วันนี้ตั้งใจจะเขียนบทความเชิงแจ้งเตือนไปยังผู้มีอำนาจในสมาคมฟุตบอลไทย เกี่ยวกับทีมชาติชุดเยาวชนรุ่นต่างๆ ของไทย หลังจากเห็นแต่ประเด็นทีมชาติเวียตนามชุด U-19 ได้ผ่านเข้าไปเล่นบอลโลกรอบสุดท้าย แต่ทีมชาติไทยยังวนเวียนอยู่ในวังวนเดิมๆ โทษนั่นโทษนี่ แต่ไม่คิดจะเอาข้อผิดพลาดต่างๆ มาแก้ไขเลย สิ่งหนึ่งที่ผมเห็นมาทุกยุคทุกสมัยของบอลไทยตั้งแต่นายกชลอจนถึงล่าสุดนายกสมยศ คือ เราจะเตรียมทีมกันก็ต่อเมื่อจะมีทัวร์นาเม้นต์แข่งเท่านั้น เมื่อจบทัวร์นาเมนต์ก็บ้านใครบ้านมัน ตกรอบทุกครั้งจะได้ยินเหตุผลเดิมๆ ทุกครั้งไป เช่น นักเตะไทยยังสู้ระดับเอเซียไม่ได้บ้าง ประสบการณ์น้อยบ้าง ไม่มีเวลาเตรียมตัวบ้าง ระบบการพัฒนาเยาวชนไม่ดีบ้าง ฯลฯ (ถามจริงๆ ไม่เบื่อกันบ้างหรือไงครับ) มีหลายสิ่งที่ผมค่อนข้างชื่นชมและยินดีกับทีมเวียตนามชุดนี้ คือ
1. สมาคมฟุตบอลเค้าจริงจังกับการสร้างทีมเยาวชน : จะเห็นได้จากการเริ่มต้นสร้างทีม U-19 (ก็ชุดที่แฟนบอลไทยชอบล้อเค้าแหละครับ) และมีการเก็บตัวด้วยกันเป็นปี ตระเวนอุ่นเครื่องกับทีมที่แข็งกว่า (ยกตัวอย่างเช่น แบกอายุแข่งกับ U21 ไทยนั่นแหละครับ)
2. มีการเตรียมทีมต่อเนื่องและไม่ย่อท้อต่อความยากลำบาก : แม้ชุดแรกรุ่น คงเฟือง ไม่ประสบความสำเร็จ แต่เค้าก็ไม่ทิ้งอุดมการณ์ยังมุ่งมั่นสร้างทีมรุ่นต่อมา และรุ่นต่อมาก็แพ้ไทย 0-6 แต่เค้าก็เก็บข้อผิดพลาดมาดำเนินการแก้ไขจนทีมประสบความสำเร็จ
3. เชื่อมั่นในโค้ช : มีการเตรียมทีมโดยมอบให้ ฮวง อัน ตวน ทำงานไปเต็มที่โดยไม่ต้องกังวลว่าใครจะมาบริหารสมาคม (เหมือนโค้ชจุ่น)
4. รู้เขารู้เรา และรู้จักตนเอง : เวียตนามไปชิงแชมป์เอเชียเที่ยวนี้ไปในสถานะเป็นทีมเต็ง 1 ตกรอบแรก แต่โค้ชเวียตนามเองก็ได้วิเคราะห์ทีมตัวเองแล้วว่าศักยภาพประมาณไหน ทำอย่างไรกับทีมเพื่อให้สู้กับทีมที่เหนือกว่าได้ เมื่อรู้ตัวเองและรู้คู่แข่งจึงกำหนดแนวทางการเล่นที่เป็นแทกติกธรรมชาติของทีมที่เป็นรองคือ รับให้แน่นแล้วรอสวนครับ
ที่เขียนยกยอปอปั้นชมเวียตนาม ก็ไม่ใช่อะไรอื่น เพียงแต่อยากจะส่งสารเล็กๆ ไปสะกิตต่อมผู้มีอำนาจในสมาคมครับ ว่าเริ่มต้นได้แล้วกับการสร้างทีมชาติชุดเยาวชนต่างๆ นับตั้งแต่ตอนนี้ อย่าปล่อยเวลาให้ผ่านเลยเหมือนอดีตที่ผ่านมา สิ่งที่ต้องเริ่มทำคือ
1. กำหนดกฎเกณฑ์ให้แน่นอนไปเลยว่าจะใช้โค้ชใคร คนไหนทำทีม วางกรอบกติกา วัด KPI ไปเลยครับ
2. เริ่มต้นเก็บตัวซ้อมในช่วงฟีฟ่าเดย์เหมือนชุดใหญ่ กว่าจะเล่นถ้วยเอเชียครั้งหน้าก็น่าจะพัฒนาไปไกลแล้วครับ
3. ให้ความสำคัญกับทัวร์นาเม้นต์อุ่นเครื่องของทีมเยาวชนบ้าง (ไม่ใช่สนใจแต่ชุดใหญ่) เชิญทีมชั้นนำระดับทวีปมาแข่งสามเส้าสี่เส้าอะไรก็แล้วแต่ เช่น อิรัก เกาหลีเหนือ ฯลฯ ทีมเหล่านี้ไม่น่าจะเชิญยากครับ หรือไม่ก็ไปขอชาวบ้านชาวเมืองเค้าร่วมแจมแข่งทัวร์นาเม้นต่างๆที่เค้าจัดขึ้นด้วยก็ดีนะครับ ไม่ใช่รอเค้ามาเชิญอย่างเดียว
4. ร่วมระดมสมอง (Brainstorming) กับโค้ชเยาวชนของโรงเรียนต่างๆ เพื่อรับทราบถึงข้อมูลนักเตะต้นสังกัดเค้า หรือแนวทางอื่นที่จะเกิดประโยชน์กับทีมชาติไทยในชุดเยาวชน เพราะโค้ชพวกนี้เค้ารู้ดีว่า นักเตะของเค้าเป็นอย่างไร ถนัดแบบไหน จะเล่นได้ดีในสถานะการณ์อย่างไร (จงทำตัวเป็นน้ำครึ่งแก้วตลอดเวลา รับฟังความคิดคนอื่นบ้าง)
5. อื่นๆ ไม่คิดแทนแล้ว ไม่อยากสอนจรเข้ให้ว่ายน้ำครับ
สิ่งสำคัญที่สุดคือไม่ใช่แนวคิด หรือทฤษฏีต่างๆ แต่มันอยู่ที่การลงมือทำ ทำซะตั้งแต่ตอนนี้ อย่าปล่อยเวลาให้ผ่านไปเหมือนที่แล้วๆ มา ขอหล่ะครับผู้มีอำนาจในสมาคม ถ้าท่านไม่เริ่มทำ จะให้แมวที่ไหนมาทำครับเจ้านาย....
เขียนโดย : แฟนบอลโปรไลเซนส์
ป.ล. การตัดคะแนนการปฏิบัติงานตามหลักการที่นายกท่านต่างๆ ได้นำเสนอไว้ จากความรู้สึกส่วนตัว (คะแนนเต็ม 10)
ยุคนายกชลอ ทฤษฎีการพัฒนาบอลไทยคะแนน 7 ปฏิบัติ 3
ยุคนายกวิจิตร ทฤษฎีการพัฒนาบอลไทยคะแนน 8 ปฏิบัติ 0
ยุคนายกวรวีย์ ทฤษฎีการพัฒนาบอลไทยคะแนน 10 ปฏิบัติ 0
ยุคนายกสมยศ ทฤษฎีการพัฒนาบอลไทยคะแนน 9 ปฏิบัติ ???
(บทความ) ทีมชาติ U16 และ U19 เริ่มต้นได้แล้ว อย่าปล่อยให้เหมือนเดิมอีก...
1. สมาคมฟุตบอลเค้าจริงจังกับการสร้างทีมเยาวชน : จะเห็นได้จากการเริ่มต้นสร้างทีม U-19 (ก็ชุดที่แฟนบอลไทยชอบล้อเค้าแหละครับ) และมีการเก็บตัวด้วยกันเป็นปี ตระเวนอุ่นเครื่องกับทีมที่แข็งกว่า (ยกตัวอย่างเช่น แบกอายุแข่งกับ U21 ไทยนั่นแหละครับ)
2. มีการเตรียมทีมต่อเนื่องและไม่ย่อท้อต่อความยากลำบาก : แม้ชุดแรกรุ่น คงเฟือง ไม่ประสบความสำเร็จ แต่เค้าก็ไม่ทิ้งอุดมการณ์ยังมุ่งมั่นสร้างทีมรุ่นต่อมา และรุ่นต่อมาก็แพ้ไทย 0-6 แต่เค้าก็เก็บข้อผิดพลาดมาดำเนินการแก้ไขจนทีมประสบความสำเร็จ
3. เชื่อมั่นในโค้ช : มีการเตรียมทีมโดยมอบให้ ฮวง อัน ตวน ทำงานไปเต็มที่โดยไม่ต้องกังวลว่าใครจะมาบริหารสมาคม (เหมือนโค้ชจุ่น)
4. รู้เขารู้เรา และรู้จักตนเอง : เวียตนามไปชิงแชมป์เอเชียเที่ยวนี้ไปในสถานะเป็นทีมเต็ง 1 ตกรอบแรก แต่โค้ชเวียตนามเองก็ได้วิเคราะห์ทีมตัวเองแล้วว่าศักยภาพประมาณไหน ทำอย่างไรกับทีมเพื่อให้สู้กับทีมที่เหนือกว่าได้ เมื่อรู้ตัวเองและรู้คู่แข่งจึงกำหนดแนวทางการเล่นที่เป็นแทกติกธรรมชาติของทีมที่เป็นรองคือ รับให้แน่นแล้วรอสวนครับ
ที่เขียนยกยอปอปั้นชมเวียตนาม ก็ไม่ใช่อะไรอื่น เพียงแต่อยากจะส่งสารเล็กๆ ไปสะกิตต่อมผู้มีอำนาจในสมาคมครับ ว่าเริ่มต้นได้แล้วกับการสร้างทีมชาติชุดเยาวชนต่างๆ นับตั้งแต่ตอนนี้ อย่าปล่อยเวลาให้ผ่านเลยเหมือนอดีตที่ผ่านมา สิ่งที่ต้องเริ่มทำคือ
1. กำหนดกฎเกณฑ์ให้แน่นอนไปเลยว่าจะใช้โค้ชใคร คนไหนทำทีม วางกรอบกติกา วัด KPI ไปเลยครับ
2. เริ่มต้นเก็บตัวซ้อมในช่วงฟีฟ่าเดย์เหมือนชุดใหญ่ กว่าจะเล่นถ้วยเอเชียครั้งหน้าก็น่าจะพัฒนาไปไกลแล้วครับ
3. ให้ความสำคัญกับทัวร์นาเม้นต์อุ่นเครื่องของทีมเยาวชนบ้าง (ไม่ใช่สนใจแต่ชุดใหญ่) เชิญทีมชั้นนำระดับทวีปมาแข่งสามเส้าสี่เส้าอะไรก็แล้วแต่ เช่น อิรัก เกาหลีเหนือ ฯลฯ ทีมเหล่านี้ไม่น่าจะเชิญยากครับ หรือไม่ก็ไปขอชาวบ้านชาวเมืองเค้าร่วมแจมแข่งทัวร์นาเม้นต่างๆที่เค้าจัดขึ้นด้วยก็ดีนะครับ ไม่ใช่รอเค้ามาเชิญอย่างเดียว
4. ร่วมระดมสมอง (Brainstorming) กับโค้ชเยาวชนของโรงเรียนต่างๆ เพื่อรับทราบถึงข้อมูลนักเตะต้นสังกัดเค้า หรือแนวทางอื่นที่จะเกิดประโยชน์กับทีมชาติไทยในชุดเยาวชน เพราะโค้ชพวกนี้เค้ารู้ดีว่า นักเตะของเค้าเป็นอย่างไร ถนัดแบบไหน จะเล่นได้ดีในสถานะการณ์อย่างไร (จงทำตัวเป็นน้ำครึ่งแก้วตลอดเวลา รับฟังความคิดคนอื่นบ้าง)
5. อื่นๆ ไม่คิดแทนแล้ว ไม่อยากสอนจรเข้ให้ว่ายน้ำครับ
สิ่งสำคัญที่สุดคือไม่ใช่แนวคิด หรือทฤษฏีต่างๆ แต่มันอยู่ที่การลงมือทำ ทำซะตั้งแต่ตอนนี้ อย่าปล่อยเวลาให้ผ่านไปเหมือนที่แล้วๆ มา ขอหล่ะครับผู้มีอำนาจในสมาคม ถ้าท่านไม่เริ่มทำ จะให้แมวที่ไหนมาทำครับเจ้านาย....
เขียนโดย : แฟนบอลโปรไลเซนส์
ป.ล. การตัดคะแนนการปฏิบัติงานตามหลักการที่นายกท่านต่างๆ ได้นำเสนอไว้ จากความรู้สึกส่วนตัว (คะแนนเต็ม 10)
ยุคนายกชลอ ทฤษฎีการพัฒนาบอลไทยคะแนน 7 ปฏิบัติ 3
ยุคนายกวิจิตร ทฤษฎีการพัฒนาบอลไทยคะแนน 8 ปฏิบัติ 0
ยุคนายกวรวีย์ ทฤษฎีการพัฒนาบอลไทยคะแนน 10 ปฏิบัติ 0
ยุคนายกสมยศ ทฤษฎีการพัฒนาบอลไทยคะแนน 9 ปฏิบัติ ???