ยังคงสงสัยกับวัยรุ่นยุคเก่า??

กระทู้คำถาม
ออกตัวเลยว่า เราเป็นเด็กที่เกิด(เบบี้ ทารก น้องแอ้ อะไรก็ว่าเถอะ) ในช่วงฟองสบู่แตก โตมาก็เจออะไรใหม่ๆ ทันดูแฟนฉัน แต่ไม่อินเลอ! ไม่รู้ว่ามันยุคไหน เกิดมาก็ไม่เคยไปสั่งไวตามิลค์ยืนดูดหน้าร้าน ทันปั่นจักรยานเล่น กระโดดหนังยาง แต่ได้สักพักก็มีสมาร์ทโฟนเทคโนโลยีใหม่ๆเข้ามาในชีวิต เพื่อนๆเล่นแต่ เทลรันเนอร์ วันๆเอาแต่เติมเกมส์นั่งอยู่บ้าน ไม่มีเพื่อนออกมาเล่นแล้ว บ้านเราก็มีคอมฯนะ แต่เราเล่นเกมส์ตลับกับพี่ เป็นเกมส์ที่เปราะบางที่สุดในชีวิต เท่าที่เคยเล่นมา สักอาทิตย์ก็พัง เล่นโงกุนไม่ได้ละ

พ่อของเราชอบฟังเพลงยุคเก่าๆ ไม่รู้เหมือนกันว่ายุคไหน ฟังไปเรื่อย พวก more than I can say พ่อบอกว่า เมื่อก่อนดังแบบหูดับตับไหม้(ศัพย์เช้ยเชย)
Eagle , Scorpion , Joan Jett ฟังจนคุ้นหู ฟังตั้งแต่สมัยร้องไม่ได้ ตอนนี้ร้องได้ทุกเพลง

ปีที่แล้วเราไปรู้จักกับเจ้าของร้านอาหาร คู่สามี ภรรยา เรียนจบวิจิตรกันทั้งคู่  เค้าเป็นผู้ใหญ่รุ่นคุณพ่อเรา สามี(เราเรียกป๊า) ป๊า เป็นคนฟังเพลงนอกกระแส ไม่ฟังเพลงไทยเลย ส่วน คนภรรยา(เราเรียกว่าแม่) สายนั้นเขาเป็นเด็ก ไมโคร อำพล ลำพูน ฟังสากลไม่ค่อยเป็น
ส่วนใหญ่ไปที่ร้านเค้าเปิดเพลงหลายแนวมาก มีแจ๊สเยอะ แต่ป๊ากับเราชอบร็อค

มันสนุกดีที่พูดถึงเพลงเก่าๆ นินทานักดนตรีคนนู้นคนนี้ที่ตายไปแล้ว พวก stryper,Queen,ACDC คนละยุคกันเลย บางทีก็ไป John Denver

บางทีเราก็คิดว่าชีวิตเมื่อก่อนน่ารักดี   พ่อกับแม่ชอบบอกว่า เมื่อก่อนโลกมันกว้างมาก ใหญ่มากสำหรับพวกท่าน เวลาจบมัธยม หรือจากกันทีนึง เราก็ไม่รู้ว่าเราจะได้เจอกันอีกไหม มันคือการจากกันแบบจากกันจริงๆ มันติดต่อกันยาก เขียนจดหมายหากันก็สองสามวันกว่าจะถึง
เราชอบที่ไข่ย้อยในหนังเรื่องเพื่อนสนิทพูดว่า
"ความจริงข้อนึงว่าส่วนที่ดีที่สุดของการเขียนจดหมาย ไม่ได้อยู่ที่ตอนมานั่งนึกว่าเค้าจะอ่านจดหมายของเราหรือเปล่า แต่เป็นตอนที่เราคิดจะเขียนถึงเค้าซะมากกว่า"
เป็นอะไรที่ตราตรึงใจเรามาก การเกิดมาคนละยุคมันมีข้อดี-ข้อเสียต่างกันจริงๆ โดยส่วนตัวเราชอบชีวิตของวัยรุ่นสมัยก่อน อยากเข้าใจ ในสิ่งที่พ่อกับแม่คิดตอนที่กำลังเป็นวัยรุ่น โลกมันจะใหญ่ขนาดไหน ถ้าเกิดว่าเราไม่มีเฟสบุ๊ค เมสเซนเจอร์

เวลาเราอัดเทปจีบกันมันจะเป็นยังไง แผ่นเสียงสมัยนั้นแพงแค่ไหน คนยุคก่อนบ้าวัฒนธรรมอเมริกันมากไหม เดินทางไปต่างประเทศสะดวกรึเปล่า เรามีสเกตบอร์ตใช้กันไหม คนเมื่อก่อนเขามีมุกจีบกันยังไง ชีวิตคนยุคก่อนกับตอนนี้ แบบไหนโรแมนติกกว่ากัน ไม่ใช่ยุค 90-80 เป็นยุคที่เก่ากว่านั้น
ยังมีอยู่ไหม ถ้ามีรบกวนตอบข้อสงสัยของเราด้วยนะคะ ขอบคุณค่ะ
แก้ไขข้อความเมื่อ

คำตอบที่ได้รับเลือกจากเจ้าของกระทู้
ความคิดเห็นที่ 3
สมัยนั้น การอัดเทปจีบน่าจะมีแต่ไม่กว้างขวางนักครับ เพราะถึงแม้เขาจะไปร้านเทปแล้วสั่งให้อัดเฉพาะเพลง
จากหลายๆอัลบั้มมารวมเป็นเทปตลับเดียวกันได้ แต่ก็มักเอาไว้ฟังเองมากกว่าจะมอบให้กัน การจีบด้วยเพลง
ที่ทำกันมากคือโทร.ไปขอเพลงทางวิทยุให้กัน และการ live ผ่านโทรศัพท์สาธารณะ เวลาหนุ่มจะโทร.หาสาว
ก็ต้องแลกเหรียญกันทีละเป็นกำมือแล้วไปรอคิวที่ตู้โทรศัพท์ เรียกว่าถ้ามองเห็นคนในตู้เอาเหรียญมากองเป็นตั้ง
สูง อันนี้แทบไม่ต้องเสียเวลารอเพราะไอ้หมอนั่นมันยอมตายคาตู้แน่ๆ ยิ่งถ้ามีคนรอมีอีก 2 คิววันนั้นก็หมดสิ้น
วาสนา กลับไปนอนฝันถึงกันเองได้เลย ที่มักจะไม่โทร.จากโทรศัพท์บ้านกันก็เพราะกลัวแม่จับได้ว่ามีแฟนแล้ว
จะด่าเอา เพราะถึงวัยรุ่นสมัยก่อนจะมีแฟนในวัยเรียนกันทั่วไปเหมือนสมัยนี้ แต่พ่อแม่ก็มักจะยังหัวเก่าอยู่มาก ก็
เลยต้องปกปิดไม่ให้พ่อแม่รู้ไม่งั้นเป็นโดนอบรมกันขนานหนัก ใครจะคบกันก็แค่รับรู้กันในหมู่เพื่อนๆ

ด้านวัฒนธรรมต่างประเทศ จากอเมริกันจะมาในรูปแฟชั่นเสื้อผ้าและหนังนำโด่งมาเลย แต่ถ้าเป็นหนังก็จะมีแนว
นิยมทางจีนด้วย ถ้าเป็นละครทีวีจึงจะมีความนิยมทางญี่ปุ่นต่อท้ายมา สมัยนั้นแฟชั่นเสื้อผ้าของไทยเองก็ดังมาก
นะ มีอยู่ 2 แบรนด์ของไทยที่เป็นความฝันของวัยรุ่นคือ Domon กับ Pacchino ถ้าได้มาแล้วในภาพฝันคือต้อง
ไปสยามฯ แล้วไปยืนไปนั่งตามบันไดห้างตามแบบที่พวกนายแบบนางแบบเขาถ่ายโฆษณาเสื้อผ้า 2 แบรนด์นี้

ส่วนมุกจีบกันก็ไม่หวือหวาเท่าสมัยนี้ ยังพูดตรงๆแบบคนยุคเก่าอยู่มาก สำนวนก็จำจากคนยุคก่อนเป็นหลัก มักจะ
ได้มาจากหนังสือพวก "ชีวิตรักนักศึกษา" ที่คุณศุภักษรท่านเขียนมาให้อ่านเล่นกัน แต่งเติมกันจนฟินตาเยิ้ม แต่ถ้า
เป็นคนในต่างจังหวัดจะชอบอ่าน "ศาลาคนเศร้า" ที่มักจะขึ้นหัวเรื่องว่า "สมุดจ๋า..." หนังสือหัวนี้ยืนยงมากนะ มี
ตั้งแต่ก่อนผมเกิดยันโตพอดูเลย ถ้าตามต่างจังหวัด จดหมายรักแทบจะร้อยทั้งร้อยจะใช้มุกจากหนังสือนี้
แสดงความคิดเห็น
โปรดศึกษาและยอมรับนโยบายข้อมูลส่วนบุคคลก่อนเริ่มใช้งาน อ่านเพิ่มเติมได้ที่นี่