คำตอบที่ได้รับเลือกจากเจ้าของกระทู้
ความคิดเห็นที่ 6
ขอเมนต์กันตรงๆก่อนคือเป็นผลกรรมของน้องที่ต้องเกิดมาในครอบครัวที่พ่อแม่ยึดถือปฏิบัติอย่างคร่ำครึโบราณแล้วส่งผลให้น้องเกิดภาวะเครียดเก็บกดมาตั้งแต่เด็ก ซึ่งเป็นเรื่องน่าสงสารเห็นใจ และในส่วนนี้ถือว่าพ่อแม่นั้นน่าตำหนิที่ได้ก่อบาปต่อน้องไปตามความเขลา ทั้งยังไม่อาจเป็นที่ปรึกษาแก่น้องได้อย่างเหมาะสม (แต่ถึงอย่างไรแล้วพ่อแม่อาจไม่ใช่คนเลวหรือมีจิตใจเลวต่อเรา และท่านอาจมีส่วนที่ดีน่ายกย่องด้วยก็เป็นได้ แต่ปัญหาคือท่านยังยึดถือนึกคิดแบบโบราณตามกันมาโดยไม่สงสัยใคร่ครวญพัฒนาเปลี่ยนแปลง ซึ่งจะยังมีส่วนที่ผิดอยู่ เพราะส่งผลให้ลูกเกิดความทุกข์เก็บกดอย่างหนักโดยไม่สมควร)
และน่าเชื่อได้ว่าวิถีการปฏิบัติของพ่อแม่นั้นส่งผลให้น้องเกิดอาการทางจิตในระดับที่ส่งผลเสียต่อบุคลิกภาพ เช่น ส่งผลให้มีบุคลิกที่เซี่องๆรับสภาพต่อสิ่งต่างๆโดยไม่ฝืนไม่ต้าน(ซึ่งจะยิ่งยั่วยวนให้คนที่นิสัยไม่ดีมากลั่นแกล้งหรือระบายอารมณ์ใส่) , มีบุคลิกที่ไม่แจ่มใสสมวัย ฯลฯ
การแก้ไข
ก็คือขอให้เปลี่ยนทิฏฐิตัวตนของเราใหม่,หรือมีทัศนะความคิดใหม่ๆ แล้วจะสามารถหยุดสิ่งยึดถือในใจเดิมๆ ในที่สุดก็จะคลายปมหรือภาวะจิตใจที่กลัดกลุ้ม,เครียด,กลัวเกรง ฯลฯ เดิมๆได้ (เปลี่ยนได้มากน้อยตามแต่ทิฏฐิหรือตัวตนจิตใจของเรา) แล้วจะเกิดบุคลิกภาพที่ผ่องใสสง่างามยิ่งขึ้นตลอดจนสามารถวางตัวโดยเหมาะสมแก่สถานการณ์ต่างๆตามมาได้เอง นอกจากนี้ก็ขอให้น้องหนักแน่นในจุดยืนที่ประเสริฐถูกต้องของมนุษย์ตามหลักพระโอวาทของพระพุทธเจ้าอีก 2 ข้อ คือ ไม่มุ่งกระทำในแง่ร้ายต่อตัวเองและใครๆ และมีกุศลจิตช่วยสร้างสรรค์สังคม(ช่วยให้ผู้อื่นพ้นทุกข์ร้อน,พ้นบาปสมุทัย เท่าที่ช่วยได้อย่างสร้างสรรค์)
และน่าเชื่อได้ว่าวิถีการปฏิบัติของพ่อแม่นั้นส่งผลให้น้องเกิดอาการทางจิตในระดับที่ส่งผลเสียต่อบุคลิกภาพ เช่น ส่งผลให้มีบุคลิกที่เซี่องๆรับสภาพต่อสิ่งต่างๆโดยไม่ฝืนไม่ต้าน(ซึ่งจะยิ่งยั่วยวนให้คนที่นิสัยไม่ดีมากลั่นแกล้งหรือระบายอารมณ์ใส่) , มีบุคลิกที่ไม่แจ่มใสสมวัย ฯลฯ
การแก้ไข
ก็คือขอให้เปลี่ยนทิฏฐิตัวตนของเราใหม่,หรือมีทัศนะความคิดใหม่ๆ แล้วจะสามารถหยุดสิ่งยึดถือในใจเดิมๆ ในที่สุดก็จะคลายปมหรือภาวะจิตใจที่กลัดกลุ้ม,เครียด,กลัวเกรง ฯลฯ เดิมๆได้ (เปลี่ยนได้มากน้อยตามแต่ทิฏฐิหรือตัวตนจิตใจของเรา) แล้วจะเกิดบุคลิกภาพที่ผ่องใสสง่างามยิ่งขึ้นตลอดจนสามารถวางตัวโดยเหมาะสมแก่สถานการณ์ต่างๆตามมาได้เอง นอกจากนี้ก็ขอให้น้องหนักแน่นในจุดยืนที่ประเสริฐถูกต้องของมนุษย์ตามหลักพระโอวาทของพระพุทธเจ้าอีก 2 ข้อ คือ ไม่มุ่งกระทำในแง่ร้ายต่อตัวเองและใครๆ และมีกุศลจิตช่วยสร้างสรรค์สังคม(ช่วยให้ผู้อื่นพ้นทุกข์ร้อน,พ้นบาปสมุทัย เท่าที่ช่วยได้อย่างสร้างสรรค์)
แสดงความคิดเห็น
การเป็นคนดีเกินไปแย่มากใช่ไหมครับ?
พ่อกับเเม่ผมมักสอนให้ผมทำดีอย่างเดียวเสมอต่อให้โลกภายนอกโจรจะปล้นจะจี้กันจะเลวร้ายยังไงพวกเขาก็จะสั่งสอนให้ทำเเต่สิ่งที่เป็นคนดีพึงจะทำเสมอ
จนผมติดนิสัย กลายเป็นว่าเรื่องอะไรก็ตามที่ผิดทั้งที่ผมไม่ใช่คนทำ ไม่ใช่คนผิดเเม่ชอบมักบอกว่าผมผิด ผมเถียงก็ถือว่าผิดเพราะมันไม่ใช่สิ่งที่ดี จึงทำให้รับ
ผิดชอบเรื่องโน้นเรื่องนี้ตลอดทั้งๆที่ผมไม่ได้ทำ ผมโตมาตอนนี้เริ่มจะเป็นวัยผู้ใหญ่เเล้ว ผมลองนึกดูตั้งเเต่อนุบาลยันมหาลัยผมโดนผู้อื่นเอาเปรียบโดนเเกล้ง
โดยที่ผมตอกกลับบ้างไม่ตอกกลับบ้างเวลาไปฟ้องครูผมก็กลายเป็นคนผิดตลอดจนผมเบื่อใครทำอะไรผม ผมก้อไม่ค่อยทำเขากลับ อิกอย่างตอนเด็กผมไม่
กล้าฟ้องเเม่เพราะผมรู้ว่าเเม่ชอบโทษผมผิดเสมอ ผมควรจะทำยังไง? ผมกลายเป็นคนที่เถียงคนไม่เป็นเเล้วเวลาที่ตัวเองไม่ได้ทำผิด
ยอมให้คนอื่นเอาเเปรียบอยู่เรื่อยกลายเป็นคนที่เครียดเเทนคนอื่นไปหมดทุกเรื่องเเถมโดนเพื่อนทักบ่อยๆว่าเครียดอิกล่ะ
ผมมักเห็นอกเห็นใจผุ้อื่นทั้งที่ผู้อื่นไม่เคยเห็นใจผมเลย ผมเคยช่วยคนนึงเเต่เวลาผมขอความช่วยเหลือเขาไไม่เคยเห็นหัวเลย ผมเหนื่อยครับ
ตอนนี้ทุกอย่างขัดเเย้งกันครอบครัวสอนให้ผมเชื่อมั่นเเละเป็นคนดี ในขณะที่สังคมมันกลับด้านการเป็นเเบบนี้รังเเต่จะเสียเปรียบคนอื่น
เป็นคุณจะทำยังไงดี?