุเทพก็คนละ 80 บาทแล้ว) แต่ต้องรอให้ครบ 10 คนก่อนนะ รถถึงจะออก ทีนี้จุดพีคมันอยู่ตรงนี้ค่ะ จริงๆมีต่างชาติจะไปทั้ง 3 ที่แบบเรา แต่พอถึงดอยสุเทพก็บอกว่าไม่ไปแล้วเฉยเลย จะเที่ยวแค่ตรงนี้ ความซวยดันตกอยู่ที่เราสินะ ลุงคนขับเทเราค่ะ! นางบอกไม่ไปแล้วนะ ถ้าจะไปต้องเหมาคนละ 800 บาท (แพงสุดดดดด) เรากับเพื่อนก็เลยต้องจำใจลงแค่ดอยสุเทพ ขากลับลงมาจะเจอเด็กดอยที่รอเรียกถ่ายรูปพร้อมวลีเด็ดของพวกนาง "พี่ๆ ถ่ายรูปมั้ย ยี่ฉิบๆ" แต่ขอบอกไว้ตรงนี้เลยนะจ๊ะ น้องไม่มีทางได้เงินพี่แน่นอน ไม่ใช่ว่าพี่งกนะ พี่แค่ไม่ชอบถ่ายรูปแค่นั้นเอง 55555555 แต่เด็กดอยน่ารักนะ แก้มแดงกันทุกคนเลย
หลังลงมาจากดอยสุเทพก็ขึ้นรถแดง ให้ลุงคนขับพาไปส่ง "อ่างแก้ว มหาวิทยาลัยเชียงใหม่"
เอาจริงๆถึงที่นั่นจะดูไม่ค่อยมีอะไร แต่ถ้านั่งชิวๆ รับลม มองวิว ก็เพลินดีเหมือนกัน
จากนั้น เราตั้งใจว่าจะไป "สวนพฤกษศาสตร์สมเด็จพระนางเจ้าสิริกิติ์" ที่อยู่ในอำเภอแม่ริม จากที่ได้ศึกษาเส้นทางไปก็คิดว่าได้ไปแน่ๆ ก็ไปตามล่าหารถที่ผ่านตรงนั้น แต่ไม่เจอจ้า มีแต่บอกให้เหมา คนละ 800 บาทอีกแล้ว บายจ้าาา ไว้มาเก็บคราวหน้าก็ได้ เลยเปลี่ยนแพลนไปตะลุยต่อที่ "นิมมานเหมินทร์" แทน แหล่งร้านอาหารและคาเฟ่ขนม สวรรค์ของเราสองคนแหละ ฮี่ฮี่
ร้านแรก "คั่วไก่นิมมาน" มาถึงเชียงใหม่ ถ้าไม่ได้มากินร้านนี้ เดี๋ยวก็จะหาว่าไม่ถึง ใช่มะ?
กินคาว ไม่กินหวาน สันดานไพร่ เลยทำให้ต้องไปต่อร้านที่สอง "Cheevit Cheeva" ร้านนี้เด็ดที่บิงซู เทียบกับร้านดังๆในกรุงเทพฯได้เลย คือดีมากก อร่อยยยยยยยยยย ปลื้มปริ่มเป็นที่สุด
ยังค่ะ ยังไม่พอ ไปต่อกันที่ร้านที่สาม "Ristr8to Lab" จุดเด่นของร้านนี้คือแก้วรูปหัวกะโหลก เอกลักษณ์ที่ไม่เหมือนใครเลยจริงๆ แถมกาแฟก็อร่อยและหอมมากกกกก
อย่าถามค่ะว่า 3 ร้านแล้ว อาการตอนนี้เป็นยังไง บอกได้เลยว่าจุกจนถึงลิ้นปี่ แต่สายกินอย่างเรามีหรือจะหยุดแค่เท่านี้ เดินย่อยสักพักก็ถึงเวลาอาหารเย็นพอดี ไปค่ะ! ไปต่อคิวรอกินอาหารเหนือที่ "ต๋องเต็มโต๊ะ" พอไปถึงนี่อยากจะเปลี่ยนชื่อร้านเป็น ต๋องโต๊ะเต็ม กันเลยทีเดียว แต่ก็ยังดีที่รอคิวไม่นาน ประมาณครึ่งชั่วโมงก็ได้โต๊ะนั่งละ จริงๆเราอยากลองอาหารเหนือหลายอย่างเลย แต่เพื่อนเรานางบอกไม่เอา กลัวกินไม่ได้ เลยต้องกินอะไรที่ง่ายๆ และคุ้นเคย ดังภาพค่ะ ราคาคือถูกมาก กับข้าว 4 อย่าง ข้าวเปล่า ราคาแค่ 300 นิดๆเอง แถมอร่อยมากๆ
ถึงเวลาที่ต้องกลับที่พัก อาบน้ำและเก็บเสื้อผ้ายัดใส่ปลาเก๋า เพื่อเตรียมตัวเดินทางสู่แม่กำปอง ไฮไลท์ของทริปนี้ค่ะ
25 ตุลาคม 2559
การเดินทางจากตัวเมืองเชียงใหม่ไปยัง "หมู่บ้านแม่กำปอง" เราเลือกใช้บริการรถรับ-ส่งของโฮมสเตย์ในแม่กำปอง "บ้านฮิมห้วย ลุงปุ๊ด&ป้าเป็ง โฮมสเตย์" ในราคาคนละ 600 บาท ลุงคนขับใจดีมาก แนะนำสถานที่เที่ยวทุกอย่าง ชวนคุยแถมจอดให้ลงไปถ่ายรูปตลอดทางเลย
และแล้วก็มาถึงหมู่บ้านวิถีสโลว์ไลฟ์ คือมันดีมากๆ ดีต่อใจจริงๆ อากาศดี ทุกอย่างดี มันดีไปหมดทุกอย่างเลย บอกเขาไปว่าฉันชอบเขา <3
ก็จัดแจงเอากระเป๋าเข้าไปเก็บที่ห้องพัก ซึ่งเราก็เลือกพักที่บ้านฮิมห้วยในราคาคืนละ 650 บาท/คืน/คน พร้อมอาหารเช้า 1 มื้อ
หลังจากนั้นเราก็แบกกล้องเดินเล่นในหมู่บ้านไปเรื่อยๆ จนไปถึง "ร้านกาแฟชมนก ชมไม้" ที่ที่มีคนถ่ายรูปและเช็คอินไม่น้อย (เราก็เป็นหนึ่งในนั้น 555555) เพราะมี top view ที่ดีที่สุดในหมู่บ้าน
ห่างจากร้านกาแฟไปไม่ไกลก็จะถึง "น้ำตกแม่กำปอง" สวยและน้ำเย็นมาก
ขากลับจากน้ำตกจะมีเส้นทางเดินป่าระยะสั้นที่กลับมายังหมู่บ้าน จะผ่านต้นกาแฟที่ชาวบ้านปลูกกัน เพราะที่นี่จะมีอาชีพปลูกกาแฟขาย
ขออนุญาตต่อในคอมเม้นนะคะ