สวัสดีค่ะ เราเลยตั้งกระทู้เมื่อหลายปีก่อนมาแล้วครั้งหนึ่ง เป็นกระทู้ระบายเรื่องแม่สามีรวมถึงตัวสามีที่ชอบทำร้ายร่างกายและข่มขู่เรา แต่เราก็ยังอยู่ด้วยกันเหมือนเดิมเพราะความคิดที่ว่าเราอยากให้ลูกมีพ่อ ซึ่งหลังจากวันนั้นเราและสามีก็ยังทะเลาะกันมาเรื่อยๆ เรายังคงโดนขู่และทำร้ายร่างกาย รวมถึงอีกหลายๆอย่างที่เราต้องอดทน ไหนจะต้องออกจากงานที่เพิ่งทำได้แค่สิบห้าวันกะทันหัน สาเหตุเพราะงานที่เราทำเป็นงานแบบเข้ากะ ซึ่งพอเข้ากะดึก สามีเราต้องดูลูกเองแต่เขาดูลูกไม่ได้เพราะลูกงอแง จึงมารับเราที่ทำงานและบังคับให้เราออกกลางคันไม่อย่างนั้นเขาจะทำร้ายลูก และยังมีเรื่องราวอื่นๆอีกมากมายที่เราต้องอดทน เพราะเราอยากมีครอบครัวที่เพียบพร้อมให้กับลูกของเรา
จนกระทั่งเข้าปีที่สี่ของการอยู่ด้วยกันและมีลูกด้วยกัน 1 คนวัยสามขวบกว่าๆ ต้องขอบอกก่อนในระยะเวลาสี่ปีกว่าที่ผ่านมานี้ สามีเราเปลี่ยนงานบ่อยมาก เพราะเป็นคนไม่ทนงาน โชคดีที่เรามีงานเสริมด้านอื่นที่พอจะหาเงินได้และเลี้ยงลูกไปด้วยได้ ( หลังจากโดนสามีบังคับให้ออกจากงานก็เริ่มหางานไม่ได้ค่ะ สุดท้ายเลยตัดใจ เลี้ยงลูกอยู่บ้านแล้วทำงานเสริมด้านอื่นที่ทำอยู่กับบ้านได้แทน ) และเมื่อประมาณวันที่ 5 เดือนที่แล้ว สามีเราก็ได้งานทำที่โรงงานใกล้บ้าน ซึ่งก็เป็นเรานี่แหละค่ะที่หาให้ ( เราไล่หางานดีๆในกลุ่มหางานประจำจังหวัดค่ะ ) เพราะก่อนหน้านี้สามีเราตกงานมาสองเดือน เงินที่กินที่ใช้เป็นเงินที่เราได้จากงานพิเศษที่เราทำอยู่บ้าน พอสามีได้งานที่นี่ สองอาทิตย์แรกก็ยังปกติดีค่ะ จนกระทั่งเข้าอาทิตย์ที่สาม ปกติช่วงพักเขาจะกลับมาทานข้าวที่บ้าน แต่อาทิตย์ที่สามเขาเข้ากะดึก เขากลับมาทานข้าวที่บ้านแค่สามวันแรกเท่านั้น หลังจากนั้นก็ไม่กลับมา เรื่องเริ่มจากจุดนี้ค่ะ
สามีของเราเผลอออนเฟซทิ้งไว้ในโน้ตบุ๊คของเรา เราเลยได้เห็นแชทที่มีสาวๆที่โรงงานทักมาบอกว่าคิดถึงเขาสองคน แต่เราก็เลือกที่จะเงียบไว้ก่อน แม้ว่าเขาเองจะตอบกลับไปว่าคิดถึงเหมือนกัน และคุยหยอกล้อในเชิงชู้สาวอีกมากมาย เพราะเรากลัวว่าถ้าเกิดถามอะไรไป เขาอาจจะโมโหและทำร้ายร่างกายเราอีก เราจึงเลือกที่จะเงียบ จนมาวันหนึ่ง เป็นวันหยุดของเขา พอตื่นนอนไม่ทันไร ก็ขอออกไปบ้านเพื่อนที่ทำงานเก่า เราเลยถามไปว่า “เพื่อนที่ทำงานเก่าหรือเพื่อนที่โรงงาน” ในตอนนั้นเราหมายถึงเพื่อนเขาจริงๆ ไม่ได้คิดจะจับผิด แค่ไม่อยากให้โกหกกัน มีเพื่อนที่นี่ก็ให้บอกว่ามีเพื่อน เราไม่ได้ว่า เขาก็ยืนยันว่าเพื่อนที่เก่า เราก็ให้ไป หลังจากนั้นพอเราเช็คเฟซเขาอีกที เขาลบแชทที่คุยกับผู้หญิงสองคนนั้นไปเรียบร้อยแล้ว เราก็เริ่มเอะใจ
จนคืนหนึ่ง สามีเราถอนเงินในเอทีเอ็มออกไปห้าร้อยบาท ( ในมือถือเรามีแอพธนาคารอยู่ จึงสามารถเช็คยอดเงินได้ค่ะ ) และวันนั้นเขาก็ไม่กลับมากินข้าวที่บ้านเหมือนเดิม พอตอนเช้าเขาเลิกงานกลับมา เราเลยถามว่ากดเงินไปไหน ( ฐานะที่บ้านเราไม่ได้ดีนักคะ จึงต้องประหยัดค่าใช้จ่าย ) เขาก็บอกว่าเอาไปกินก๋วยเตี๋ยวกับเพื่อน จนสายๆเขาหลุดปากพูดว่าเขาไปกินก๋วยเตี๋ยวร้านอิสลาม ( ซึ่งปกติสามีเราจะไม่เข้าร้านอิสลามเลยค่ะ ) แล้วเราก็นึกขึ้นได้ว่าผู้หญิงโรงงานที่ทักมาบอกคิดถึงเขาเองก็เป็นคนอิสลามเช่นกัน เราเลยเริ่มสะกิดใจว่าเขาจะมีคนอื่น เลยพูดประชดไปว่าไม่ใช่กดเงินไปเลี้ยงผู้หญิงที่บอกว่าคิดถึงหมดเหรอ จากนั้นเขาก็ขอตัวไปนอน พอเราเข้าเฟซเขาอีกที ปรากฏว่าเขาเปลี่ยนรหัสค่ะ เราเข้าไม่ได้ แถมเขายังบล็อกเฟซเราอีกด้วย เขาเริ่มแต่งตัวและห่วงใบหน้าของตัวเองมากขึ้น ลูกเต้าเริ่มไม่สนใจ ลูกเข้าใกล้ก็โมโห กลับจากทำงานก็นอนเลย ไม่เล่น ไม่คุยกับลูกใดๆทั้งสิ้น จนผ่านไปอีกสองอาทิตย์ เขากลับมาเข้ากะเช้า ก็เริ่มกลับมากินข้าวที่บ้านบ้าง แต่ไม่บ่อย แต่ระยะห่างในครอบครัวก็เริ่มมากขึ้นๆ เราเจอหน้ากันนับนาทีได้เลยค่ะ
และด้วยความที่เรากังวล เราก็เอาเฟซอันอื่นเขาแฟซสามีเรา แต่สามีเราปิดความเป็นส่วนตัวทั้งหมด เราเลยเริ่มหาจากรายชื่อเพื่อน เพื่อดูว่าคนไหนคือคนที่ส่งแชทมาหาสามีเราคราวก่อน แล้วเราก็เจอ ก็เลยใช้เฟซปัจจุบันที่ใช้และสามีบล็อคไว้แอดไปค่ะ แต่เราไม่ทำอะไรนะคะ ไม่ทัก ไม่คุย ไม่ด่า เพราะคนที่ส่งมาบอกว่าคิดถึงสามีเราเขาก็มีลูกมีสามีอยู่แล้วค่ะ เราพยายามคิดว่าอาจเป็นความเข้าใจผิด จนวันหนึ่ง ผู้หญิงคนนี้แท็กรูปเสื้อคู่เข้าเฟซสามีเรา เพื่อนเราที่เป็นเพื่อนในเฟซกับสามีเราอยู่เลยแคปมาบอก เราก็เรียกสามีมาถามเลยค่ะ เขาก็เหมือนเดิมคือตวาดเรา โวยวายใส่เรา ขู่เรา ทำเหมือนเราผิด แล้วก็บอกว่าถ้างั้นออกจากงานดีมั้ง ถ้าทำงานแล้วมีแต่ปัญหา ออกมาอยู่บ้านให้เมียเลี้ยงไปเลยดีมั้ย คือเขาเบี่ยงประเด็นไปและกลายเป็นชวนทะเลาะไปเลย สุดท้ายเราเลยจำใจต้องยอมจบ แม้ว่าจะสงสัยแค่ไหนก็ตาม
จนมาวันหนึ่ง จู่ๆเขามาพูดเรื่องเงิน คือจะไม่ให้เงินเรากับลูกเหมือนแต่ก่อน จะให้แค่เศษเงินนิดๆหน่อยๆเท่านั้น ที่เหลือเขาก็จะเก็บอะไรประมาณนี้ ทั้งๆที่ตอนเขาตกงาน เราหาเงินคนเดียว เราซื้อของให้เขาทุกอย่าง พาไปกินของดีๆ มีอะไรเราให้เขากับลูกก่อนเสมอ พอเจอเขาพูดแบบนี้เรายอมรับว่าเราโกรธมาก พักหลังมาบางทีก็ไปบ้านเพื่อนบ่อยขึ้น พอมาอีกวัน เขาเลิกงานห้าโมง ประมาณห้าโมงเศษๆจะต้องถึงบ้าน แต่ว่าจนสองทุ่มแล้วก็ยังไม่กลับ โทรไปก็ไม่รับ ด้วยความที่โกรธเรื่องก่อนหน้านี้อยู่แล้วเราเลยพยายามจะเข้าเฟซเขาให้ได้ แล้วเหมือนสวรรค์เป็นใจค่ะ สามีของเราดันใช้รหัสผ่านเป็นเบอร์มือถือตัวเอง เราเลยเข้าได้ และได้ไปเห็นแชทที่เขาคุยกับผู้หญิงคนหนึ่งที่เขาแอบคบด้วย ซึ่งเป็นคนละคนกับผู้หญิงสองคนก่อนหน้านี้ที่เราจับตาดูอยู่ค่ะ แต่ว่าก็ทำงานในโรงงานเดียวกัน ผู้หญิงสามคนนี้ก็รู้จักกัน แต่พวกเขาไม่รู้ว่าสามีเราม่อทุกคน
พอเจอแชทนี้เข้าไปเราถึงกับร้องไห้ สงสารลูกขึ้นมาทันที ลูกไม่ได้เจอไม่ได้เล่นกับพ่อมานานมาก เราโทรไปร้องไห้กับเพื่อนและแม่สามี เพราะก่อนหน้านี้เวลาทะเลาะกันเขาขู่จะไล่เรากับลูกออกจากบ้านหลายรอบมาก ( บ้านที่อยู่เป็นบ้านแม่สามีค่ะ ซึ่งแม่สามีไปทำงานตจว ) แม่สามีบอกเขาไม่เอาสะใภ้ใหม่ ไม่ต้องกังวล ให้เราอยู่กับลูกไป พอสามทุ่มสามีกลับมา เจอเราร้องไห้ก็เค้นถามว่าเป็นอะไร เราจึงเปิดแชทให้เขาดู เขาก็บอกว่าแค่คุยเล่นๆไม่ได้จริงจัง ( แต่ในแชทมีบอกรัก มีไปเจอกัน มีบอกว่าจะให้แม่ไปขอ บอกว่าอีกไม่นานก็จะได้อยู่กันแล้ว ที่สำคัญคือสามีเราโกหกผู้หญิงว่าเราเป็นพี่สาวค่ะ และตอนเห็นแชทตอนแรกเราก็เอาเฟซรัทกไปหาน้องผู้หญิงคนนี้เพื่อบอกความจริงแล้วว่าเราไม่ใช่พี่สาวเขาแต่เป็นภรรยา ) ทีนี้เพื่อนเราก็มาช่วยเคลียร์ค่ะ แต่เป็นการเคลียร์ที่จบลงตรงที่ว่าเราต้องยอมให้เขามีคนอื่น แต่เขาห้ามพาผู้หญิงมาบ้าน ห้ามพามาหยามเรากับลูก ซึ่งเขาก็ยืนยันว่าเขาจะเลิก ส่วนเราก็ยอมรับทั้งที่ในใจเจ็บมากเพราะสงสารลูก
คืนนั้นเราบอกสามีว่า ตอนเช้าวันหยุด ช่วงครึ่งเช้าขอเวลาได้มั้ย พาเรากับลูกไปซื้อของหน่อย เราจะไปมาทำสุกี้กินกับลูก เขาก็โอเค เราก็นอนร้องไห้ทั้งคืน แต่พอเช้ามา ประมาณแปดโมงกว่าๆ เขาก็บอกเราว่าขอไปบ้านเพื่อนก่อนนะ ทั้งที่สัญญาแล้วว่าจะให้เวลาเรากับลูกช่วงเช้า จนเก้าโมงเราเอะใจ ลองโทรหาเขาดู พบว่าขึ้นรอสาย พอสักพักเขาโทรกลับ เราระเบิดลงเลยค่ะ ไม่มีภรรยาคนไหนยอมให้สามีมีเมียน้อยได้จริงๆ เราก็บอกว่าถ้าจะอยู่แบบนี้เลิกกันเถอะ เขาก็โอเค จะเลิก เราก็โทรหาญาติผู้ใหญ่ฝ่ายเขา เล่าเรื่องทั้งหมดให้ฟัง ทางญาติเขาเลยบอกขอโทรไปคุยกับเขาก่อน ส่วนเราในตอนั้นก็โทรหาผู้หญิงคนนั้นค่ะ เพื่อบอกความจริง เราคุยกับเขาดีมาก เพราะน้องเขาเองก็คุยกับเราดี ในตอนนั้นเราคิดแค่ว่าน้องเขาถูกสามีเราหลอกเหมือนกัน น่าสงสาร สักพักสามีเราก็มารับ โวยวายด่าเราใหญ่ที่เราโทรบอกญาติเขา พอไปถึงญาติเขาก็พูดให้สามีเราคิด เพราะคนที่ร่วมทุกข์ร่วมสุขและอดด้วยกันมากับเขาคือเรา สุดท้ายเขาก็บอกว่าเลือกเรากับลูก จะเลิกกับผู้หญิงคนนั้น เราให้เขาโทรต่อหน้าญาติเขาเลยเขาก็บอกว่าไม่กล้า เราเลยบอกว่างั้นเราจะโทรให้ แต่เขาต้องโทรไปขอโทษน้องผู้หญิงคนนั้นด้วยนะ ทำตัวให้เป็นลูกผู้ชายหน่อย ซึ่งเขาก็ตกลง ญาติฝั่งเขก็พอใจเพราะไม่อยากให้เลิกกันเนื่องจากเห็นแก่หลาน(ลูกของเรากับสามี)
แล้วเขาก็พาเราไปทิ้งไว้ที่บ้านพ่อของเขาเพราะเขานัดกับเพื่อนจะไปซื้อของ เราก็โอเค แล้วเราก็โทรหาน้องผู้หญิงคนนั้น บอกผลสรุปทั้งหมดว่าตกลงเขาเลือกเรากับลูกนะ น้องยินดีที่จะเลิกมั้ย เราก็บอกว่าพี่บอกแฟนพี่แล้วนะว่าให้โทรมาขอโทษบี (นามสมมติ)ด้วย สักพักสามีเราก็โทรหาน้องเขา เราเลยวางสายก่อน คุยไปสักห้านาทีเราโทรถามสามีว่าเป็นยังไงบ้าง เขาก็บอกว่าก็ขอโทษแล้ว แล้วก็วางไป เราก็โทรหาน้องบีอีกรอบ เขาก็พูดตรงกัน น้องบีขอโทษเราและบอกว่าเป็นแค่เพ่อนกันแล้ว จะไม่ยุ่งกับสามีเราอีก เราเลยถามไปว่า “พี่เชื่อใจน้องได้ใช่มั้ยคะ” น้องบีก็บอกว่า “เชื่อใจได้ค่ะ” เราก็ “โอเคค่ะ งั้นพี่จะไม่ระแวงเรื่องของน้องสองคนอีก” แล้วจากนั้นเราก็ไม่โทรหรืออะไรกับน้องบีอีกเลย (ซึ่งเรื่องนี้เพิ่งเคลียร์จบไปเมื่อวันอาทิตย์ที่ 16 ตุลา ที่ผ่านมาค่ะ ) ซึ่งเย็นวันนั้นสามีเราทำมือถือตกแตก เราเหลือเงินในบัญชีอยู่สามพันเลยกดมาซื้อให้เขาก่อน เพราะเขาบอกว่าจะคืนเราตอนเงินออกวันที่ 21 ( ซึ่งก็คือเมื่อ พฤหัสที่แล้ว )
และหลังจากเคลียร์กันจบไป เรามีความรู้สึกว่าเขายังติดต่อกันอยู่ลับๆ แม้สามีจะให้เราเช็คเฟซตลอดเวลาก็ตาม แต่เขาไม่ให้เราแตะมือถือเขาเลย วันไหนที่เราบังคับเอามาดูจนได้ เขาก็จะลบข้อมูลการโทรทั้งหมดออก ( ที่เราต้องบังคับดู ก็เพราะเขาจะระวังไม่ให้เราเข้าใกล้โทรศัพท์เขาเกินไปจนน่าสงสัยนี่แหละค่ะ) จนกระทั่งเมื่อวันพุธที่แล้ว เขาเลิกงานมาและพาลูกของเราไปบ้านเพื่อนเขา ซึ่งนิสัยของเรา เวลาเขาพาลูกไปบ้านเพื่อน พอผ่านไปได้สักชั่วโมง เราจะโทรไปเช็ครอบนึงว่าลูกเป็นยังไง ซนมั้ย เป็นแบบนี้มาตลอดค่ะ แต่วันนั้นเขากลับไม่รับสายเลย จนสายที่เก้าก็ยังไม่ยอมรับ เราเลยใจไม่ดี คิดว่าอาจเกิดอุบัติเหตุหรืออะไร สุดท้ายเลยหาเบอร์เพื่อนเขาจนเจอแล้วโทรไป ปรากฏว่าเขากำลังจะกลับ เราก็รอค่ะ
พอสามทุ่มกลับมาถึง เขาก็ด่าเราเลย โวยวายใส่เราสารพัด หาว่าเราโทรจี้ เราเลยเถียงกลับไปว่า ถ้ารับสายแรกก็จบแล้ว เราแค่จะถามว่าลูกเป็นยังไง แต่นี่เขาเล่นไม่รับเลยสักสาย เราก็เป็นห่วงลูก เขาก็ยังด่าไม่หยุดค่ะ ด่าเสียๆหายๆ ด่าไปมือก็แกว่งไป ท่าจะมาทำร้ายร่างกายเราหลายรอบ สุดท้ายเขาก็ขอเลิกค่ะ เขาไล่แล้วแล้วบอกว่า “ไม่เอาแล้ว เดือนหน้าไปเลยนะ จะไปไหนก็ไป” ไล่เราเหมือนหมูเหมือนหมา เราร้องไห้ บอกว่าต้องการแบบนี้ใช่มั้ย เขาก็ด่าเราอีก โทษว่าเป็นความผิดเราอีก วินาทีนั้นเราคิดว่า แค่เรื่องโทรศัพท์ ทำไมเขาต้องทำให้มันบานปลายขนาดนี้ เราเลยบอกว่า “เลิกก็ได้ ถ้างั้นพรุ่งนี้เงินออกก็คืนค่ามือถือมาด้วยสามพัน ส่วนรถ จะเอาคืนแม่” (รถมอไซค์ที่ใช้อยู่เป็นรถแม่เราค่ะ ) เขาก็โมโห วิ่งไปจะหยิบหม้อข้าวมาทุบเรา เพราะถ้าเราเอาเงินค่ามือถือไป เขก็จะไม่เหลือเงินกินเพียงพอก่อนเงินออกรอบต่อไป และถ้าแม่เรามาเอารถไป เขก็จะไม่มีรถใช้ เพราะรถเขาเสีย แต่ตอนนั้นเราตัดสินใจเด็ดขาดในเสี้ยววินาทีว่าเลิกก็เลิก
ต่อในคอมเม้นตนะคะ.....
เมื่อต้องเสียสามี เสียพ่อของลูก ให้ผู้หญิงที่เพิ่งรู้จักไม่ถึงสองเดือน
จนกระทั่งเข้าปีที่สี่ของการอยู่ด้วยกันและมีลูกด้วยกัน 1 คนวัยสามขวบกว่าๆ ต้องขอบอกก่อนในระยะเวลาสี่ปีกว่าที่ผ่านมานี้ สามีเราเปลี่ยนงานบ่อยมาก เพราะเป็นคนไม่ทนงาน โชคดีที่เรามีงานเสริมด้านอื่นที่พอจะหาเงินได้และเลี้ยงลูกไปด้วยได้ ( หลังจากโดนสามีบังคับให้ออกจากงานก็เริ่มหางานไม่ได้ค่ะ สุดท้ายเลยตัดใจ เลี้ยงลูกอยู่บ้านแล้วทำงานเสริมด้านอื่นที่ทำอยู่กับบ้านได้แทน ) และเมื่อประมาณวันที่ 5 เดือนที่แล้ว สามีเราก็ได้งานทำที่โรงงานใกล้บ้าน ซึ่งก็เป็นเรานี่แหละค่ะที่หาให้ ( เราไล่หางานดีๆในกลุ่มหางานประจำจังหวัดค่ะ ) เพราะก่อนหน้านี้สามีเราตกงานมาสองเดือน เงินที่กินที่ใช้เป็นเงินที่เราได้จากงานพิเศษที่เราทำอยู่บ้าน พอสามีได้งานที่นี่ สองอาทิตย์แรกก็ยังปกติดีค่ะ จนกระทั่งเข้าอาทิตย์ที่สาม ปกติช่วงพักเขาจะกลับมาทานข้าวที่บ้าน แต่อาทิตย์ที่สามเขาเข้ากะดึก เขากลับมาทานข้าวที่บ้านแค่สามวันแรกเท่านั้น หลังจากนั้นก็ไม่กลับมา เรื่องเริ่มจากจุดนี้ค่ะ
สามีของเราเผลอออนเฟซทิ้งไว้ในโน้ตบุ๊คของเรา เราเลยได้เห็นแชทที่มีสาวๆที่โรงงานทักมาบอกว่าคิดถึงเขาสองคน แต่เราก็เลือกที่จะเงียบไว้ก่อน แม้ว่าเขาเองจะตอบกลับไปว่าคิดถึงเหมือนกัน และคุยหยอกล้อในเชิงชู้สาวอีกมากมาย เพราะเรากลัวว่าถ้าเกิดถามอะไรไป เขาอาจจะโมโหและทำร้ายร่างกายเราอีก เราจึงเลือกที่จะเงียบ จนมาวันหนึ่ง เป็นวันหยุดของเขา พอตื่นนอนไม่ทันไร ก็ขอออกไปบ้านเพื่อนที่ทำงานเก่า เราเลยถามไปว่า “เพื่อนที่ทำงานเก่าหรือเพื่อนที่โรงงาน” ในตอนนั้นเราหมายถึงเพื่อนเขาจริงๆ ไม่ได้คิดจะจับผิด แค่ไม่อยากให้โกหกกัน มีเพื่อนที่นี่ก็ให้บอกว่ามีเพื่อน เราไม่ได้ว่า เขาก็ยืนยันว่าเพื่อนที่เก่า เราก็ให้ไป หลังจากนั้นพอเราเช็คเฟซเขาอีกที เขาลบแชทที่คุยกับผู้หญิงสองคนนั้นไปเรียบร้อยแล้ว เราก็เริ่มเอะใจ
จนคืนหนึ่ง สามีเราถอนเงินในเอทีเอ็มออกไปห้าร้อยบาท ( ในมือถือเรามีแอพธนาคารอยู่ จึงสามารถเช็คยอดเงินได้ค่ะ ) และวันนั้นเขาก็ไม่กลับมากินข้าวที่บ้านเหมือนเดิม พอตอนเช้าเขาเลิกงานกลับมา เราเลยถามว่ากดเงินไปไหน ( ฐานะที่บ้านเราไม่ได้ดีนักคะ จึงต้องประหยัดค่าใช้จ่าย ) เขาก็บอกว่าเอาไปกินก๋วยเตี๋ยวกับเพื่อน จนสายๆเขาหลุดปากพูดว่าเขาไปกินก๋วยเตี๋ยวร้านอิสลาม ( ซึ่งปกติสามีเราจะไม่เข้าร้านอิสลามเลยค่ะ ) แล้วเราก็นึกขึ้นได้ว่าผู้หญิงโรงงานที่ทักมาบอกคิดถึงเขาเองก็เป็นคนอิสลามเช่นกัน เราเลยเริ่มสะกิดใจว่าเขาจะมีคนอื่น เลยพูดประชดไปว่าไม่ใช่กดเงินไปเลี้ยงผู้หญิงที่บอกว่าคิดถึงหมดเหรอ จากนั้นเขาก็ขอตัวไปนอน พอเราเข้าเฟซเขาอีกที ปรากฏว่าเขาเปลี่ยนรหัสค่ะ เราเข้าไม่ได้ แถมเขายังบล็อกเฟซเราอีกด้วย เขาเริ่มแต่งตัวและห่วงใบหน้าของตัวเองมากขึ้น ลูกเต้าเริ่มไม่สนใจ ลูกเข้าใกล้ก็โมโห กลับจากทำงานก็นอนเลย ไม่เล่น ไม่คุยกับลูกใดๆทั้งสิ้น จนผ่านไปอีกสองอาทิตย์ เขากลับมาเข้ากะเช้า ก็เริ่มกลับมากินข้าวที่บ้านบ้าง แต่ไม่บ่อย แต่ระยะห่างในครอบครัวก็เริ่มมากขึ้นๆ เราเจอหน้ากันนับนาทีได้เลยค่ะ
และด้วยความที่เรากังวล เราก็เอาเฟซอันอื่นเขาแฟซสามีเรา แต่สามีเราปิดความเป็นส่วนตัวทั้งหมด เราเลยเริ่มหาจากรายชื่อเพื่อน เพื่อดูว่าคนไหนคือคนที่ส่งแชทมาหาสามีเราคราวก่อน แล้วเราก็เจอ ก็เลยใช้เฟซปัจจุบันที่ใช้และสามีบล็อคไว้แอดไปค่ะ แต่เราไม่ทำอะไรนะคะ ไม่ทัก ไม่คุย ไม่ด่า เพราะคนที่ส่งมาบอกว่าคิดถึงสามีเราเขาก็มีลูกมีสามีอยู่แล้วค่ะ เราพยายามคิดว่าอาจเป็นความเข้าใจผิด จนวันหนึ่ง ผู้หญิงคนนี้แท็กรูปเสื้อคู่เข้าเฟซสามีเรา เพื่อนเราที่เป็นเพื่อนในเฟซกับสามีเราอยู่เลยแคปมาบอก เราก็เรียกสามีมาถามเลยค่ะ เขาก็เหมือนเดิมคือตวาดเรา โวยวายใส่เรา ขู่เรา ทำเหมือนเราผิด แล้วก็บอกว่าถ้างั้นออกจากงานดีมั้ง ถ้าทำงานแล้วมีแต่ปัญหา ออกมาอยู่บ้านให้เมียเลี้ยงไปเลยดีมั้ย คือเขาเบี่ยงประเด็นไปและกลายเป็นชวนทะเลาะไปเลย สุดท้ายเราเลยจำใจต้องยอมจบ แม้ว่าจะสงสัยแค่ไหนก็ตาม
จนมาวันหนึ่ง จู่ๆเขามาพูดเรื่องเงิน คือจะไม่ให้เงินเรากับลูกเหมือนแต่ก่อน จะให้แค่เศษเงินนิดๆหน่อยๆเท่านั้น ที่เหลือเขาก็จะเก็บอะไรประมาณนี้ ทั้งๆที่ตอนเขาตกงาน เราหาเงินคนเดียว เราซื้อของให้เขาทุกอย่าง พาไปกินของดีๆ มีอะไรเราให้เขากับลูกก่อนเสมอ พอเจอเขาพูดแบบนี้เรายอมรับว่าเราโกรธมาก พักหลังมาบางทีก็ไปบ้านเพื่อนบ่อยขึ้น พอมาอีกวัน เขาเลิกงานห้าโมง ประมาณห้าโมงเศษๆจะต้องถึงบ้าน แต่ว่าจนสองทุ่มแล้วก็ยังไม่กลับ โทรไปก็ไม่รับ ด้วยความที่โกรธเรื่องก่อนหน้านี้อยู่แล้วเราเลยพยายามจะเข้าเฟซเขาให้ได้ แล้วเหมือนสวรรค์เป็นใจค่ะ สามีของเราดันใช้รหัสผ่านเป็นเบอร์มือถือตัวเอง เราเลยเข้าได้ และได้ไปเห็นแชทที่เขาคุยกับผู้หญิงคนหนึ่งที่เขาแอบคบด้วย ซึ่งเป็นคนละคนกับผู้หญิงสองคนก่อนหน้านี้ที่เราจับตาดูอยู่ค่ะ แต่ว่าก็ทำงานในโรงงานเดียวกัน ผู้หญิงสามคนนี้ก็รู้จักกัน แต่พวกเขาไม่รู้ว่าสามีเราม่อทุกคน
พอเจอแชทนี้เข้าไปเราถึงกับร้องไห้ สงสารลูกขึ้นมาทันที ลูกไม่ได้เจอไม่ได้เล่นกับพ่อมานานมาก เราโทรไปร้องไห้กับเพื่อนและแม่สามี เพราะก่อนหน้านี้เวลาทะเลาะกันเขาขู่จะไล่เรากับลูกออกจากบ้านหลายรอบมาก ( บ้านที่อยู่เป็นบ้านแม่สามีค่ะ ซึ่งแม่สามีไปทำงานตจว ) แม่สามีบอกเขาไม่เอาสะใภ้ใหม่ ไม่ต้องกังวล ให้เราอยู่กับลูกไป พอสามทุ่มสามีกลับมา เจอเราร้องไห้ก็เค้นถามว่าเป็นอะไร เราจึงเปิดแชทให้เขาดู เขาก็บอกว่าแค่คุยเล่นๆไม่ได้จริงจัง ( แต่ในแชทมีบอกรัก มีไปเจอกัน มีบอกว่าจะให้แม่ไปขอ บอกว่าอีกไม่นานก็จะได้อยู่กันแล้ว ที่สำคัญคือสามีเราโกหกผู้หญิงว่าเราเป็นพี่สาวค่ะ และตอนเห็นแชทตอนแรกเราก็เอาเฟซรัทกไปหาน้องผู้หญิงคนนี้เพื่อบอกความจริงแล้วว่าเราไม่ใช่พี่สาวเขาแต่เป็นภรรยา ) ทีนี้เพื่อนเราก็มาช่วยเคลียร์ค่ะ แต่เป็นการเคลียร์ที่จบลงตรงที่ว่าเราต้องยอมให้เขามีคนอื่น แต่เขาห้ามพาผู้หญิงมาบ้าน ห้ามพามาหยามเรากับลูก ซึ่งเขาก็ยืนยันว่าเขาจะเลิก ส่วนเราก็ยอมรับทั้งที่ในใจเจ็บมากเพราะสงสารลูก
คืนนั้นเราบอกสามีว่า ตอนเช้าวันหยุด ช่วงครึ่งเช้าขอเวลาได้มั้ย พาเรากับลูกไปซื้อของหน่อย เราจะไปมาทำสุกี้กินกับลูก เขาก็โอเค เราก็นอนร้องไห้ทั้งคืน แต่พอเช้ามา ประมาณแปดโมงกว่าๆ เขาก็บอกเราว่าขอไปบ้านเพื่อนก่อนนะ ทั้งที่สัญญาแล้วว่าจะให้เวลาเรากับลูกช่วงเช้า จนเก้าโมงเราเอะใจ ลองโทรหาเขาดู พบว่าขึ้นรอสาย พอสักพักเขาโทรกลับ เราระเบิดลงเลยค่ะ ไม่มีภรรยาคนไหนยอมให้สามีมีเมียน้อยได้จริงๆ เราก็บอกว่าถ้าจะอยู่แบบนี้เลิกกันเถอะ เขาก็โอเค จะเลิก เราก็โทรหาญาติผู้ใหญ่ฝ่ายเขา เล่าเรื่องทั้งหมดให้ฟัง ทางญาติเขาเลยบอกขอโทรไปคุยกับเขาก่อน ส่วนเราในตอนั้นก็โทรหาผู้หญิงคนนั้นค่ะ เพื่อบอกความจริง เราคุยกับเขาดีมาก เพราะน้องเขาเองก็คุยกับเราดี ในตอนนั้นเราคิดแค่ว่าน้องเขาถูกสามีเราหลอกเหมือนกัน น่าสงสาร สักพักสามีเราก็มารับ โวยวายด่าเราใหญ่ที่เราโทรบอกญาติเขา พอไปถึงญาติเขาก็พูดให้สามีเราคิด เพราะคนที่ร่วมทุกข์ร่วมสุขและอดด้วยกันมากับเขาคือเรา สุดท้ายเขาก็บอกว่าเลือกเรากับลูก จะเลิกกับผู้หญิงคนนั้น เราให้เขาโทรต่อหน้าญาติเขาเลยเขาก็บอกว่าไม่กล้า เราเลยบอกว่างั้นเราจะโทรให้ แต่เขาต้องโทรไปขอโทษน้องผู้หญิงคนนั้นด้วยนะ ทำตัวให้เป็นลูกผู้ชายหน่อย ซึ่งเขาก็ตกลง ญาติฝั่งเขก็พอใจเพราะไม่อยากให้เลิกกันเนื่องจากเห็นแก่หลาน(ลูกของเรากับสามี)
แล้วเขาก็พาเราไปทิ้งไว้ที่บ้านพ่อของเขาเพราะเขานัดกับเพื่อนจะไปซื้อของ เราก็โอเค แล้วเราก็โทรหาน้องผู้หญิงคนนั้น บอกผลสรุปทั้งหมดว่าตกลงเขาเลือกเรากับลูกนะ น้องยินดีที่จะเลิกมั้ย เราก็บอกว่าพี่บอกแฟนพี่แล้วนะว่าให้โทรมาขอโทษบี (นามสมมติ)ด้วย สักพักสามีเราก็โทรหาน้องเขา เราเลยวางสายก่อน คุยไปสักห้านาทีเราโทรถามสามีว่าเป็นยังไงบ้าง เขาก็บอกว่าก็ขอโทษแล้ว แล้วก็วางไป เราก็โทรหาน้องบีอีกรอบ เขาก็พูดตรงกัน น้องบีขอโทษเราและบอกว่าเป็นแค่เพ่อนกันแล้ว จะไม่ยุ่งกับสามีเราอีก เราเลยถามไปว่า “พี่เชื่อใจน้องได้ใช่มั้ยคะ” น้องบีก็บอกว่า “เชื่อใจได้ค่ะ” เราก็ “โอเคค่ะ งั้นพี่จะไม่ระแวงเรื่องของน้องสองคนอีก” แล้วจากนั้นเราก็ไม่โทรหรืออะไรกับน้องบีอีกเลย (ซึ่งเรื่องนี้เพิ่งเคลียร์จบไปเมื่อวันอาทิตย์ที่ 16 ตุลา ที่ผ่านมาค่ะ ) ซึ่งเย็นวันนั้นสามีเราทำมือถือตกแตก เราเหลือเงินในบัญชีอยู่สามพันเลยกดมาซื้อให้เขาก่อน เพราะเขาบอกว่าจะคืนเราตอนเงินออกวันที่ 21 ( ซึ่งก็คือเมื่อ พฤหัสที่แล้ว )
และหลังจากเคลียร์กันจบไป เรามีความรู้สึกว่าเขายังติดต่อกันอยู่ลับๆ แม้สามีจะให้เราเช็คเฟซตลอดเวลาก็ตาม แต่เขาไม่ให้เราแตะมือถือเขาเลย วันไหนที่เราบังคับเอามาดูจนได้ เขาก็จะลบข้อมูลการโทรทั้งหมดออก ( ที่เราต้องบังคับดู ก็เพราะเขาจะระวังไม่ให้เราเข้าใกล้โทรศัพท์เขาเกินไปจนน่าสงสัยนี่แหละค่ะ) จนกระทั่งเมื่อวันพุธที่แล้ว เขาเลิกงานมาและพาลูกของเราไปบ้านเพื่อนเขา ซึ่งนิสัยของเรา เวลาเขาพาลูกไปบ้านเพื่อน พอผ่านไปได้สักชั่วโมง เราจะโทรไปเช็ครอบนึงว่าลูกเป็นยังไง ซนมั้ย เป็นแบบนี้มาตลอดค่ะ แต่วันนั้นเขากลับไม่รับสายเลย จนสายที่เก้าก็ยังไม่ยอมรับ เราเลยใจไม่ดี คิดว่าอาจเกิดอุบัติเหตุหรืออะไร สุดท้ายเลยหาเบอร์เพื่อนเขาจนเจอแล้วโทรไป ปรากฏว่าเขากำลังจะกลับ เราก็รอค่ะ
พอสามทุ่มกลับมาถึง เขาก็ด่าเราเลย โวยวายใส่เราสารพัด หาว่าเราโทรจี้ เราเลยเถียงกลับไปว่า ถ้ารับสายแรกก็จบแล้ว เราแค่จะถามว่าลูกเป็นยังไง แต่นี่เขาเล่นไม่รับเลยสักสาย เราก็เป็นห่วงลูก เขาก็ยังด่าไม่หยุดค่ะ ด่าเสียๆหายๆ ด่าไปมือก็แกว่งไป ท่าจะมาทำร้ายร่างกายเราหลายรอบ สุดท้ายเขาก็ขอเลิกค่ะ เขาไล่แล้วแล้วบอกว่า “ไม่เอาแล้ว เดือนหน้าไปเลยนะ จะไปไหนก็ไป” ไล่เราเหมือนหมูเหมือนหมา เราร้องไห้ บอกว่าต้องการแบบนี้ใช่มั้ย เขาก็ด่าเราอีก โทษว่าเป็นความผิดเราอีก วินาทีนั้นเราคิดว่า แค่เรื่องโทรศัพท์ ทำไมเขาต้องทำให้มันบานปลายขนาดนี้ เราเลยบอกว่า “เลิกก็ได้ ถ้างั้นพรุ่งนี้เงินออกก็คืนค่ามือถือมาด้วยสามพัน ส่วนรถ จะเอาคืนแม่” (รถมอไซค์ที่ใช้อยู่เป็นรถแม่เราค่ะ ) เขาก็โมโห วิ่งไปจะหยิบหม้อข้าวมาทุบเรา เพราะถ้าเราเอาเงินค่ามือถือไป เขก็จะไม่เหลือเงินกินเพียงพอก่อนเงินออกรอบต่อไป และถ้าแม่เรามาเอารถไป เขก็จะไม่มีรถใช้ เพราะรถเขาเสีย แต่ตอนนั้นเราตัดสินใจเด็ดขาดในเสี้ยววินาทีว่าเลิกก็เลิก
ต่อในคอมเม้นตนะคะ.....