
ภาคแรก...จุดเริ่มต้น
ผมมีประสบการณ์เกี่ยวกับการใช้งานคอมพิวเตอร์พกพา (Notebook) มาตั้งแต่ประมาณปี พ.ศ.2545 จนถึงตัวปัจจุบัน (ที่เป็นปัญหามากที่สุด) รวมจำนวน 3 ตัว ดังนี้
1. Acer Travel 290 ตัวนี้ช่วยให้ผมสามารถจบการศึกษาระดับปริญญาโท ของ มสธ. (จบปี พ.ศ.2547) จนถึงปัจจุบันก็ยัง
2. สามารถใช้ได้อยู่ ถึงแม้แบตเตอรี่จะใช้ไม่ได้มานานแล้ว (ตามอายุการใช้งานปกติ) เปลี่ยนสาย Charge แบตเตอรี่ 1 ครั้ง (ตามอายุการใช้งานปกติ) ส่วน Hard disk เปลี่ยนมาแล้วครั้งหนึ่ง (ตามอายุการใช้งานปกติ) เช่นกัน ตัวนี้อึดมากๆ ขนาดลูกชาย (ตอนที่ซื้อมายังไม่มีลูก) ฉี่ใส่แป้น Keyboard ยังไม่เป็นอะไร ปัจจุบันนี้ (พ.ศ.2559) ยังใช้งานอยู่ให้ลูกเล่นเกมส์ และใช้เหตุการณ์ฉุกเฉินที่ไม่มี Notebook ใช้งาน โดยเหตุการณ์ฉุกเฉินดังกล่าวได้เกิดขึ้นกับผมแล้ว และเป็นจุดเริ่มต้นของเรื่องราวทั้งหมดนี้
3. TOSHIBA ตัวนี้เป็น Netbook ตาม Trend ในช่วงนั้น เหมาะกับอาชีพที่ต้องเดินทางบ่อยๆ รุ่นนี้จำชื่อรุ่นไม่ได้ ที่ชอบคือเบา มีแป้นพิมพ์เป็นโลหะเงาวับ ได้มาใหม่ๆ มักหยิบเอามาใช้งานบนเครื่องบิน (แอบคิดว่าตัวเองเท่นิดๆ) ใช้งานได้มีไม่มีปัญหา แต่แอบมีไฟฟ้าดูดเล็กน้อย (ก็แป้นพิมพ์เป็นโลหะนี่นา)
4. ASUS รุ่นอะไรจำไม่ได้ หน้าจอ 13 นิ้ว ตัวนี้เป็น Ultra-Notebook ตาม Trend ยุคต่อมา ที่เน้นทำอะไรต้องรวดเร็วแม้แต่ตอนปิด-เปิด ใช้งานได้ดีเช่นเดียวกัน มีเปลี่ยน Hard disk มาแล้ว 1 ครั้ง (แต่ก่อนที่ HD เก่าจะเสียไม่มีอาการอะไรบอกเลย เช่น เสียงดัง หรือการทำงานที่ช้าลง) เลยไม่ค่อยได้ทำการ Backup ข้อมูลบ่อยนัก เล่นเอาเหนื่อยกับการกู้ข้อมูลพอสมควร แต่ตอนที่ไปเปลี่ยน HD ช่างบอกว่าตัว Mainboard (ถ้าผิดโปรดอภัยด้วย) เริ่มจะไปแล้ว (ตามอายุการใช้งานปกติ) ตัวนี้เคยทำตกลงพื้นสูงประมาณ 1 เมตร (ใส่ในกระเป๋าสะพายธรรมดา) ทีแรกตกใจมาก นึกว่าจะไปซะแล้ว แต่ไม่เป็นอะไรมาก มีแค่รอยบุบตรง Port ที่ใช้เชื่อมต่อกับ LCD เลยทำให้เริ่มมองหา Notebook ในจินตนาการ คือ เล็ก เบา เร็ว อึด และเป็น SSD และเรื่องราวทั้งหมดเกี่ยวกับ Notebook ตัวล่าสุด จึงได้เกิดขึ้นนับแต่นี้
ตัวเลือกที่มีอยู่ แน่นอน คงต้องมี Apple Notebook เป็นหนึ่งในตัวเลือกอยู่แน่นอน แต่เดี๋ยวก่อน ที่ผมไม่คิดจะใช้รุ่นนี้ ไม่มีอะไรมากคงเป็นเหตุผลที่เหมือนกับหลายๆ ท่าน เปรียบเหมือนกับท่านเวลาเลือกซื้อรถยนต์ ชื่อ TOYOTA มักเป็นทางเลือกลำดับต้นๆ (มีเพื่อนเยอะดี อย่างน้อยก็พี่ๆ แท็กซี่) ดังนั้นตัวเลือกที่เข้ามา (ไม่รู้ว่าเป็นเพราะปีชง 100% หรือ ปล่าว) ทำให้ยี่ห้อนี้โผล่เข้ามา ทุกท่านเคยได้ยิน Notebook ในตำนาน ใช่แล้วมันคือ “IBM” ตระกูล Thinkpad ที่ ณ ขณะที่ผมได้มีโอกาสใช้งานในเวลาสั้นๆ ก็ยังใช้งานปุ่มแดงๆ นั้นไม่เป็น) ปัจจุบันมันคือ Lenovo ตัวที่ผมเลือก เป็นตัวที่เน้นใช้งานกับพนักงาน Office เร็ว อึด บางเบา ใช่แล้วมันตัวเลือกของผม คือ Lenovo Thinkpad X260 core i5 กับราคา 39,990 บาท นับเป็น Notebook ตัวที่แพง และผมคาดหวังไว้กับการใช้งานที่คุ้มค่ามากที่สุด วันที่ซื้อ คือวันที่ 16 กรกฎาคม พ.ศ.2559 ณ ร้านตัวแทนจำหน่ายแห่งหนึ่งที่ฟอร์จูน รัชดา ชั้น 3 (ภาพที่ 1: รายละเอียดใบเสร็จ)
รูปที่ 1 ใบเสร็จตัวแทนจำหน่าย
หลังจากซื้อมายังไม่ได้ใช้งานอยู่เกือบ 2 สัปดาห์ ASUS ตัวที่ใช้อยู่ก็ได้มีอันเป็นไปตามเวลาที่สมควร อันนี้ยอมรับได้ เพราะทำการ Back up ข้อมูลไว้แล้ว จึงถึงเวลาของ Lenovo Thinkpad X260 ได้ทำงานซะที ได้มีโอกาสใช้งานทั้งใน และนอกพื้นที่ รวมถึงต่างจังหวัด ได้รับความประทับใจทั้งความรวดเร็ว และบางเบา ตามที่ตั้งใจไว้ เพื่อนร่วมงานพอรู้ราคา ก็ถามว่าทำไมแพงจัง เราเองตอบด้วยความมั่นใจว่าเป็นเพราะความทนทาน และบริการหลังการขายที่รับประกันการซ่อมบำรุง on site 3 ปีเต็ม (เป็นบริการที่จริงๆ แล้วไม่อยากใช้บริการ) จนกระทั่งถึงวันที่ 21 กันยายน 2559 ขณะทำงานพิมพ์ไฟล์เอกสารอยู่ เครื่องก็ดับลง (ภาพที่ 2 และ 3) และเป็นจุดเริ่มต้นของเหตุการณ์ต่อจากนี้

ภาพที่ 2 หลังจากเครื่องดับไป พยายามกด START ใหม่ ก็พบกับข้อความด้านล่าง

ภาพที่ 3 หลังจากกด ENTER
หลังจากพยายามทำทุกอย่างแล้ว ก็ไม่สามารถทำให้กลับมาได้อีก...แน่นอนครับ คนแรกที่เรานึกถึงที่น่าจะช่วยปัญหาให้เราได้ คือ ตัวแทนจำหน่าย...แต่ก็เหมือนกับที่เคยได้ยินมาว่า “ศูนย์จำหน่ายฯ” ชื่อก็บอกแล้วว่าขายของอย่างเดียว ทันทีที่โทรแจ้งไปว่ามีปัญหา..ไม่มีการถามรายละเอียดแม้แต่นิดเดียว หรือแม้แต่แสดงความเห็นใจ อะไร ยังไงบ้าง.......ให้โทรเข้าศูนย์ฯ อย่างเดียว อันนี้พอเข้าใจได้ หน้าที่ใครก็หน้าที่มัน คนขาย คนซ่อม...และคนซื้อ
วันแรกที่โทรเข้าศูนย์ฯ ก็บอกอาการที่เราเจอ คือเครื่องไม่เจอ HD ศูนย์ฯ ออกเลขที่ใบแจ้งซ่อม คือ 8007792133 บอกว่าไม่มีปัญหา จะแจ้งช่าง เพื่อให้เตรียมอะหลั่ย และแผ่น Recovery มาให้บริการ แต่แผ่น Recovery นี้ต้องรอนิดหน่อย (ไม่สามารถบอกได้ว่าเมื่อไหร่???) เราเองขณะนั้นกลับเป็นห่วงข้อมูลใน HD มากกว่า ก็เลยถามศูนย์ฯ ว่าช่างจะเข้ามา Onsite Service นั้นจะช่วยกู้ข้อมูลให้ได้ไหม??? คำตอบที่ได้เช่นเดิม.... ช่างมีหน้าที่ซ่อม/เปลี่ยนเท่านั้น เราก็เลยถามว่าถ้างั้นเราจะเอา HD ไปกู้ข้อมูลเองก่อนได้ไหม โดยจะขอเปิดเครื่องเอง กลัวว่าจะมีปัญหากับประกัน คำตอบคือได้ แต่อย่าทำให้เสียหาย.....ถึงนาทีนี้เราเองไม่สนใจอะไรแล้ว ห่วงแต่ข้อมูล จึงทำการแกะเอา HD ออกมาเอง โดยเครื่องไม่เสียหายอะไร แล้วเอาไปเข้ากล่อง HD ที่พอดีมีอยู่ แล้วลองเสียบกับ Notebook ACER ตัวแรกที่ยังคงใช้ได้อยู่ (มันคงแอบน้อยใจนิดๆ) ปรากฎว่าสามารถเห็นช้อมูลใน HD ได้ทั้งหมด จึงรีบโทรแจ้งไปที่ศูนย์ฯ เพื่อให้ข้อมูลเผื่อเป็นประโยชน์กับทีมช่างที่จะเข้ามา...แต่สิ่งที่ศูนย์ฯ บอกว่า คือต้องรอช่างอย่างเดียว....อืมมมมม และจนกระทั่งวันแรกที่โทรไป คือ 24 กันยายน 2559 ก็ไม่ได้รับการติดต่อกลับจากศูนย์ฯ หรือช่างเลยสักครั้งเดียว มีแต่ฝ่ายเราที่โทรเข้าไปถามหาความคืบหน้า ตามรายละเอียดภาพที่ 4

ภาพที่ 4 Log การโทรเข้าศูนย์ฯ (02 7873067) เพื่อสอบถามความคืบหน้าตั้งแต่วันแรก (24 กันยายน 2559)
จนกระทั่งทางศูนย์ฯ บอกให้เราติดต่อช่างโดยตรง (แล้วทำไมไม่บอกตั้งแต่แรก) จนกระทั่งโชคดีกับเขาบ้าง ช่างมา On site ให้ที่บ้าน วันที่ 13 ตุลาคม 2559 แต่วันนั้นผมไม่อยู่บ้าน มีแต่พี่สะใภ้อยู่กับลูกๆ ผม 2 คน ใช่ครับวันนั้นเป็นวันที่คนไทยทั้งประเทศเศร้าเสียใจ แน่นอนครับ ผมก็เป็นคนหนึ่ง ผมลองเปิดเครื่องดู....ทุกอย่างเหมือนเดิมเหมือนกับไม่โดนมือช่างมาก่อน จากคำบอกเล่าของพี่สะใภ้บอกว่าช่างมาแล้วทำไม่ถึง 5 นาที ผมเองจึงรีบโทรไปหาช่างวันนั้นเลย เวลาเกือบ 2 ทุ่ม ซึ่งเป็นเวลาเลิกงานของช่างแล้ว แต่ผมอยากรู้ว่าเกิดอะไรขึ้น....คำตอบที่ได้คือ วันนั้นงานมากไม่มีเวลา จึงทำการเปลี่ยน HD อย่างเดียวโดยไม่มีการเปิดดูเครื่องแต่อย่างใด และไม่มีแม้แต่สำเนาใบ Service ......และสุดท้ายก็ได้รับคำแนะนำว่าให้เอาเข้าศูนย์ฯ ดีกว่า....นับเป็นจุดจบของภาคแรก ภาคที่สองต่อไป ผมได้เริ่มแล้วโดยการเอาเข้าศูนย์บริการ ที่ฟอร์จูน ชั้น 4 ทุกอย่างเริ่มมีความหวังสำหรับผม และน่าจะจบลงด้วยดีในเร็ววันนี้ และผมจะขอเล่าภาคที่ 2 ให้พิจารณาต่อไปครับ
[CR] Notebook ในฝัน (ร้าย)
ภาคแรก...จุดเริ่มต้น
ผมมีประสบการณ์เกี่ยวกับการใช้งานคอมพิวเตอร์พกพา (Notebook) มาตั้งแต่ประมาณปี พ.ศ.2545 จนถึงตัวปัจจุบัน (ที่เป็นปัญหามากที่สุด) รวมจำนวน 3 ตัว ดังนี้
1. Acer Travel 290 ตัวนี้ช่วยให้ผมสามารถจบการศึกษาระดับปริญญาโท ของ มสธ. (จบปี พ.ศ.2547) จนถึงปัจจุบันก็ยัง
2. สามารถใช้ได้อยู่ ถึงแม้แบตเตอรี่จะใช้ไม่ได้มานานแล้ว (ตามอายุการใช้งานปกติ) เปลี่ยนสาย Charge แบตเตอรี่ 1 ครั้ง (ตามอายุการใช้งานปกติ) ส่วน Hard disk เปลี่ยนมาแล้วครั้งหนึ่ง (ตามอายุการใช้งานปกติ) เช่นกัน ตัวนี้อึดมากๆ ขนาดลูกชาย (ตอนที่ซื้อมายังไม่มีลูก) ฉี่ใส่แป้น Keyboard ยังไม่เป็นอะไร ปัจจุบันนี้ (พ.ศ.2559) ยังใช้งานอยู่ให้ลูกเล่นเกมส์ และใช้เหตุการณ์ฉุกเฉินที่ไม่มี Notebook ใช้งาน โดยเหตุการณ์ฉุกเฉินดังกล่าวได้เกิดขึ้นกับผมแล้ว และเป็นจุดเริ่มต้นของเรื่องราวทั้งหมดนี้
3. TOSHIBA ตัวนี้เป็น Netbook ตาม Trend ในช่วงนั้น เหมาะกับอาชีพที่ต้องเดินทางบ่อยๆ รุ่นนี้จำชื่อรุ่นไม่ได้ ที่ชอบคือเบา มีแป้นพิมพ์เป็นโลหะเงาวับ ได้มาใหม่ๆ มักหยิบเอามาใช้งานบนเครื่องบิน (แอบคิดว่าตัวเองเท่นิดๆ) ใช้งานได้มีไม่มีปัญหา แต่แอบมีไฟฟ้าดูดเล็กน้อย (ก็แป้นพิมพ์เป็นโลหะนี่นา)
4. ASUS รุ่นอะไรจำไม่ได้ หน้าจอ 13 นิ้ว ตัวนี้เป็น Ultra-Notebook ตาม Trend ยุคต่อมา ที่เน้นทำอะไรต้องรวดเร็วแม้แต่ตอนปิด-เปิด ใช้งานได้ดีเช่นเดียวกัน มีเปลี่ยน Hard disk มาแล้ว 1 ครั้ง (แต่ก่อนที่ HD เก่าจะเสียไม่มีอาการอะไรบอกเลย เช่น เสียงดัง หรือการทำงานที่ช้าลง) เลยไม่ค่อยได้ทำการ Backup ข้อมูลบ่อยนัก เล่นเอาเหนื่อยกับการกู้ข้อมูลพอสมควร แต่ตอนที่ไปเปลี่ยน HD ช่างบอกว่าตัว Mainboard (ถ้าผิดโปรดอภัยด้วย) เริ่มจะไปแล้ว (ตามอายุการใช้งานปกติ) ตัวนี้เคยทำตกลงพื้นสูงประมาณ 1 เมตร (ใส่ในกระเป๋าสะพายธรรมดา) ทีแรกตกใจมาก นึกว่าจะไปซะแล้ว แต่ไม่เป็นอะไรมาก มีแค่รอยบุบตรง Port ที่ใช้เชื่อมต่อกับ LCD เลยทำให้เริ่มมองหา Notebook ในจินตนาการ คือ เล็ก เบา เร็ว อึด และเป็น SSD และเรื่องราวทั้งหมดเกี่ยวกับ Notebook ตัวล่าสุด จึงได้เกิดขึ้นนับแต่นี้
ตัวเลือกที่มีอยู่ แน่นอน คงต้องมี Apple Notebook เป็นหนึ่งในตัวเลือกอยู่แน่นอน แต่เดี๋ยวก่อน ที่ผมไม่คิดจะใช้รุ่นนี้ ไม่มีอะไรมากคงเป็นเหตุผลที่เหมือนกับหลายๆ ท่าน เปรียบเหมือนกับท่านเวลาเลือกซื้อรถยนต์ ชื่อ TOYOTA มักเป็นทางเลือกลำดับต้นๆ (มีเพื่อนเยอะดี อย่างน้อยก็พี่ๆ แท็กซี่) ดังนั้นตัวเลือกที่เข้ามา (ไม่รู้ว่าเป็นเพราะปีชง 100% หรือ ปล่าว) ทำให้ยี่ห้อนี้โผล่เข้ามา ทุกท่านเคยได้ยิน Notebook ในตำนาน ใช่แล้วมันคือ “IBM” ตระกูล Thinkpad ที่ ณ ขณะที่ผมได้มีโอกาสใช้งานในเวลาสั้นๆ ก็ยังใช้งานปุ่มแดงๆ นั้นไม่เป็น) ปัจจุบันมันคือ Lenovo ตัวที่ผมเลือก เป็นตัวที่เน้นใช้งานกับพนักงาน Office เร็ว อึด บางเบา ใช่แล้วมันตัวเลือกของผม คือ Lenovo Thinkpad X260 core i5 กับราคา 39,990 บาท นับเป็น Notebook ตัวที่แพง และผมคาดหวังไว้กับการใช้งานที่คุ้มค่ามากที่สุด วันที่ซื้อ คือวันที่ 16 กรกฎาคม พ.ศ.2559 ณ ร้านตัวแทนจำหน่ายแห่งหนึ่งที่ฟอร์จูน รัชดา ชั้น 3 (ภาพที่ 1: รายละเอียดใบเสร็จ)
รูปที่ 1 ใบเสร็จตัวแทนจำหน่าย
หลังจากซื้อมายังไม่ได้ใช้งานอยู่เกือบ 2 สัปดาห์ ASUS ตัวที่ใช้อยู่ก็ได้มีอันเป็นไปตามเวลาที่สมควร อันนี้ยอมรับได้ เพราะทำการ Back up ข้อมูลไว้แล้ว จึงถึงเวลาของ Lenovo Thinkpad X260 ได้ทำงานซะที ได้มีโอกาสใช้งานทั้งใน และนอกพื้นที่ รวมถึงต่างจังหวัด ได้รับความประทับใจทั้งความรวดเร็ว และบางเบา ตามที่ตั้งใจไว้ เพื่อนร่วมงานพอรู้ราคา ก็ถามว่าทำไมแพงจัง เราเองตอบด้วยความมั่นใจว่าเป็นเพราะความทนทาน และบริการหลังการขายที่รับประกันการซ่อมบำรุง on site 3 ปีเต็ม (เป็นบริการที่จริงๆ แล้วไม่อยากใช้บริการ) จนกระทั่งถึงวันที่ 21 กันยายน 2559 ขณะทำงานพิมพ์ไฟล์เอกสารอยู่ เครื่องก็ดับลง (ภาพที่ 2 และ 3) และเป็นจุดเริ่มต้นของเหตุการณ์ต่อจากนี้
ภาพที่ 2 หลังจากเครื่องดับไป พยายามกด START ใหม่ ก็พบกับข้อความด้านล่าง
ภาพที่ 3 หลังจากกด ENTER
หลังจากพยายามทำทุกอย่างแล้ว ก็ไม่สามารถทำให้กลับมาได้อีก...แน่นอนครับ คนแรกที่เรานึกถึงที่น่าจะช่วยปัญหาให้เราได้ คือ ตัวแทนจำหน่าย...แต่ก็เหมือนกับที่เคยได้ยินมาว่า “ศูนย์จำหน่ายฯ” ชื่อก็บอกแล้วว่าขายของอย่างเดียว ทันทีที่โทรแจ้งไปว่ามีปัญหา..ไม่มีการถามรายละเอียดแม้แต่นิดเดียว หรือแม้แต่แสดงความเห็นใจ อะไร ยังไงบ้าง.......ให้โทรเข้าศูนย์ฯ อย่างเดียว อันนี้พอเข้าใจได้ หน้าที่ใครก็หน้าที่มัน คนขาย คนซ่อม...และคนซื้อ
วันแรกที่โทรเข้าศูนย์ฯ ก็บอกอาการที่เราเจอ คือเครื่องไม่เจอ HD ศูนย์ฯ ออกเลขที่ใบแจ้งซ่อม คือ 8007792133 บอกว่าไม่มีปัญหา จะแจ้งช่าง เพื่อให้เตรียมอะหลั่ย และแผ่น Recovery มาให้บริการ แต่แผ่น Recovery นี้ต้องรอนิดหน่อย (ไม่สามารถบอกได้ว่าเมื่อไหร่???) เราเองขณะนั้นกลับเป็นห่วงข้อมูลใน HD มากกว่า ก็เลยถามศูนย์ฯ ว่าช่างจะเข้ามา Onsite Service นั้นจะช่วยกู้ข้อมูลให้ได้ไหม??? คำตอบที่ได้เช่นเดิม.... ช่างมีหน้าที่ซ่อม/เปลี่ยนเท่านั้น เราก็เลยถามว่าถ้างั้นเราจะเอา HD ไปกู้ข้อมูลเองก่อนได้ไหม โดยจะขอเปิดเครื่องเอง กลัวว่าจะมีปัญหากับประกัน คำตอบคือได้ แต่อย่าทำให้เสียหาย.....ถึงนาทีนี้เราเองไม่สนใจอะไรแล้ว ห่วงแต่ข้อมูล จึงทำการแกะเอา HD ออกมาเอง โดยเครื่องไม่เสียหายอะไร แล้วเอาไปเข้ากล่อง HD ที่พอดีมีอยู่ แล้วลองเสียบกับ Notebook ACER ตัวแรกที่ยังคงใช้ได้อยู่ (มันคงแอบน้อยใจนิดๆ) ปรากฎว่าสามารถเห็นช้อมูลใน HD ได้ทั้งหมด จึงรีบโทรแจ้งไปที่ศูนย์ฯ เพื่อให้ข้อมูลเผื่อเป็นประโยชน์กับทีมช่างที่จะเข้ามา...แต่สิ่งที่ศูนย์ฯ บอกว่า คือต้องรอช่างอย่างเดียว....อืมมมมม และจนกระทั่งวันแรกที่โทรไป คือ 24 กันยายน 2559 ก็ไม่ได้รับการติดต่อกลับจากศูนย์ฯ หรือช่างเลยสักครั้งเดียว มีแต่ฝ่ายเราที่โทรเข้าไปถามหาความคืบหน้า ตามรายละเอียดภาพที่ 4
ภาพที่ 4 Log การโทรเข้าศูนย์ฯ (02 7873067) เพื่อสอบถามความคืบหน้าตั้งแต่วันแรก (24 กันยายน 2559)
จนกระทั่งทางศูนย์ฯ บอกให้เราติดต่อช่างโดยตรง (แล้วทำไมไม่บอกตั้งแต่แรก) จนกระทั่งโชคดีกับเขาบ้าง ช่างมา On site ให้ที่บ้าน วันที่ 13 ตุลาคม 2559 แต่วันนั้นผมไม่อยู่บ้าน มีแต่พี่สะใภ้อยู่กับลูกๆ ผม 2 คน ใช่ครับวันนั้นเป็นวันที่คนไทยทั้งประเทศเศร้าเสียใจ แน่นอนครับ ผมก็เป็นคนหนึ่ง ผมลองเปิดเครื่องดู....ทุกอย่างเหมือนเดิมเหมือนกับไม่โดนมือช่างมาก่อน จากคำบอกเล่าของพี่สะใภ้บอกว่าช่างมาแล้วทำไม่ถึง 5 นาที ผมเองจึงรีบโทรไปหาช่างวันนั้นเลย เวลาเกือบ 2 ทุ่ม ซึ่งเป็นเวลาเลิกงานของช่างแล้ว แต่ผมอยากรู้ว่าเกิดอะไรขึ้น....คำตอบที่ได้คือ วันนั้นงานมากไม่มีเวลา จึงทำการเปลี่ยน HD อย่างเดียวโดยไม่มีการเปิดดูเครื่องแต่อย่างใด และไม่มีแม้แต่สำเนาใบ Service ......และสุดท้ายก็ได้รับคำแนะนำว่าให้เอาเข้าศูนย์ฯ ดีกว่า....นับเป็นจุดจบของภาคแรก ภาคที่สองต่อไป ผมได้เริ่มแล้วโดยการเอาเข้าศูนย์บริการ ที่ฟอร์จูน ชั้น 4 ทุกอย่างเริ่มมีความหวังสำหรับผม และน่าจะจบลงด้วยดีในเร็ววันนี้ และผมจะขอเล่าภาคที่ 2 ให้พิจารณาต่อไปครับ