[รีวิว][Review]เก็บหัวใจแล้วแบกเป้ตะลุยเดี่ยว ทริปตามหาเขาในวันฝนพรำ ปางอุ๋ง-บ้านรักไทย-เชียงดาว

สวัสดีค่ะ  ยิ้ม  สืบเนื่องมาจาก การติดใจเมื่อได้เริ่มออกเดินทางคนเดียวในวัย 20 กว่าๆ จึงอยากนำประสบการณ์มาแบ่งปันทุกคน ให้หนีไปตามหา '(ภู)เขา' ด้วยกันค่ะ  หัวใจ  กระทู้รีวิวแรก ผิดพลาดประการใด ต้องขออภัยมา  ณ ที่นี้ด้วยนะคะ

แม้ทริปนี้ไม่ใช่ทริปแรกที่ออกเที่ยวเดี่ยว…แต่เป็นอีกทริปที่เกิดจากการแพลนล่วงหน้าไม่ถึงเดือน เหตุผลเหรอคะ…ไม่มีอะไรมากเลย แค่บังเอิญไปเจอรูปปางอุ๋งแล้วตกหลุมรักขึ้นมาทันที รออะไรคะ เก็บกระเป๋ากันเลยดีกว่า

เริ่มต้นด้วยการจองตั๋วค่ะ ที่พักเราไม่ค่อยกังวลเนื่องจากไปช่วงเดือนกันยายนที่ผ่านมา ซึ่งเป็นช่วง low  season ณ ตอนนั้นดูรีวิวเจอโฮมสเตย์ลุงปาละ ที่พักด้านหน้าปางอุ๋ง โทรไปเช็คได้คำตอบว่าสามารถ  walk in เข้าไปได้ค่ะ…เราจึงตัดสินใจไม่จองที่พักล่วงหน้า

ต่อมาขั้นตอนจองตั๋ว เนื่องจากไม่มีสายการบินตรงจากกรุงเทพฯ-แม่ฮ่องสอนนะคะ ต้องไปต่อเครื่องที่เชียงใหม่อีกที เพื่อคุมค่าใช้จ่าย(หรืองกนั่นเอง) เราจึงตัดสินใจนั่งรถทัวร์ในรอบ 10 กว่าปีค่ะ…แม้แต่รถทัวร์ไปจากกรุงเทพก็ถือว่าน้อยมากที่วิ่งเข้าแม่ฮ่องสอนเมื่อเทียบกับเชียงใหม่ เราตัดสินใจเลือกจองกับสมบัติทัวร์ ราคา 788 บาท ขึ้นที่หมอชิตรถออก 5 โมงเย็นขอบอกนะคะว่าออกตรงเวลาเป๊ะค่ะ

หรือใครสะดวกขึ้นที่บริษัทสมบัติทัวร์ตรงวิภาวดี รถทัวร์จะไปรับตอน 5.30 ค่ะ มีชายหนุ่มขึ้นตรงนี้มานั่งข้างเราค่ะ โชคดีที่ดูเป็นมิตร เราเลยไม่ค่อยกลัวเท่าไหร่กับระยะทางยาวๆ กว่าจะไปถึงจุดหมายปลายทางเช้า กล้าปิดตานอนหลับแล้วค่ะ  เราตื่นขึ้นมาอีกทีช่วงสี่ทุ่มถึงจุดจอดพักรถและแวะทานข้าว ถ้าจำไม่ผิดจังหวัดกำแพงเพชรค่ะ อาหารเป็น buffet นะคะทั้งข้าวต้มและข้าวสะอาดใช้ได้ มีรถทัวร์เราแค่คันเดียว เราเดินลงมายืดเส้นยืดสาย  คิดในใจว่าทำไมมันช่างเงียบแบบนี้ 55555

จากนั้นออกเดินทางกันต่อค่ะ จากรีวิวที่ดูมา เส้นทางจะเป็นโค้งตลอดทางตั้งแต่เที่ยงคืนจนถึงเช้าค่ะ…และก็จริงค่ะ เราลืมตาอีกทีตอนตี 1 โค้งน่ากลัวมาก เหลือเพียง 2 เลนและทางมืดมาก แต่ด้วยความชำนาญทางของคนขับ แม้กลัวแต่ก็พออุ่นใจได้บ้าง เราเลยกินยาแก้เมารถกันไว้ก่อน 1 เม็ดก่อนพยายามข่มตานอนให้หลับค่ะ จนแล้วจนรอดก็หลับๆตื่นๆจนถึงช่วงตี 4-5 รถทัวร์ก็เริ่มจอดให้ผู้โดยสารลงระหว่างทาง…จนใกล้ถึงจุดหมายปลายทางที่สถานีช่วงเช้า แสงแดดรำไรมองเห็นภูเขาข้างทาง สวยมากกกกจริงๆค่ะ ให้ดาวสิบดวงเลย เราถึงขนส่งโดยประมาณ 7.30 ค่ะ ขอบคุณตัวเองที่ผ่าน 1,864 โค้งมาได้โดยไม่เมารถไปซะก่อน



ลงจากสถานีปุ๊ป  มองไปรอบๆตัว คนหายไปไหนหมด รถรับจ้างละ หากเป็นตอนกลางคืน คงขนลุกวังเวงน่าดู

โชคดีเราเหลือบไปเห็นพี่ผู้ชาย 2 คนน่าจะขับรถรับจ้างอยู่แถวนี้ เราตรงดิ่งเข้าไปถามเขา พยายามพูดชื่อสถานที่ที่ list ไว้ในหัวมาทั้งหมดเท่าที่จำได้
พี่คนหนึ่งจึงอาสาพาไป บอกเราว่า เดี๋ยวพี่พาวนไปหมดนี่แหล่ะคิด 800 บาททั้งวันเลย เราตกลงราคาพอสู้ไหวและน่าจะสะดวกไม่เสียเวลาที่จะเก็บทุกที่ในวันนี้

แต่ที่ surprise กว่านั้นคือ พี่เขาหันมาถามว่า น้องนั่งมอเตอร์ไซด์ ได้ใช่ไหม?? คะ?? อ่อออ เอ่อออ ค่ะพี่ ตกลงไปแล้วนี่หว่า ไอเราก็คิดว่าได้นั่งสามล้อชิลๆ ได้ค่ะ ตามนั้น อากาศดี ไม่ร้อน จัดไปปปป

สถานที่แรกที่เราแวะไปคือ วัดพระธาตุดอยกองมูค่ะ เป็นวัดศักดิ์สิทธิ์คู่บ้านคู่เมืองของชาวจังหวัดแม่ฮ่องสอน ตัวพระธาตุสีขาวชวนมอง บวกกับวิวที่เห็นขอบอกว่าไม่มาที่นี่พลาดแล้วค่ะ สวยงามจับใจจริงๆ


ด้านหลังพระธาตุจะมีร้านกาแฟ Before Sunset เป็นร้านกาแฟเล็กๆ แต่วิวหลักล้าน เห็นวิวตรงหน้าแบบนี้ขอบอกว่าเรายิ้มไม่หุบเลยจริงๆค่ะ


จากพระธาตุดอยกองมูซึ่งอยู่ห่างจากตัวเมืองเพียงไม่กี่กิโล เราไปต่อกันที่ 'ซูตองเป้ สะพานไม้แห่งเมืองสามหมอก" ค่ะ โดยสะพานจะเชื่อมวิหารหลวงพ่อซูตองเป้ถึงหมู่บ้านกุงไม้สัก และจะมีพระภิกษุสามเณรออกรับบิณฑบาตช่วงเช้า สีเขียวของทุ่งนาหน้าฝนตัดกับสะพาน สวยงามมากค่ะ เชื่อกันว่าด้วยแรงศรัทธาที่ชาวบ้าน พระภิกษุสามเณร ที่สร้างสะพานนี้ขึ้น หากไปยืนอธิษฐานกลางสะพาน ขอสิ่งใดก็จะสมปรารถนาค่ะ

ตรงจุดนี้เดินทางต่อกันยาวๆไปที่ถ้ำปลาค่ะ ที่นี่ปลาจะมามุงกันบริเวณทางเข้าถ้ำ น้ำใส  ไหลเย็น เห็นตัวปลาชัดๆกันเลยค่ะ ขอบอกว่าปลาที่นี่ให้อาหารกันด้วยพืชผักและใบชานะคะ

จบจากให้อาหารปลาเราไปต่อเส้นปางอุ๋ง  ซึ่งเป็นเขาชันตลอดให้เราขับรถมาเองคงไม่ไหวแน่ๆ ระหว่างทางเราแวะน้ำตกผาเสื่อค่ะ

จากนั้นเดินทางไปถึงสถานที่ ที่เป็นจุดเริ่มต้นให้เรามาที่นี่ค่ะ " ป า ง อุ๋ ง "  สวยงามและเงียบสงบในฤดูฝนค่ะ มีเสน่ห์ไปอีกแบบ


เราเดินเข้าไปถามเจ้าหน้าที่ว่าช่วงนี้มีหมอกลงผิวน้ำช่วงเช้าหรือยัง เจ้าหน้าที่บอกว่าเมื่อเช้าไม่มีค่ะ แต่พรุ่งนี้หากฝนตกก็ไม่แน่
เราชั่งใจอยู่นานเพราะยังขาด บ้านรักไทย  ที่เราตั้งใจจะไป ซึ่งแม้ห่างกันไม่มาก แต่ก็ไม่ไกล้ หากเดินทางไปนู้นแล้วกลับมาอีก กลัวจะเสียเวลาไปหน่อย  เราจึงตัดสินใจว่า หากชอบบ้านรักไทย เราจะค้างนู้นเลยค่ะ

และที่นี่ " บ้ า น รั ก ไ ท ย " สุดเขตประเทศไทย เห็นครั้งแรกก็ตกหลุมรักในทันที

บ้านรักไทยเป็นชุมชนเล็กๆกลางเทือกเขา มีทะเลสาปอยู่ตรงกลาง ทำให้บรรยากาศเหมือนอยู่ในความฝัน เราพักรีสอร์ทเล็กๆในราคาคืนละ 400 บาทพร้อมห้องน้ำในตัวค่ะ อาบน้ำเสร็จเราก็เช่าจักรยานขี่ไปรอบๆหมู่บ้าน ลืมบอกไปค่ะ รูปที่เราถ่ายใช้ขาตั้งกล้องนะคะ สำหรับคนที่เที่ยวคนเดียวเป็นประจำ เป็นอุปกรณ์ที่ขาดไม่ได้นะคะ

และที่นี่ ทำให้เราพบว่าที่ที่พักใจดีที่สุดคือ ไม่ใช่ที่เที่ยวที่มีกิจกรรมอะไรมากมาย...แต่เป็นที่ที่ไม่มีอะไรทำเลย แค่ได้มองธรรมชาติอยู่แบบนั้น
มองหมอกที่ค่อยๆลอยลงต่ำปกคลุมยอดภูเขาตอนใกล้พลบค่ำ
มองแมว หมา ไก่ มองสัตว์นอน เล่น มันไม่ต้องคิดอะไรเลยจริงๆ... ก็แค่ปล่อยใจไปแบบนั้น...มันดีสุดแล้วจริงๆค่ะ

มาที่นี่แล้วต้องแวะมา ลีไวน์รักไทยนะคะ เป็นรีสอร์ทในไร่ชาและมีร้านอาหารจีนยูนนานอยู่ติดทะเลสาปค่ะ อาม่าเจ้าของที่พักอนุญาตให้นักท่องเที่ยวสามารถเข้าไปบริเวณไร่ชาด้านนอกได้นะคะ สวยงามน่าเหลือเชื่อค่ะ



วันที่เรามาฝนตกพรำๆช่วงเย็นจนถึงเช้าค่ะ แต่เราชอบมากกก เพราะหลังฝนตกจะเห็นหมอกฝนทั้งบนผิวหน้าและไล่ภูเขา  มีความสุขเหลือเกินค่ะ

ค่ำวันนั้น...เรามีอีกหนึ่งทริปที่เชียงใหม่ในใจค่ะคือโ ฮ ม  ส เ ต  ย์ เ ชี ย ง ด า ว ดูวิวดอยหลวง เนื่องจากเรามีแพลนจะมาเดินขึ้นยอดดอยหลวงช่วงปลายพย. ค่ะ  อยากมาดูให้เห็นกับตาถึงความสวยงามที่เขาว่ากัน ก่อนจะมาเดินขึ้นยอดดอยถึกๆอึดๆค่ะ  

แต่พอโทรไปโฮมสเตย์เต็มหมดแล้ว ยกเว้นบ้านวิวสวย ซึ่งเป็นโฮมสเตย์เปิดใหม่ เราจึงจองห้องพักไว้ คืนละ 500 บาทค่ะ (เราไม่ได้จองล่วงหน้าไว้เนื่องจากไม่แน่ใจว่าจะทำเวลาทันจากแม่ฮ่องสอนหรือเปล่าค่ะ)
แต่เราดื้อค่ะ  อยากจะไปเชียงดาวให้ได้เลย...จากที่นี่ไปถึงเชียงดาวใช้เวลาประมาณ 6 ชม. กับรถอีก 3 ต่อ

วันรุ่งขึ้น เราออกจากบ้านรักไทยช่วงเช้ากลับไปขึ้นรถตู้ที่ขนส่ง โดยขอติดรถพี่นุช พี่เจ้าของรีสอร์ทลงมาค่ะ ชาวบ้านที่นี่ใจดีค่ะมาส่งให้ถึงที่เลย นั่งรถตู้จากแม่ฮ่องสอนมาลงตลาดแม่มาลัยใช้เวลาประมาณ 5 ชม. ค่ะ จากนั้นนั่งสองแถวแดงมาลงที่หน้าโลตัส อำเภอเชียงดาว


และเนื่องจากเรามาถึงเย็น คิวรถสองแถวจะมีแค่ช่วงเช้านะคะ จึงต้องจำใจเหมารถสองแถวขึ้นไปแบบไม่มีทางเลือกค่ะ พี่เขาลดให้จาก 600 เหลือ 500 บาทค่ะ  ทางขึ้นก็จัดว่ายากในระดับนึงค่ะ ไม่แนะนำมากลางคืนเลยนะคะ เพราะมืดจะไม่มีไฟเลยค่ะและทางแคบค่ะ

มาถึงแล้วเจ้าของที่พักมารออยู่แล้วค่ะ เราเก็บของแล้วออกไปเก็บภาพก่อนกลับมาทานข้าวค่ะ เนื่องจากเมื่อเย็นฝนตกหนัก เราจึงเห็นหมอกฝนชัดมาก ที่คิดไว้สวยคูณสิบ ของจริงดอยเชียงดาวให้คูณร้อยเลยค่ะ



คืนพรุ่งนี้เราต้องกลับกรุงเทพแล้วค่ะ ปกติเรามาเชียงใหม่ ขาดไม่ได้ต้องเดินถนนคนเดินค่ะ รุ่งเช้าเรานั่งสองแถวลงมาแล้วนั่งรถแดงกลับเข้าเมือง

มาถึงช่วงเที่ยงเลยแวะขึ้นดอยสุเทพ เป็นทริปเล็กๆส่งท้ายค่ะ

ขึ้นไปต่อบนยอดดอยปุยค่ะ เห็นแนวเทือกเขาแบบนี้ สวยจังเลยค่ะ


บทส่งท้ายที่ถนนคนเดินประตูท่าแพในค่ำวันอาทิตย์...และเจดีย์หลวงวรวิหารค่ะ



...............~จ น ก ว่ า เ ร า จ ะ พ บ กั น ใ  ห ม่~...............

ติดตามผลงานภาพถ่ายและรีวิวได้ที่ : https://www.facebook.com/Jane.Kaenploy.Getaways/?fref=ts   นะคะ ขอบคุณมากค่ะ จุ๊บๆ
แก้ไขข้อความเมื่อ

แสดงความคิดเห็น
โปรดศึกษาและยอมรับนโยบายข้อมูลส่วนบุคคลก่อนเริ่มใช้งาน อ่านเพิ่มเติมได้ที่นี่