ไม่อยากแยกกันอยู่กับแฟน แต่เราต้องดูแลพ่อแม่ และเขาก็ห่วงพ่อแม่เขาเหมือนกัน

ยาวหน่อยแต่รบกวนทีเถอะค่ะ ช่วยแขร์ประสบการณ์อันเจ็บปวด รวมทั้งคำแนะนำให้เราทีเผื่อเราจะได้เจอทางออก....

คบกับแฟนมาประมาณเกือบสี่ปีแล้ว มีแผนกำลังจะแต่งงานกันอีกสี่ห้าเดือนหน้า แต่ยังตกลงกันไม่ได้ว่าแต่งแล้วจะไปอยู่บ้านใคร เพราะเราก็เป็นห่วงพ่อแม่เรา เขาก็เป็นห่วงพ่อแม่เขา
  เราลาออกจากที่ทำงานเดิมที่ตจว.เพราะเหตุผลบางอย่าง ซึ่งแฟนก็รู้ แฟนจึงขอให้ไปอยู่บ้านเขาที่กรุงเทพเพราะอยากให้เราไปอยู่ด้วยนานแล้ว พอหมั้นกัน แฟนจึงไปขอพ่อกับแม่เรา ให้เราไปอยู่ด้วยได้ไหม พ่อแม่ไม่ค่อยเห็นด้วยเท่าไหร่บอกแค่ว่าจะดีหรอ เราจะอยู่ได้รึป่าว แต่ก็ไม่ได้ห้ามอะไรมากมายเพราะคิดว่าเป็นความสุขของลูก
  พอเราไปอยู่ได้สักพักโดยที่ยังไม่มีงานทำ มีสมัครหลายที่แต่ก็ไม่รับ ระหว่างรอบริษัทเรียก เราก็ฝึกทำเบเกอรี่เผื่อว่าถ้าไม่มีงานประจำทำ เราก็จะขายเบเกอรี่นี้แหละ ฝึกเองทำเองชิมเอง ก็ไม่ค่อยเวิร์คเท่าไหร่
  พออยู่ๆไปเราเริ่มไม่ค่อยโอเคกับที่บ้านเขา เราร้องไห้เกือบทุกคืน ด้วยความที่แฟนเป็นคนเกรงใจแม่มาก จนมีเหตุการณ์หลายอย่างที่เรารู้สึกว่ามันไม่แฟร์สำหรับเรา (เรื่องอะไรนั้นไม่ขอพูดเน๊าะ) ด้วยความที่เราไปอยู่บ้านเขาก็รู้สึกอึดอัดอยู่แล้ว ยังมีเหตุที่ทำให้เราไม่สบายใจอยู่บ่อยๆ ทุกครั้งที่ร้องไห้เพราะความอึดอัด และน้อยใจ แฟนรับรู้ความรู้สึกเราทุกอย่าง เพราะเราเป็นคนเก็บความรู้สึกไม่ได้ มีไรต้องเล่าให้เขาฟังตลอดเพราะเรามีเขาแค่คนเดียวที่เราสะนิดใจด้วย จึงคุยกันว่าเราแยกไปอยู่ของนอกกันไหม อย่างน้อยสบายใจทั้งเรา ทั้งที่บ้านเขา ทั้งตัวเขาเองที่ไม่ต้องอึดอัดใจในฐานะคนกลาง แต่เขาก็ไม่ยอมแยกไปอยู่ส่วนตัว โดยเขาอ้างว่าเราสองคนยังไม่มีรายได้มากพอ เพราะตัวเราเองก็ยังไม่มีงานทำเลย โอเค! เหตุผลนี้เราเข้าใจดี ก็เรายังไม่มีงาน จะเอาที่ไหนไปจ่ายค่าเช่า เลยตกลงกันใหม่ว่าถ้าเรามีงานทำแล้ว เราสองคนจะย้ายไปอยู่ข้างนอกกัน เขาก็เหมือนลังเลไม่ยอมย้าย
  เรื่องการแต่งงานที่ทำให้เราต้องคิดหนักตอนนี้ก็คือ ตอนหมั้นผู้ใหญ่สองฝ่ายตกลงกันว่าจะมีงานแต่งอีก หนึ่งปีข้างหน้าซื่งตรงกับปลายปีพอดี(หมั้นตอนประมาณปลายปีเหมือนกัน) พอใกล้ถึงกำหนดอีกประมาณสามเดือน แฟนของน้องชายแฟนเราดันมาท้องและกำหนดคลอดปลายปีเหมือนกัน เขาเลยอ้างว่าน้องจะคลอดเลยจะขอเลื่อนไปเป็นต้นปีหน้า แต่พอเรามารุ้ความจริงจากแฟนคือ เขาติดปัญหาเรื่องเงิน ต้องเอาไปหมุดเรื่องคลอดน้องและอีกหลายอย่าง ซื่งทำให้เรา และที่บ้านเราไม่ค่อยพอให พ่อและแม่จึงคิดว่าเราควรกลับบ้านเราดีกว่าไหม ด้วยความไม่พอใจของพ่อ และคิดว่าเราไปอยู่กับเขา แต่เขาดันเลื่อนงานแต่งไปอีก พ่อคงจะนึกถึงศักดิ์ศรีของลูกสาวตัวเอง เราจึงตัดสินใจมาอยู่ที่บ้านสักพัก สบายใจเมื่อไหร่ หรือว่าแต่งงานกันแล้วค่อยกลับไป
  พอกลับมาถึงบ้านที่ตจว.สิ่งที่เห็นคือ พ่อและแม่แก่ลงไปเยอะ ผอมลง ตามอายุวัย60  เห็นบ้านช่องรก เพราะแม่คงไม่มีเวลาทำ อาจเหนื่อยจากการทำงาน(ที่บ้านทำสวนยางพารา) ซึ่งคนแก่สองคน ต้องรีดยางเองโดยไม่ได้จ้างใคร  ยิ่งเห็นสภาพพ่อแม่แล้ว เรายิ่งสงสาร ไม่มีใครค่อยมาอยู่ด้วย กินข้าวด้วย ลืมบอกไปเรามีพี่สาวสองคน แต่งงาน และแยกไปอยู่ข้างนอก พี่สาวคนโตเปิดร้านใกล้บ้าน คอยซื้อกับข้าวให้แม่เป็นบางวัน อยู่คุยแปปๆก็กลับ บางทีแม่ก็กินข้าวคนเดียว เราจึงลังเล บวกกับอยากสร้างรากฐาก บั้นปลายชีวิตที่บ้านเกิด ที่ทางเราก็มี ทำประโยชน์ได้เยอะแยะ พ่อแม่พอมีทุนให้ทำกิจการเล็กๆน้อยๆ
  อยู่มาวันหนึ่งที่ทำงานแฟนเกิดเปิดรับสมัครงาน และเขาอยากให้เราไปอยู่ด้วย มันเลยเกินความลังเลขึ้นมากับเรามากขึ้นๆ พ่อแม่รับรู้ว่าเรารู้สึกยังไง และไม่ได้ห้ามถ้าจะไปทำงานที่กรุงเทพ บอกแค่เพียงว่าไม่ต้องเป็นห่วงพ่อกับแม่ ยังมีแรงทำงานไหว แต่เราไม่คิดเช่นนั้น เขาแก่มาก ไม่มีใครแบ่งเบาภาระ การบ้านต่างๆ เขาบอกเพื่อให้เราสบายใจ แต่เรารู้ว่าเขาคงเหงามาก เราจึงปรึกษาแฟนอีกทีแต่ก็สรุปไม่ได้ ถ้าเราเลือกที่จะอยู่ดูแลพ่อแม่ และเขาก็คงเลือกที่จะอยู่กะพ่อแม่เหมือนกัน เรารู้ว่าการตัดสินใจครั้งนี้มันคือการที่เราต้องแยกกันอยู่ ซึ่งทำให้เราสองคนเจ็บปวดมาก แม้จะคุยกันด้วยเหตุผลและความจำเป็นมากมายที่ต่างฝายต่างมีเป็นของตัวเอง ซึ่งเราให้เหตุผลว่าเราอยากดูแลพ่อแม่และอยากทำกิจการของตัวเองที่บ้าน เพราะทางบ้านแฟนเขามีกิจการที่พ่อดูแลอยู่แล้ว คอยเก็บค่าเช่าแท๊กซี่จากลูกน้อง ส่วนแม่มีงานประจำและเขายังไม่แก่มาก อายุประมาณสี่สิบกว่าๆถึงห้าสิบ (ไม่แน่ใจ) และอีกไม่กี่เดือนแฟนน้องก็จะคลอดซื่งน้องคงต้องไปอยู่บ้านกับพ่อแม่แฟนเราอยู่แล้า เพราะคงเป็นหน่าที่พ่อกับแม่แฟนเราที่ต้องช่วยเลี้ยงดูหลาน เพราะน้องทั้งสองคนยังไม่บรรลุนิติภาวะ บ้านแฟนน้องชายอยู่หมู่บ้านเดียวกัน แต่คนละซอย มีพ่อและน้องชายอาศัยอยู่ ส่วนแฟนก็ให้เหตุผลว่า เป็นห่วงแม่เพราะด้วยความที่น้องชายยังไม่เป็นโล้เป็นพายช่วยเหลือตัวเองยังยาก เขาเลยยังทิ้งไปไม่ได้ ผลลัพธ์ที่ได้ก็คือจำเป็นต้องแยกกันอยู่เพราะต่างคนต่างห่วง เรากลัวการห่างกันที่สุดแต่ก็ต้องมาเจอและไม่รู้ว่าเขาจะมาอยู่กับเรา มาเป็นครอบครัวเดียวกันเมื่อไหร่
  เราไม่โทษใครที่มันเป็นแบบนี้ แต่แค่คิดว่าสุดท้ายเราตกลงกันว่าแต่งงานกัน แต่ทำไมต้องแยกกันอยู่ เราอยากให้เขาเป็นฝ่ายเสียสละเพื่อเรา แต่เราก็เข้าใจว่ามันยากมาก เราไม่ได้อยากให้เขาเลือกระหว่างเรากับพ่อแม่เขา แต่เราอยากให้เขาเห็นแก่ความเป็นอยู่ของครอบครัวเรา ที่เรากำลังจะสร้างมันด้วยกัน
  ตอนนี้ปวดใจมาก เจ็บปวดมากจริงๆ รักก็รัก อยากอยู่ด้วยกันเหมือนคนอื่นๆเขา  แต่พ่อแม่เราแก่มากขนาดนี้จะให้ตัดใจเป็นอยู่กับแฟนก็สงสารพ่อแม่ที่เขาต้องทนเหงา เวลาแก่เฒ่าขึ้นมา
แสดงความคิดเห็น
โปรดศึกษาและยอมรับนโยบายข้อมูลส่วนบุคคลก่อนเริ่มใช้งาน อ่านเพิ่มเติมได้ที่นี่