"หนังบักตื้อ" ภูมิปัญญาอีสานประยุกต์

เท่าที่อ่านข้อมูลจากงานศึกษามาพอทราบว่า...

อดีตภูมิภาคเอเชียตะวันออกเฉียงใต้ได้รับอิทธิพลจากการเผยแพร่ศาสนาจากประเทศอินเดีย เนื่องจากบริเวณแถบนี้มีการเข้ามาของพ่อค้า แม่ค้า และผู้คนจากการเดินทางติดต่อค้าขาย  ทำให้ “มหากาพย์รามายณะ” โดยเฉพาะเรื่อง รามเกียรติ์ กระจายและนิยมไปทั่วแถบนี้ จึงเกิดการประยุกต์ปรับการแสดงเป็นลักษณะเฉพาะทางภาคใต้ของประเทศไทยชื่อว่า "หนังตะลุง"



“หนังตะลุง” หรือ “หนังใหญ่” สันนิฐานว่ามีต้นกำเนิดที่จังหวัดพัทลุง การแสดงที่ถูกแสดงและเป็นที่นิยมในภาคใต้ ก่อนกระจายเข้ามาในภาคกลาง จากการติดต่อของคนภาคใต้กับราชสำนัก การแสดงหนังตะลุงเคยแสดงต่อหน้าพระที่นั่งในช่วงสมัยรัตนโกสินทร์ และมีการแพร่กระจายเป็นที่นิยมในภาคกลาง หลังจากนั้นจึงแพร่กระจายต่อมายังภาคอีสาน ทั้งที่รับมาจากภาคกลางและจากภาคใต้



สำหรับภาคอีสานมีชื่อเรียกการแสดงประเภทนี้และให้ความหมายแตกต่างกันออกไป คือ “หนังปราโมทัย” มาจาก คำว่าปราโมทย์ แปล่ว่า ความบันเทิง/ความปลื้มใจ หรือ “หนังประโมทัย” อาจตั้งชื่อตามคณะผู้แสดงชื่อวงประโมทัย หรือ “หนังบักตื้อ” มาจากตัวตลกในเรื่องที่ชื่อ "ปลัดตื้อ" หรือ "หนังบักป่อง บักแก้ว" เรียกตามชื่อตัวตลกที่ชื่อ "บักป่อง บักแก้ว" นั่นเอง  หนังบักตื้อการแสดงที่เกิดขึ้นจากการติดต่อกับระหว่างแรงงานที่ไปทำงานในภาคใต้ เรียนรู้และประยุกต์ใหม่โดยชาวบ้านล้วนๆ มีการนำเอาบทกลอนหมอลำมาผสมผสานรวมกับการแสดงตัวหุ่นหนังตะลุง กลายเป็นวัฒนธรรมใหม่ที่ได้รับความนิยมในภาคอีสาน



ความนิยมหนังบักตื้อในภาคอีสานเริ่มลดน้อยลง เนื่องจากหลังปี พ.ศ.2572 เนื่องจากการเข้ามาของการแสดงลิเก ในปัจจุบันอาจหาชมการแสดงนี้ไค่อนข้างยาก แต่ในภาคอีสานยงมีการแสดงนี้หลงหลืออยู่ในจังหวัดอุบลราชธานี จังหวัดศรีสะเกษ



คณะหนังบักตื้อที่ยังหลงเหลืออยู่ พยายามอนุรักษ์ภูมิปัญญาพื้นบ้านนี้ให้คงอยู่ โดยการเชิญชวนคนรุ่นหลังให้เข้ามาเรียนรู้ และสืบทอดการแสดงทั้งในและนอกระบบการศึกษา มีการจัดแสดงตามงานมหรสพทั่วไปตามโอกาส หรือการใช้หนังบักตื้อในการจัดกระบวนการเพื่อการเรียนรู้สำหรับเด็กและเยาวชน มีการประยุกต์บทกลอนคำร้องที่สอดแทรกเนื้อหาของสังคมปัจจุบัน เช่น นิทานคำสอนของคนอิสาน กลอนผญา หรือเนื้อหาส่งเสริมการดำเนินชีวิตบนพื้นฐานสังคมประชาธิปไตย เป็นต้น เด็กๆ ที่เข้าร่วมกระบวนการเรียนรู้ให้ความสนใจ เนื่องจากเป็นเรื่องที่ไม่อยเห็นได้ง่ายๆ ทั่วไป



นอกจากกระบวนการหนังบักตื้อแล้ว ยังมีกระบวนการอื่นที่สามารถนำมาประยุกต์เป็นเครื่องมือให้เด็กๆ ได้สืบค้นเรื่องราวเี่ยวกับหนังบักตื้ตามความสนใจ โดยให้เด็กๆ นำกระบวนการผลิตสื่อมาประยุกต์ใช้ เช่น การถ่ายภาพเกี่ยวกับการแสดงหนังบักตื้อ (ภาพที่ใช้ประกอบส่วนหนึ่งมาจากผลงานของเด้กๆ ที่ถ่ายโดยใช้กล้องโทรศัพท์มือถือ) การทำคลิปสั้น การสารคดีเชิงข่าว การทำบทสนทนาวิทยุ การทำโฆษณา การ Live วิดีโอทาง Facebook การทำสกู๊ฟข่าว และใช้เทคนิคช่องทางในการเผยแพร่ใน Social Media



จะเห็นว่า การแสดงหนังบักตื้อเข้ามาในสังคมอีสาน มีการปรับเพื่อให้เข้ากับยุคสมัยและมีความนิยมที่แตกต่างกันออกไป ปัจจุบัน ความพยายามของคณะแสดงหนังบักตื้อที่ต้องการให้ภูมิปัญญานี้ยังคงอยู่ คนรุ่นใหม่ในสังคมอีสานต้องเห็นความสำคัญในการเข้าร่วมเป็นส่วนหนึ่งในการอนุรักษ์ อาจประยุกต์ให้เข้ากับยุคสมัยตามตัวอย่างข้างต้นนี้

หากข้อมูลใดผิดพลาดหรือไม่ถูกต้องขออภัยไว้ ณ ที่นี้
****ขอบคุณภาพถ่ายจากเด็กๆ ค่ายเรียนรู้การผลิตสื่อ ณ โรงเรียนบ้านเพียมาต ตำบลหนองแค อำเภอราษีไศล จังหวัดศรีสะเกษ
แก้ไขข้อความเมื่อ
แสดงความคิดเห็น
โปรดศึกษาและยอมรับนโยบายข้อมูลส่วนบุคคลก่อนเริ่มใช้งาน อ่านเพิ่มเติมได้ที่นี่