“ นรกานต์ ” ค่อยๆ ลืมตาขึ้นมาช้าช้า ลุกขึ้นบิดขี้เกียจด้วยอารมย์ที่ค่อนข้างขุ่นมัว เนื่องจากเมื่อคืนเธอนอนไม่ค่อยหลับ จิตใจค่อนข้างกังวลอย่างบอกไม่ถูก
“เออ เดี๋ยวลงไป” นรกานต์ตอบ
เธอย้ายมาอยู่หอพักนี้ได้สักพักแล้วหลังจากที่พ่อออกไปราชการสนาม เนื่องจากเธอเบื่อที่ต้องอยู่ที่บ้านคนเดียวและบ้านเธอนั้นอยู่ไกลจากที่ทำงานด้วย ดังนั้นช่วงที่พ่อของเธอไม่อยู่บ้าน เธอจึงย้ายมาอยู่กับ “อารีย์” ที่คอนโดมีเนียมไกล้ที่ทำงาน
“ เร็วๆ สิ เช้านี้เราต้องรีบไปที่ทำงานนะ มีประชุมด่วน ” อารีย์เร่ง
แต่แล้วเสียงโทรศัพทศืมือถือของ นรกานต์ ก็ดังขึ้น เป็นเบอร์ของที่ทำงานของพ่อเธอเอง นรกานต์รู้สึกแปลกใจ เป็นอย่างมาก เพราะปกติ พ่อไม่เคยใช้เบอร์ที่ทำงานโทรมาหาเลย หรือจะมีอะไรเกิดขึ้นกับพ่อ
“ สวัสดีครับ หนูกานต์ นี่ลุงภพเองนะ ”
“ ค่ะ ค่ะ ลุงคะ” นรกานต์ ตอบด้วยน้ำเสียงสั่นๆ ระคนกับประหลาดใจ
“ เอ้อ ลุงมีเรื่องบางอย่างจะบอกหนูน่ะ แล้วก็ต้องขอโทษด้วยที่บอกช้าไป แต่ลุงจำเป็นนะ เพราะต้องทำให้แน่ใจก่อน”
“ เกี่ยวกับพ่อหรือเปล่าคะลุง”
“ ก็ทำนองนั้นแหละ คือเมื่อเดือนที่แล้วลุงมอบภารกิจให้พ่อหนูไปลาดตระเวน แถบชายแดน หนูก็รู้นี่นะ”
“ค่ะ รู้ค่ะ หนูก็แปลกใจอยู่ว่าทำไมพ่อยังไม่กลับ ทั้งที่ความจริงน่าจะกลับมาตั้งแต่สัปดาห์ที่แล้ว ไม่ใช่หรือคะ แล้วนี่พ่อก็ไม่ส่งข่าวมาเลย”
“ก็เรื่องนี้แหละ พ่อหนูและถูกโจรขนยาเสพติดซุ่มโจมตี คนที่หนีมาได้มาแจ้งให้ลุงรู้เมื่อวันอังคารที่แล้ว ตอนนั้นลุงตกใจมาก ดีที่พ่อของหนูได้พก GPS ติดตัวไปตลอด ลุงจึงจัดทีม เข้าไปค้นหาจนถึงถ้ำที่พ่อหนูอยู่ แต่ก็ไม่พบพ่อหนูอยู่ภายในถ้า เจอแต่กระเป๋าเป้ และร่องรอยการดำรงชีพของพ่อหนูเท่านั้น และลุงก็สั่งให้ลูกน้องออกค้นหาไปทั้งบริเวณ ก็ไม่เจอ นี่ก็ห้าวันเข้าไปแล้ว ลุงก็เลยโทรมาบอกหนูนี่แหละ”
ตึก !!!!! เสียงลักษณะคล้ายมีอะไรตกลงสู่พื้นอย่างแรง
“เกิดอะไรขึ้น !!! ” “กานต์ กานต์ เป็นอะไร” อารีย์ร้องเสียงหลงเมื่อเห็นภาพ นรกานต์ หมดสติล้มลงต่อหน้า ความจริงอารีย์กำลังเดินขั้นมาที่ห้องของนรกานต์ เพื่อเร่งให้นรกานต์แต่งตัวไปทำงานด้วยกัน แต่พอเปิดประตูมาก็ต้องพบกับจังหวะที่นรกานต์ล้มลงพอดี
นรกานต์มารู้สึกตัวอีกทีที่โรงพยาบาล อารีย์ พา นรกานต์ มาด้วยความทุลักทุเล ดีที่เต้ยยังไม่ได้ไปทำงาน จึงมาช่วยกันนำนรกานต์ส่งโรงพยาบาลได้ทัน เต้ย นั้นเป็นเพื่อนของอารีย์ ซึ่งพักอยู่ห้องตรงกันข้ามกับอารีย์และนรกานต์ และปัจจุบันก็ทำงานที่เดียวกันกับอารีย์และนรกานต์ แต่ทำหน้าที่เป็นหัวหน้าหน่วยรักษาความปลอดภัยของบริษัท วันใหนว่างๆ เขาก็มักจะซื้อกับข้าวและมานั่งคุยกับอารีย์เสมอ อารีย์ก็รู้ดีว่าแท้ที่จริงแล้วที่เต้ยทำแบบนี้เพราะชอบนรกานต์ แต่ก็ไม่รู้ว่าจะสนับสนุนอย่างไรได้ เนื่องจากอารีย์เองก็ชอบเต้ย !!!
“ กานต์ทำใจดีๆ ไว้นะ วันนี้ที่ผู้การมาเยี่ยม และก็บอกว่า ยังไม่ได้หยุดค้นหา ในสัปดาห์หน้า จะส่งชุดค้นหาชุดที่ 2 เข้าไปอีก เดี๋ยวคงเจอแหละจ่ะ” อารีย์ พูดปลอบ
นรกานต์ แข็งใจลุกขึ้นนั่ง พร้อมกับกวาดตาไปรอบๆ ด้วยความงุนงง อาจจะเป็นพึ่งลุกจากจากหมดสติ จึงยังง่วงงุนอยู่
“ อารีย์ เธอว่าเขาจะไปวันใหนนะ” นรกานต์พูดเสียงแผ่วๆ แต่ชัดถ้อยชัดคำ
“ วันอังคารหน้าจ่ะ เห็นว่า ผู้หมวดชาวิณ จะหัวหน้าชุดลาดตระเวน ออกไปเอง เพราะผู้หมวดเองก็คือหนึ่งในผู้รอดชีวิต ผู้การเลยเห็นว่า ผู้หมวดน่าจะรู้เส้นทาง และน่าจะดีกว่าหากใช้คนที่ชำนาญพื้นที่อยู่แล้ว” อารีย์ตอบ
“ฉันจะไปด้วย” นรกานต์ว่า
“จะไปยังไง เธอยังป่วยอยู่ แถมเธอยังต้องเรียนหนังสือ ถ้าขาดเรียนไปอาจจะเรียนไม่จบ นอกจากนี้ เธอเป็นผู้หญิง เข้าดง เข้าป่า ฉันว่ามันจะไม่เหมาะนะ โดยเฉพาะไปคนเดียวในกลุ่มผู้ชายน่ะ” อารีย์ท้วงเสียงดัง
“ยังเหลือเวลาอีก 5 วัน เธอต้องช่วยฉันนะอารีย์ ทำยังไงก็ได้ให้ฉันได้ร่วมเดินทางกับชุดลาดตระเวนด้วย พ่อฉันกำลังทรมาน รอการช่วยเหลืออยู่ ฉันอดไม่ได้หรอกที่จะไม่ไป อย่างน้อยที่สุดฉันก็อยากจะรู้ว่าพ่อฉันยังอยู่หรือตายไปแล้ว นะ นะ นะ นะ” นรกานต์อ้อนวอน
“ฉันจะลองไปปรึกษากับ หมวดวิณดูแล้วกัน ทางเธอก็ลองโทรหาลุงภพดูสิ เขาสนิทกับพ่อเธอไม่ใช่หรอ เป็นถึงผู้การทหาร น่าจะช่วยเหลือได้” อารีย์แนะ
เหลืออีก 3 วัน ก็จะถึงวันเดินทาง เป็นไปตามที่อารีย์คาดการณ์ไว้ ผู้การจตุภพ ได้ดำเนินการประสานงานและจัดเตรียมชุดลาดตระเวนที่จะเข้าไปสำรวจ ค้นหา ร้อยเอกนรเทพ บิดาของ นรกานต์ ที่โดนซุ่มโจมตีและสูญหายเข้าไปในป่า ตลอดจนได้พา นรกานต์ ไปแนะนำต่อชาวิณ หัวหน้าชุดลาดตระเวนด้วยตนเอง ซึ่ง ร้อยโทชาวิณ ก็ไม่ปฏิเสธ ที่จะนำนรกานต์ไปด้วย ทั้งนี้ก็เนื่องจาก ร้อยโทชาวิณเอง ก็แอบชอบนรกานต์มานานแล้ว แต่ติดตรงที่ นรเทพ ซึ่งเป็นผู้บังคับบัญชาของตน ไม่ยินดี และกีดกันตนให้อยู่ห่างจากนรกานต์
“พี่ขอต้อนรับน้องกานต์ เข้ามาในชุดลาดตระเวนของพี่นะครับ น้องกานต์ไม่ต้องห่วงหรอก พี่เทพแกเป็นคนเก่ง น่าจะเอาตัวรอดได้” ชาวิณพูดด้วยหน้าตาที่ระรื่นยินดีพร้อมกับคิดในใจว่า “คราวนี้แหละ กูจะหาโอกาสตอนอยู่ในป่า จัดการรวบหัวรวบหางเสียเลย เล่นตัวดีนัก”
แต่แล้วเขาก็ต้องผงะ เมื่อรู้ว่า นรกานต์จะนำเพื่อนร่วมเดินทางไปด้วย ถึง 3 คนด้วยกัน นั่นคือ อารีย์ เต้ย และต้น ซึ่ง “ต้น” นั้นเป็นพี่ชายของเต้ย ปกติเป็นคนเก็บตัว ไม่สุงสิงกับใคร เดิมทำงานเป็นตำรวจตระเวนชายแดน ยศ ร้อยเอก แต่เกิดความเบื่อหน่ายต่อชีวิตราชการ จึงลาออกมาเปิดร้านขายเฟอร์นิเจอร์เล็กๆ อยู่แถบชานเมือง จังหวัดตาก และสาเหตุที่เขามาร่วมเดินทางในครั้งนี้นอกจากเต้ย น้องชายของเขาขอร้องแล้ว ผู้กองเทพ ซึ่งสูญหายไป ยังเป็นผู้ที่เคยช่วยชีวิตเขาในสมัยที่เขายังปฏิบัติหน้าที่ตามแนวชายแดนด้วย
ในขณะนั้นต้นได้รับภารกิจให้เข้าจับกุมกลุ่มผู้ลักลอบตัดไม้ตามแนวชายแดน แต่เกิดพลาด ทำให้เขาพลัดหลงเข้าไปในฝั่งพม่า ผู้การหน่วยเฉพาะกิจในขณะนั้นไม่ได้สั่งให้ออกค้นหา เนื่องจากกลัวมีผลกระทบระหว่างประเทศ เพียงแต่ใช้การประสานขอความร่วมมือเท่านั้น แต่ ผู้กองนรเทพ กลับฝ่าฝืนคำสั่งผู้บังคับบัญชา แอบออกไปติดตามพร้อมกับลูกน้องคนสนิทอีกส่วนหนึ่ง ซึ่งนั่นเป็นสาเหตุที่ ผู้กองนรเทพ โดนงดบำเหน็จในปีนั้น พร้อมกับถูกถอดออกจากตำแหน่ง หน.ชุดลาดตระเวน อีกหลายปี จนผู้การจตุภพ ซึ่งเป็นนายทหารรุ่นพี่ที่รักใคร่ชอบพอ เป็นเพื่อนและพี่ที่สนิทกันของนรเทพขึ้นมาเป็นผู้การ นรเทพจึงได้กลับสู่ตำแหน่งเดิม
“ อยู่ด้วยกันตั้งหลายวัน มันก็จะต้องมีโอกาสบ้างล่ะวะ” ชาวิณสบถอยู่ในใจ
“ยินดีมากครับ คุณกานต์ มีคนไปด้วยกันหลายๆ คนก็ดี จะได้ช่วยกัน ยังไงก็เหลือเวลาอีก 3 วัน ขอให้ทุกคนไปเตรียมตัว รายการสิ่งของที่จำเป็นผมก็จดให้หมดแล้ว ส่วนของใช้อื่นๆ ก็นำติดตัวไปได้บ้างตามความเหมาะสมนะครับ”
“อ้อ แล้วก็ไปครั้งนี้ไม่ใช่ไปท่องเที่ยวนะครับ เรามีภารกิจในการตามหาคน ใครที่มาด้วยก็ขอให้ช่วยกัน อย่าทำมือไม่พายเอาเท้าราน้ำนะครับ” ชาวิณพูด-ดัน พร้อมกับปรายตาไปยังเต้ยและต้น ก่อนจะขออนุญาติ ผู้การภพ ไปสั่งการลูกน้องในการเตรียมตัว
“อย่าไปถือสาเลย กานต์ เดี๋ยวเราก็ไปเตรียมตัวอย่างที่ชาวิณเขาบอกน่ะแหละ อีก 3 วัน ก็ไปพบผู้หมวดชาวิณ ที่ค่ายนะ อย่าไปผิดเวลาเชียวล่ะ” ผู้การจตุภพ เน้นอีกครั้งก่อนที่ต่างคนก็ต่างแยกย้ายไปเตรียมตัว
.......................
เลือดสมิง ตอนที่ 2 ปฐมบทแห่งการเดินทาง
“เออ เดี๋ยวลงไป” นรกานต์ตอบ
เธอย้ายมาอยู่หอพักนี้ได้สักพักแล้วหลังจากที่พ่อออกไปราชการสนาม เนื่องจากเธอเบื่อที่ต้องอยู่ที่บ้านคนเดียวและบ้านเธอนั้นอยู่ไกลจากที่ทำงานด้วย ดังนั้นช่วงที่พ่อของเธอไม่อยู่บ้าน เธอจึงย้ายมาอยู่กับ “อารีย์” ที่คอนโดมีเนียมไกล้ที่ทำงาน
“ เร็วๆ สิ เช้านี้เราต้องรีบไปที่ทำงานนะ มีประชุมด่วน ” อารีย์เร่ง
แต่แล้วเสียงโทรศัพทศืมือถือของ นรกานต์ ก็ดังขึ้น เป็นเบอร์ของที่ทำงานของพ่อเธอเอง นรกานต์รู้สึกแปลกใจ เป็นอย่างมาก เพราะปกติ พ่อไม่เคยใช้เบอร์ที่ทำงานโทรมาหาเลย หรือจะมีอะไรเกิดขึ้นกับพ่อ
“ สวัสดีครับ หนูกานต์ นี่ลุงภพเองนะ ”
“ ค่ะ ค่ะ ลุงคะ” นรกานต์ ตอบด้วยน้ำเสียงสั่นๆ ระคนกับประหลาดใจ
“ เอ้อ ลุงมีเรื่องบางอย่างจะบอกหนูน่ะ แล้วก็ต้องขอโทษด้วยที่บอกช้าไป แต่ลุงจำเป็นนะ เพราะต้องทำให้แน่ใจก่อน”
“ เกี่ยวกับพ่อหรือเปล่าคะลุง”
“ ก็ทำนองนั้นแหละ คือเมื่อเดือนที่แล้วลุงมอบภารกิจให้พ่อหนูไปลาดตระเวน แถบชายแดน หนูก็รู้นี่นะ”
“ค่ะ รู้ค่ะ หนูก็แปลกใจอยู่ว่าทำไมพ่อยังไม่กลับ ทั้งที่ความจริงน่าจะกลับมาตั้งแต่สัปดาห์ที่แล้ว ไม่ใช่หรือคะ แล้วนี่พ่อก็ไม่ส่งข่าวมาเลย”
“ก็เรื่องนี้แหละ พ่อหนูและถูกโจรขนยาเสพติดซุ่มโจมตี คนที่หนีมาได้มาแจ้งให้ลุงรู้เมื่อวันอังคารที่แล้ว ตอนนั้นลุงตกใจมาก ดีที่พ่อของหนูได้พก GPS ติดตัวไปตลอด ลุงจึงจัดทีม เข้าไปค้นหาจนถึงถ้ำที่พ่อหนูอยู่ แต่ก็ไม่พบพ่อหนูอยู่ภายในถ้า เจอแต่กระเป๋าเป้ และร่องรอยการดำรงชีพของพ่อหนูเท่านั้น และลุงก็สั่งให้ลูกน้องออกค้นหาไปทั้งบริเวณ ก็ไม่เจอ นี่ก็ห้าวันเข้าไปแล้ว ลุงก็เลยโทรมาบอกหนูนี่แหละ”
ตึก !!!!! เสียงลักษณะคล้ายมีอะไรตกลงสู่พื้นอย่างแรง
“เกิดอะไรขึ้น !!! ” “กานต์ กานต์ เป็นอะไร” อารีย์ร้องเสียงหลงเมื่อเห็นภาพ นรกานต์ หมดสติล้มลงต่อหน้า ความจริงอารีย์กำลังเดินขั้นมาที่ห้องของนรกานต์ เพื่อเร่งให้นรกานต์แต่งตัวไปทำงานด้วยกัน แต่พอเปิดประตูมาก็ต้องพบกับจังหวะที่นรกานต์ล้มลงพอดี
นรกานต์มารู้สึกตัวอีกทีที่โรงพยาบาล อารีย์ พา นรกานต์ มาด้วยความทุลักทุเล ดีที่เต้ยยังไม่ได้ไปทำงาน จึงมาช่วยกันนำนรกานต์ส่งโรงพยาบาลได้ทัน เต้ย นั้นเป็นเพื่อนของอารีย์ ซึ่งพักอยู่ห้องตรงกันข้ามกับอารีย์และนรกานต์ และปัจจุบันก็ทำงานที่เดียวกันกับอารีย์และนรกานต์ แต่ทำหน้าที่เป็นหัวหน้าหน่วยรักษาความปลอดภัยของบริษัท วันใหนว่างๆ เขาก็มักจะซื้อกับข้าวและมานั่งคุยกับอารีย์เสมอ อารีย์ก็รู้ดีว่าแท้ที่จริงแล้วที่เต้ยทำแบบนี้เพราะชอบนรกานต์ แต่ก็ไม่รู้ว่าจะสนับสนุนอย่างไรได้ เนื่องจากอารีย์เองก็ชอบเต้ย !!!
“ กานต์ทำใจดีๆ ไว้นะ วันนี้ที่ผู้การมาเยี่ยม และก็บอกว่า ยังไม่ได้หยุดค้นหา ในสัปดาห์หน้า จะส่งชุดค้นหาชุดที่ 2 เข้าไปอีก เดี๋ยวคงเจอแหละจ่ะ” อารีย์ พูดปลอบ
นรกานต์ แข็งใจลุกขึ้นนั่ง พร้อมกับกวาดตาไปรอบๆ ด้วยความงุนงง อาจจะเป็นพึ่งลุกจากจากหมดสติ จึงยังง่วงงุนอยู่
“ อารีย์ เธอว่าเขาจะไปวันใหนนะ” นรกานต์พูดเสียงแผ่วๆ แต่ชัดถ้อยชัดคำ
“ วันอังคารหน้าจ่ะ เห็นว่า ผู้หมวดชาวิณ จะหัวหน้าชุดลาดตระเวน ออกไปเอง เพราะผู้หมวดเองก็คือหนึ่งในผู้รอดชีวิต ผู้การเลยเห็นว่า ผู้หมวดน่าจะรู้เส้นทาง และน่าจะดีกว่าหากใช้คนที่ชำนาญพื้นที่อยู่แล้ว” อารีย์ตอบ
“ฉันจะไปด้วย” นรกานต์ว่า
“จะไปยังไง เธอยังป่วยอยู่ แถมเธอยังต้องเรียนหนังสือ ถ้าขาดเรียนไปอาจจะเรียนไม่จบ นอกจากนี้ เธอเป็นผู้หญิง เข้าดง เข้าป่า ฉันว่ามันจะไม่เหมาะนะ โดยเฉพาะไปคนเดียวในกลุ่มผู้ชายน่ะ” อารีย์ท้วงเสียงดัง
“ยังเหลือเวลาอีก 5 วัน เธอต้องช่วยฉันนะอารีย์ ทำยังไงก็ได้ให้ฉันได้ร่วมเดินทางกับชุดลาดตระเวนด้วย พ่อฉันกำลังทรมาน รอการช่วยเหลืออยู่ ฉันอดไม่ได้หรอกที่จะไม่ไป อย่างน้อยที่สุดฉันก็อยากจะรู้ว่าพ่อฉันยังอยู่หรือตายไปแล้ว นะ นะ นะ นะ” นรกานต์อ้อนวอน
“ฉันจะลองไปปรึกษากับ หมวดวิณดูแล้วกัน ทางเธอก็ลองโทรหาลุงภพดูสิ เขาสนิทกับพ่อเธอไม่ใช่หรอ เป็นถึงผู้การทหาร น่าจะช่วยเหลือได้” อารีย์แนะ
เหลืออีก 3 วัน ก็จะถึงวันเดินทาง เป็นไปตามที่อารีย์คาดการณ์ไว้ ผู้การจตุภพ ได้ดำเนินการประสานงานและจัดเตรียมชุดลาดตระเวนที่จะเข้าไปสำรวจ ค้นหา ร้อยเอกนรเทพ บิดาของ นรกานต์ ที่โดนซุ่มโจมตีและสูญหายเข้าไปในป่า ตลอดจนได้พา นรกานต์ ไปแนะนำต่อชาวิณ หัวหน้าชุดลาดตระเวนด้วยตนเอง ซึ่ง ร้อยโทชาวิณ ก็ไม่ปฏิเสธ ที่จะนำนรกานต์ไปด้วย ทั้งนี้ก็เนื่องจาก ร้อยโทชาวิณเอง ก็แอบชอบนรกานต์มานานแล้ว แต่ติดตรงที่ นรเทพ ซึ่งเป็นผู้บังคับบัญชาของตน ไม่ยินดี และกีดกันตนให้อยู่ห่างจากนรกานต์
“พี่ขอต้อนรับน้องกานต์ เข้ามาในชุดลาดตระเวนของพี่นะครับ น้องกานต์ไม่ต้องห่วงหรอก พี่เทพแกเป็นคนเก่ง น่าจะเอาตัวรอดได้” ชาวิณพูดด้วยหน้าตาที่ระรื่นยินดีพร้อมกับคิดในใจว่า “คราวนี้แหละ กูจะหาโอกาสตอนอยู่ในป่า จัดการรวบหัวรวบหางเสียเลย เล่นตัวดีนัก”
แต่แล้วเขาก็ต้องผงะ เมื่อรู้ว่า นรกานต์จะนำเพื่อนร่วมเดินทางไปด้วย ถึง 3 คนด้วยกัน นั่นคือ อารีย์ เต้ย และต้น ซึ่ง “ต้น” นั้นเป็นพี่ชายของเต้ย ปกติเป็นคนเก็บตัว ไม่สุงสิงกับใคร เดิมทำงานเป็นตำรวจตระเวนชายแดน ยศ ร้อยเอก แต่เกิดความเบื่อหน่ายต่อชีวิตราชการ จึงลาออกมาเปิดร้านขายเฟอร์นิเจอร์เล็กๆ อยู่แถบชานเมือง จังหวัดตาก และสาเหตุที่เขามาร่วมเดินทางในครั้งนี้นอกจากเต้ย น้องชายของเขาขอร้องแล้ว ผู้กองเทพ ซึ่งสูญหายไป ยังเป็นผู้ที่เคยช่วยชีวิตเขาในสมัยที่เขายังปฏิบัติหน้าที่ตามแนวชายแดนด้วย
ในขณะนั้นต้นได้รับภารกิจให้เข้าจับกุมกลุ่มผู้ลักลอบตัดไม้ตามแนวชายแดน แต่เกิดพลาด ทำให้เขาพลัดหลงเข้าไปในฝั่งพม่า ผู้การหน่วยเฉพาะกิจในขณะนั้นไม่ได้สั่งให้ออกค้นหา เนื่องจากกลัวมีผลกระทบระหว่างประเทศ เพียงแต่ใช้การประสานขอความร่วมมือเท่านั้น แต่ ผู้กองนรเทพ กลับฝ่าฝืนคำสั่งผู้บังคับบัญชา แอบออกไปติดตามพร้อมกับลูกน้องคนสนิทอีกส่วนหนึ่ง ซึ่งนั่นเป็นสาเหตุที่ ผู้กองนรเทพ โดนงดบำเหน็จในปีนั้น พร้อมกับถูกถอดออกจากตำแหน่ง หน.ชุดลาดตระเวน อีกหลายปี จนผู้การจตุภพ ซึ่งเป็นนายทหารรุ่นพี่ที่รักใคร่ชอบพอ เป็นเพื่อนและพี่ที่สนิทกันของนรเทพขึ้นมาเป็นผู้การ นรเทพจึงได้กลับสู่ตำแหน่งเดิม
“ อยู่ด้วยกันตั้งหลายวัน มันก็จะต้องมีโอกาสบ้างล่ะวะ” ชาวิณสบถอยู่ในใจ
“ยินดีมากครับ คุณกานต์ มีคนไปด้วยกันหลายๆ คนก็ดี จะได้ช่วยกัน ยังไงก็เหลือเวลาอีก 3 วัน ขอให้ทุกคนไปเตรียมตัว รายการสิ่งของที่จำเป็นผมก็จดให้หมดแล้ว ส่วนของใช้อื่นๆ ก็นำติดตัวไปได้บ้างตามความเหมาะสมนะครับ”
“อ้อ แล้วก็ไปครั้งนี้ไม่ใช่ไปท่องเที่ยวนะครับ เรามีภารกิจในการตามหาคน ใครที่มาด้วยก็ขอให้ช่วยกัน อย่าทำมือไม่พายเอาเท้าราน้ำนะครับ” ชาวิณพูด-ดัน พร้อมกับปรายตาไปยังเต้ยและต้น ก่อนจะขออนุญาติ ผู้การภพ ไปสั่งการลูกน้องในการเตรียมตัว
“อย่าไปถือสาเลย กานต์ เดี๋ยวเราก็ไปเตรียมตัวอย่างที่ชาวิณเขาบอกน่ะแหละ อีก 3 วัน ก็ไปพบผู้หมวดชาวิณ ที่ค่ายนะ อย่าไปผิดเวลาเชียวล่ะ” ผู้การจตุภพ เน้นอีกครั้งก่อนที่ต่างคนก็ต่างแยกย้ายไปเตรียมตัว
.......................