ยกตัวอย่างเช่น ผมมีเงินใช้พอของส่วนของผม แต่มีคนรู้จักขอยืม เงินส่วนของผมนั้น ถ้าให้ยืม การวางแผนเงินหรือระบบเงินรอบนั้นๆ ก็จะเสีย รู้แบบนี้ก็ยังใจดีให้เขายืม
ของคนมาขอซื้อต่อ เขายังไม่มีเงินจ่าย ก็ให้ไปลองใช้ก่อนเช่นมือถือ ซึ่งตอนนี้เขาก็หาย
เรื่องงานการ ก็เสียสละได้เหนื่อยกว่าคนอื่น บางที่ก็ดีครับ เขาเห็นเราเป็นคนสำคัญ เพื่อนร่วมงาน ก็มีอะไรก็ช่วยเหลือแบ่งปัน แต่บางที่ก็ไม่ช่วยเลย เมื่อรู้ว่าผมทำได้ก็จัดหนัดจัดเต็ม คุณทำคนเดียวเลยนะ อะไรทำนองนี้ *ประเด่นคือ ผมยึดความคิดว่า ความทรมาน ความลำบากที่ผมเคยเจอมา ทุกๆเรื่อง เรื่องความรัก ให้คำปึกษาได้ แต่เรื่องตัวเองกลับทำไม่ได้ หรือไม่มีใครรับ ปรึกษา ความเหนื่อย หลายๆอย่างที่ผมเคยผ่านมาคนเดียว จึงไม่อยากให้คนอื่นๆรอบตัวผมลำบาก ก็เลยยึดถือว่าช่วยได้ช่วยเต็มที่ ทำเพื่อคนอื่นได้ แต่นานวันเริ่มแย่ครับ ร่างกาย กับใจไม่ต้องการเหมือนกัน ร่างกายเหนื่อย แต่ใจสั่งให้ทำ คิดว่าความคิดแบบที่ผมเป็น มีข้อผิดพลาด หรือ ขาดอะไรไปบ้างไหมครับ พอจะมีวิธีให้แก้ไข และเปลี่ยนเป็นคนปฏิเสธได้บ้างไหมครับ
เคยมีนิสัย "ใจดี" "เสียสละ" มากจนเกินไปไหมครับ ?
ของคนมาขอซื้อต่อ เขายังไม่มีเงินจ่าย ก็ให้ไปลองใช้ก่อนเช่นมือถือ ซึ่งตอนนี้เขาก็หาย
เรื่องงานการ ก็เสียสละได้เหนื่อยกว่าคนอื่น บางที่ก็ดีครับ เขาเห็นเราเป็นคนสำคัญ เพื่อนร่วมงาน ก็มีอะไรก็ช่วยเหลือแบ่งปัน แต่บางที่ก็ไม่ช่วยเลย เมื่อรู้ว่าผมทำได้ก็จัดหนัดจัดเต็ม คุณทำคนเดียวเลยนะ อะไรทำนองนี้ *ประเด่นคือ ผมยึดความคิดว่า ความทรมาน ความลำบากที่ผมเคยเจอมา ทุกๆเรื่อง เรื่องความรัก ให้คำปึกษาได้ แต่เรื่องตัวเองกลับทำไม่ได้ หรือไม่มีใครรับ ปรึกษา ความเหนื่อย หลายๆอย่างที่ผมเคยผ่านมาคนเดียว จึงไม่อยากให้คนอื่นๆรอบตัวผมลำบาก ก็เลยยึดถือว่าช่วยได้ช่วยเต็มที่ ทำเพื่อคนอื่นได้ แต่นานวันเริ่มแย่ครับ ร่างกาย กับใจไม่ต้องการเหมือนกัน ร่างกายเหนื่อย แต่ใจสั่งให้ทำ คิดว่าความคิดแบบที่ผมเป็น มีข้อผิดพลาด หรือ ขาดอะไรไปบ้างไหมครับ พอจะมีวิธีให้แก้ไข และเปลี่ยนเป็นคนปฏิเสธได้บ้างไหมครับ