นี่เป็นวันที่ 3 (15 ตุลมคม 2559 ) ที่ฉันยังทำใจไม่ได้ กับข่าวสวรรคตของพระเจ้าอยู่หัวรัชกาลที่ 9 ผู้ซึ่งอันเป็นที่รักยิ่งของปวงชนชาวไทย
ตื่นเช้ามาจิตแรกก็นึกถึงแต่พระองค์ ไม่มีช่องว่างให้คิดถึงสิ่งใดอีกเลยแม้แต่นิดเดียว แล้วเฝ้าถามตัวเองทุกวันหลังจากตื่นขึ้นมาว่า " นี่เราฝันไปใช่ไหม ??? เราฝันไปใช่ไหม ??? " สักพักรู้ตัวอีกที " เราไม่ได้ฝัน นี่คือความจริง " เท่านั้นแหละน้ำตามาจากไหนไม่รู้พรั่งพรูออกมาโดยเฉพาะวันนี้ออกมาจนยั้งความสะอื้นไม่ได้ นองหน้าอยู่อย่างนั้น แล้วถามต่อพระองค์ว่า แล้วประชาชนคนไทยจะอยู่กันอย่างไร ??? ถามซ้ำๆอยู่อย่างนี้ คราวนี้ยิ่งสะอื้นหนัก น้ำตาก็ยิ่งไหลออกมา
ลุกจากเตียงไปเข้าห้องน้ำ ก็ยังไม่วายเฝ้าถามพระองค์ว่า " แล้วประชาชนจะอยู่กันอย่างไร ??? น้ำตาก็ยิ่งร่วง ร้องจนตาบวมปูด
จึงเดินไปที่ห้องพระไปกราบพระบรมฉายาลักษณ์ของพระองค์คู่สมเด็จพระราชินี น้ำตาก็ร่วงไหล และถามพระองค์ว่า " พระองค์.....แล้วประชาชนจะอยู่กันอย่างไร....??? น้ำตาร่วง ใบหน้าก็ก้มกราบพระองค์อยู่อย่างนั้น สักพักจึงได้สติมา ว่า อย่าทำแบบนี้ เดี๋ยวพระองค์จะจากไปอย่างเป็นห่วง จึงสงบลง แล้วขอบารมีแห่งดวงพระวิญญาณท่านให้คุ้มครองประชาชนคนไทยและประเทศชาติด้วย อย่าให้มีผู้คิดร้ายมาทำลายแผ่นดินไทย และประชาชนคนไทยได้
แล้วเราก็มองไปที่พระฉายาลักษณ์ที่อยู่เคียงข้างคือสมเด็จพระราชินี นึกถึงภาพของพระองค์ที่อยู่ในรถพระที่นั่ง เมื่อวานและบอกกับพระองค์ว่า " พระองค์อย่างทิ้งประชาชนไปไหนอีกพระองค์นะเจ้าคะ ??? (ขออภัยถ้าใช้คำผิด ที่อารมณ์ขณะนั้นพูดไปอย่างนั้นจริง) ขอพระองค์ทรงมีพระพลานามัยที่แข็งแรงอยู่เป็นมิ่งขวัญของปวงชนชาวไทยตราบนานเท่านาน ขอพระองค์ทรงพระเจริญยิ่งยืนนาน
แล้วเราก็ไปหุงข้าว ความรู้สึกที่ยอมรับกับความสูญเสียครั้งยิ่งใหญ่นี้ยังไม่ได้ ก็กลับมาอีก ตั้งแต่ตวงข้าวสาร จนมาคัดเลือกเมล็ดข้าวที่เสียออก น้ำตาค่อยๆเอ่อ..จนปกคลุมดวงตาแทบจะมองไม่เห็นเมล็ดข้าว มือทำไป ตามองคัดเมล็ดข้าวไปบบสายตามัวๆ เบลอๆ คำถามเดิมกลับมา สะอื้นน้ำตาไหล ว่า " แล้วประชาชนจะอยู่กันอย่างไร ??? " ถามอยู่อย่างนี้
ทำให้รู้ว่านี่เรายังทำใจไม่ได้จริงๆ ไม่อยากรับสภาพนี้ นึกถึงพระองค์แล้วบอกกับพระองค์ว่า อยากให้พระองค์กลับมา แล้วเอาชีวิตหนูไปแทนก็ได้......(น้ำตาก็พรั่งพรู)
ความรู้สึกในวันนี้ กับข่าวสวรรคตของพระเจ้าอยู่หัวรัชกาลที่ 9 อันเป็นที่รักยิ่งของปวงชนชาวไทย
ตื่นเช้ามาจิตแรกก็นึกถึงแต่พระองค์ ไม่มีช่องว่างให้คิดถึงสิ่งใดอีกเลยแม้แต่นิดเดียว แล้วเฝ้าถามตัวเองทุกวันหลังจากตื่นขึ้นมาว่า " นี่เราฝันไปใช่ไหม ??? เราฝันไปใช่ไหม ??? " สักพักรู้ตัวอีกที " เราไม่ได้ฝัน นี่คือความจริง " เท่านั้นแหละน้ำตามาจากไหนไม่รู้พรั่งพรูออกมาโดยเฉพาะวันนี้ออกมาจนยั้งความสะอื้นไม่ได้ นองหน้าอยู่อย่างนั้น แล้วถามต่อพระองค์ว่า แล้วประชาชนคนไทยจะอยู่กันอย่างไร ??? ถามซ้ำๆอยู่อย่างนี้ คราวนี้ยิ่งสะอื้นหนัก น้ำตาก็ยิ่งไหลออกมา
ลุกจากเตียงไปเข้าห้องน้ำ ก็ยังไม่วายเฝ้าถามพระองค์ว่า " แล้วประชาชนจะอยู่กันอย่างไร ??? น้ำตาก็ยิ่งร่วง ร้องจนตาบวมปูด
จึงเดินไปที่ห้องพระไปกราบพระบรมฉายาลักษณ์ของพระองค์คู่สมเด็จพระราชินี น้ำตาก็ร่วงไหล และถามพระองค์ว่า " พระองค์.....แล้วประชาชนจะอยู่กันอย่างไร....??? น้ำตาร่วง ใบหน้าก็ก้มกราบพระองค์อยู่อย่างนั้น สักพักจึงได้สติมา ว่า อย่าทำแบบนี้ เดี๋ยวพระองค์จะจากไปอย่างเป็นห่วง จึงสงบลง แล้วขอบารมีแห่งดวงพระวิญญาณท่านให้คุ้มครองประชาชนคนไทยและประเทศชาติด้วย อย่าให้มีผู้คิดร้ายมาทำลายแผ่นดินไทย และประชาชนคนไทยได้
แล้วเราก็มองไปที่พระฉายาลักษณ์ที่อยู่เคียงข้างคือสมเด็จพระราชินี นึกถึงภาพของพระองค์ที่อยู่ในรถพระที่นั่ง เมื่อวานและบอกกับพระองค์ว่า " พระองค์อย่างทิ้งประชาชนไปไหนอีกพระองค์นะเจ้าคะ ??? (ขออภัยถ้าใช้คำผิด ที่อารมณ์ขณะนั้นพูดไปอย่างนั้นจริง) ขอพระองค์ทรงมีพระพลานามัยที่แข็งแรงอยู่เป็นมิ่งขวัญของปวงชนชาวไทยตราบนานเท่านาน ขอพระองค์ทรงพระเจริญยิ่งยืนนาน
แล้วเราก็ไปหุงข้าว ความรู้สึกที่ยอมรับกับความสูญเสียครั้งยิ่งใหญ่นี้ยังไม่ได้ ก็กลับมาอีก ตั้งแต่ตวงข้าวสาร จนมาคัดเลือกเมล็ดข้าวที่เสียออก น้ำตาค่อยๆเอ่อ..จนปกคลุมดวงตาแทบจะมองไม่เห็นเมล็ดข้าว มือทำไป ตามองคัดเมล็ดข้าวไปบบสายตามัวๆ เบลอๆ คำถามเดิมกลับมา สะอื้นน้ำตาไหล ว่า " แล้วประชาชนจะอยู่กันอย่างไร ??? " ถามอยู่อย่างนี้
ทำให้รู้ว่านี่เรายังทำใจไม่ได้จริงๆ ไม่อยากรับสภาพนี้ นึกถึงพระองค์แล้วบอกกับพระองค์ว่า อยากให้พระองค์กลับมา แล้วเอาชีวิตหนูไปแทนก็ได้......(น้ำตาก็พรั่งพรู)