สวัสดีครับ จากที่เป็นผู้อ่านกระทู้มาโดยตลอด นี้จึงเป็นการเขียนกระทู้เองครั้งแรกของผมนะครับ ถ้าเขียนผิดหรือพิมพ์ตก ก็ขอโทษขออภัยกันล่วงหน้านะครับ เราเป็นตุ๊ด แต่เราก็ขอใช้สรรพนามแทนตัวเองว่าผมละกันนะครับ
เรื่องที่ผมจะเล่าต่อไปนี้ เป็นเรื่องจริง 80 เปอร์เซ็นต์นะครับ ที่เหลือแต่งเพิ่มเพื่อให้เห็นภาพ และได้อรรถรสยิ่งขึ้น เอิ่มม.. เอาเป็นว่าเรามาเข้าเรื่องเลยดีกว่านะครับ
สวัสดีอีกครั้งนะครับ ผมชื่อ “กวาง” ครับ (นามสมมุติ) และตอนนี้ผมอายุจะ 21 ปีแล้ว ผมกำลังเรียนอยู่ปีสามสายภาษา ที่มหาวิทยาลัยที่มีป้ายหน้ามอใหญ่มากๆแห่งหนึ่งทางภาคเหนือ มอของเราอยู่ท่ามกลางหุบเขาครับ หน้าหนาวที่นี่บรรยากาศดีมากโคตรหนาวเลย ส่วนหน้าร้อนนี้ไม่ต้องพูดถึง นอกเรื่องอีกละ เอาเป็นว่าเข้าเรื่องจริงๆเลยดีกว่าเนอะ เรื่องนี้เริ่มต้นขึ้นตอนผมเข้ามาเป็นเฟรชชี่ปีหนึ่งใหม่ๆครับ ผมเป็นเด็กต่างถิ่นที่มาเรียนภาคเหนือ ช่วงแรกของการเป็นนิสิต มอของผมมีกิจกรรมมากมายที่ให้ปีหนึ่งเข้าร่วม และนั่นเองเป็นจุดเริ่มต้นที่ทำให้ผมได้รู้จักกับผู้ชายคนหนึ่งย้ำว่าผู้ชายจริงๆนะครับ(ซึ้งหลายคนมองว่าเขาเป็นเกย์เพราะมีหลายอย่างที่เขาเหมือน) ให้ชื่อย่อเขาว่า “พี” แล้วกันนะครับ พีเป็นผู้ชายที่สูงมาก 180 กว่าๆเกือบ 190 ได้มั้ง เขาผิวขาว หุ่นดี หน้านี่อย่างกับโอ๊ปป้าอิมพอร์ตจากเกาหลีเลยนะเธอ ตรงข้ามกับเราทุกอย่าง ตัวผมสูงเท่าไหล่เขาเอง ผิวสีแทน แต่หน้าตาพอดูได้นะเออ ไม่ได้อวยตัวเองนะ ฮ่าๆ อ๊ะ..ต่อๆ ซึ่งช่วงแรกของการเป็นนิสิตปีหนึ่งของผมกับเขา ก็ไม่ได้มีอะไรหวือหวามากมาย เป็นแค่เพื่อนที่รู้จักว่าเรียนสาขาเดียวกันแคนั้นเอง และเขาก็ได้เป็นเดือนสาขาด้วยนะเออ พอเวลาล่วงเลยมาถึงช่วงหลังปีใหม่ ซึ่งเป็นเทอมสองของพวกเรา น้องปีหนึ่งอย่างพวกเราก็ยังไม่วายจากกิจกรรมที่เข้ามาเป็นระยะๆ ซึ่งกิจกรรมนี้สำคัญมากๆ กับทั้งปีหนึ่งเอง และรุ่นพี่ปีสูงที่กำลังจะเข้ารับปริญญา ใช่ครับ นี่คือกิจกรรมการบูม ที่น้องปีหนึ่งจะต้องไปบูมให้พี่ในวันรับปริญญานั้นเอง ซึ่งผมต้องขอบคุณกิจกรรมนี้นะครับ ที่ทำให้ผมได้ใกล้ชิดและรู้จักกับพีมากขึ้น จนทำให้ผมได้สัมผัสกับความรักครั้งแรกที่เกิดขึ้นในการใช้ชีวิตนักศึกษาปีหนึ่ง อย่างน้อยชีวิตมันก็มีสีสันมากขึ้นหละว่ะ การบูมจะมีขึ้นในวันรับปริญญาเดือนมีนาคมที่จะถึงนี้ ซึ่งพวกเราต้องทำการซ้อมตั้งแต่เดือนมกราคมเลย ช่วงนี้มอของเราบรรยากาศดีมาก หนาวน้อยกว่าเดือนธันวาคมที่ผ่านมานิดหน่อย ผมกับเพื่อนต้องไปซ้อมบูมหลังเลิกเรียนเวลา 5 โมงเย็นของทุกวันจันทร์-ศุกร์จันถึง 2 ทุ่ม ซึ่งหนึ่งในผู้ที่อาสามาบูม นั้นก็คือพีครับ เวลาซ้อมบูมนั้น เราต้องวิ่งจัดแถวเป็นวงกลมเพื่อบูมให้รุ่นพี่ที่อยู่ในวงกลมครับ เวลาถูกสั่งให้ไปจัดแถวที่ใหม่ ส่วนมากผมก็จะวิ่งไปข้างพีตลอด เราได้คุยกันเวลานั่งพัก ทำให้เราสนิทกันมากยิ่งขึ้น เวลาซ้อมบูมเสร็จ เราต้องเดินกลับหอซึ่งใกล้จากที่ซ้อมบูมมากพอสมควร หอในมอนะครับ นั้นทำให้ผมรู้ว่า หอพักของเราอยู่ติดกัน ผมอยู่ตึก 32 ส่วนเขาอยู่ตึก 31 เมื่อเราสนิทกันมากขึ้นเรื่อยๆ เขาก็เข้ามาเป็นสมาชิกใหม่ของกลุ่มผมโดยปริยาย ซึ่งเขาชอบโอบ และชอบเอามือมาขยี้หัวของผมอยู่เรื่อยเลย ทั้งเวลาเราอยู่ด้วยกัน หรือแม้กระทั้งต่อหน้าเพื่อนของผม และ เพื่อนในสาขาเอง นั้นทำให้เราได้กลายมาเป็นคู่จิ้นของสาขาก็ว่าได้ เขาจะชอบเรียกผมว่าเมีย และชอบหยอกล้อผมอยู่เรื่อยเลย จนผมเริ่มรู้สึกดี เวลาอยู่ใกล้เขา บางที่เราก็ใช้สรรพนามแทนตัวเราสองคนว่า “ตัวเอง” และเวลากลับจากซ้อมบูมตอนเย็นวันหนึ่ง ผมรู้สึกเหนื่อยมากๆ แขนก็ปวด ข้าก็ปวด ขณะที่เราเดินกลับหออยู่นั้น พีก็หันมามองผมซึ่งปกติ เราจะเดินเกาะแขนกัน ไม่เขาเกาะแขนผม ผมก็เกาะแขนเขา แต่วันนี้มันไม่เหมือนเดิม เป็นผมที่เดินต้วมเตี้ยมอยู่ข้างหลังเขา พีมองหน้าผมที่หน้าเหมือนคนไม่ได้นอนมาสามวัน เขายิ้มเบาๆที่มุมปาก พร้อมกับส่ายหัว และพูดกับผมว่า
พี : เห้ยกวาง ไหวป่ะเนี่ย?
ผม : เออ ไหวดิ
พี : อย่าทำมาปากดีหน่อยเลย มา!
พีพูดด้วยน้ำเสียงเชิญชวน พร้อมกันกับค่อยๆนั่งย่อตัวลง เอามือมาข้างหลัง ใช่ครับ เขาบอกให้ผมขึ้นขี่หลังเขา พร้อมกับเพื่อนๆ ที่ต่างคนต่างเหนื่อยล้าแต่ก็ต้องจ้องมองมาที่เราสองคน
ผม : เฮ้ย จะดีหรอว่ะ.. ดูคนอื่นมองเราดิ
พี : เออหนะ อย่าเล่นตัวหน่อยเลย เมียเดินไม่ไหว ผัวจะให้เมียขี่หลัง มันแปลกตรงไหนวะ? ใครจะมองก็ให้มันมองไปสิ
พีพูดด้วยน้ำเสียงล้อผมเล่น จนทำให้หน้าผมร้อนผ่าวขึ้นมาทันที แต่ด้วยแสงไฟสีเหลืองนวลข้างทางที่พอจะมองเห็นสลัวๆ จึงมองไม่เห็นแก้มที่เริ่มจะแดงขึ้นมาของผมนัก ผมจึงสวนเขากลับเพราะเขินว่า
ผม : เมียพ่องดิ!
พี : พูดอย่างงี้จะไม่ขึ้นใช่ไหม? พีพูดพร้อมกับเลิกคิ้วขึ้นข้างนึ่ง
ผม : เออ ขึ้นดิว่ะ พีเขายิ้มอย่างพอใจ
หลังจากนั้น เขาก็ให้ผมขึ้นขี่หลังเขากลับหอเกือบทุกวัน.........บางวันผมก็หลับบนหลังของเขา จนถึงหน้าหอ
เฮ้ออออ นี่ก็จะเดือนกุมภาพันธ์ละ ผมไม่ชอบเดือนแห่งความรักนี้เลย มันทำให้ผมกระวันกระวายใจเรื่องของเขาไม่น้อย
เราจะคิดไปเองคนเดียวรึเปล่า? หรือเขาแค่หยอกล้อเราเล่นกันนะ โอ้ยย ปวดหัว
..............................................ไว้มาต่อใหม่นะครับ....................................................
รักแรกในชีวิตเฟรชชี่ปีหนึ่งของผม ช-ช
เรื่องที่ผมจะเล่าต่อไปนี้ เป็นเรื่องจริง 80 เปอร์เซ็นต์นะครับ ที่เหลือแต่งเพิ่มเพื่อให้เห็นภาพ และได้อรรถรสยิ่งขึ้น เอิ่มม.. เอาเป็นว่าเรามาเข้าเรื่องเลยดีกว่านะครับ
สวัสดีอีกครั้งนะครับ ผมชื่อ “กวาง” ครับ (นามสมมุติ) และตอนนี้ผมอายุจะ 21 ปีแล้ว ผมกำลังเรียนอยู่ปีสามสายภาษา ที่มหาวิทยาลัยที่มีป้ายหน้ามอใหญ่มากๆแห่งหนึ่งทางภาคเหนือ มอของเราอยู่ท่ามกลางหุบเขาครับ หน้าหนาวที่นี่บรรยากาศดีมากโคตรหนาวเลย ส่วนหน้าร้อนนี้ไม่ต้องพูดถึง นอกเรื่องอีกละ เอาเป็นว่าเข้าเรื่องจริงๆเลยดีกว่าเนอะ เรื่องนี้เริ่มต้นขึ้นตอนผมเข้ามาเป็นเฟรชชี่ปีหนึ่งใหม่ๆครับ ผมเป็นเด็กต่างถิ่นที่มาเรียนภาคเหนือ ช่วงแรกของการเป็นนิสิต มอของผมมีกิจกรรมมากมายที่ให้ปีหนึ่งเข้าร่วม และนั่นเองเป็นจุดเริ่มต้นที่ทำให้ผมได้รู้จักกับผู้ชายคนหนึ่งย้ำว่าผู้ชายจริงๆนะครับ(ซึ้งหลายคนมองว่าเขาเป็นเกย์เพราะมีหลายอย่างที่เขาเหมือน) ให้ชื่อย่อเขาว่า “พี” แล้วกันนะครับ พีเป็นผู้ชายที่สูงมาก 180 กว่าๆเกือบ 190 ได้มั้ง เขาผิวขาว หุ่นดี หน้านี่อย่างกับโอ๊ปป้าอิมพอร์ตจากเกาหลีเลยนะเธอ ตรงข้ามกับเราทุกอย่าง ตัวผมสูงเท่าไหล่เขาเอง ผิวสีแทน แต่หน้าตาพอดูได้นะเออ ไม่ได้อวยตัวเองนะ ฮ่าๆ อ๊ะ..ต่อๆ ซึ่งช่วงแรกของการเป็นนิสิตปีหนึ่งของผมกับเขา ก็ไม่ได้มีอะไรหวือหวามากมาย เป็นแค่เพื่อนที่รู้จักว่าเรียนสาขาเดียวกันแคนั้นเอง และเขาก็ได้เป็นเดือนสาขาด้วยนะเออ พอเวลาล่วงเลยมาถึงช่วงหลังปีใหม่ ซึ่งเป็นเทอมสองของพวกเรา น้องปีหนึ่งอย่างพวกเราก็ยังไม่วายจากกิจกรรมที่เข้ามาเป็นระยะๆ ซึ่งกิจกรรมนี้สำคัญมากๆ กับทั้งปีหนึ่งเอง และรุ่นพี่ปีสูงที่กำลังจะเข้ารับปริญญา ใช่ครับ นี่คือกิจกรรมการบูม ที่น้องปีหนึ่งจะต้องไปบูมให้พี่ในวันรับปริญญานั้นเอง ซึ่งผมต้องขอบคุณกิจกรรมนี้นะครับ ที่ทำให้ผมได้ใกล้ชิดและรู้จักกับพีมากขึ้น จนทำให้ผมได้สัมผัสกับความรักครั้งแรกที่เกิดขึ้นในการใช้ชีวิตนักศึกษาปีหนึ่ง อย่างน้อยชีวิตมันก็มีสีสันมากขึ้นหละว่ะ การบูมจะมีขึ้นในวันรับปริญญาเดือนมีนาคมที่จะถึงนี้ ซึ่งพวกเราต้องทำการซ้อมตั้งแต่เดือนมกราคมเลย ช่วงนี้มอของเราบรรยากาศดีมาก หนาวน้อยกว่าเดือนธันวาคมที่ผ่านมานิดหน่อย ผมกับเพื่อนต้องไปซ้อมบูมหลังเลิกเรียนเวลา 5 โมงเย็นของทุกวันจันทร์-ศุกร์จันถึง 2 ทุ่ม ซึ่งหนึ่งในผู้ที่อาสามาบูม นั้นก็คือพีครับ เวลาซ้อมบูมนั้น เราต้องวิ่งจัดแถวเป็นวงกลมเพื่อบูมให้รุ่นพี่ที่อยู่ในวงกลมครับ เวลาถูกสั่งให้ไปจัดแถวที่ใหม่ ส่วนมากผมก็จะวิ่งไปข้างพีตลอด เราได้คุยกันเวลานั่งพัก ทำให้เราสนิทกันมากยิ่งขึ้น เวลาซ้อมบูมเสร็จ เราต้องเดินกลับหอซึ่งใกล้จากที่ซ้อมบูมมากพอสมควร หอในมอนะครับ นั้นทำให้ผมรู้ว่า หอพักของเราอยู่ติดกัน ผมอยู่ตึก 32 ส่วนเขาอยู่ตึก 31 เมื่อเราสนิทกันมากขึ้นเรื่อยๆ เขาก็เข้ามาเป็นสมาชิกใหม่ของกลุ่มผมโดยปริยาย ซึ่งเขาชอบโอบ และชอบเอามือมาขยี้หัวของผมอยู่เรื่อยเลย ทั้งเวลาเราอยู่ด้วยกัน หรือแม้กระทั้งต่อหน้าเพื่อนของผม และ เพื่อนในสาขาเอง นั้นทำให้เราได้กลายมาเป็นคู่จิ้นของสาขาก็ว่าได้ เขาจะชอบเรียกผมว่าเมีย และชอบหยอกล้อผมอยู่เรื่อยเลย จนผมเริ่มรู้สึกดี เวลาอยู่ใกล้เขา บางที่เราก็ใช้สรรพนามแทนตัวเราสองคนว่า “ตัวเอง” และเวลากลับจากซ้อมบูมตอนเย็นวันหนึ่ง ผมรู้สึกเหนื่อยมากๆ แขนก็ปวด ข้าก็ปวด ขณะที่เราเดินกลับหออยู่นั้น พีก็หันมามองผมซึ่งปกติ เราจะเดินเกาะแขนกัน ไม่เขาเกาะแขนผม ผมก็เกาะแขนเขา แต่วันนี้มันไม่เหมือนเดิม เป็นผมที่เดินต้วมเตี้ยมอยู่ข้างหลังเขา พีมองหน้าผมที่หน้าเหมือนคนไม่ได้นอนมาสามวัน เขายิ้มเบาๆที่มุมปาก พร้อมกับส่ายหัว และพูดกับผมว่า
พี : เห้ยกวาง ไหวป่ะเนี่ย?
ผม : เออ ไหวดิ
พี : อย่าทำมาปากดีหน่อยเลย มา!
พีพูดด้วยน้ำเสียงเชิญชวน พร้อมกันกับค่อยๆนั่งย่อตัวลง เอามือมาข้างหลัง ใช่ครับ เขาบอกให้ผมขึ้นขี่หลังเขา พร้อมกับเพื่อนๆ ที่ต่างคนต่างเหนื่อยล้าแต่ก็ต้องจ้องมองมาที่เราสองคน
ผม : เฮ้ย จะดีหรอว่ะ.. ดูคนอื่นมองเราดิ
พี : เออหนะ อย่าเล่นตัวหน่อยเลย เมียเดินไม่ไหว ผัวจะให้เมียขี่หลัง มันแปลกตรงไหนวะ? ใครจะมองก็ให้มันมองไปสิ
พีพูดด้วยน้ำเสียงล้อผมเล่น จนทำให้หน้าผมร้อนผ่าวขึ้นมาทันที แต่ด้วยแสงไฟสีเหลืองนวลข้างทางที่พอจะมองเห็นสลัวๆ จึงมองไม่เห็นแก้มที่เริ่มจะแดงขึ้นมาของผมนัก ผมจึงสวนเขากลับเพราะเขินว่า
ผม : เมียพ่องดิ!
พี : พูดอย่างงี้จะไม่ขึ้นใช่ไหม? พีพูดพร้อมกับเลิกคิ้วขึ้นข้างนึ่ง
ผม : เออ ขึ้นดิว่ะ พีเขายิ้มอย่างพอใจ
หลังจากนั้น เขาก็ให้ผมขึ้นขี่หลังเขากลับหอเกือบทุกวัน.........บางวันผมก็หลับบนหลังของเขา จนถึงหน้าหอ
เฮ้ออออ นี่ก็จะเดือนกุมภาพันธ์ละ ผมไม่ชอบเดือนแห่งความรักนี้เลย มันทำให้ผมกระวันกระวายใจเรื่องของเขาไม่น้อย
เราจะคิดไปเองคนเดียวรึเปล่า? หรือเขาแค่หยอกล้อเราเล่นกันนะ โอ้ยย ปวดหัว
..............................................ไว้มาต่อใหม่นะครับ....................................................