แนวคิดสุด Feminist จาก Moonlight Drawn by Clouds - แสงจันทร์ฉายในม่านเมฆ


     จุดเด่นข้อหนึ่งของ Moonlight Drawn by Clouds นอกจากเคมีระหว่างนักแสดงนำทั้ง 5, เส้นเรื่องความรัก และปมการเมือง น่าจะเป็นเรื่องของแนวคิดแบบ Feminist ที่คนเขียนบทสอดแทรกเข้ามาในเรื่อง

     เราลองวิเคราะห์ดูถึงจุดที่เราชอบในเรื่อง และได้เห็นหลายๆ ความเห็นในโลกออนไลน์ที่ไปในทางคล้ายๆ กัน เลยลองวิเคราะห์และสรุปดูในกระทู้นี้ หากใช้คำผิด หรือวิเคราะห์ไม่ครบถ้วนต้องขออภัยเพื่อนๆ ชาวมูนไลท์ทุกท่านด้วยค่ะ

     เริ่มเลยนะคะ

ฮงราอน

     งานของ ราอน ตั้งแต่ก่อนเข้าวัง นอกจากการเป็นนักแสดงในคณะละคร ก็ คือการเขียนหนังสือขาย และการเป็นที่ปรึกษาด้านความรัก  คขบ เลือกที่จะให้ราอนทำอาชีพที่ค่อนข้างท้าทายมากทีเดียว เมื่อคิดดูว่าผู้หญิงในยุคนั้น (ถึงราอนปลอมเป็นผู้ชาย แต่โดยเนื้อแท้ก็ยังเป็นผู้หญิงอยู่ดี) เป็นเหมือนช้างเท้าหลัง ทำงานฝีมือ ทำงานเป็นผู้ช่วยอะไรก๊อกแก๊กไป ไม่มีบทบาทสำคัญนัก (ไม่นับเหล่าองค์หญิง ราชวงศ์และชนชั้นสูง ที่มีการศึกษา และได้รับการเตรียมพร้อมอย่างดีมาตลอด)  
     ราอนเป็นคนมีความคิด มีวิธีการพูดดีๆ ให้คติเตือนใจ และมีความสามารถในการโน้มน้าว หรือทำให้คนเชื่อถือได้ เรียกว่าเป็นนักจิตวิทยามือต้นๆ ของโชซอนเลยก็ว่าได้ ลองคิดว่าในตอนเริ่มเรื่อง ถ้าผู้คนรู้ว่า คนแต่งหนังสือกับที่ปรึกษาความรักเป็น ผญ จะตกใจกันแค่ไหน เป็นเรื่องที่น่าสนใจ
     พอมาตอนท้ายเรื่องหลังเซจาขึ้นครองราชย์  ที่ ราอน เขียนนิยายขาย นิยายของราอนมีแนวคิดเรื่องการเมืองการปกครองแฝงอยู่ เพราะเขียนเกี่ยวกับชีวิตของเซจาที่เปลี่ยนจากรัชทายาทอารมณ์ร้าย ไม่รู้จักโลก ไม่รู้จักความรัก มาเป็นผู้ชายที่เป็นผู้ใหญ่เต็มตัว ได้เรียนรู้เรื่องความรัก ความฝัน ความหวัง และมิตรภาพ ผ่านการคิด วิเคราะห์ การกลั่นกรอง การรับมือทางการเมืองกับหลากหลายขั้วอำนาจ ทั้งเสนา ทั้งฝ่ายใน ทั้งกบฏ  พยายามกลั่นกรองหลอมรวมทุกแนวคิดให้ปรองดองเข้าด้วยกัน จนกลายเป็นพระราชาที่ยิ่งใหญ่ในหัวใจราษฎร
     เราว่านิยายของ ราอน น่าจะสามารถมีส่วนทั้งในการนำเสนอแนวคิด และความหวังให้กับ ปชช ผู้อ่าน และเป็นกึ่งๆ เครื่องมือประชาสัมพันธ์ทางการเมืองของเซจาอียอง  ให้คนอ่านได้เข้าใจ และได้มีความหวัง ที่จะเฝ้ารอคอยได้เห็นโชซอนใหม่ของเซจาเช่นกัน
การให้ ราอน ได้มีบทบาทในการประชาสัมพันธ์ เผยแพร่ โน้มน้าวใจประชาชน ในยุคโชซอนเพิ่มเข้ามาในเรื่อง ไม่ใช่แค่นั่งเลี้ยงลูกอยู่ในวังอย่างเดียว เราว่ามันกรี๊ดมากเลย รู้สึกชอบจุดนี้มากจริงๆ

     *การแต่งตัว การทำผมของราอนในตอนท้ายเรื่อง ที่ไม่ตามยุคสมัย ไม่เหมือนสตรีโชซอนนางใด ก็น่าจะสื่อว่า ผญ คนนี้ อยู่ในสถานะและตำแหน่งทางสังคมที่ไม่จำเป็นต้องตามใคร (พระมเหสีของชอนานั่นแหละ)  เป็นคนที่มีแนวคิดที่ล้ำสมัยไปไกลเกินกว่าจะมาแต่งตัวทำผมตามสมัยนิยมแบบนี้  ราอนไม่เคยหลุดคอนเซปเลย ตั้งแต่ฟิตติ้ง ถ่ายโปสเตอร์ จนจบเรื่อง ยึดเส้นคาแรกเตอร์เหนียวแน่นมาก ทีมงานทำดีมากจริงๆ

***********************



โจฮายอน (อดีตเซจาบิน)

     ผู้หญิงเก่งอีกคน ที่น่ารักและน่าสงสารมากๆ คขบ จบเรื่องโดยใช้แนวคิดแบบที่ไม่จำเป็นที่จะต้องทำให้คนดีๆ ผญ ดีๆ คนนึง ต้องถูกกดดันให้กลายเป็นคนร้ายกาจ เพียงเพราะ ผช เค้าไม่รัก ถ้าหากฮายอนทนอยู่ในวัง ในตำแหน่งเซจาบินต่อไป สักวัน ฮายอนก็อาจจะต้องร้าย เพราะคงไม่มีใครทนอยู่กับความทุกข์ใจแบบตายทั้งเป็นได้ ยิ่งเป็น ญ เก่ง และฉลาดมากๆ แบบ ฮายอน คงต้องทรมานใจมากแน่ๆ  ฮายอนถึงได้บอกพระราชาตอนขอลาออกจากตำแหน่งเซจาบินว่า นางเริ่มเกลียดตัวเองแล้ว ที่ต้องมาเป็นแบบนี้
     เราชอบที่ คขบ เลือกที่ให้ ฮายอน เลือกทางเดินชีวิตเอง โดยตัดใจเลือกเดินออกมา หาเส้นทางใหม่ที่นางจะมีความสุขได้มากกว่า แถมมีการลบประวัติการถวายตัวเข้าวังให้ด้วย ต่อไปในอนาคต ถ้าฮายอนได้เจอคนดีที่รักนางจริงๆ ก็ยังสามารถมีรักครั้งใหม่ และมีชีวิตที่มีความสุขได้อีกครั้ง โดยไม่ต้องจมอยู่กับความทุกข์แล้วต้องกลายเป็นคนเลวไป

***********************


องค์จิ๋ว (องค์หญิงยองอึน)

     เพราะเป็นเด็ก ผญ ถึงเป็นองค์หญิง จึงไม่เป็นที่สนใจมากนัก การที่พูดไม่ได้ ก็อาจเป็นการสื่อไปถึงการที่ ผญ ในสมัยนั้น ที่ไม่มีปากเสียง พูดอะไรไป ก็ไม่มีใครให้ความสนใจฟัง จนเมื่อมาเจอราอน ซึ่งเข้าใจองค์หญิงได้ดี และพยายามทำทุกทาง เพื่อเปิดใจ ให้องค์หญิงยอมสื่อสารด้วย ทำให้องค์จิ๋วไม่โดดเดี่ยว และกล้าที่จะก้าวออกมาจากประตูที่ปิดตายบานนั้นได้ อย่างความลับขั้นสุดที่อุตส่าห์เก็บงำมานาน องค์จิ๋วก็เลือกที่จะบอกราอน แทนการบอกเซจา หรือแม่ แสดงว่าองค์จิ๋วเชื่อใจราอนอย่างมาก มากกว่าใครๆ ทั้งหมดในวังหลวง

***********************



องค์หญิงน้อยลูกมเหสีกีแซง
     เพียงเพราะเกิดมาเป็น ผญ ก็ต้องโดนคนเป็นแม่แท้ๆขับไล่ไสส่ง ไม่สิ สั่งฆ่าลูกตัวเองทิ้งตั้งแต่แรกคลอด แล้วอ้าแขนรับ โอบอุ้มลูกคนอื่นที่เป็นเด็ก ผช ได้หน้าตาเฉย มีเด็กทารกเพศหญิงมากมาย ที่ถูกฆ่าหรือทอดทิ้งในสมัยก่อน เพียงเพราะไม่ได้เกิดมาเป็นเพศชาย นี่น่าจะเป็นประเด็นหนึ่งที่ คขบ น่าจะอยากแทรกไว้ให้ได้คิด

***********************



สุดท้าย เซจาชอฮา (องค์ชายอียอง)

     เซจาเอง ก็เป็น ผช ที่ความคิดก้าวหน้า คาดหวังจะสร้างประเทศที่สงบสุข ประชาชนมีความสุข โดยเลือกให้คำนิยามประเทศในอุดมคติในแบบของตัวเองว่า “เป็นประเทศที่เด็กสามารถได้ใช้ชีวิตแบบเด็ก ผู้หญิงได้ใช้ชีวิตแบบผู้หญิง” (ตรงนี้คงหมายถึง ราอน ด้วย เพราะตอนนั้นเซจายังไม่รู้ว่า ราอน มาหลบๆซ่อนๆ อยู่ในคราบผู้ชายทำไม) โชซอนของเซจาอียอง ต้องเป็นประเทศที่น่าอยู่แน่ๆ ทุกคนมีความสุขตามอัตภาพได้ ทั้งเด็ก ผู้หญิง และ ผู้ชาย ทุกคนต่างมีสถานะ และบทบาททางสังคม ได้ทำงานแบบที่ตัวเองถนัด (อย่างยอมให้เมีย เอ๊ย ราอน เออ ถูกแล้ว แฮ่ ทำงานที่รัก เป็นนักเขียน เขียนนิยายขาย เป็นต้น) มีพื้นที่ให้ได้ยืนและแสดงความคิดเห็นกันอย่างอิสระได้ กลุ่มแพคอุนถึงได้ยอมอยู่นิ่ง ไม่เคลื่อนไหวอีก หลังเซจาครองราชย์


     อีกจุดนึง เซจา ให้ความสำคัญกับความเห็นของผู้หญิงด้วยนะ อย่างที่ถามความเห็นคนรักอย่าง ราอน เสมอ ในหลายๆ เรื่อง ตั้งแต่เรื่องง่ายๆ พื้นฐาน อย่างการจัดการนางรำ แม้แต่ในเรื่องการเมืองการปกครอง ตอนที่โดนเหล่าเสนาบดีบอยคอต ไม่ยอมมาประชุม นับว่าเป็นผู้ชายที่ใจกว้าง และเปิดรับความเห็นของคนอื่นๆ ค่อนข้างมาก (หลังรู้จักกับ ราอน) รวมทั้งความคิดอ่านก็นำสมัยมากมายจริงๆ

***********************


     ในเรื่องยังมีอะไรแฝงให้คิดอีกเยอะมาก ลองกลับไปดูอีกครั้ง อาจจะได้อะไรที่น่าสนใจมาคุยกันก็ได้นะคะ

     นี่คือสิ่งที่เราคิด เพื่อนๆคิดว่าอย่างไร เข้ามาแลกเปลี่ยนความเห็นกันได้นะคะ ขอบคุณมากๆ ค่ะ

     *ปอลิง กระทู้รวมบทพูดประทับใจภาค 2 กำลังทำค่ะ มาตามสัญญาแน่นอน ไม่มีใครรอ อิชั้นก็จะมา วะฮะฮะฮะฮ่า
เจ้าคิกคักเจ้าคิกคัก
แสดงความคิดเห็น
โปรดศึกษาและยอมรับนโยบายข้อมูลส่วนบุคคลก่อนเริ่มใช้งาน อ่านเพิ่มเติมได้ที่นี่