(กระทู้นี้แคมาเล่าประสบการณ์การทำดีว่าต้องเจออุปสรรคอะไรก็จะทำ ไม่ได้ประสงค์จะดราม่านะคะ)
เป็นหนึ่งคนที่รักและเทิดทูนในหลวงเหนือเกล้า ณ ตอนนี้ก็ยังร้องไห้ทุกครั้งได้ยินเพลงเกี่ยวกับท่าน และยังเลาให้ลูกๆฟังทุกวันเกียวกับพระราชกรณียกิจของท่าน
เราเองเองตั้งใจไว้ว่าจะต้องทำอะไรเพือตอบแทนท่านบ้างไม่มากก็น้อย จึงชวนแม่และญาติๆ ไปแจกของกัน (ขับรถจากลพบุรีไปพักบ้านญาติเพือพ่อหลวง) ไปแจกของกินให้คนที่เดินทางมาเคารพศพกินฟรี วันแรกไปแจกตรงแถวแยกคอกวัวเพราะไปวนรอบสนามหลวงมา 2 รอบ เราไปโดยไม่ทราบอะไรเลยคือมีใจที่จะไปทำบุญก็ไปเลย พอวนอยู่ 2 รอบ มันจอดตรงไหนก็ไม่ได้เลยห้ามจอดตลอดทาง(อันนี้เข้าใจว่าเค้ากลัวรถจะติดและขวางทางจราจร) เราเลยไปถามอาสาที่คอยโบกรถ เค้าบอกวาให้ไปกระทรวง....ไปติดต่อเค้าจะหาที่ให้ลงแจก เราก็วนไปคือรถติดมากๆ จะหาที่จอดเพื่อลงไปก็ไมมี เลยขับมาเรื่อยๆทะลุออกแยกคอกวัว เห็นมีรถจอดแจกกวยเตี๋ยวอยู่ 1 คันเลยเข้าไปถามอาสาบอกว่าขอแจกได้ไหมวนมาทั้งวันแล้ว เค้าก็ให้แจก คือตรงนั้นโอเคมากเลยนะคะ มีแตคนแก่ๆ ที่เดินออกมาจากสนามหลวงและรอขึ้นรถเมย์กลับบ้าน เข้าแถวกันเป็นระเบียบ รู้สึกดีมากอิ่มบุญอิ่มใจ
วันที่ 2 วางแผนใหม่ เอารถจอดตรงแถวก่อนถึงศาลเจ้าพ่อเสือ (ฟลุคเจอที่จอดแถวธนาคารกรุงเทพ) กะว่าจะขนของขึ้นตุ๊กตุ๊กเอาเพราะห่างกระทรวงนิดเดียว (เพราะอยากเข้าไปแจกในสนามหลวงอยากเข้าไปไหว้พ่อใกล้ๆด้วย) จึงส่งน้องสาว 2 คนเดินไปที่กระทรวง ประมาณ 5 นาทีน้องก็โทรมาบอกว่าติดต่อได้แล้วให้ขนของมาเลย เราก็เรียกรถตุ๊กๆ ไปยืนรอรถพักใหญ่ๆ เพราะรถที่ผานมามีคนนั่งเต็มทุกคัน และก็เจอรถตุ๊กๆที่ฝรั่งกำลังลงพอดี เราเห็นเค้ายกมือไหว้ฝรั่งท่าทางคงจะใจดี เลยตะโกนเรียก ตกลงอยู่สักพัก(เพราะเค้าเหมือนไม่อยากรับเราเท่าไร) เราก็บอกคนขับว่าเราจะไปแจกของฟรีให้ประชาชนในสนามหลวง ก็ทำท่าเหมือนไม่อยากไป เราก็บอช่วยหน่อยนะพี่ข้ามซอยไปไม่ถึง 300 เมตรเอง พอดีของมันเยอะมีลังโฟมใส่น้ำด้วย เค้าก็บอก เออๆ 60 บาท เราก็เอิ่มมองไปก็เห็นกระทรวงคิด 60 (ในใจก็เอาก็เอาวะมาถึงขนาดนี้ละ) พอขนของใส่รถเสร็จ (ลังโฟสใส่น้ำและน้ำแข็ง 1 ลัง ลังขนม 3 ลัง ลังน้ำสมุนไพรที่ยังไม่ได้แช่อีก 2 ลัง) กำลังจะก้าวขึ้นรถ คนขับบอกว่า เอา 100 ละกัน ขับเข้าไปยาก (เอ่อคือตรงนั้นที่ขับย้อนมารถก็ไมติด แถมขับมาไม่ถึง 1 นาทีเลย (เราจะขนของลงด้วยความโมโห คืออะไรวะทำไมเอาเปรียบได้ขนาดนี้ แต่แม่เราห้ามไว้ บอกว่าเอาเถอะลูกมาทำบุญทำทาน เค้าไม่เอาบุญ เราก็เก็บบุญไว้คนเดียว ก็เลยเออก็ได้วะ เพื่อพ่อหลวง) พอมาถึงกระทรวง ตั้งแต่หน้าทางเข้าทุกคนต้อนรับดีมากตั้งแต่สห. พลทหาร พอเข้าไปถึง ก็ช่วยกันยกของลง (คืออีตุ๊กๆใจบาปเนี่ย น้ำใจไม่มีเลยนะคะ มีผู้หญิง เด็ก กับคนแก่ แบกของลง มันไม่คิดจะช่วย เอาค่ารถก็เวอร์ มันยังมีน่ามาเร่งให้ยกเร็วๆ) พอยกลง ก็มีลุงแก่ๆ (น่าจะเป็นอาสา) บอกว่าให้แจกตรงนี้เลย เค้าก็เอากระดาษลังมาปูให้อย่างดี เราก็เกรงใจกลัวจะทำรถติด ลุงเค้าก็ยืนยันว่าเดี่ยวจัดแถวให้ กำลังจะเปิดกลองแจก มีคนเข้ามาเรียก (สมาคมแม่บ้าน...) ให้เราเข้าไปแจกในเต้นท์ (เค้าก็หวังดีกลัวเราจะร้อน) พร้อมทั้งให้พลทหารมาช่วยยกของ เราก็รู้สึกดี แบบต้อนรับเราดีจัง แต่ พอเดินเข้ามาในเต้นท์ยังไม่ทันจะวางของ รังษีอำมหิตก็แผ่ออกมาทันที "มาจากไหน ไม่รู้เหรอเค้าไม่ให้คนนอกเข้ามาวุ่นวายมาก ที่ก็ไม่พออยู่และ" (คุณป้าหน้าผมจัดเต็ม กะบังลมสูงราวตึกมหานคร เครื่องประดับขนใส่มาหมดตู้ ยืนทำตาเขียวและพูดจาไม่เหมาะกับการแต่งตัว) เราก็บอกว่า อ๋อ พอดีติดต่อทางหน้ากระทรวงมาค่ะ เค้าพาเข้ามา ตอนแรกจะแจกข้างนอกเต้นท์แหละค่ะ แต่เค้าบังคับเข้ามาในนี้ (และนางก็บ่นพึมพรำๆ พร้อมทำตาขวางยิงมาตลอดเวลา ) เราก็รีบแจกๆ มีคุณป้าท่าทางใจดี (หน้าผมจัดเต็มเหมือนกัน) มาช่วยแจก และบอกกับเราว่า ไม่เป็นไรนะลูกเรามาทำบุญกัน ช่วยกันเนอะ เราก็รีบแจกเพราะไม่อยากมีปัญหา เพราะตั้งใจมาทำความดีเลยเงียบและก้มหน้าก้มตาแจก แต่คุณป้าผมทรงตึกมหานคร แกไม่จบค่ะ "เสร็จหรือยัง จะหมดหรือยัง เอากล่องไปไว้ไกลๆเกะกะ เค้าจะเอาลังอื่นขึ้นมาวางแจก" พูดจบก็ยืนกอดอกทำตาขวาง บ่นพรึมพรำกันในแก๊งค์ อ๊ะ! ยังนะคะ ขณะที่เรากำลังเร่งรีบแจกของเพือจะไปให้พ้นๆป้าตึกมหานครท่านนี้ ท่านให้พลทหาร ออกไปกันคนที่กำลังต่อคิวรับของให้ถอยออกให้พ้นรัศมีและดันอีชั้นไปข้างๆค่ะ เพื่อ!! ถ่ายรูปค่ะ ต้องใช้ที่เยอะหน่อยเพราะผมอลังการใช้เนื้อที่เยอะมาก (นางน่าจะเคยเป็นดาราช่องเจ็ด ตอนแรกตานี่เขียว ตาขวาง แต่พอเห็นกล้องนางยิ้มอย่างออนโยน ราวกับคนละคนกัน) ดิฉันรีบก้มหน้าก้มตาแจกของมือเป็นระวิง เพื่อจะได้หลุดพ้นจากตรงนั้น แจกหมดไปทีละกล่อง นางก็ดันของดิฉันบีบเข้ามาเรื่อยๆ น้องสาวดิฉันจึงหันไปหาป้าคนที่ช่วยแจก บอกว่า ป้าคะ ขอเอาน้ำสมุนไพร ไปฝากโต๊ะข้างๆแจกได้ไหมคะ จะไปแล้ว( ไม่อยากอยู่แล้วตรงนี้) และก็รีบก้มหน้าก้มตาออกมาจากเต้นท์ทันที (เหมือนหนีสงครามโลก) รีบแผ่เมตตาค่ะ ต้องทำจิตใจให้ไม่ขุ่นมัวก่อนจะเข้าไปกราบพ่อหลวง เดินเข้าไปตรงหน้าศาลหลักเมือง มีคนนั่งข้างฟุตบาทเต็มไปหมด เลยถามทหารองค์รักษ์ ว่าใครจะเสด็จ (ทหารน่าจะยศ พอ. พูดเพราะมาก พูดจาสุภาพ และตอบเราดีทุกคำถามเลย) เราเลยไปไหว้พ่อหลวงและกลับมานั่งรอรับเสด็จองค์โสม ระหว่างรอเสด็จ ทหารท่านนี้ก็เดินไปรอบ คอยบอกประชาชนให้ทำแบบนั้นแบบนี้ ด้วยท่าทีที่สุภาพมากกกกมีแต่รอยยิ้มให้ตลอดเวลา ทั้งๆที่อากาศร้อนมากๆ แถมแต่งตัวเต็มยศ เป็นเราคงเป็นลมไปละ (ไมเหมือนป้าตึกมหานครเลย) รู้สึกดีค่ะ รู้สึกวาเค้าคือทหารของพระราชาอย่างแท้จริง ลืมอีตุ๊กๆหน้าเลือด และอิป้าตาเขียวไปเลยค่ะ พอรับเสด็จเสร็จ ก็หิว กะว่าจะไปหาของแจกในสนามหลวง พอเดินเข้าไปคนเยอะมาว๊ากกกก สรุปไมได้กินค่ะ หาหางแถวไม่เจอเลย รอดตายเพราะน้ำเปล่า AIS (ไม่มีใครแย่งเรา) ในใจก็คิดว่า เค้ามางานมหกรรมกินฟรีป่าวเนี่ย บางคนถือถุงใบใหญ่ๆ บางคนเอารถเข็ญลากมาเลย ใส่ของกินเต็มไปหมด คนที่เค้ามาเคารพศพจริงๆ บางคนเดินทางมาไกลมาก แต่ก็ต้องออกไปหาอะไรกินเอาข้างนอก เพราะเจ้าถิ่นยืนเข้าแถวหลายรอบ (อันนี้เราก็บังคับใครไม่ให้เห็นแก่ตัวไม่ได้) แต่โดยรวมแล้ว ถึงเราจะเจอทั้งคนที่คอยเอาเปรียบในช่วงเวลาที่ควรช่วยเหลือกันแบบนี้ และคนที่ทำดีเพื่ออะไร? แต่ก็ยังมีคนดีอีกมากมาย รอยยิ้มตลอดทางเดิน แม้อากาสจะร้อนมากแคไหน คนจะเบียดเสียดกันแค่ไหน แต่ก็ยังหันมายิ้มให้กัน เพือนจุดหมายเดียวคือ "เพื่อพ่อหลวงของเรา"
ดิฉันและครอบครัว ตั้งใจที่จะทำทุกอย่างเพื่อถวายแด่องค์ในหลวงรัชการที่ ๙ โดยไม่หวังสิ่งตอบแทนใดๆ แม้จะต้องเจอคนที่เอาเปรียบและไร้น้ำใจอีกกี่ 100 คน ก็จะไม่เลิกทำความดีค่ะ และจะไปอีก ไปจนกว่าจะจบพิธีทั้งหมด ไม่ว่าจะกี่เดือนหรือเป็นปี วันหยุดก็จะเข้าไปแจกของอีกค่ะ และหวังว่าทุกคนคงไม่ย่อท้อที่จะทำความดีเพื่อนคนอื่น เหมือนที่พ่อหลวงทำ ถึงแม้ว่าวันนี้จะมีพ่อหรือไม่มีก็ตามเราก็จะไม่หยุดทำดีเพื่อส่วนรวม
ไปทำบุญที่สนามหลวงด้วยใจ (แม้จะเจอคนร้ายๆ) ไม่ท้อที่จะทำดีต่อไป และจะไม่หยุดทำค่ะ!!!
เป็นหนึ่งคนที่รักและเทิดทูนในหลวงเหนือเกล้า ณ ตอนนี้ก็ยังร้องไห้ทุกครั้งได้ยินเพลงเกี่ยวกับท่าน และยังเลาให้ลูกๆฟังทุกวันเกียวกับพระราชกรณียกิจของท่าน
เราเองเองตั้งใจไว้ว่าจะต้องทำอะไรเพือตอบแทนท่านบ้างไม่มากก็น้อย จึงชวนแม่และญาติๆ ไปแจกของกัน (ขับรถจากลพบุรีไปพักบ้านญาติเพือพ่อหลวง) ไปแจกของกินให้คนที่เดินทางมาเคารพศพกินฟรี วันแรกไปแจกตรงแถวแยกคอกวัวเพราะไปวนรอบสนามหลวงมา 2 รอบ เราไปโดยไม่ทราบอะไรเลยคือมีใจที่จะไปทำบุญก็ไปเลย พอวนอยู่ 2 รอบ มันจอดตรงไหนก็ไม่ได้เลยห้ามจอดตลอดทาง(อันนี้เข้าใจว่าเค้ากลัวรถจะติดและขวางทางจราจร) เราเลยไปถามอาสาที่คอยโบกรถ เค้าบอกวาให้ไปกระทรวง....ไปติดต่อเค้าจะหาที่ให้ลงแจก เราก็วนไปคือรถติดมากๆ จะหาที่จอดเพื่อลงไปก็ไมมี เลยขับมาเรื่อยๆทะลุออกแยกคอกวัว เห็นมีรถจอดแจกกวยเตี๋ยวอยู่ 1 คันเลยเข้าไปถามอาสาบอกว่าขอแจกได้ไหมวนมาทั้งวันแล้ว เค้าก็ให้แจก คือตรงนั้นโอเคมากเลยนะคะ มีแตคนแก่ๆ ที่เดินออกมาจากสนามหลวงและรอขึ้นรถเมย์กลับบ้าน เข้าแถวกันเป็นระเบียบ รู้สึกดีมากอิ่มบุญอิ่มใจ
วันที่ 2 วางแผนใหม่ เอารถจอดตรงแถวก่อนถึงศาลเจ้าพ่อเสือ (ฟลุคเจอที่จอดแถวธนาคารกรุงเทพ) กะว่าจะขนของขึ้นตุ๊กตุ๊กเอาเพราะห่างกระทรวงนิดเดียว (เพราะอยากเข้าไปแจกในสนามหลวงอยากเข้าไปไหว้พ่อใกล้ๆด้วย) จึงส่งน้องสาว 2 คนเดินไปที่กระทรวง ประมาณ 5 นาทีน้องก็โทรมาบอกว่าติดต่อได้แล้วให้ขนของมาเลย เราก็เรียกรถตุ๊กๆ ไปยืนรอรถพักใหญ่ๆ เพราะรถที่ผานมามีคนนั่งเต็มทุกคัน และก็เจอรถตุ๊กๆที่ฝรั่งกำลังลงพอดี เราเห็นเค้ายกมือไหว้ฝรั่งท่าทางคงจะใจดี เลยตะโกนเรียก ตกลงอยู่สักพัก(เพราะเค้าเหมือนไม่อยากรับเราเท่าไร) เราก็บอกคนขับว่าเราจะไปแจกของฟรีให้ประชาชนในสนามหลวง ก็ทำท่าเหมือนไม่อยากไป เราก็บอช่วยหน่อยนะพี่ข้ามซอยไปไม่ถึง 300 เมตรเอง พอดีของมันเยอะมีลังโฟมใส่น้ำด้วย เค้าก็บอก เออๆ 60 บาท เราก็เอิ่มมองไปก็เห็นกระทรวงคิด 60 (ในใจก็เอาก็เอาวะมาถึงขนาดนี้ละ) พอขนของใส่รถเสร็จ (ลังโฟสใส่น้ำและน้ำแข็ง 1 ลัง ลังขนม 3 ลัง ลังน้ำสมุนไพรที่ยังไม่ได้แช่อีก 2 ลัง) กำลังจะก้าวขึ้นรถ คนขับบอกว่า เอา 100 ละกัน ขับเข้าไปยาก (เอ่อคือตรงนั้นที่ขับย้อนมารถก็ไมติด แถมขับมาไม่ถึง 1 นาทีเลย (เราจะขนของลงด้วยความโมโห คืออะไรวะทำไมเอาเปรียบได้ขนาดนี้ แต่แม่เราห้ามไว้ บอกว่าเอาเถอะลูกมาทำบุญทำทาน เค้าไม่เอาบุญ เราก็เก็บบุญไว้คนเดียว ก็เลยเออก็ได้วะ เพื่อพ่อหลวง) พอมาถึงกระทรวง ตั้งแต่หน้าทางเข้าทุกคนต้อนรับดีมากตั้งแต่สห. พลทหาร พอเข้าไปถึง ก็ช่วยกันยกของลง (คืออีตุ๊กๆใจบาปเนี่ย น้ำใจไม่มีเลยนะคะ มีผู้หญิง เด็ก กับคนแก่ แบกของลง มันไม่คิดจะช่วย เอาค่ารถก็เวอร์ มันยังมีน่ามาเร่งให้ยกเร็วๆ) พอยกลง ก็มีลุงแก่ๆ (น่าจะเป็นอาสา) บอกว่าให้แจกตรงนี้เลย เค้าก็เอากระดาษลังมาปูให้อย่างดี เราก็เกรงใจกลัวจะทำรถติด ลุงเค้าก็ยืนยันว่าเดี่ยวจัดแถวให้ กำลังจะเปิดกลองแจก มีคนเข้ามาเรียก (สมาคมแม่บ้าน...) ให้เราเข้าไปแจกในเต้นท์ (เค้าก็หวังดีกลัวเราจะร้อน) พร้อมทั้งให้พลทหารมาช่วยยกของ เราก็รู้สึกดี แบบต้อนรับเราดีจัง แต่ พอเดินเข้ามาในเต้นท์ยังไม่ทันจะวางของ รังษีอำมหิตก็แผ่ออกมาทันที "มาจากไหน ไม่รู้เหรอเค้าไม่ให้คนนอกเข้ามาวุ่นวายมาก ที่ก็ไม่พออยู่และ" (คุณป้าหน้าผมจัดเต็ม กะบังลมสูงราวตึกมหานคร เครื่องประดับขนใส่มาหมดตู้ ยืนทำตาเขียวและพูดจาไม่เหมาะกับการแต่งตัว) เราก็บอกว่า อ๋อ พอดีติดต่อทางหน้ากระทรวงมาค่ะ เค้าพาเข้ามา ตอนแรกจะแจกข้างนอกเต้นท์แหละค่ะ แต่เค้าบังคับเข้ามาในนี้ (และนางก็บ่นพึมพรำๆ พร้อมทำตาขวางยิงมาตลอดเวลา ) เราก็รีบแจกๆ มีคุณป้าท่าทางใจดี (หน้าผมจัดเต็มเหมือนกัน) มาช่วยแจก และบอกกับเราว่า ไม่เป็นไรนะลูกเรามาทำบุญกัน ช่วยกันเนอะ เราก็รีบแจกเพราะไม่อยากมีปัญหา เพราะตั้งใจมาทำความดีเลยเงียบและก้มหน้าก้มตาแจก แต่คุณป้าผมทรงตึกมหานคร แกไม่จบค่ะ "เสร็จหรือยัง จะหมดหรือยัง เอากล่องไปไว้ไกลๆเกะกะ เค้าจะเอาลังอื่นขึ้นมาวางแจก" พูดจบก็ยืนกอดอกทำตาขวาง บ่นพรึมพรำกันในแก๊งค์ อ๊ะ! ยังนะคะ ขณะที่เรากำลังเร่งรีบแจกของเพือจะไปให้พ้นๆป้าตึกมหานครท่านนี้ ท่านให้พลทหาร ออกไปกันคนที่กำลังต่อคิวรับของให้ถอยออกให้พ้นรัศมีและดันอีชั้นไปข้างๆค่ะ เพื่อ!! ถ่ายรูปค่ะ ต้องใช้ที่เยอะหน่อยเพราะผมอลังการใช้เนื้อที่เยอะมาก (นางน่าจะเคยเป็นดาราช่องเจ็ด ตอนแรกตานี่เขียว ตาขวาง แต่พอเห็นกล้องนางยิ้มอย่างออนโยน ราวกับคนละคนกัน) ดิฉันรีบก้มหน้าก้มตาแจกของมือเป็นระวิง เพื่อจะได้หลุดพ้นจากตรงนั้น แจกหมดไปทีละกล่อง นางก็ดันของดิฉันบีบเข้ามาเรื่อยๆ น้องสาวดิฉันจึงหันไปหาป้าคนที่ช่วยแจก บอกว่า ป้าคะ ขอเอาน้ำสมุนไพร ไปฝากโต๊ะข้างๆแจกได้ไหมคะ จะไปแล้ว( ไม่อยากอยู่แล้วตรงนี้) และก็รีบก้มหน้าก้มตาออกมาจากเต้นท์ทันที (เหมือนหนีสงครามโลก) รีบแผ่เมตตาค่ะ ต้องทำจิตใจให้ไม่ขุ่นมัวก่อนจะเข้าไปกราบพ่อหลวง เดินเข้าไปตรงหน้าศาลหลักเมือง มีคนนั่งข้างฟุตบาทเต็มไปหมด เลยถามทหารองค์รักษ์ ว่าใครจะเสด็จ (ทหารน่าจะยศ พอ. พูดเพราะมาก พูดจาสุภาพ และตอบเราดีทุกคำถามเลย) เราเลยไปไหว้พ่อหลวงและกลับมานั่งรอรับเสด็จองค์โสม ระหว่างรอเสด็จ ทหารท่านนี้ก็เดินไปรอบ คอยบอกประชาชนให้ทำแบบนั้นแบบนี้ ด้วยท่าทีที่สุภาพมากกกกมีแต่รอยยิ้มให้ตลอดเวลา ทั้งๆที่อากาศร้อนมากๆ แถมแต่งตัวเต็มยศ เป็นเราคงเป็นลมไปละ (ไมเหมือนป้าตึกมหานครเลย) รู้สึกดีค่ะ รู้สึกวาเค้าคือทหารของพระราชาอย่างแท้จริง ลืมอีตุ๊กๆหน้าเลือด และอิป้าตาเขียวไปเลยค่ะ พอรับเสด็จเสร็จ ก็หิว กะว่าจะไปหาของแจกในสนามหลวง พอเดินเข้าไปคนเยอะมาว๊ากกกก สรุปไมได้กินค่ะ หาหางแถวไม่เจอเลย รอดตายเพราะน้ำเปล่า AIS (ไม่มีใครแย่งเรา) ในใจก็คิดว่า เค้ามางานมหกรรมกินฟรีป่าวเนี่ย บางคนถือถุงใบใหญ่ๆ บางคนเอารถเข็ญลากมาเลย ใส่ของกินเต็มไปหมด คนที่เค้ามาเคารพศพจริงๆ บางคนเดินทางมาไกลมาก แต่ก็ต้องออกไปหาอะไรกินเอาข้างนอก เพราะเจ้าถิ่นยืนเข้าแถวหลายรอบ (อันนี้เราก็บังคับใครไม่ให้เห็นแก่ตัวไม่ได้) แต่โดยรวมแล้ว ถึงเราจะเจอทั้งคนที่คอยเอาเปรียบในช่วงเวลาที่ควรช่วยเหลือกันแบบนี้ และคนที่ทำดีเพื่ออะไร? แต่ก็ยังมีคนดีอีกมากมาย รอยยิ้มตลอดทางเดิน แม้อากาสจะร้อนมากแคไหน คนจะเบียดเสียดกันแค่ไหน แต่ก็ยังหันมายิ้มให้กัน เพือนจุดหมายเดียวคือ "เพื่อพ่อหลวงของเรา"
ดิฉันและครอบครัว ตั้งใจที่จะทำทุกอย่างเพื่อถวายแด่องค์ในหลวงรัชการที่ ๙ โดยไม่หวังสิ่งตอบแทนใดๆ แม้จะต้องเจอคนที่เอาเปรียบและไร้น้ำใจอีกกี่ 100 คน ก็จะไม่เลิกทำความดีค่ะ และจะไปอีก ไปจนกว่าจะจบพิธีทั้งหมด ไม่ว่าจะกี่เดือนหรือเป็นปี วันหยุดก็จะเข้าไปแจกของอีกค่ะ และหวังว่าทุกคนคงไม่ย่อท้อที่จะทำความดีเพื่อนคนอื่น เหมือนที่พ่อหลวงทำ ถึงแม้ว่าวันนี้จะมีพ่อหรือไม่มีก็ตามเราก็จะไม่หยุดทำดีเพื่อส่วนรวม