รีวิวการแสดง"แดน" โดย b-floor theatre
(จริงน่าจะเป็นการรีวิว POST-TALK หลังการแสดงมากกว่า^^)
รอบวันที่10 ตุลา 2016
ณ alliance francaise bangkok
-ผมเป็นคนที่มีทักษะเรื่องกีฬาต่ำมาก ทั้งยังใจตุ๊ดสไม่ชอบดูกีฬาใดๆทั้งสิ้น
แต่เนื่องด้วยเบสบอลล์matchนี้มียูนิฟอร์มสีดำ-ขาว และเสริฟแตงโมเป็นของว่างฉ่ำๆเพื่อล้างปากคาวๆ
ณ โต๊ะdinnerในค่ำคืนที่ผมรู้สึกดัดจริตอยาก-baguette ราดกระเพราไก่ และไข่เค็มทอด
ผมจึงขบขันและหรรษากับสันดานและเพศสภาพของตนเองประมาณ55%
5%แรก
ผมจ้องดูแดนจากที่นั่งแถวL ข้างหน้าของที่นั่งของผม เป็นตำราจยศสองสามดาวสองคน และนักศึกษาสาวหนึ่งหมวย
ข้างซ้ายและขวาเป็นฝาหรั่งตาน้ำข้าวไม่รู้ชาติสามนาย
ไม่ต้องเอยถึงบรรดาฑูตแถวA AA A+++ที่อยู่ไกลลิบๆจนมองเห็นแค่สูทสีเทา
ผมจึงรู้สึกถึงแดนที่ทั้งไร้พรมแดนและชัดเจนพอประมาณ
ก็คงชัดเจนใกล้ๆเคียงๆกับการเปลี่ยนดินแดนจาก”ไม่เห็นด้วย” เป็น”งดออกเสียง” ในการยกมือของสาวงามแห่งความเท่าเทียมจากดินแดนที่ขายอมยิ้ม
และชัดเจนเคียงๆข้างๆกับผลลัพธ์ของสมการ “ประหารชีวิตหารสองเท่ากับจำคุกตลอดชีวิต”
15%ที่สอง
ผมว่าลายstripeบนชุดนักกีฬาที่กลับจากขาวเป็นดำ และดำเป็นขาว ประกอบกับพื้นรองเท้ายางพาราแบรนด์นันยางสีหญ้าชอุ่มเขียวก็เป็นสัญลักษณ์ที่ชัดเจนพอประมาณและเสรีหรรษาพอประมาณเช่นกัน
ความถูก และการใส่ให้ถูก
ความผิด และการใส่ให้ผิด
จึงเป็นเรื่องที่”แค่”ชัดเจนพอประมาณและหรรษาเป็นกระ”ไสย” ให้รู้สึกชุ่มชื้นหัวใจ เหมือนหญ้าบนยอดเขาที่บรรยายในหนังสือพิมพ์หัวสีรายวัน
25%ที่สาม
สิ่งหนึ่งที่ชัดเจนมากในดินของแดนคือความแดงของดินลูกรัง และความประแล่มของน้ำจากtap tap (ประปา)
ผมชอบมากที่คนดำเนินการออกมาพูดและยอมรับว่า
“ข้าพเจ้าจะเป็นโทรโข่งให้กับนักโทษจนๆที่ไม่มีเงินจ้างทนายมาสู้คดีเพื่อหวังจะชนะ”
เพราะจากบรรดาคำถามที่ตั้งถึงกรณีสมมติต่างต่างนานาในการอภิปรายท้ายโชว์
“ถ้า…. แล้ว…. เผลอ…. แพะ…”
ด้วยตรรกะจระเข้ขวางคลองของผมก็ตั้งคำถามตอกกลับในใจแบบขี้ขลาดที่ไม่กล้ายกมือถามในงานว่า
“แล้วถ้า….ไม่เผลอ…. จากครั้งที่เจ็ดเป็นแปดเก้าสิบ…. และแกะ….”หละ
“ใครจะเอาแกะเหล่านี้ไปเลี้ยงไปrehabจากblack to black”
ผมก็ถอนหายใจและพยายามตบตัวเองให้กลับมาแล้วบอกว่า
”ให้เดินในดินของแดนแห่งถนนลูกรังและกินน้ำประปาtap tap”
เพราะฉะนั้น helloที่ปรากฏในดินแดนแห่งนี้ จึงชัดเจนที่จะเป็น hell ของคน lo-low เท่านั้น
ผมจึงถอนหายใจได้และยิ้มตะงิดๆ
35%ที่สี่
อีกช่วงที่ผมต้องยิ้มอย่างสังเวชในตัวเองก็คือ ช่วงต้นๆของการเล่าภาพที่ตัดสลับระหว่างสายเส้นของนักกีฬา และเส้นสายของความเป็นเมือง
ลายของความabstractในตัวคนแสดงสดๆ และลายของrealisticในตัวเซลลูลอยด์แบนๆ
เพราะจริงๆ ผมว่านี้แหละคือการเห็นในคุกแห่ง”อารยะ”ที่แท้จริงและ

งงง!!!!ยากที่จะถอนตัวจริงๆ
ซึ่งบางทีการถูกสังหารและติดคุกสายบัวอาจจะเป็นการดับทุกข์อย่างสิ้นเชิง มีบุญ และสนุกแบบtap tapมากกว่าก็ได้
ผมยิ้มและหัวเราะให้กับแสงสว่างที่รอดผ่านซีกกรงมาเหมือนเสียงระฆังและนกร้องจากวัดปทุมในคลื่นเนกาทีฟฟิล์มในช่วงนี้
และมันยังเป็นการยิ้มที่”ชัดเจน”ครั้งเดียวและครั้งสุดท้ายในโชว์จริงๆ
คุกของตัวเลขทางสถิติ
คุกของการวิ่งไปสู่เป้าที่สากลยอมรับ
คุกของเวลาสามปี เจ็ดปี และสิบปี
คุกของการกดเครื่องคิดเลขหามูลค่าค่าน้ำนม
คุกของการใส่เสื้อผ้าไหมของศูนย์ศิลปาชีพ
คุกของการใส่เสื้อผ้าสีดำตลอดเวลา
คุกของการใส่แว่นตาดำในเวลากลางคืน
คุกของการมีcigarette break และเล่นหุ้นสินค้าน้ำเมาอย่างถูกกฎหมาย
คุกของการต้องเป็นเบาหวานจากน้ำตาลในชาเขียวเพื่อสุขภาพ
คุกของการเชื่อในสสารจากศิลปะ วรรณกรรมและวัฒนธรรม
คุกของ”บันได”ที่จะไต่ไปสู่ดาว และ”สะพาน”ที่พาดก้าวไปอีกผั่ง
จริงๆผมว่าคุกที่วิบแววและเป็นอารยะเหล่านี้แออัดกว่าปลาซาดีนซอสเลือดในกระป๋องสามแม่ครัวเสียอีก
แต่ผมก็ดูเหมือนจะจมูกสูงกับการอยู่ในคุกทางอารยะและตรรกะขว้างโลกของปัญญาชนจนๆ
ผมจึงยิ้มอย่างไม่ชัดเจน และถอนหายใจอย่างเจนชัด
40%ที่ห้า
จดหมายจาก “in แดน in there” และเสียงแคนจากดินในทุ่งกุลาร้องไห้ ผมเป็นคนใต้และไม่เคยเห็นทุ่งที่ว่าและกล่าวอ้างจริงๆ
แต่ด้วยน้ำเสียงอีสานมันร้าวรานกว่าภาษาใต้รัวๆและแรงๆ ผมจึงน้ำตาปริ่มง่ายๆกับการเล่าของ”ลูกอีสาน”
ผมว่าการทำซ้ำแบบนี้เป็นKKKของดินแดนของดินแดง การพูดว่านิโกร มันจึงดูว่าดูถูกและน่าโกรธกว่า African American
ทั้งๆที่จริงตาอาจมองไม่ต่างกันอย่างชัดเจน นิกเกิลในเหรียญจะมีกี่% ใครจะสนใจ ถ้ามันยังใช้ซื้อข้าวและปาหัวหมาไม่แตกอยู่วันยันค่ำ
ผมว่าผมยิ้มอย่างไม่ยิ้มอย่างไม่ชัดเจนจริงๆ
45%ที่หก
วันนี้ผมตื่นขึ้นมาตอนหกโมงกว่าๆ เพราะนอนกระสับกระส่ายคิดถึงเรื่องในสื่อสองสื่อที่เคยคุ้น
นั่นก็คือคือ เปาบุ้นจิ้นและเซเลอร์มูน
ตอนอยู่ประถมผมรู้สึกหรรษามากที่ได้ดูสื่อสองสื่อนี้
เปาบุ้นจิ้น เป็นสิ่งดำสิ่งแรกที่ผมหลงใหล
เซเลอร์มูน เป็นสิ่งชมพูสิ่งสุดท้ายที่ผมรัก
แต่
ท่านเปาและอุซางิ ก็ฆ่ากันแกงกันแบบeye to eye เควายทูเควาย
จนผมนอนไม่หลับเกือบทั้งคืน
ผมยิ้มแบบสะลึมสะลือที่ฉายวนวนวนวนวนวนวน
50%ที่หก
มันเป็นตัวเลขที่สั้นแต่หนักและกลางๆที่สุด
เส้นขวางแนวนอนของขอบฟ้า
และเส้นแข็งแนวตั้งของลูกกรง
สำหรับผมเมื่อผมล้มตัวนอน ขดร่างลงพัก
เส้นทั้งสองก็กลายเป็นเส้นรอบวงของบ่วงเชือกรัดคอเหมือนกัน
ผมว่าผมก็มีสิทธิที่จะมองเสรีภาพให้ก็เป็นภาพของการปิด
และมีสิทธิที่จะเลือกที่จะตายมากกว่าจะเลือกที่จะอยู่ เมื่อถึงเวลาที่เหมาะสมเหมือนกัน
ผมว่าน้ำตามันจะไหลเมื่อยิ้มรสขมนี้บาดลงที่ปากกา
5%ที่เจ็ด
ผมว่าผมคงเหมือนคนที่มัดพลาสติกใสรวมอะไรที่เป็นคนละเรื่องเข้าด้วยกัน
คนที่”เผลอ”มาอ่าน “เบลอ”มาฟังจึง”ซวย”สวยๆอย่างช่วยไม่ได้
ถ้าอยากกล่าวโทษถึงผมก็กล่าวไป
เพราะผมก็ไม่แคร์ เนื่องด้วยผมรู้ว่าการลงโทษและระบบตัดสินมันก็เบลอและเผลอ
ทั้งยังถวายฎีกาขอต่อรองได้ แต่ยังไงก็ขอความเมตตาแก่คนแถวLแบบผมด้วย
เพราะผมรู้และตระหนักว่า การพิพากษาทางsocialและมีเดียมันก็ชัดเจน
และอาจหนักกว่าโทษในทางกายภาพเป็นๆ
5%ท้ายสุด
ผมบวก5% 15% 25% 35% 40% 45% 50% 5% 5% เข้าด้วยกัน
รวมเป็น 225%
ผมขาดอีก75%ที่จะเป็น300%
หรือผมเกินมา125%จาก100%
ผมได้เกรดสองในวิชาพละศึกษาและสอบตกหัวข้อสถิติตอนเรียนมหาลัยบ้านนอกจริงๆครับ
สาวงามขายอมยิ้มช่วยวิ่ง และตีลูกบอลมาบอกผมที
จะเป็น”บุญ” และจะเป็น”พุทธ”มาก
55555555555555555555555555555555555555555555555555555
เลขห้าที่หัวเราะย้ำๆอย่างชัดเจนพองามๆ
^^
#จึงใส่หน้ากากพลาสติกเดินดูงานชาวบ้าน
#แดน #โดย #B-floor
https://www.facebook.com/plasticrenaissanceman/
[SR] รีวิว แดน โดย B-floor theatre
(จริงน่าจะเป็นการรีวิว POST-TALK หลังการแสดงมากกว่า^^)
รอบวันที่10 ตุลา 2016
ณ alliance francaise bangkok
-ผมเป็นคนที่มีทักษะเรื่องกีฬาต่ำมาก ทั้งยังใจตุ๊ดสไม่ชอบดูกีฬาใดๆทั้งสิ้น
แต่เนื่องด้วยเบสบอลล์matchนี้มียูนิฟอร์มสีดำ-ขาว และเสริฟแตงโมเป็นของว่างฉ่ำๆเพื่อล้างปากคาวๆ
ณ โต๊ะdinnerในค่ำคืนที่ผมรู้สึกดัดจริตอยาก-baguette ราดกระเพราไก่ และไข่เค็มทอด
ผมจึงขบขันและหรรษากับสันดานและเพศสภาพของตนเองประมาณ55%
5%แรก
ผมจ้องดูแดนจากที่นั่งแถวL ข้างหน้าของที่นั่งของผม เป็นตำราจยศสองสามดาวสองคน และนักศึกษาสาวหนึ่งหมวย
ข้างซ้ายและขวาเป็นฝาหรั่งตาน้ำข้าวไม่รู้ชาติสามนาย
ไม่ต้องเอยถึงบรรดาฑูตแถวA AA A+++ที่อยู่ไกลลิบๆจนมองเห็นแค่สูทสีเทา
ผมจึงรู้สึกถึงแดนที่ทั้งไร้พรมแดนและชัดเจนพอประมาณ
ก็คงชัดเจนใกล้ๆเคียงๆกับการเปลี่ยนดินแดนจาก”ไม่เห็นด้วย” เป็น”งดออกเสียง” ในการยกมือของสาวงามแห่งความเท่าเทียมจากดินแดนที่ขายอมยิ้ม
และชัดเจนเคียงๆข้างๆกับผลลัพธ์ของสมการ “ประหารชีวิตหารสองเท่ากับจำคุกตลอดชีวิต”
15%ที่สอง
ผมว่าลายstripeบนชุดนักกีฬาที่กลับจากขาวเป็นดำ และดำเป็นขาว ประกอบกับพื้นรองเท้ายางพาราแบรนด์นันยางสีหญ้าชอุ่มเขียวก็เป็นสัญลักษณ์ที่ชัดเจนพอประมาณและเสรีหรรษาพอประมาณเช่นกัน
ความถูก และการใส่ให้ถูก
ความผิด และการใส่ให้ผิด
จึงเป็นเรื่องที่”แค่”ชัดเจนพอประมาณและหรรษาเป็นกระ”ไสย” ให้รู้สึกชุ่มชื้นหัวใจ เหมือนหญ้าบนยอดเขาที่บรรยายในหนังสือพิมพ์หัวสีรายวัน
25%ที่สาม
สิ่งหนึ่งที่ชัดเจนมากในดินของแดนคือความแดงของดินลูกรัง และความประแล่มของน้ำจากtap tap (ประปา)
ผมชอบมากที่คนดำเนินการออกมาพูดและยอมรับว่า
“ข้าพเจ้าจะเป็นโทรโข่งให้กับนักโทษจนๆที่ไม่มีเงินจ้างทนายมาสู้คดีเพื่อหวังจะชนะ”
เพราะจากบรรดาคำถามที่ตั้งถึงกรณีสมมติต่างต่างนานาในการอภิปรายท้ายโชว์
“ถ้า…. แล้ว…. เผลอ…. แพะ…”
ด้วยตรรกะจระเข้ขวางคลองของผมก็ตั้งคำถามตอกกลับในใจแบบขี้ขลาดที่ไม่กล้ายกมือถามในงานว่า
“แล้วถ้า….ไม่เผลอ…. จากครั้งที่เจ็ดเป็นแปดเก้าสิบ…. และแกะ….”หละ
“ใครจะเอาแกะเหล่านี้ไปเลี้ยงไปrehabจากblack to black”
ผมก็ถอนหายใจและพยายามตบตัวเองให้กลับมาแล้วบอกว่า
”ให้เดินในดินของแดนแห่งถนนลูกรังและกินน้ำประปาtap tap”
เพราะฉะนั้น helloที่ปรากฏในดินแดนแห่งนี้ จึงชัดเจนที่จะเป็น hell ของคน lo-low เท่านั้น
ผมจึงถอนหายใจได้และยิ้มตะงิดๆ
35%ที่สี่
อีกช่วงที่ผมต้องยิ้มอย่างสังเวชในตัวเองก็คือ ช่วงต้นๆของการเล่าภาพที่ตัดสลับระหว่างสายเส้นของนักกีฬา และเส้นสายของความเป็นเมือง
ลายของความabstractในตัวคนแสดงสดๆ และลายของrealisticในตัวเซลลูลอยด์แบนๆ
เพราะจริงๆ ผมว่านี้แหละคือการเห็นในคุกแห่ง”อารยะ”ที่แท้จริงและ
ซึ่งบางทีการถูกสังหารและติดคุกสายบัวอาจจะเป็นการดับทุกข์อย่างสิ้นเชิง มีบุญ และสนุกแบบtap tapมากกว่าก็ได้
ผมยิ้มและหัวเราะให้กับแสงสว่างที่รอดผ่านซีกกรงมาเหมือนเสียงระฆังและนกร้องจากวัดปทุมในคลื่นเนกาทีฟฟิล์มในช่วงนี้
และมันยังเป็นการยิ้มที่”ชัดเจน”ครั้งเดียวและครั้งสุดท้ายในโชว์จริงๆ
คุกของตัวเลขทางสถิติ
คุกของการวิ่งไปสู่เป้าที่สากลยอมรับ
คุกของเวลาสามปี เจ็ดปี และสิบปี
คุกของการกดเครื่องคิดเลขหามูลค่าค่าน้ำนม
คุกของการใส่เสื้อผ้าไหมของศูนย์ศิลปาชีพ
คุกของการใส่เสื้อผ้าสีดำตลอดเวลา
คุกของการใส่แว่นตาดำในเวลากลางคืน
คุกของการมีcigarette break และเล่นหุ้นสินค้าน้ำเมาอย่างถูกกฎหมาย
คุกของการต้องเป็นเบาหวานจากน้ำตาลในชาเขียวเพื่อสุขภาพ
คุกของการเชื่อในสสารจากศิลปะ วรรณกรรมและวัฒนธรรม
คุกของ”บันได”ที่จะไต่ไปสู่ดาว และ”สะพาน”ที่พาดก้าวไปอีกผั่ง
จริงๆผมว่าคุกที่วิบแววและเป็นอารยะเหล่านี้แออัดกว่าปลาซาดีนซอสเลือดในกระป๋องสามแม่ครัวเสียอีก
แต่ผมก็ดูเหมือนจะจมูกสูงกับการอยู่ในคุกทางอารยะและตรรกะขว้างโลกของปัญญาชนจนๆ
ผมจึงยิ้มอย่างไม่ชัดเจน และถอนหายใจอย่างเจนชัด
40%ที่ห้า
จดหมายจาก “in แดน in there” และเสียงแคนจากดินในทุ่งกุลาร้องไห้ ผมเป็นคนใต้และไม่เคยเห็นทุ่งที่ว่าและกล่าวอ้างจริงๆ
แต่ด้วยน้ำเสียงอีสานมันร้าวรานกว่าภาษาใต้รัวๆและแรงๆ ผมจึงน้ำตาปริ่มง่ายๆกับการเล่าของ”ลูกอีสาน”
ผมว่าการทำซ้ำแบบนี้เป็นKKKของดินแดนของดินแดง การพูดว่านิโกร มันจึงดูว่าดูถูกและน่าโกรธกว่า African American
ทั้งๆที่จริงตาอาจมองไม่ต่างกันอย่างชัดเจน นิกเกิลในเหรียญจะมีกี่% ใครจะสนใจ ถ้ามันยังใช้ซื้อข้าวและปาหัวหมาไม่แตกอยู่วันยันค่ำ
ผมว่าผมยิ้มอย่างไม่ยิ้มอย่างไม่ชัดเจนจริงๆ
45%ที่หก
วันนี้ผมตื่นขึ้นมาตอนหกโมงกว่าๆ เพราะนอนกระสับกระส่ายคิดถึงเรื่องในสื่อสองสื่อที่เคยคุ้น
นั่นก็คือคือ เปาบุ้นจิ้นและเซเลอร์มูน
ตอนอยู่ประถมผมรู้สึกหรรษามากที่ได้ดูสื่อสองสื่อนี้
เปาบุ้นจิ้น เป็นสิ่งดำสิ่งแรกที่ผมหลงใหล
เซเลอร์มูน เป็นสิ่งชมพูสิ่งสุดท้ายที่ผมรัก
แต่
ท่านเปาและอุซางิ ก็ฆ่ากันแกงกันแบบeye to eye เควายทูเควาย
จนผมนอนไม่หลับเกือบทั้งคืน
ผมยิ้มแบบสะลึมสะลือที่ฉายวนวนวนวนวนวนวน
50%ที่หก
มันเป็นตัวเลขที่สั้นแต่หนักและกลางๆที่สุด
เส้นขวางแนวนอนของขอบฟ้า
และเส้นแข็งแนวตั้งของลูกกรง
สำหรับผมเมื่อผมล้มตัวนอน ขดร่างลงพัก
เส้นทั้งสองก็กลายเป็นเส้นรอบวงของบ่วงเชือกรัดคอเหมือนกัน
ผมว่าผมก็มีสิทธิที่จะมองเสรีภาพให้ก็เป็นภาพของการปิด
และมีสิทธิที่จะเลือกที่จะตายมากกว่าจะเลือกที่จะอยู่ เมื่อถึงเวลาที่เหมาะสมเหมือนกัน
ผมว่าน้ำตามันจะไหลเมื่อยิ้มรสขมนี้บาดลงที่ปากกา
5%ที่เจ็ด
ผมว่าผมคงเหมือนคนที่มัดพลาสติกใสรวมอะไรที่เป็นคนละเรื่องเข้าด้วยกัน
คนที่”เผลอ”มาอ่าน “เบลอ”มาฟังจึง”ซวย”สวยๆอย่างช่วยไม่ได้
ถ้าอยากกล่าวโทษถึงผมก็กล่าวไป
เพราะผมก็ไม่แคร์ เนื่องด้วยผมรู้ว่าการลงโทษและระบบตัดสินมันก็เบลอและเผลอ
ทั้งยังถวายฎีกาขอต่อรองได้ แต่ยังไงก็ขอความเมตตาแก่คนแถวLแบบผมด้วย
เพราะผมรู้และตระหนักว่า การพิพากษาทางsocialและมีเดียมันก็ชัดเจน
และอาจหนักกว่าโทษในทางกายภาพเป็นๆ
5%ท้ายสุด
ผมบวก5% 15% 25% 35% 40% 45% 50% 5% 5% เข้าด้วยกัน
รวมเป็น 225%
ผมขาดอีก75%ที่จะเป็น300%
หรือผมเกินมา125%จาก100%
ผมได้เกรดสองในวิชาพละศึกษาและสอบตกหัวข้อสถิติตอนเรียนมหาลัยบ้านนอกจริงๆครับ
สาวงามขายอมยิ้มช่วยวิ่ง และตีลูกบอลมาบอกผมที
จะเป็น”บุญ” และจะเป็น”พุทธ”มาก
55555555555555555555555555555555555555555555555555555
เลขห้าที่หัวเราะย้ำๆอย่างชัดเจนพองามๆ
^^
#จึงใส่หน้ากากพลาสติกเดินดูงานชาวบ้าน
#แดน #โดย #B-floor
https://www.facebook.com/plasticrenaissanceman/