สวัสดีครับสมาชิกทุกท่านก่อนหน้านี้เมื่อ 2 ปีที่แล้วผมเคยได้ตั้งกระทู้เกี่ยวกับฟุตบอลสยาม สมัยรัชกาลที่ 7 มาแล้ว
พอดีวันนี้หลังจากที่นั่งไล่อ่านเอกสารเพลิน ๆ ก็เจอเอกสารเกี่ยวกับฟุตบอลสยามอีกแล้ว แต่คราวนี้เป็นสมัยรัชกาลที่ 6
ก็เลยอยากเอาเนื้อหาในเอกสารเหล่านั้นมาแชร์ ให้สมาชิกห้องฟุตบอลไทยได้ลองอ่านกันแลกเปลี่ยนกันเล่น ๆ
โดยผมได้คัดลอกเอกสารมาสองชุด จากหนังสือพิมพ์ไทย ฉบับวันที่ 13 เมษายน พ.ศ. 2459 น่ะครับ โดยคงอักขรวิธีเดิมเอาไว้
ฉะนั้นหากเพื่อน ๆ เห็นคำไหนเขียนแปลกไป สำนวนอ่านยากไป นั้นคือวิธีเขียนในสมัยรัชกาลที่ 6 ครับ
เอกสารของผมมีสองชุด ชุดแรกเป็นพระราชดำรัสของรัชกาลที่ 6 ต่อนักฟุตบอลสยามในเวลานั้น เอกสารอีกชุดเป็นรายงานผลการแข่งขัน
ฟุตบอลสยามถ้วยใหญ่ ระหว่างสโมสรมหาดเล็กหลวงและสโมสรกระทรวงยุติธรรม
เอกสารชุดแรกมีดังนี้
ด้วยข้าพเจ้าได้รับพระราชทาน พระมหากรุณาจากผู้ทรงอุปถัมภ์ คณะฟุตบอล์แห่งสยาม พระราชทานคำเตือนสติของผู้เล่นฟุตบอล์ เพื่อเปนประโยชน์ในการเล่นที่ดี ข้าพเจ้าเห็นว่าเปนพระมหากรุณาอย่างลึกซึ้งที่จะให้พวกเล่นฟุตบอล์ทั้งหลาย ปฏิบัติไปโดยทางที่ชอบ
เพราะฉนั้นข้าพเจ้าเห็นว่าเปนประโยชน์มาก จึงขอบอกเล่ามาให้ทราบตามที่ได้รับพระราชทานมาเปนข้อ ๆ ดังต่อไปนี้
1 อย่ารุกราญเมื่อเป่านกหวีดให้เริ่มเตะ, หรือให้เตะเปล่าและเตะโทษรอจนเขาเตะลูกเสียก่อนแล้วจึงค่อยออกวิ่ง
2 อย่าทุ่มตามบุญตามกรรมการทุ่มแปลว่าเสียเวลาเปนแน่นอนและฝ่ายข้าศึกอาจจะได้เปรียบ
3 อย่าไปอยู่ข้างหน้าลูกในเวลาที่อยู่ในแดนของข้าศึก ถ้าทำเช่นนั้นอาจจะเปน “ออฟฟ์ไสด”
4 อย่าย้ายที่ในขณเมื่อยืนอยู่ในที่ “ออฟไสต” ถ้าเริ่มออกวิ่งเมื่อใดก็จะมีความผิดฐานกีดกัน
5 อย่าชนผู้รักษาประตูภายในเขตเส้นประตู นอกจากที่ผู้รักษาประตูจะถือลูกอยู่ หรือกีดขวางตัวท่าน
6 อย่าตั้งใจ “เล่นงาน” ผู้เล่นหมาย “เล่นงาน” ลูกดีกว่า การชนโดยไม่จำเปนเปนการเปลืองแรงกว่าเท่านั้น
7 อย่าหดหู่ในเวลาที่จำเปนจะต้อง “เบียด”
8 อย่าเบียดด้วยมือและข้อศอกกาง การผลักเปนเหตุให้ถูกลงโทษได้มากนัก
9 อย่าชนข้าศึกจากข้างหลัง เว้นเสียแต่เวลาที่เขาหันหน้าไปทางประตูของเขาเอง หรือจงใจกีดขวางท่านและถึงแม้ในเวลาเช่นนั้นก็อย่าชนรุนแรงนัก
10 อย่าใช้อุบายเฉโกต่าง ๆ เช่น เกี่ยวตีนหรือเตะศัตรูโดยจงใจ จงเล่นให้เปนนักเลงกรีฑาเสมอ
11 อย่าใช้วิธีส่งลูกลดไปเลี้ยวมา ส่งตรงไปหาประตูเปนอุบายที่ดีที่สุด
12 อย่าเห็นแก่ตัวผู้เดียว จงเลี้ยงลูกไปด้วยความตั้งใจอย่างใดอย่าง 1 เช่นล่อผู้ป้องกันก่อนที่จะส่งหรือสำหรับยิงเปนต้น
13 อย่ามัวเลี้ยงลูกอยู่ที่หน้าประตูของตัวเอง
14 อย่ารอนานเกินไปก่อนที่จะส่ง ถ้าขืนรั้งรอบางทีจะเลยเสียลูก
15 อย่าคอยให้ลูกมาหา, จงไปหาลูก ถ้าช้าไปอาจจะเลยไม่ได้ลูก
16 อย่าตะขิดตะขวงในการที่จะยิงจากไกล ๆ ประตูเสียไปเปล่า ๆ หลายประตูแล้วเพราะความรั้ง ๆ รอ ๆ , หรือเพราะความปรารถนาที่จะเข้าไปให้ใกล้ประตูก่อนที่จะยิง
17 อย่าเดินเขวไปนอกน่าด้านของตนในสนาม, ถ้าท่านไม่อยู่ตามที่อาจจะทำให้น่าด้านต่าง ๆ ผิดระเบียบในชุดของตน
18 อย่าทิ้งศัตรูไว้ให้ไม่มีใครระวัง
19 อย่าลืมกันลูกในเวลาที่มีโอกาส การกันดี ๆ เปนประโยชน์มากอยู่
20 อย่าเล่นเหลวใหล เมื่อเตะจากประตู เตะต่ำ ๆ เหมาะตรงไปข้างหน้าดีกว่าเตะโด่งเปนอันมาก
21 อย่าพยายามยั่วให้คนรักษาประตูหรือผู้เตะรำคาญในขณะเมื่อกำลังจะเตะโทษ การทำให้ผู้เล่นทั้ง 2 น่าที่นี้ต้องตกอยู่ในที่เสียเปรียบ นับว่าเป็นความผิดอย่าง 1 , ซึ่งอาจจะทำให้ผู้ผิดถูกภาคทัณฑ์
22 อย่าขี้เกียจ คนขยันเปนประโยชน์มากกว่าคนขี้เกียจที่เล่นเก่ง
23 อย่าดูถูกศัตรู ความอวดดีมักเปนผลให้พ่ายแพ้
24 อย่าเล่นสำหรับอวดคนดูการมีชื่อเสียงนี้ไม่ทำให้ชนะหามิได้
25 อย่าทำให้เสียเวลาโดยจงใจผู้ตัดสินเขายอมให้แต่เวลาที่เสียไปจริง ๆ เท่านั้น
26 อย่าหยุดเล่นจนกว่าจะได้ยินเสียงนกหวีด การที่เล่นไม่ฟังเสียงนกหวีดอาจที่จะเปนผลให้ฝ่ายศัตรูได้ประตู หรือฝ่ายท่านเองไม่ได้ประตู
27 อย่าทำให้เสียการเล่นโดยร้องท้วงด้วยเรื่องผิดข้อบังคับต่าง ๆ อย่างหยุมหยิม
28 อย่าเสียใจหรือเคืองถ้าหัวหน้าชุดเอ็ด พยายามอย่าทำผิดเช่นนั้นอีกดีกว่า
29 อย่าโกรธนอกจากเปนการเสียกิริยา มิหนำซ้ำเปนประหนึ่ง “แกว่งตีนหาเสี้ยน” โดยแท้
30 อย่าเถียงคำตัดสินของผู้ตัดสินบางทีเขาอาจจะเห็นความเปนไปได้ดีกว่า, และน่าจะรู้ข้อบังคับดีกว่าด้วย อย่างไร ๆ ก็ดียอมตามคำตัดสินด้วยใจเย็น ๆ ดีกว่า น่าที่ผู้ตัดสินยากมาก, และผู้ตัดสินที่เก่งที่สุดก็อาจจะรู้พลาดพลั้งได้
นายพลตรี นายพลเสือป่า
พระยาประสิทธิ์ศุภการ
เตือนสติผู้เล่นฟุตบอล
พอดีวันนี้หลังจากที่นั่งไล่อ่านเอกสารเพลิน ๆ ก็เจอเอกสารเกี่ยวกับฟุตบอลสยามอีกแล้ว แต่คราวนี้เป็นสมัยรัชกาลที่ 6
ก็เลยอยากเอาเนื้อหาในเอกสารเหล่านั้นมาแชร์ ให้สมาชิกห้องฟุตบอลไทยได้ลองอ่านกันแลกเปลี่ยนกันเล่น ๆ
โดยผมได้คัดลอกเอกสารมาสองชุด จากหนังสือพิมพ์ไทย ฉบับวันที่ 13 เมษายน พ.ศ. 2459 น่ะครับ โดยคงอักขรวิธีเดิมเอาไว้
ฉะนั้นหากเพื่อน ๆ เห็นคำไหนเขียนแปลกไป สำนวนอ่านยากไป นั้นคือวิธีเขียนในสมัยรัชกาลที่ 6 ครับ
เอกสารของผมมีสองชุด ชุดแรกเป็นพระราชดำรัสของรัชกาลที่ 6 ต่อนักฟุตบอลสยามในเวลานั้น เอกสารอีกชุดเป็นรายงานผลการแข่งขัน
ฟุตบอลสยามถ้วยใหญ่ ระหว่างสโมสรมหาดเล็กหลวงและสโมสรกระทรวงยุติธรรม
เอกสารชุดแรกมีดังนี้
ด้วยข้าพเจ้าได้รับพระราชทาน พระมหากรุณาจากผู้ทรงอุปถัมภ์ คณะฟุตบอล์แห่งสยาม พระราชทานคำเตือนสติของผู้เล่นฟุตบอล์ เพื่อเปนประโยชน์ในการเล่นที่ดี ข้าพเจ้าเห็นว่าเปนพระมหากรุณาอย่างลึกซึ้งที่จะให้พวกเล่นฟุตบอล์ทั้งหลาย ปฏิบัติไปโดยทางที่ชอบ
เพราะฉนั้นข้าพเจ้าเห็นว่าเปนประโยชน์มาก จึงขอบอกเล่ามาให้ทราบตามที่ได้รับพระราชทานมาเปนข้อ ๆ ดังต่อไปนี้
1 อย่ารุกราญเมื่อเป่านกหวีดให้เริ่มเตะ, หรือให้เตะเปล่าและเตะโทษรอจนเขาเตะลูกเสียก่อนแล้วจึงค่อยออกวิ่ง
2 อย่าทุ่มตามบุญตามกรรมการทุ่มแปลว่าเสียเวลาเปนแน่นอนและฝ่ายข้าศึกอาจจะได้เปรียบ
3 อย่าไปอยู่ข้างหน้าลูกในเวลาที่อยู่ในแดนของข้าศึก ถ้าทำเช่นนั้นอาจจะเปน “ออฟฟ์ไสด”
4 อย่าย้ายที่ในขณเมื่อยืนอยู่ในที่ “ออฟไสต” ถ้าเริ่มออกวิ่งเมื่อใดก็จะมีความผิดฐานกีดกัน
5 อย่าชนผู้รักษาประตูภายในเขตเส้นประตู นอกจากที่ผู้รักษาประตูจะถือลูกอยู่ หรือกีดขวางตัวท่าน
6 อย่าตั้งใจ “เล่นงาน” ผู้เล่นหมาย “เล่นงาน” ลูกดีกว่า การชนโดยไม่จำเปนเปนการเปลืองแรงกว่าเท่านั้น
7 อย่าหดหู่ในเวลาที่จำเปนจะต้อง “เบียด”
8 อย่าเบียดด้วยมือและข้อศอกกาง การผลักเปนเหตุให้ถูกลงโทษได้มากนัก
9 อย่าชนข้าศึกจากข้างหลัง เว้นเสียแต่เวลาที่เขาหันหน้าไปทางประตูของเขาเอง หรือจงใจกีดขวางท่านและถึงแม้ในเวลาเช่นนั้นก็อย่าชนรุนแรงนัก
10 อย่าใช้อุบายเฉโกต่าง ๆ เช่น เกี่ยวตีนหรือเตะศัตรูโดยจงใจ จงเล่นให้เปนนักเลงกรีฑาเสมอ
11 อย่าใช้วิธีส่งลูกลดไปเลี้ยวมา ส่งตรงไปหาประตูเปนอุบายที่ดีที่สุด
12 อย่าเห็นแก่ตัวผู้เดียว จงเลี้ยงลูกไปด้วยความตั้งใจอย่างใดอย่าง 1 เช่นล่อผู้ป้องกันก่อนที่จะส่งหรือสำหรับยิงเปนต้น
13 อย่ามัวเลี้ยงลูกอยู่ที่หน้าประตูของตัวเอง
14 อย่ารอนานเกินไปก่อนที่จะส่ง ถ้าขืนรั้งรอบางทีจะเลยเสียลูก
15 อย่าคอยให้ลูกมาหา, จงไปหาลูก ถ้าช้าไปอาจจะเลยไม่ได้ลูก
16 อย่าตะขิดตะขวงในการที่จะยิงจากไกล ๆ ประตูเสียไปเปล่า ๆ หลายประตูแล้วเพราะความรั้ง ๆ รอ ๆ , หรือเพราะความปรารถนาที่จะเข้าไปให้ใกล้ประตูก่อนที่จะยิง
17 อย่าเดินเขวไปนอกน่าด้านของตนในสนาม, ถ้าท่านไม่อยู่ตามที่อาจจะทำให้น่าด้านต่าง ๆ ผิดระเบียบในชุดของตน
18 อย่าทิ้งศัตรูไว้ให้ไม่มีใครระวัง
19 อย่าลืมกันลูกในเวลาที่มีโอกาส การกันดี ๆ เปนประโยชน์มากอยู่
20 อย่าเล่นเหลวใหล เมื่อเตะจากประตู เตะต่ำ ๆ เหมาะตรงไปข้างหน้าดีกว่าเตะโด่งเปนอันมาก
21 อย่าพยายามยั่วให้คนรักษาประตูหรือผู้เตะรำคาญในขณะเมื่อกำลังจะเตะโทษ การทำให้ผู้เล่นทั้ง 2 น่าที่นี้ต้องตกอยู่ในที่เสียเปรียบ นับว่าเป็นความผิดอย่าง 1 , ซึ่งอาจจะทำให้ผู้ผิดถูกภาคทัณฑ์
22 อย่าขี้เกียจ คนขยันเปนประโยชน์มากกว่าคนขี้เกียจที่เล่นเก่ง
23 อย่าดูถูกศัตรู ความอวดดีมักเปนผลให้พ่ายแพ้
24 อย่าเล่นสำหรับอวดคนดูการมีชื่อเสียงนี้ไม่ทำให้ชนะหามิได้
25 อย่าทำให้เสียเวลาโดยจงใจผู้ตัดสินเขายอมให้แต่เวลาที่เสียไปจริง ๆ เท่านั้น
26 อย่าหยุดเล่นจนกว่าจะได้ยินเสียงนกหวีด การที่เล่นไม่ฟังเสียงนกหวีดอาจที่จะเปนผลให้ฝ่ายศัตรูได้ประตู หรือฝ่ายท่านเองไม่ได้ประตู
27 อย่าทำให้เสียการเล่นโดยร้องท้วงด้วยเรื่องผิดข้อบังคับต่าง ๆ อย่างหยุมหยิม
28 อย่าเสียใจหรือเคืองถ้าหัวหน้าชุดเอ็ด พยายามอย่าทำผิดเช่นนั้นอีกดีกว่า
29 อย่าโกรธนอกจากเปนการเสียกิริยา มิหนำซ้ำเปนประหนึ่ง “แกว่งตีนหาเสี้ยน” โดยแท้
30 อย่าเถียงคำตัดสินของผู้ตัดสินบางทีเขาอาจจะเห็นความเปนไปได้ดีกว่า, และน่าจะรู้ข้อบังคับดีกว่าด้วย อย่างไร ๆ ก็ดียอมตามคำตัดสินด้วยใจเย็น ๆ ดีกว่า น่าที่ผู้ตัดสินยากมาก, และผู้ตัดสินที่เก่งที่สุดก็อาจจะรู้พลาดพลั้งได้
นายพลตรี นายพลเสือป่า
พระยาประสิทธิ์ศุภการ