ทริปนี้เดินทางช่วง ม.ค. 59 เป็นทริปทดสอบกำลังใจ…. ต้องบอกก่อน อันนั้นไม่ใช่ทริปล่าผีท้าผี แต่เป็นทริปเดินป่าขึ้นเขา ก่อนไปหารือสมาชิกแล้วว่าไหวมั๊ยๆ คำตอบคือ ไหว !!! ไหวก็ไหว งั้นก็ไปสิคะรออะไร งานนี้ไม่ต้องเตรียมตัวอะไรมาก เพราะไปกับคณะทัวร์ของ Basscamp Thailand เลือกวันเวลาลงตัวแล้วก็เหลือแค่เตรียมร่างกายให้พร้อม หลังจากหาข้อมูลในเนตแล้วชักจะเริมหวั่น อะไรนะ!! น้ำไม่มี ห้องส้วมไม่มี แบกของทุกอย่างเองแถมต้องเดินนาน 5-6ชม. เอาน่า….. อย่าให้ความลำบากมาเป็นอุปสรรคในการไปเที่ยว ตัดสินใจแล้ว มันต้องเดินหน้าอย่างเดียว
ทริปนี้ใช้เวลา 3วัน 2คืน เพราะไม่อยากเหนื่อนจนเกินไป คณะเราออกเดินทางกันช่วงกลางคืนโดยรถตู้ หลับๆ ตื่นๆ มาตลอดททางจนมาถึง เชียงดาว สตอรี่ แคมป์ แวะล้างหน้าล้างตา ห้องน้ำห้องท่า และข้าวมื้อเช้ากันให้สำราญก่อนจะต้องใช้แรงงานกันอย่างเต็มที่
ลงมาเจออากาศดีๆ วิวดีๆ
บรรยากาศหมอกฟุ้งน้ำ ชิลมากๆ ปางอุ๋งเมืองเชียงดาวแท้ๆ
อาบน้ำ กินข้าวกันเรียบร้อยก็เตรียมเดินทาง ที่แรกเข้าใจว่าทางทัวร์เค้าจะรวมสัมภาระเราไปกับลูกหาบส่วนกลางด้วย แต่ไม่นะจ้ะ ของเราเราแบก อันนี้เริ่มหวั่นใจละ แบกเองไม่น่าไหวสรุปเลยจ้างลูกหาบเองต่างหาก 1คน ราคา 1,350เหมา 3วันต่อน้ำหนัก 20กิโล เหมือนน้ำหนักจะเยอะแต่พอเอาของพวกเรา 4คนรวมกันโอ้ว…. 20โลพอดีเลยจ้า นี่ถ้าแบกขึ้นเองมีหวังเที่ยงคืนยังไม่ถึงที่กางเตนท์ เรียบร้อยเรื่องลูกหาบก็ออกเดินได้ ของจริงกำลังจะเริ่ม
ได้เวลาก็โดดขึ้นรถกระบะเพื่อไปส่งเราที่จุดเดินเท้าที่ปางวัว แนะนำสักนิดเวลามาอากาศจะหนาวแค่ไหนก็ก็บเสื้อกันหนาวลงกระเป๋ายกให้ลูกหาบไปเลย ไม่ต้องกลัวว่าจะหนาว ใส่แค่เสื้อยืดเอาอยู่แน่นอน ส่วนกางเกงควรจะขายาวแบบสบายๆ หน่อย กันพวกกิ่งไม้ใบหญ้าระหว่างทาง สิ่งที่เอาติดตัวไปด้วยเอาแค่ของกินเพิ่มพลังงานระหว่างทาง น้ำ แล้วก็กล้อง
เส้นทางเดินของเรา
พร้อมแล้วก็ไปกันเลย ...
เดินไปเรื่อยๆ ทางก็เริ่มแคบ เริ่มชันแถมลื่นอีกต่างหาก
วิวสวยๆ ระหว่างทางช่วยได้มาก เพราะเป็นการแวะพักเหนื่อยไปในตัว
ไม่ไหวแล้ววว…..ขอโด๊บยาแปร๊บบ!!!!!
เห็นลูกหาบแบกของแล้วรู้สึกว่า… 1,350 ให้เค้าไปเห้ออออออออ
เริ่มจะเดินยากขึ้น ขาเริ่มจะยกลำบาก
3 ชม.กว่าๆ เราก็มาถึงจุดนัดพบ จุดนี้จะมาเจอกันระหว่างคนที่เดินมาจากทางเด่นหญ้าขัดกับทางปางวัว พี่หน.ทัวร์เค้าบอกว่าเด่นหญ้าขัดจะระยะทางไกลกว่าแต่เดินสบายกว่า แต่คณะเราวัยรุ่นขึ้นปางวัวระยะทางสั้นกว่าแต่ชันกว่า …. พี่ก็คิดเองไม่ถงไม่ถามสุขภาพกันสักคำ
เดินไปพักไป ใครอยากจะแซงก็ช่างเค้าาาาาา
เห็นทางแล้วขอถอนหายใจเฮือกใหญ่… อย่าท้อคะ เดินไปพักไป ยังไงก็ถึง แต่ถึงเมื่อไหร่ค่อยว่ากันอีกที 5555
เดินมา 6 ชม.ในที่สุดเราก็มาถึงจุดกางเตนท์หลังจากบ่นมาตลอดทาง เห็นแล้วมันชื่นใจ ภูมิใจตัวเองทำได้ขนาดเน้ จุดกางเตนท์ก็จะมีหลายกลุ่มส่วนใหญ่จะเป็นของทัวร์ ข้อดีคือการมากับทัวร์เราไม่ต้องห่วงเรื่ออาหารการกิน มีคนคอยเตรียมให้ครบทุกมื้อ เรื่องรสชาดยังไงก็อร่อย ใช้แรงงานมาขนาดนี้ 555 เรื่องน้ำดื่มเค้าจะแจกให้เรา 1ขวดตั้งแต่เดินขึ้นมาเราก็เก็บขวดนั้นไว้มากรอกน้ำเพิ่มได้ แต่บอกไว้สักนิด ถึงจะมีให้เติมแต่เราก็ยังต้องประหยัด ถ้าหมดขึ้นมานี่แย่ทั้งคณะ แถมเห็นใจคนแบกขึ้นมา
เตนท์ของเราลูกหาบกางไว้รอเรียบร้อยแล้ว ชอบหลังไหนมุดเข้าไปเลย ตามแผนแล้วมาถึงก็จะไปดูพระอาทิตย์ตกกันต่อ แต่งานนี้ขอบายนะจ้ะ คิดเหตุผลเองในใจพลาดวันนี้ยังมีพรุ่งนี้ เก็บแรงไว้เหอะอย่าให้เป็นภาระของลูกหลาน แถวบ้านเรียกง่ายๆ ว่าข้ออ้าง คือเหนื่อยมาก เมื่อยมาก อยากนอนนนนนนน
โปรแกรมวันที่ 2คือตื่นแต่เช้าไปรอพระอาทิตย์ขึ้น ตี 5เราก็พร้อมเดิน วันนี้ต้องแบกเสื้อหนาวไปด้วยนะจ้ะ ไม่เหมือนเดินเมื่อวาน เราไปดูพระอาทิตย์กันที่ยอดกิ่วลม เนื่องจากฟ้ายังมืดแถมต้องเดินขึ้นเขา ไฟฉายจึงสำคัญ เดินตอนเช้านี่เราค่อยข้างทำเวลา ไหนจะไปจับจองพื้นที่ ไหนจะต้องไปให้ทันแสงแรกของวัน เหนื่อยอีกแล้วอยากจะโยนเสื้อหนาวทิ้ง… แต่เสียดายทำไม่ลง 555 ก้มหน้าก้มตาเดินต่อไปและแล้ววิวข้างหน้าก็ปรากฏต่อสายตา หายเหนื่อยนะคะเห็นดาวแบบนี้ ด้านล่างโน่นคือเมืองเชียงดาว เรามาถึงจุดๆ นี้ได้ยังไง งงตัวเอง
แสงมาละคะ สวยและอุ่นมากมาย
ตอนขึ้นมาไม่ทันสังเกตุ คนเยอะเหมือนกันเนอะ
ณ. จุดๆนี้มีสัญญาณโทรศัพท์น่ะคะ
สวยมั๊ยๆๆ
วิวแบบนี้มีเงินไม่พอนะ ยังต้องมีแรงเดินด้วย 555
พี่เลียงผาของเรา ทั้งแบกของ ทำกับข้าว พาชมวิว และอีกหลายอย่าง
ดูรูปกันไปยาวๆๆๆๆ
สีเขียวนี่มันสบายตาจริงๆ
แสงมาชัดๆ ก็เห็นจุดที่เรากางเตนท์ เดินขึ้นมาไกลเหมือนกันเนอะ
เราเดินขึ้นมาทางนี้จริงหรือนี่…. โอ้วววว ไม่อยากจะเชื่อ
ลงมาถึงเตนท์อาหารเช้าก็รออยู่แล้ว เมนูข้าวต้มวิญญานหมู คนทำแกว่างั้น… เนื่องจากเมื่อคืนหนักมือกับไข่เจียวหมูสับไปหน่อย แต่ต้องบอกเลย ไข่เจียวหมูสับน้าแกอร่อยจริงจังจนต้องเบิ้ล
อิ่มมื้อเช้าก็เข้าเตนท์นอนเอาแรง ช่วงบ่ายเราจะเดินขึ้นยอดดอยหลวงเชียงดาวไปรอพระอาทิตย์ตก ชาวคณะเค้าจะไปยอดกิ่วลมกันเพราะเมื่อวานเค้าขึ้นยอดดอยหลวงเชียงดาวแล้ว
เดินกึ่งปีนมาเรื่อยๆ เราก็เจอกับกวางผาไม่ใช่เลียงผา มายืนโชว์ตัวให้ลั่นชัตเตอร์กันรัวๆ กล้องเราตัวเบาไปนิดเลยส่องมาได้แค่นี้ ไปแอบมองจากกล้องคนอื่นเค้าเห็นชัดเชียว แอบอิจฉาเล็กๆ พักถ่ายรูปเสร็จก็ปีนต่อ
ในที่สุด….. เราก็พิชิตยอดดอยหลวง ยอดดอยที่สูงเป็นอันดับ 3 ของประเทศ สูงถึง 2,225 เมตร จากระดับน้ำทะเล
คนมิใช่น้อยเหมือนเคย
ณ.จุดๆก็มีสัณญาณโทรศัพท์เช่นกัน
ชื่นใจจริงๆ เสียดายที่เมฆเยอะไปหน่อย อากาศคล้ายฝนจะมาตั้งแต่วันแรกที่มาถึงแล้ว สองจิตสองใจอยากให้ตกเผื่อจะเจอทะเลหมอกหนาๆ แต่ก็อย่าตกเลยมันจะหนาวววววว…. จนนอนไม่ลง
ฟ้ายังไม่มืดเราก็ขอปีนลงก่อน คณะอื่นเค้ารอแสงสุดท้ายกัน แต่เรากลัวจะติดขัดขาลงถ้าลงพร้อมๆ กัน เลยลงมาก่อนดีกว่า อีกอย่างท้องก็เริ่มหิวแล้วด้วย
ตกลางคืนไม่มีดาวให้เห็นเพราะเข้าเตนท์แต่หัววันอีกอย่างฟ้าปิดด้วยแหละ เตรียมพร้อมสำหรับวันพรุ่งนี้ที่ต้องเดินกลับ ทั้งคณะนัดกันเดินลงประมาณ 9โมง ใครพร้อมก็เดินเลยจ้ะ
มองไปข้างหลัง เรามาไกลถึงเพียงนี้เชียว ปลื้มใจจริงๆ
เราใช้เวลาเดิน 4 ชม. ลงมาถึงเราก็ไปที่รีสอร์ทเดิม ได้อาบน้ำหลังจากไม่ได้อาบมา 3วัน สดชื่นถึงขีดสุดก็ตรงนี้ เสร็จแล้วก็กินข้าวมื้อเที่ยง ก่อนจะเดินทางต่อ รถตู้แวะให้ชอปของฝากกันที่กาดทุ่งเกวียน
เราจัดมื้อเย็นกันที่ร้านนี้ ก่อนจะยิงยาวเข้ากรุงเทพ
หมดไปอีกทริปที่แสนจะเหนื่อยแต่สนุกจริงๆ ชีวิตนี้ไม่เคยคิดเลยว่าจะต้องมาลำบากขนาดนี้แถมน้ำก็ไม่ได้อาบ ต้องนอนเตนท์หนาวๆ พื้นแข็งๆ ห้องน้ำก็ไม่มี แถมเดินขึ้นเขาอีก 5-6ชม. อยากรู้มั๊ยว่าไปแล้วได้อะไร นอกจากเพื่อนใหม่และวิวพันล้าน สิ่งที่ได้คือสมองเปิด ภูเขายังอยู่ที่เดิมเราเองที่ต้องขยับขาเพื่อก้าวออกเดิน จุดหมายปลายทางเป็นเป้าหมายแต่เรื่องราวระหว่างทางนั่นคือกำไร คุณไม่รู้หรอกว่าข้างหน้าจะเจออะไรจนกว่าจะออกเดินทาง เชื่อได้เลยว่าต้องมีเรื่องประทับใจรออยู่ขอแค่คุณมองมันดีๆ ถามว่าบ่นตั้งแต่ขึ้นจนลงมาแล้วเข็ดมั๊ย บอกได้เลยว่า ทริปต่อไปยังมีแน่นอน !!!!!
รีวิวอื่นๆ อ่านได้ที่
https://wearetreat.wordpress.com/
ขอบคุณที่ติดตามค่ะ
[CR] รีวิวท้าลมหนาวกับทริปม่วนอก ม่วนใจ๋ ที่ดอยหลวงเชียงดาว 3วัน 2คืน!!!!!!!
ทริปนี้เดินทางช่วง ม.ค. 59 เป็นทริปทดสอบกำลังใจ…. ต้องบอกก่อน อันนั้นไม่ใช่ทริปล่าผีท้าผี แต่เป็นทริปเดินป่าขึ้นเขา ก่อนไปหารือสมาชิกแล้วว่าไหวมั๊ยๆ คำตอบคือ ไหว !!! ไหวก็ไหว งั้นก็ไปสิคะรออะไร งานนี้ไม่ต้องเตรียมตัวอะไรมาก เพราะไปกับคณะทัวร์ของ Basscamp Thailand เลือกวันเวลาลงตัวแล้วก็เหลือแค่เตรียมร่างกายให้พร้อม หลังจากหาข้อมูลในเนตแล้วชักจะเริมหวั่น อะไรนะ!! น้ำไม่มี ห้องส้วมไม่มี แบกของทุกอย่างเองแถมต้องเดินนาน 5-6ชม. เอาน่า….. อย่าให้ความลำบากมาเป็นอุปสรรคในการไปเที่ยว ตัดสินใจแล้ว มันต้องเดินหน้าอย่างเดียว
ทริปนี้ใช้เวลา 3วัน 2คืน เพราะไม่อยากเหนื่อนจนเกินไป คณะเราออกเดินทางกันช่วงกลางคืนโดยรถตู้ หลับๆ ตื่นๆ มาตลอดททางจนมาถึง เชียงดาว สตอรี่ แคมป์ แวะล้างหน้าล้างตา ห้องน้ำห้องท่า และข้าวมื้อเช้ากันให้สำราญก่อนจะต้องใช้แรงงานกันอย่างเต็มที่
ลงมาเจออากาศดีๆ วิวดีๆ
บรรยากาศหมอกฟุ้งน้ำ ชิลมากๆ ปางอุ๋งเมืองเชียงดาวแท้ๆ
อาบน้ำ กินข้าวกันเรียบร้อยก็เตรียมเดินทาง ที่แรกเข้าใจว่าทางทัวร์เค้าจะรวมสัมภาระเราไปกับลูกหาบส่วนกลางด้วย แต่ไม่นะจ้ะ ของเราเราแบก อันนี้เริ่มหวั่นใจละ แบกเองไม่น่าไหวสรุปเลยจ้างลูกหาบเองต่างหาก 1คน ราคา 1,350เหมา 3วันต่อน้ำหนัก 20กิโล เหมือนน้ำหนักจะเยอะแต่พอเอาของพวกเรา 4คนรวมกันโอ้ว…. 20โลพอดีเลยจ้า นี่ถ้าแบกขึ้นเองมีหวังเที่ยงคืนยังไม่ถึงที่กางเตนท์ เรียบร้อยเรื่องลูกหาบก็ออกเดินได้ ของจริงกำลังจะเริ่ม
ได้เวลาก็โดดขึ้นรถกระบะเพื่อไปส่งเราที่จุดเดินเท้าที่ปางวัว แนะนำสักนิดเวลามาอากาศจะหนาวแค่ไหนก็ก็บเสื้อกันหนาวลงกระเป๋ายกให้ลูกหาบไปเลย ไม่ต้องกลัวว่าจะหนาว ใส่แค่เสื้อยืดเอาอยู่แน่นอน ส่วนกางเกงควรจะขายาวแบบสบายๆ หน่อย กันพวกกิ่งไม้ใบหญ้าระหว่างทาง สิ่งที่เอาติดตัวไปด้วยเอาแค่ของกินเพิ่มพลังงานระหว่างทาง น้ำ แล้วก็กล้อง
เส้นทางเดินของเรา
พร้อมแล้วก็ไปกันเลย ...
เดินไปเรื่อยๆ ทางก็เริ่มแคบ เริ่มชันแถมลื่นอีกต่างหาก
วิวสวยๆ ระหว่างทางช่วยได้มาก เพราะเป็นการแวะพักเหนื่อยไปในตัว
ไม่ไหวแล้ววว…..ขอโด๊บยาแปร๊บบ!!!!!
เห็นลูกหาบแบกของแล้วรู้สึกว่า… 1,350 ให้เค้าไปเห้ออออออออ
เริ่มจะเดินยากขึ้น ขาเริ่มจะยกลำบาก
3 ชม.กว่าๆ เราก็มาถึงจุดนัดพบ จุดนี้จะมาเจอกันระหว่างคนที่เดินมาจากทางเด่นหญ้าขัดกับทางปางวัว พี่หน.ทัวร์เค้าบอกว่าเด่นหญ้าขัดจะระยะทางไกลกว่าแต่เดินสบายกว่า แต่คณะเราวัยรุ่นขึ้นปางวัวระยะทางสั้นกว่าแต่ชันกว่า …. พี่ก็คิดเองไม่ถงไม่ถามสุขภาพกันสักคำ
เดินไปพักไป ใครอยากจะแซงก็ช่างเค้าาาาาา
เห็นทางแล้วขอถอนหายใจเฮือกใหญ่… อย่าท้อคะ เดินไปพักไป ยังไงก็ถึง แต่ถึงเมื่อไหร่ค่อยว่ากันอีกที 5555
เดินมา 6 ชม.ในที่สุดเราก็มาถึงจุดกางเตนท์หลังจากบ่นมาตลอดทาง เห็นแล้วมันชื่นใจ ภูมิใจตัวเองทำได้ขนาดเน้ จุดกางเตนท์ก็จะมีหลายกลุ่มส่วนใหญ่จะเป็นของทัวร์ ข้อดีคือการมากับทัวร์เราไม่ต้องห่วงเรื่ออาหารการกิน มีคนคอยเตรียมให้ครบทุกมื้อ เรื่องรสชาดยังไงก็อร่อย ใช้แรงงานมาขนาดนี้ 555 เรื่องน้ำดื่มเค้าจะแจกให้เรา 1ขวดตั้งแต่เดินขึ้นมาเราก็เก็บขวดนั้นไว้มากรอกน้ำเพิ่มได้ แต่บอกไว้สักนิด ถึงจะมีให้เติมแต่เราก็ยังต้องประหยัด ถ้าหมดขึ้นมานี่แย่ทั้งคณะ แถมเห็นใจคนแบกขึ้นมา
เตนท์ของเราลูกหาบกางไว้รอเรียบร้อยแล้ว ชอบหลังไหนมุดเข้าไปเลย ตามแผนแล้วมาถึงก็จะไปดูพระอาทิตย์ตกกันต่อ แต่งานนี้ขอบายนะจ้ะ คิดเหตุผลเองในใจพลาดวันนี้ยังมีพรุ่งนี้ เก็บแรงไว้เหอะอย่าให้เป็นภาระของลูกหลาน แถวบ้านเรียกง่ายๆ ว่าข้ออ้าง คือเหนื่อยมาก เมื่อยมาก อยากนอนนนนนนน
โปรแกรมวันที่ 2คือตื่นแต่เช้าไปรอพระอาทิตย์ขึ้น ตี 5เราก็พร้อมเดิน วันนี้ต้องแบกเสื้อหนาวไปด้วยนะจ้ะ ไม่เหมือนเดินเมื่อวาน เราไปดูพระอาทิตย์กันที่ยอดกิ่วลม เนื่องจากฟ้ายังมืดแถมต้องเดินขึ้นเขา ไฟฉายจึงสำคัญ เดินตอนเช้านี่เราค่อยข้างทำเวลา ไหนจะไปจับจองพื้นที่ ไหนจะต้องไปให้ทันแสงแรกของวัน เหนื่อยอีกแล้วอยากจะโยนเสื้อหนาวทิ้ง… แต่เสียดายทำไม่ลง 555 ก้มหน้าก้มตาเดินต่อไปและแล้ววิวข้างหน้าก็ปรากฏต่อสายตา หายเหนื่อยนะคะเห็นดาวแบบนี้ ด้านล่างโน่นคือเมืองเชียงดาว เรามาถึงจุดๆ นี้ได้ยังไง งงตัวเอง
แสงมาละคะ สวยและอุ่นมากมาย
ตอนขึ้นมาไม่ทันสังเกตุ คนเยอะเหมือนกันเนอะ
ณ. จุดๆนี้มีสัญญาณโทรศัพท์น่ะคะ
สวยมั๊ยๆๆ
วิวแบบนี้มีเงินไม่พอนะ ยังต้องมีแรงเดินด้วย 555
พี่เลียงผาของเรา ทั้งแบกของ ทำกับข้าว พาชมวิว และอีกหลายอย่าง
ดูรูปกันไปยาวๆๆๆๆ
สีเขียวนี่มันสบายตาจริงๆ
แสงมาชัดๆ ก็เห็นจุดที่เรากางเตนท์ เดินขึ้นมาไกลเหมือนกันเนอะ
เราเดินขึ้นมาทางนี้จริงหรือนี่…. โอ้วววว ไม่อยากจะเชื่อ
ลงมาถึงเตนท์อาหารเช้าก็รออยู่แล้ว เมนูข้าวต้มวิญญานหมู คนทำแกว่างั้น… เนื่องจากเมื่อคืนหนักมือกับไข่เจียวหมูสับไปหน่อย แต่ต้องบอกเลย ไข่เจียวหมูสับน้าแกอร่อยจริงจังจนต้องเบิ้ล
อิ่มมื้อเช้าก็เข้าเตนท์นอนเอาแรง ช่วงบ่ายเราจะเดินขึ้นยอดดอยหลวงเชียงดาวไปรอพระอาทิตย์ตก ชาวคณะเค้าจะไปยอดกิ่วลมกันเพราะเมื่อวานเค้าขึ้นยอดดอยหลวงเชียงดาวแล้ว
เดินกึ่งปีนมาเรื่อยๆ เราก็เจอกับกวางผาไม่ใช่เลียงผา มายืนโชว์ตัวให้ลั่นชัตเตอร์กันรัวๆ กล้องเราตัวเบาไปนิดเลยส่องมาได้แค่นี้ ไปแอบมองจากกล้องคนอื่นเค้าเห็นชัดเชียว แอบอิจฉาเล็กๆ พักถ่ายรูปเสร็จก็ปีนต่อ
ในที่สุด….. เราก็พิชิตยอดดอยหลวง ยอดดอยที่สูงเป็นอันดับ 3 ของประเทศ สูงถึง 2,225 เมตร จากระดับน้ำทะเล
คนมิใช่น้อยเหมือนเคย
ณ.จุดๆก็มีสัณญาณโทรศัพท์เช่นกัน
ชื่นใจจริงๆ เสียดายที่เมฆเยอะไปหน่อย อากาศคล้ายฝนจะมาตั้งแต่วันแรกที่มาถึงแล้ว สองจิตสองใจอยากให้ตกเผื่อจะเจอทะเลหมอกหนาๆ แต่ก็อย่าตกเลยมันจะหนาวววววว…. จนนอนไม่ลง
ฟ้ายังไม่มืดเราก็ขอปีนลงก่อน คณะอื่นเค้ารอแสงสุดท้ายกัน แต่เรากลัวจะติดขัดขาลงถ้าลงพร้อมๆ กัน เลยลงมาก่อนดีกว่า อีกอย่างท้องก็เริ่มหิวแล้วด้วย
ตกลางคืนไม่มีดาวให้เห็นเพราะเข้าเตนท์แต่หัววันอีกอย่างฟ้าปิดด้วยแหละ เตรียมพร้อมสำหรับวันพรุ่งนี้ที่ต้องเดินกลับ ทั้งคณะนัดกันเดินลงประมาณ 9โมง ใครพร้อมก็เดินเลยจ้ะ
มองไปข้างหลัง เรามาไกลถึงเพียงนี้เชียว ปลื้มใจจริงๆ
เราใช้เวลาเดิน 4 ชม. ลงมาถึงเราก็ไปที่รีสอร์ทเดิม ได้อาบน้ำหลังจากไม่ได้อาบมา 3วัน สดชื่นถึงขีดสุดก็ตรงนี้ เสร็จแล้วก็กินข้าวมื้อเที่ยง ก่อนจะเดินทางต่อ รถตู้แวะให้ชอปของฝากกันที่กาดทุ่งเกวียน
เราจัดมื้อเย็นกันที่ร้านนี้ ก่อนจะยิงยาวเข้ากรุงเทพ
หมดไปอีกทริปที่แสนจะเหนื่อยแต่สนุกจริงๆ ชีวิตนี้ไม่เคยคิดเลยว่าจะต้องมาลำบากขนาดนี้แถมน้ำก็ไม่ได้อาบ ต้องนอนเตนท์หนาวๆ พื้นแข็งๆ ห้องน้ำก็ไม่มี แถมเดินขึ้นเขาอีก 5-6ชม. อยากรู้มั๊ยว่าไปแล้วได้อะไร นอกจากเพื่อนใหม่และวิวพันล้าน สิ่งที่ได้คือสมองเปิด ภูเขายังอยู่ที่เดิมเราเองที่ต้องขยับขาเพื่อก้าวออกเดิน จุดหมายปลายทางเป็นเป้าหมายแต่เรื่องราวระหว่างทางนั่นคือกำไร คุณไม่รู้หรอกว่าข้างหน้าจะเจออะไรจนกว่าจะออกเดินทาง เชื่อได้เลยว่าต้องมีเรื่องประทับใจรออยู่ขอแค่คุณมองมันดีๆ ถามว่าบ่นตั้งแต่ขึ้นจนลงมาแล้วเข็ดมั๊ย บอกได้เลยว่า ทริปต่อไปยังมีแน่นอน !!!!!
รีวิวอื่นๆ อ่านได้ที่ https://wearetreat.wordpress.com/
ขอบคุณที่ติดตามค่ะ
ดูแผนที่ขนาดใหญ่ขึ้น