... ความตอนที่แล้ว ...
http://pantip.com/topic/35746351/desktop

ตอนมา ๆ แค่ใบเดียว ตอนกลับออกลูกออกหลานมาเต็มเลย

อาหารเช้าก่อนกลับ ต้องกินให้อิ่มไว้ก่อน
วันที่ 25 ตุลาคม 2559 เราตื่น 05.15 น. อาบน้ำทำธุระเรียบร้อยก็นอนเล่นไลน์ เฟซบุ๊ค และเช็คเมล์ พอ 06.15 น. ก็ปลุกพี่ที่พักด้วยกันตื่น แต่งตัวกันเสร็จก็เข็นกระเป๋าลงไปฝากไว้ข้างล่าง คืนกุญแจให้ทางโรงแรมเช็คห้อง ออกไป Lawson ไปซื้อของเตรียมไปรับทานที่สนามบินฮ่องกง กะไม่กินอะไรที่นั่นของแพง เราซื้อข้าวปั้นสามเหลี่ยม 2 อัน แซนวิชอันใหญ่ 1 อัน และมีพายช็อคโคแลคที่ซื้อมาจากห้างเมื่อวาน 2 อัน แล้วก็ขึ้นไปทานอาหารเช้าให้เต็มที่ ที่โรงแรมดีมากตรงที่เติมอาหารตลอดเวลา ชอบ ๆ เสียตรงที่ห้องมันแคบไปหน่อย ห้องน้ำดีมาก น้ำแรง อุปกรณ์อาบน้ำครบครัน เสียตรงที่ไม่มีหมวกคลุมผม ใครไปต้องเตรียมไปด้วย สำหรับเราเตรียมไปอยู่แล้ว มีไดร์ฟเป่าผม มีกาน้ำไฟฟ้า มีน้ำชา กาแฟให้ มีฟรี แปรงสีฟัน+ยาสีฟัน ที่โกนหนวด หวีพลาสติกหักพับได้ 3 อย่างหลังเก็บใส่กระเป๋าทุกวันเอาเก็บมาใช้ต่อที่เมืองไทย

กระเป๋าของทุกคน ได้น้ำหนักคนละ 20 กิโลกรัม

โรงแรมที่เราพักอยู่หัวมุมถนน เป็นสี่แยก ตรงข้ามกับ Jumbo แต่ไม่เคยเข้าไปดูว่าข้างในมีอะไร

ฝั่งนั้นน่าจะเป็นลานเบียร์ ก็ไม่เคยข้ามไปเหมือนกัน

ตู้กดน้ำภายในสนามบิน

กล้วยไม้สวย ๆ ที่สนามบินนาฮะ โอกินาวา
พอ 08.00 กว่า ๆ เราก็ออกจากโรงแรม เรียกรถแท็กซี่ 2 คัน ค่ารถ 1,000 เยนกว่า ๆ เขาให้เช็คอินเวลา 09.55 น. แต่พวกเราเช็คผ่านเนตกันมาแล้วเมื่อคืน พอโหลดกระเป๋าเสร็จ ก็เดินข้าม Gate ไปเดินดูของต่อด้านใน เงินเยนแต่ละคนเหลือ ก็ซื้อของ made in Japan กลับไปฝากคนที่บ้านกันตามอัธยาศัย
รอบนี้เครื่องขึ้นตรงเวลาคะ แต่ให้ผู้โดยสารทุกคนขึ้นไปหลับต่อบนเครื่อง เราดูนาฬิกา 50 นาที ไม่รู้ว่าบนเครื่องเขาปล่อยแก๊สสลบหรือป่าว เพราะทุกคนที่นั่งใกล้ ๆ เราหลับกันหมด รวมทั้งเราด้วย

ก่อนเครื่องจะขึ้น เหมือนฝนจะตก

พอถึงสนามบินฮ่องกง อันนี้งงมาก ออกมาป้ายมันบอกว่าให้ต่อเครื่องที่ Gate 212 เราก็เห็นป้าย แต่พี่ ๆ เขาเข้าห้องน้ำ ออกมาเขาก็ถามเจ้าหน้าที่สนามบิน ๆ ให้ลงบันได้เลื่อน เราก็ลงตาม ปรากฏว่ามันเป็นรถไฟฟ้าไปที่ W และ E1,E2 เอาหละ คนก็แยะ พอขึ้นไปพี่อีกคนขึ้นไม่ทัน เราเลยลงที่ W เพื่อรอ พอเจอกันก็ถามเจ้าหน้าที่ ๆ บอกว่าอีกนาน รอบนี้เครื่องออก 14.10 น. เหลือเวลาอีก 1 ชั่วโมง เขาให้เราขึ้นบันไดเลื่อนไปเดินดูของด้านบนฆ่าเวลา เวลานี้ไม่อยากฆ่าอะไรทั้งนั้น ขอไปอยู่ใกล้ ๆ ที่จะต้องรอขึ้นเครื่องดีกว่ามั่ง
เขา (เจ้าหน้าที่สนามบินฯ) เลยบอกให้เราขึ้นรถไฟฟ้าไปอีก 1 สถานี คือสถานี E1,E2 เราก็สังเกตอีกฝั่งมันก็มีรถไฟฟ้านะ แต่มันวิ่งไปคนละทางกับคันที่เราขึ้น พอถึง E1,E2 เราก็ขึ้นลิฟท์ 1 ชั้น ออกไปมองหาเค้าท์เตอร์ของสายการบิน Hongkong airlines เพื่อถามเจ้าหน้าที่ชัวร์ที่สุด หากมีปัญหา ไปถึงเจ้าหน้าที่ที่เค้าท์เตอร์ก็ขอดูตั๋วของพวกเรา และเก็บตั๋วของพวกเราทุกคน พร้อมนัดเวลา 17.00 น. ให้เรา 6 คนมาที่นี่ เขาจะเป็นคนพาเราไปเอง อันนี้ใจชื้น แต่ที่ใจเสียคือ ตั๋วเครื่องบินฉันหล่ะ เราก็ไปนั่งคอย คราวนี้รับเป็นคนเฝ้ากระเป๋าแทน ด้วย 2 เหตุผล 1. ไม่มีเงินฮ่องกงติดมาเลย 2. ของที่นี่มันแพง ให้คนอื่น ๆ ไปเดินเล่น บางคนก็ไปหาอะไรทาน เราก็รับทานของที่เราเตรียมมา คือ ข้าวปั้นสามเหลี่ยม แซนวิชอันใหญ่ และพายช็อคโคแลค และน้ำดื่ม เขามีตู้ให้กด รอดตายไปอีกหนึ่งมื้อ กะว่าบนเครื่องต้องมีข้าวกล่องเหมือนขามา เดี๋ยวไปซัดข้าวกล่องบนเครื่องต่อ

แซนวิชที่ซื้อจาก Lawson อร่อยคะ ดูหลักฐาน คำสุดท้าย
พอ 16.50 น. เรา 6 คนก็ลากกระเป๋ามาที่เค้าท์เตอร์ที่นัดพบ ปรากฏว่าคนที่รับเรื่องเราไม่อยู่ที่เค้าท์เตอร์ หายไปพร้อมตั๋วเครื่องบินของเรา 6 ใบ อั๊ยหย่า... พี่เขาเลยถาม เจ้าหน้าที่ที่นั่งอยู่บอกว่านัด 17.00 น. ไม่ใช่หรือคะ ให้รออีก 10 นาท อะไรหวะ มาก่อนนัดก็ไม่ได้ งงอะ พอ 17.00 น.กว่านิด ๆ พี่เขาก็เข้าไปถามใหม่ คราวนี้ได้คำตอบว่าคนที่รับเรื่องเราพร้อมตั๋วเครื่องบินของเราอีก 6 คน ออกเวรไปพัก ได้โทร.ติดต่อให้แล้ว เขากำลังมาภายใน 10 นาที ค่อยใจชื้นหน่อย แต่แหม 10 นาทีของคุณเนี่ยไม่ตรงเลยนะ เลย 10 นาทีอีก
แล้วเจ้าชีวิตเราก็มาถึง เธอมากับเพื่อนอีก 1 คน เราก็เพิ่งรู้ว่าเธอเป็นคนเช็คผู้โดยสารขึ้นเครื่อง เธอก็ให้เราเอาพาสปอร์ตออกมา พร้อมเช็คชื่อในตั๋วฯ กับพาสปอร์ตของแต่ละคน เธอทำงานไวมาก เธอให้พวกเราเดินตามไปลงลิฟท์ และขึ้นรถไฟฟ้าอีกฝั่งที่เราขึ้นขาไป ไปลงสถานีหน้าและขึ้นลิฟท์อีก ไปยัง Gate 212 โดยเราไม่ต้องรอเข้าแถว ขึ้นเครื่องได้เลย ได้กลับกรุงเทพฯ แล้ว รอบนี้ไม่มีอาหารกล่องเสริฟ มีแต่ขนมปัง 1 ชิ้น เราก็ล่อ red wine เหมือนเดิม ฉลองคะได้กลับบ้านซะที
ถึงสนามบินสุวรรณภูมิช้าไป 10 นาที กว่าจะเดินออกมาไกลมาก เพื่อเข้า ตม. รับกระเป๋าก็ปาไปสองทุ่มกว่า เราก็โทร.บอกสารถีว่ามาถึงแล้ว รออยู่ทางออก 5
*** ขากลับขอบันทึกฯ ไว้กันลืม ขับรถออกจากสุวรรณภูมิ ขึ้นทางด่วนเข้าเส้นแจ้งวัฒนะ ดูป้ายซ้ายมือเข้าเส้นยมราช เพื่อข้ามพระราม 8 ขึ้นทางลอยฟ้าบรมฯ ใกล้สุด ***
หลังจากตระเวนส่งพี่ร่วมห้อง และน้องร่วมทริป เราถึงบ้านสี่ทุ่มกว่า ง่วงมาก ๆ รื้อของกระจายเต็มห้อง เช้ามาก็กระจายเต็มเตียง ของแยะจริง ๆ สมกับที่เพื่อนบอกว่า "ที่ญี่ปุ่นของเขาน่าซื้อทุกอย่าง" สำหรับเรา "นอกจากของน่าซื้อแล้ว ของกินก็อร่อยทุกอย่างเหมือนกัน"
หวังว่าเมื่อท่านอ่านจบจะได้ประโยชน์จากการเที่ยวโอกินาวาด้วยตัวเองนะคะ ขอบคุณที่ติดตามค่ะ

ถ่ายรูปกะ Shisa รูปปั้นในตำนานของชาวโอกินาวา
อุปกรณ์ที่ใช้ในการบันทึกภาพ: Sumsung A7
enjoy travelling & happy ending!
[CR] Okinawa (3)
ตอนมา ๆ แค่ใบเดียว ตอนกลับออกลูกออกหลานมาเต็มเลย
อาหารเช้าก่อนกลับ ต้องกินให้อิ่มไว้ก่อน
วันที่ 25 ตุลาคม 2559 เราตื่น 05.15 น. อาบน้ำทำธุระเรียบร้อยก็นอนเล่นไลน์ เฟซบุ๊ค และเช็คเมล์ พอ 06.15 น. ก็ปลุกพี่ที่พักด้วยกันตื่น แต่งตัวกันเสร็จก็เข็นกระเป๋าลงไปฝากไว้ข้างล่าง คืนกุญแจให้ทางโรงแรมเช็คห้อง ออกไป Lawson ไปซื้อของเตรียมไปรับทานที่สนามบินฮ่องกง กะไม่กินอะไรที่นั่นของแพง เราซื้อข้าวปั้นสามเหลี่ยม 2 อัน แซนวิชอันใหญ่ 1 อัน และมีพายช็อคโคแลคที่ซื้อมาจากห้างเมื่อวาน 2 อัน แล้วก็ขึ้นไปทานอาหารเช้าให้เต็มที่ ที่โรงแรมดีมากตรงที่เติมอาหารตลอดเวลา ชอบ ๆ เสียตรงที่ห้องมันแคบไปหน่อย ห้องน้ำดีมาก น้ำแรง อุปกรณ์อาบน้ำครบครัน เสียตรงที่ไม่มีหมวกคลุมผม ใครไปต้องเตรียมไปด้วย สำหรับเราเตรียมไปอยู่แล้ว มีไดร์ฟเป่าผม มีกาน้ำไฟฟ้า มีน้ำชา กาแฟให้ มีฟรี แปรงสีฟัน+ยาสีฟัน ที่โกนหนวด หวีพลาสติกหักพับได้ 3 อย่างหลังเก็บใส่กระเป๋าทุกวันเอาเก็บมาใช้ต่อที่เมืองไทย
กระเป๋าของทุกคน ได้น้ำหนักคนละ 20 กิโลกรัม
โรงแรมที่เราพักอยู่หัวมุมถนน เป็นสี่แยก ตรงข้ามกับ Jumbo แต่ไม่เคยเข้าไปดูว่าข้างในมีอะไร
ฝั่งนั้นน่าจะเป็นลานเบียร์ ก็ไม่เคยข้ามไปเหมือนกัน
ตู้กดน้ำภายในสนามบิน
กล้วยไม้สวย ๆ ที่สนามบินนาฮะ โอกินาวา
พอ 08.00 กว่า ๆ เราก็ออกจากโรงแรม เรียกรถแท็กซี่ 2 คัน ค่ารถ 1,000 เยนกว่า ๆ เขาให้เช็คอินเวลา 09.55 น. แต่พวกเราเช็คผ่านเนตกันมาแล้วเมื่อคืน พอโหลดกระเป๋าเสร็จ ก็เดินข้าม Gate ไปเดินดูของต่อด้านใน เงินเยนแต่ละคนเหลือ ก็ซื้อของ made in Japan กลับไปฝากคนที่บ้านกันตามอัธยาศัย
รอบนี้เครื่องขึ้นตรงเวลาคะ แต่ให้ผู้โดยสารทุกคนขึ้นไปหลับต่อบนเครื่อง เราดูนาฬิกา 50 นาที ไม่รู้ว่าบนเครื่องเขาปล่อยแก๊สสลบหรือป่าว เพราะทุกคนที่นั่งใกล้ ๆ เราหลับกันหมด รวมทั้งเราด้วย
ก่อนเครื่องจะขึ้น เหมือนฝนจะตก
พอถึงสนามบินฮ่องกง อันนี้งงมาก ออกมาป้ายมันบอกว่าให้ต่อเครื่องที่ Gate 212 เราก็เห็นป้าย แต่พี่ ๆ เขาเข้าห้องน้ำ ออกมาเขาก็ถามเจ้าหน้าที่สนามบิน ๆ ให้ลงบันได้เลื่อน เราก็ลงตาม ปรากฏว่ามันเป็นรถไฟฟ้าไปที่ W และ E1,E2 เอาหละ คนก็แยะ พอขึ้นไปพี่อีกคนขึ้นไม่ทัน เราเลยลงที่ W เพื่อรอ พอเจอกันก็ถามเจ้าหน้าที่ ๆ บอกว่าอีกนาน รอบนี้เครื่องออก 14.10 น. เหลือเวลาอีก 1 ชั่วโมง เขาให้เราขึ้นบันไดเลื่อนไปเดินดูของด้านบนฆ่าเวลา เวลานี้ไม่อยากฆ่าอะไรทั้งนั้น ขอไปอยู่ใกล้ ๆ ที่จะต้องรอขึ้นเครื่องดีกว่ามั่ง
เขา (เจ้าหน้าที่สนามบินฯ) เลยบอกให้เราขึ้นรถไฟฟ้าไปอีก 1 สถานี คือสถานี E1,E2 เราก็สังเกตอีกฝั่งมันก็มีรถไฟฟ้านะ แต่มันวิ่งไปคนละทางกับคันที่เราขึ้น พอถึง E1,E2 เราก็ขึ้นลิฟท์ 1 ชั้น ออกไปมองหาเค้าท์เตอร์ของสายการบิน Hongkong airlines เพื่อถามเจ้าหน้าที่ชัวร์ที่สุด หากมีปัญหา ไปถึงเจ้าหน้าที่ที่เค้าท์เตอร์ก็ขอดูตั๋วของพวกเรา และเก็บตั๋วของพวกเราทุกคน พร้อมนัดเวลา 17.00 น. ให้เรา 6 คนมาที่นี่ เขาจะเป็นคนพาเราไปเอง อันนี้ใจชื้น แต่ที่ใจเสียคือ ตั๋วเครื่องบินฉันหล่ะ เราก็ไปนั่งคอย คราวนี้รับเป็นคนเฝ้ากระเป๋าแทน ด้วย 2 เหตุผล 1. ไม่มีเงินฮ่องกงติดมาเลย 2. ของที่นี่มันแพง ให้คนอื่น ๆ ไปเดินเล่น บางคนก็ไปหาอะไรทาน เราก็รับทานของที่เราเตรียมมา คือ ข้าวปั้นสามเหลี่ยม แซนวิชอันใหญ่ และพายช็อคโคแลค และน้ำดื่ม เขามีตู้ให้กด รอดตายไปอีกหนึ่งมื้อ กะว่าบนเครื่องต้องมีข้าวกล่องเหมือนขามา เดี๋ยวไปซัดข้าวกล่องบนเครื่องต่อ
แซนวิชที่ซื้อจาก Lawson อร่อยคะ ดูหลักฐาน คำสุดท้าย
พอ 16.50 น. เรา 6 คนก็ลากกระเป๋ามาที่เค้าท์เตอร์ที่นัดพบ ปรากฏว่าคนที่รับเรื่องเราไม่อยู่ที่เค้าท์เตอร์ หายไปพร้อมตั๋วเครื่องบินของเรา 6 ใบ อั๊ยหย่า... พี่เขาเลยถาม เจ้าหน้าที่ที่นั่งอยู่บอกว่านัด 17.00 น. ไม่ใช่หรือคะ ให้รออีก 10 นาท อะไรหวะ มาก่อนนัดก็ไม่ได้ งงอะ พอ 17.00 น.กว่านิด ๆ พี่เขาก็เข้าไปถามใหม่ คราวนี้ได้คำตอบว่าคนที่รับเรื่องเราพร้อมตั๋วเครื่องบินของเราอีก 6 คน ออกเวรไปพัก ได้โทร.ติดต่อให้แล้ว เขากำลังมาภายใน 10 นาที ค่อยใจชื้นหน่อย แต่แหม 10 นาทีของคุณเนี่ยไม่ตรงเลยนะ เลย 10 นาทีอีก
แล้วเจ้าชีวิตเราก็มาถึง เธอมากับเพื่อนอีก 1 คน เราก็เพิ่งรู้ว่าเธอเป็นคนเช็คผู้โดยสารขึ้นเครื่อง เธอก็ให้เราเอาพาสปอร์ตออกมา พร้อมเช็คชื่อในตั๋วฯ กับพาสปอร์ตของแต่ละคน เธอทำงานไวมาก เธอให้พวกเราเดินตามไปลงลิฟท์ และขึ้นรถไฟฟ้าอีกฝั่งที่เราขึ้นขาไป ไปลงสถานีหน้าและขึ้นลิฟท์อีก ไปยัง Gate 212 โดยเราไม่ต้องรอเข้าแถว ขึ้นเครื่องได้เลย ได้กลับกรุงเทพฯ แล้ว รอบนี้ไม่มีอาหารกล่องเสริฟ มีแต่ขนมปัง 1 ชิ้น เราก็ล่อ red wine เหมือนเดิม ฉลองคะได้กลับบ้านซะที
ถึงสนามบินสุวรรณภูมิช้าไป 10 นาที กว่าจะเดินออกมาไกลมาก เพื่อเข้า ตม. รับกระเป๋าก็ปาไปสองทุ่มกว่า เราก็โทร.บอกสารถีว่ามาถึงแล้ว รออยู่ทางออก 5
*** ขากลับขอบันทึกฯ ไว้กันลืม ขับรถออกจากสุวรรณภูมิ ขึ้นทางด่วนเข้าเส้นแจ้งวัฒนะ ดูป้ายซ้ายมือเข้าเส้นยมราช เพื่อข้ามพระราม 8 ขึ้นทางลอยฟ้าบรมฯ ใกล้สุด ***
หลังจากตระเวนส่งพี่ร่วมห้อง และน้องร่วมทริป เราถึงบ้านสี่ทุ่มกว่า ง่วงมาก ๆ รื้อของกระจายเต็มห้อง เช้ามาก็กระจายเต็มเตียง ของแยะจริง ๆ สมกับที่เพื่อนบอกว่า "ที่ญี่ปุ่นของเขาน่าซื้อทุกอย่าง" สำหรับเรา "นอกจากของน่าซื้อแล้ว ของกินก็อร่อยทุกอย่างเหมือนกัน"
หวังว่าเมื่อท่านอ่านจบจะได้ประโยชน์จากการเที่ยวโอกินาวาด้วยตัวเองนะคะ ขอบคุณที่ติดตามค่ะ
ถ่ายรูปกะ Shisa รูปปั้นในตำนานของชาวโอกินาวา
อุปกรณ์ที่ใช้ในการบันทึกภาพ: Sumsung A7
enjoy travelling & happy ending!