ขอเตือนเพื่อนๆที่กำลังวางแผนจะไปเที่ยวที่เวียดนามใต้(มุ่ยเน่)นะครับ
คือผมกับเพื่อนพึ่งกลับมาจากไปเที่ยวที่เวียดแล้วเจอประสบการณ์ค่อนข้างไม่ค่อยดีมา คือตอนที่เที่ยวที่มุ่ยเน่ตรงทะเลทรายแดงครับ ตอนนั้นผมกับเพื่อนไปกัน3คน คนที่เป็นน้องผู้หญิงเขาไม่ไปเล่นสไลด์ทรายกับพวกผม มีเฉพาะผมกับเพื่อนผู้ชายอีกหนึ่งคนไปเล่นเท่านั้น พอไปถึงเนินทรายจะมีแก๊งเด็กผู้ชายประมาณ4-5คนมาช่วยสอนวิธีเล่นสไลด์ให้เพื่อนผม สักพักผมก็เดินไปเล่นกับมัน พอเล่นเสร็จแก๊งเด็กพวกนั้นชวนให้ไปเล่นอีกที่นึ่งที่ไกลจากคนนิดหน่อย พวกผมก็ไปด้วยความที่เหนื่อยจากการเดินมาจากทะเลทรายขาวแล้วพวกผมจึงเล่นเพียงแค่แป๊ปเดี่ยวเลยชวนกันกลับ โดยก็คุยกับเพื่อนว่าเราคงต้องได้จ่ายค่าติ๊ปเด็กแน่นอน ก็ตกลงกันว่าจะจ่ายตอนนั้นเด็กเรียกติ๊ปมา1,000,000ดอง ผมกับเพื่อนก็ต่อราคามาที่500,000ดอง ตอนคุยกันก็พากันสำรวจว่าของครบไหม ปรากฏว่าโทรศัพท์มือถือเพื่อนผมหายไป ผมก็ถามว่ามันได้เอามาหรือเปล่า มันก็ยืนยันว่าได้เอามาแน่นอน พวกผมก็เลยถามพวกเด็กๆว่ามีใครเก็บได้หรือเปล่า พวกเด็กก็ตอบว่าไม่มีใครเห็น แต่ตอนนั้นมีเด็กเหลืออยู่แค่3คน ผมเลยถามว่าเพื่อนน้องอีก1คนหายไปไหน พวกเด็กเลยไปเรียกมาถามเขาก็บอกว่าไม่เห็น แล้วมีเด็กคนนึ่งเสนอมาว่าถ้าเขาจะช่วยหนแต่ต้องจ่ายเขาที่1,500,000ดอง ผมกับเพื่อนมองหน้ากันและรู้ว่าแล้วว่าเด็กพวกนี้เอาไปซ่อนแน่นอน หวกเด็กก็เสนอมาว่าไม่แน่มันอาจจะหล่นตอนสไลด์แล้วโดนทรายกลบ แล้วพวกเด็กๆก็ทำฟอร์มเป็นหาให้ดูแล้วชวนให้ไปหาตรงที่เล่นสไลด์ในครั้งแรก ผมกันเพื่อนยิ่งแน่ใจว่าโดนขโมยแน่นอน ผมเลยคิดว่าถ้าอยู่ใต้ทรายมันต้องทำสัญลักษณ์หรือหาอะไรมาวางไว้เป็นเครื่องหมายแน่นอน ผมเลยใช้เท้าเขี่ยหาตรงแถวนั้นโดยหาตรงจุดที่มีฝานำ้อัดลมว่าอยู่แต่ก็หาไม่เจอ เพือนผมมันเลยบอกว่างั้นตกลงจะจ่าย เลยถามพวกเด็กอีกรอบด้วยว่าจะหาเจอแน่นอนหรือเปล่า เด็กมันก็บอกว่าหาเจอนแน่นอน ก็เลยตอบตกลงให้หา ไม่ถึง3วินาที่ เด็กมันคุ้ยทรายตรงที่มีฝาขวดนำ้อัดลมวางอยู่แค่2ครั้งและโทรศัพท์เพื่อนผมก็โผล่ขึ้นมาผมกำลังจะยื่นมือไปจับ แต่เด็กมันกระโดดตะคุบได้แล้วมันรีบยัดโทรศัพท์เข้ากระเป๋ากางเกงแล้ววิ่งหนีไปบนยอดเนินทราย ผมบอกว่าให้เอามาคืนแล้วจะพาไปเอาเงินที่ตกลงกันไว้ที่รถแต่เด็กมันบอกว่าให้จ่ายมาเดี๋ยวนี้ พวกผมก็บอกว่าไม่ได้เอากระเป๋าตั้งมาไง ผมเลยถามเพื่อนว่าจะขู่มันว่าจะบอกตำรวจดีไหม เพื่อนเลยบอกว่าเอาเลยผมเลยบอกมันไป มันกลัวแล้วบอกว่าห้ามบอกตำรวจ ต่อรองกันนานมันจึงยอมเดินไปที่ด้วยแต่ก็เดินแบบอิดๆออดๆผมเลยบอกรีบๆเดินหน่อยและผมก็มีอารมณ์โกรธด้วย เลยกะจะเอากล้องถ่ายรูปถ่ายรูปหน้าเด็กที่เดินมาด้วยไว้แต่มันโกรธไม่ยอมให้ถ่ายแล้วมันวิ่งหนีไปที่เนินดินเพื่อนผมมันโกรธมากมันเลยบอกผมว่าถ้างั้นให้ผมรอที่นี่มันจะเดินไปเอากระเป๋าตังค์ที่รถ มันไปนานประมาณ15นาที แต่มันมาพร้อมกับพี่คนขับรถและลุงที่เขามีบ้านอยู่แถวนั้น มันบอกว่ามันไปเล่าเรื่องที่เกิดขึ้นให้พี่คนขับรถฟังเพราะพี่เขาถามว่าทำไมพวกผมถึงมาสายเพราะแกให้เวลาแค่30นาที พอพี่คนขับรถแกรู้เรื่องแก่เลยเล่าให้ลุงฟัง ลุงแกบอกว่าเด็กพวกนี้เป็นมาเฟียร์บอย ลุงแกเลยตามมาคุยให้ พอมาถึงผมเลยเอาโทรศัพท์ที่แปลจากภาษาไทยเป็นภาษาเวียดนามว่า"เราโดนขโมยโทรศัพท์" ลุงแกอ่านแกเลยเดินไปคุยกับพวกเด็กพวกนั้น พอสังเกตุอีกทีมันยกพวกมากว่า20คนเต็มเนินทรายเลย พวกเด็กมันก็ยอมคืนโทรศัพท์ให้นะแต่เห็นคุยอะไรกันไม่รู้ สักพักมีฝรั่งผู้ชายเดินมาขอยืมโทรศัพท์ผมโทรหาโทรศัพท์ของตัวเอง(ผมซื้อซิมเวียดนาม) เขาบอกว่าเอาของวางไว้แล้วถ่ายรูปกับแฟนพอรู้ตัวอีกที่โทรศัพท์หาย โทรหายังไงก็ไม่ติด เขาน่าสงสารมาดูจากแววตาและมันก็คำ่จวนจะมืดด้วย ผมกับเพื่อนเลยขอตัวกลับเพราะว่ามันเลยเวลามานานแล้วและผมก็เล่าให้เพื่อนฟัง เพื่อนผมบอกว่ามันเจอเขากับแฟนเขาตรงที่จอดรถ แฟนฝรั่งนี่นั่งรองให้เลย ถือว่าพวกผมโชคดีที่ใช้มุขว่าจะยอมจ่ายเพื่อให้เด็กพวกนั้นหาจนเจอ แต่มีบางคนอาจไม่โชคดีเหมือนกับพวกผมก็ได้ พอกลับถึงโรงแรมพวกผมก็ให้ติ๊ปพี่คนขับรถแทน
ฝากถึงทุกคนที่กำลังมีแพลนที่จะเที่ยวบริเวรนี้ด้วยละกันนะครับ คุณอาจจะไม่ได้โชคดีเหมือนพวกผม ที่เจอเรื่องร้ายแต่ก็มีคนใจดีมาช่วยเอาไว้ เป็นธรรมดาอยู่แล้วที่ทุกสังคมจะต้องมีคนดีและคนเลว การเที่ยวเวียดนามใต้ในครั้งนี้ก็ถือว่าประทับใจมากครับและอนาคตก็มีแพลนว่าจะไปเวียดนามเหนือต่อด้วย
ขอบคุณที่เข้ามาอ่านนะครับ
ปล.ผมยืมไอดีน้องมาตั้งกระทู้ครับ
เตือน!!!คนที่จะไปเที่ยวเวียดนามใต้(เหตุเกิดที่ทะเลทรายแดง)
คือผมกับเพื่อนพึ่งกลับมาจากไปเที่ยวที่เวียดแล้วเจอประสบการณ์ค่อนข้างไม่ค่อยดีมา คือตอนที่เที่ยวที่มุ่ยเน่ตรงทะเลทรายแดงครับ ตอนนั้นผมกับเพื่อนไปกัน3คน คนที่เป็นน้องผู้หญิงเขาไม่ไปเล่นสไลด์ทรายกับพวกผม มีเฉพาะผมกับเพื่อนผู้ชายอีกหนึ่งคนไปเล่นเท่านั้น พอไปถึงเนินทรายจะมีแก๊งเด็กผู้ชายประมาณ4-5คนมาช่วยสอนวิธีเล่นสไลด์ให้เพื่อนผม สักพักผมก็เดินไปเล่นกับมัน พอเล่นเสร็จแก๊งเด็กพวกนั้นชวนให้ไปเล่นอีกที่นึ่งที่ไกลจากคนนิดหน่อย พวกผมก็ไปด้วยความที่เหนื่อยจากการเดินมาจากทะเลทรายขาวแล้วพวกผมจึงเล่นเพียงแค่แป๊ปเดี่ยวเลยชวนกันกลับ โดยก็คุยกับเพื่อนว่าเราคงต้องได้จ่ายค่าติ๊ปเด็กแน่นอน ก็ตกลงกันว่าจะจ่ายตอนนั้นเด็กเรียกติ๊ปมา1,000,000ดอง ผมกับเพื่อนก็ต่อราคามาที่500,000ดอง ตอนคุยกันก็พากันสำรวจว่าของครบไหม ปรากฏว่าโทรศัพท์มือถือเพื่อนผมหายไป ผมก็ถามว่ามันได้เอามาหรือเปล่า มันก็ยืนยันว่าได้เอามาแน่นอน พวกผมก็เลยถามพวกเด็กๆว่ามีใครเก็บได้หรือเปล่า พวกเด็กก็ตอบว่าไม่มีใครเห็น แต่ตอนนั้นมีเด็กเหลืออยู่แค่3คน ผมเลยถามว่าเพื่อนน้องอีก1คนหายไปไหน พวกเด็กเลยไปเรียกมาถามเขาก็บอกว่าไม่เห็น แล้วมีเด็กคนนึ่งเสนอมาว่าถ้าเขาจะช่วยหนแต่ต้องจ่ายเขาที่1,500,000ดอง ผมกับเพื่อนมองหน้ากันและรู้ว่าแล้วว่าเด็กพวกนี้เอาไปซ่อนแน่นอน หวกเด็กก็เสนอมาว่าไม่แน่มันอาจจะหล่นตอนสไลด์แล้วโดนทรายกลบ แล้วพวกเด็กๆก็ทำฟอร์มเป็นหาให้ดูแล้วชวนให้ไปหาตรงที่เล่นสไลด์ในครั้งแรก ผมกันเพื่อนยิ่งแน่ใจว่าโดนขโมยแน่นอน ผมเลยคิดว่าถ้าอยู่ใต้ทรายมันต้องทำสัญลักษณ์หรือหาอะไรมาวางไว้เป็นเครื่องหมายแน่นอน ผมเลยใช้เท้าเขี่ยหาตรงแถวนั้นโดยหาตรงจุดที่มีฝานำ้อัดลมว่าอยู่แต่ก็หาไม่เจอ เพือนผมมันเลยบอกว่างั้นตกลงจะจ่าย เลยถามพวกเด็กอีกรอบด้วยว่าจะหาเจอแน่นอนหรือเปล่า เด็กมันก็บอกว่าหาเจอนแน่นอน ก็เลยตอบตกลงให้หา ไม่ถึง3วินาที่ เด็กมันคุ้ยทรายตรงที่มีฝาขวดนำ้อัดลมวางอยู่แค่2ครั้งและโทรศัพท์เพื่อนผมก็โผล่ขึ้นมาผมกำลังจะยื่นมือไปจับ แต่เด็กมันกระโดดตะคุบได้แล้วมันรีบยัดโทรศัพท์เข้ากระเป๋ากางเกงแล้ววิ่งหนีไปบนยอดเนินทราย ผมบอกว่าให้เอามาคืนแล้วจะพาไปเอาเงินที่ตกลงกันไว้ที่รถแต่เด็กมันบอกว่าให้จ่ายมาเดี๋ยวนี้ พวกผมก็บอกว่าไม่ได้เอากระเป๋าตั้งมาไง ผมเลยถามเพื่อนว่าจะขู่มันว่าจะบอกตำรวจดีไหม เพื่อนเลยบอกว่าเอาเลยผมเลยบอกมันไป มันกลัวแล้วบอกว่าห้ามบอกตำรวจ ต่อรองกันนานมันจึงยอมเดินไปที่ด้วยแต่ก็เดินแบบอิดๆออดๆผมเลยบอกรีบๆเดินหน่อยและผมก็มีอารมณ์โกรธด้วย เลยกะจะเอากล้องถ่ายรูปถ่ายรูปหน้าเด็กที่เดินมาด้วยไว้แต่มันโกรธไม่ยอมให้ถ่ายแล้วมันวิ่งหนีไปที่เนินดินเพื่อนผมมันโกรธมากมันเลยบอกผมว่าถ้างั้นให้ผมรอที่นี่มันจะเดินไปเอากระเป๋าตังค์ที่รถ มันไปนานประมาณ15นาที แต่มันมาพร้อมกับพี่คนขับรถและลุงที่เขามีบ้านอยู่แถวนั้น มันบอกว่ามันไปเล่าเรื่องที่เกิดขึ้นให้พี่คนขับรถฟังเพราะพี่เขาถามว่าทำไมพวกผมถึงมาสายเพราะแกให้เวลาแค่30นาที พอพี่คนขับรถแกรู้เรื่องแก่เลยเล่าให้ลุงฟัง ลุงแกบอกว่าเด็กพวกนี้เป็นมาเฟียร์บอย ลุงแกเลยตามมาคุยให้ พอมาถึงผมเลยเอาโทรศัพท์ที่แปลจากภาษาไทยเป็นภาษาเวียดนามว่า"เราโดนขโมยโทรศัพท์" ลุงแกอ่านแกเลยเดินไปคุยกับพวกเด็กพวกนั้น พอสังเกตุอีกทีมันยกพวกมากว่า20คนเต็มเนินทรายเลย พวกเด็กมันก็ยอมคืนโทรศัพท์ให้นะแต่เห็นคุยอะไรกันไม่รู้ สักพักมีฝรั่งผู้ชายเดินมาขอยืมโทรศัพท์ผมโทรหาโทรศัพท์ของตัวเอง(ผมซื้อซิมเวียดนาม) เขาบอกว่าเอาของวางไว้แล้วถ่ายรูปกับแฟนพอรู้ตัวอีกที่โทรศัพท์หาย โทรหายังไงก็ไม่ติด เขาน่าสงสารมาดูจากแววตาและมันก็คำ่จวนจะมืดด้วย ผมกับเพื่อนเลยขอตัวกลับเพราะว่ามันเลยเวลามานานแล้วและผมก็เล่าให้เพื่อนฟัง เพื่อนผมบอกว่ามันเจอเขากับแฟนเขาตรงที่จอดรถ แฟนฝรั่งนี่นั่งรองให้เลย ถือว่าพวกผมโชคดีที่ใช้มุขว่าจะยอมจ่ายเพื่อให้เด็กพวกนั้นหาจนเจอ แต่มีบางคนอาจไม่โชคดีเหมือนกับพวกผมก็ได้ พอกลับถึงโรงแรมพวกผมก็ให้ติ๊ปพี่คนขับรถแทน
ฝากถึงทุกคนที่กำลังมีแพลนที่จะเที่ยวบริเวรนี้ด้วยละกันนะครับ คุณอาจจะไม่ได้โชคดีเหมือนพวกผม ที่เจอเรื่องร้ายแต่ก็มีคนใจดีมาช่วยเอาไว้ เป็นธรรมดาอยู่แล้วที่ทุกสังคมจะต้องมีคนดีและคนเลว การเที่ยวเวียดนามใต้ในครั้งนี้ก็ถือว่าประทับใจมากครับและอนาคตก็มีแพลนว่าจะไปเวียดนามเหนือต่อด้วย
ขอบคุณที่เข้ามาอ่านนะครับ
ปล.ผมยืมไอดีน้องมาตั้งกระทู้ครับ